ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ ::: 成長 seichō ::: CHANKAI FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #2 : 果報 Kahō :: CHAPTER 01

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 57




     

     果報 Kahō

     

     

     

     

     


     

    เสียงกระหึ่มของมอเตอร์ไซด์สี่สูบคันใหญ่เรียกความสนใจจากคิมจงอินได้เป็นอย่างดี เพราะปกติสวนหลังโรงเรียนไม่ค่อยมีคนขับรถมาถึงนัก จงอินถึงได้ใช้มันเป็นสถานที่ผ่อนคลาย ในเวลาที่ต้องเหนื่อยจากการรับมือกับพวกลูกเศรษฐีทั้งหลาย

     

    ตอนแรกจงอินคิดว่าเขาต้องเสียพื้นที่ส่วนตัวนี้ไปทันทีที่เจอกับผู้ชายชื่อปาร์คชานยอล แต่ดูเหมือนมันจะผิดจากที่คิดไว้มาก เมื่อช่วงบ่ายหลังจากวันนั้น เขากลับมาที่นี่และพบว่ามันยังสงบเหมือนเดิม ไม่มีใครมารบกวนร่วมอาทิตย์ จนวันนี้นี่แหละ

     

    แล้วคิมจงอินก็คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกเอามาก เมื่อเห็นปาร์คชานยอลก้าวขาลงจากเจ้าดูคาติคันใหญ่ และเดินตรงมาทางเขา หมวกกันน็อคสีดำสนิทอยู่ในมือขวาที่ยังสวมถุงมือหนังสีขาวดำสำหรับขับรถ และดูท่าวันนี้มันคงจะเป็นเรื่องประหลาดเรื่องที่สองของวัน เมื่อปาร์คชานยอลทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้นหญ้าข้างๆกันกับที่คิมจงอินยืนอยู่

     

    "ไม่มีใครบอกหรือไงว่าห้ามยืนค้ำหัวผู้ใหญ่" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอายออกมาลอยๆ แต่ตรงนี้จะมีใครอีกนอกจากคิมจงอิน ถึงแม้จะงุนงง แต่จงอินก็ยอมทรุดตัวลงนั่งและเว้นระยะห่างเอาไว้สักเล็กน้อย

     

    ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อจากนั้น และปาร์คชานยอลพอใจจะปล่อยให้ความเงียบดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับคิมจงอิน ถึงมันจะดูแปลกไปเสียหน่อย แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ไม่ได้ขุ่นมัวเหมือนกับตอนที่พูดคุยกันครั้งแรก มันเนิ่นนานเสียจนอยู่ๆปาร์คชานยอลก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นมา

     

    "ที่นี่ตรงนี้ นายมาทุกวันงั้นหรอ"

     

    "ครับ"

     

    "น่าแปลก เพราะฉันก็มาทุกวัน"

     

    "......"

     

    "ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นนาย"

     

    "ผมก็ไม่เคยเห็นคุณเหมือนกันครับ" แทบจะเรียกได้ว่าตอบออกมาทันที ราวกับโต้เถียงถึงแม้น้ำเสียงที่ใช้จะยังเป็นโทนเดิม และสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ชานยอลยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ เมื่อเห็นอาการเถียงเหมือนเด็กแบบนั้น

     

     

    "คิมจงอิน ปีสาม เอกเต้น Old School New Style นักเรียนทุนดีเด่น ถ้วยรางวัลกว่าครึ่ง ในห้องเกียรติยศ เป็นของนาย.."

     

    คิมจงอินหันมองปาร์คชานยอลด้วยความตกใจปนหวาดกลัว ตกใจที่เขารู้ว่าถ้วยรางวัลในนั้น คิมจงอินเป็นคนคว้ามันมาให้โรงเรียน หวาดกลัว เพราะคำว่านักเรียนทุนดีเด่น มันเป็นคำที่บรรดาลูกเศรษฐีหัวสูงชอบใช้กลั่นแกล้งเขา

     

     

    "ฉันรู้จักนายแล้ว ถึงเวลานายรู้จักฉันบ้างแล้วกัน"

     

     

    "ฉันชื่อชานยอล ปาร์คชานยอล เอกดนตรีสากล ถนัดแต่งเพลง เพลงเกือบทุกเพลงที่นายเอาไปประกวดจนได้ถ้วยมา เป็นฝีมือฉัน"

     

     

    เก่ง.. คนคนนี้เก่ง คิมจงอินจำได้ดี เพลงทุกเพลงที่เขาออกแบบท่าเต้น มันมีเอกลักษณ์ มันมีเสน่ห์อยู่ในทุกๆตัวโน้ต และแทบจะทุกรอบ กรรมการจะชื่นชมในทำนองเพลงกับท่าเต้นของเขา

     

     

    "คุณแต่งเพลงได้ดี ผมชอบมันนะ ดีใจที่ได้พบคนที่มีส่วนทำให้ผมได้รางวัล"

     

     

    นั่นถือเป็นประโยคยาวที่สุดนับตั้งแต่พูดคุยกันมา ก่อนที่ความเงียบจะกลับมาอีกครั้ง จงอินกำลังคิดว่าจะเคลื่อนไหวร่างกายยังไง กับโจทย์ที่ได้รับมาสำหรับแสดง ส่วนชานยอลเองก็กำลังทบทวนเรื่องราวที่เขาได้ฟังจากคริสมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

     

     

    'คิมจงอินก็เด็กทุน ที่เขาชอบแกล้งกันทั้งโรงเรียนไง มึงถามทำไม มันทำอะไรมึงหรือยังไง'

     

    'เปล่า มึงรู้จักแค่ไหนวะ'

     

    'ก็เห็นนิ่งๆ ใครแกล้งก็ไม่หือไม่อือ วันก่อนกูเห็นโดนสาดโค้กทั้งแก้วใส่หน้า ยังไม่เห็นว่าอะไรสักคำ'

     

     

    ปาร์คชานยอลไม่เข้าใจว่าคนหนึ่งคนจะอดทนให้คนอื่นเขากดขี่ไปเพื่ออะไร ยิ่งลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลุดเข้าโลกส่วนตัวหลังหูฟังนั่นไปแล้วยิ่งสงสัย คิมจงอิน ไม่ได้เป็นคนที่มีพิษมีภัยกับใคร ออกจะดูเป็นคนดี  แล้วอยู่ๆมือของเขาก็ขยับไปเองเสียก่อน

     

     

    หื้ม??

     

     

    จงอินหลุดออกมาจากเพลงที่เขากำลังจินตนาการถึง มัน เมื่ออยู่ๆหูฟังข้างซ้ายถูกปลดออก หันไปมองพร้อมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา ดูเหมือนปาร์คชานยอลก็ทำมันลงไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับ

     

     

    "ฟังสิครับ" มันเป็นประโยคสั้นๆที่คิมจงอินตัดสินใจพูดมันออกมา พลางส่งหูฟังข้างขวามาให้แล้วถือวิสาสะหยิบข้างซ้ายไปใส่หูตัวเองก่อนจะหลับตาลงอีกรอบ ชานยอลอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการฟังเพลง เขาต้องการจะถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจต่างหาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมชานยอลถึงได้ทำตัวประหลาดๆ เอาหูฟังข้างขวาที่ได้มาใส่หูตัวเองไปเสียแล้ว

     

     

     

    แล้วนั่นก็เป็นอีกครั้งที่ได้พูดคุยกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงจอแจเป็นสิ่งที่คิมจงอินไม่ชอบมากที่สุด

    เขาเลือกเรียนวิชาที่จะปล่อยพักกลางวัน เร็วที่สุดหรือไม่ก็ช้าที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบเจอผู้คน แต่ในหนึ่งสัปดาห์ จะมีอยู่หนึ่งวัน ที่เขาเลี่ยงไม่ได้ วิชาบรรยาย ศิลปะตะวันตกของปีสามที่บรรยายเป็นคลาสใหญ่ ทำให้จงอินหมดทางเลือก เพราะในช่วงบ่าย เป็นวิชาปฏิบัติที่ลงเรียนไว้ และการอดข้าวกลางวันแล้วต้องไปเรียนคลาสเต้นนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน

     

     

    หยุดยืนอยู่ตรงมุมบันไดก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆสักครั้ง จงอินเลือกจะใช้การเดินขึ้นบันไดมากกว่าการใช้ลิฟต์เพื่อไปพบปะกับผู้คน สูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะก้าวขาเดินก่อนจะชะงักเมื่อเจอกับจมูกปาร์คชานยอลเข้าเต็มตา

     

    อา... จะพูดให้ถูก คือ คิมจงอินเห็นหูของปาร์คชานยอลเต็มสองตา

     

     

    "สวัสดีครับ....รุ่นพี่" คำตามหลังนั้นลังเลเล็กน้อย เมื่อจงอินเห็นป้ายทองที่ติดอยู่บนอกข้างซ้าย แสดงถึงนักเรียนที่เข้ามาเรียนก่อน แต่ไม่ยอมจบการศึกษาออกไป

     

    "ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน"

     

    "ไม่รบกวนดีกว่าครับ"

     

    "ฉันไม่ได้ชวน คิมจงอิน ฉันกำลังบังคับ"

     

    จงอินถอนหายใจอย่างยอมจำนน คิดไว้ในใจว่ายังไงก็คงต้องโดนแกล้งเอาแน่ๆ สงสัยต้องซื้อขนมปังเอาไว้สักก้อนจะได้มีเวลากินก่อนไปเข้าคลาส คิดลำดับเวลาเรียบร้อยก็ค่อยเดินตามปาร์คชานยอลไปอย่างช้าๆ อันที่จริงยังไงซะวันนี้จงอินก็ต้องโดนใครสักคนในนั้นกลั่นแกล้งอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ

     

    เสียงกรี๊ดจากนักเรียนหญิงหลายคนดังขึ้น เมื่อร่างสูงโปร่งของปาร์คชานยอลก้าวเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับคริส สองคู่หูรุ่นพี่ โกลด์คลาส* ที่นานๆจะโผล่มาให้เห็น แต่เสียงกรี๊ดก็เปลี่ยนเป็นเสียงซุบซิบ แทบจะในทันที เมื่อปาร์คชานยอลคว้าแขนคิมจงอินที่กำลังเดินแยกไปซื้อข้าวอย่างเงียบๆ

     

    "กินอะไร ฉันเลี้ยง"

     

    "....."

     

    "ไปเลือก ด้วยกัน"

     

    ไม่มีคำตอบรับ ไม่มีคำปฏิเสธ มีแต่การเดินตามคิมจงอินไปเงียบของปาร์คชานยอล คริสเองก็กลอกตาขึ้นฟ้า แล้วก็เลือกอาหารที่ตัวเองอยากกิน เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของปาร์คชานยอลมันนะกหรอก แต่มันมีเหตุผลมั่วๆของมันอยู่เสมอนั่นแหละ

     

    จานข้าวถูกวางลงในตำแหน่งข้างกัน คิมจงอินงุนงงนิดหน่อย ที่ปาร์คชานยอลเลือกวางจานข้าวที่แย่งเขาถือมาไว้ที่นั่งข้างกัน แทนที่จะเป็นนั่งตรงข้าม  พอจะขยับ ก็โดนกระตุกแขนให้นั่งลงไปเสียอย่างนั้น 

     

    "นั่ง แล้ว กิน"

     

    ขี้เกียจจะเถียงด้วย หันไปมองผู้ร่วมโต๊ะอีกคนก็ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากการยักคิ้ว ถึงจะงง แต่จงอืนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วลุกยืนขึ้นกำลังจะก้าวขาเดิน ก็โดนดึงไว้ ยังไม่ทันจะได้อ้าปาก คนดึงก็สั่งมาเสียก่อนราวกับรู้ว่าเขากำลังจะไปไหน

     

    "น้ำเปล่า กับโค้กแก้วใหญ่ สองแก้ว"

     

    ไม่มีคำตอบรับอื่นนอกจากการพยักหน้า ชานยอลถึงปล่อยแขนที่ยึดไว้แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ โดยมีสายตาสงสัยจากคริสส่งมาไม่ขาด จนชานยอลทนไม่ไหวต้องเงยหน้าขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม

     

    "กูหิวน้ำเลยฝากซื้อ"

     

    คริสกำลังจะอ้าปากตอบคำถาม แต่เด็กคิมจงอินกลับมาเสียก่อน โค้กสองแก้วใหญ่กับน้ำเปล่าถูกวางลงกลางโต๊ะพร้อมการ์ดซื้ออาหาร คริสยักไหล่กับท่าทางประหลาดของคนแปลกสองคน เขารู้จักปาร์คชานยอลดีพอๆกับที่มันรู้จักเขานั่นแหละ

     

    จากที่เป็นที่จับตามองกันอยู่แล้ว มันก็ยิ่งเป็นที่จับตาเข้าไปใหญ่ เมื่อนักเรียนทุนดีเด่น ได้นั่งกินข้าวกับโกลด์คลาสคนดังทั้งสองคน เสียงซุบซิบเรื่องดังขึ้นเรื่อยๆจนคนที่นั่งกินข้าวอยู่เงียบๆเริ่มทนไม่ไหว คิมจงอินรวบช้อน แต่ก่อนจะลุกขึ้นยืนปาร์คชานยอลก็เร็วพอจะคว้ามือเขาไว้

     

    "กินให้หมด"

     

    "อิ่มแล้วครับ"

     

    "กิน"

     

    พูดแค่นั้นก่อนจะหันมาจ้วงข้าวในจานตัวเองต่อไม่สนใจเสียงที่เริ่มดังขึ้นตั้งแต่เมื่อครู่ที่เขาคว้าแขนคิมจงอินไว้ จงอินกลอกตาไปมาบรรเทาความเหนื่อยหน่ายในใจก่อนจะยอมนั่งลงเขี่ยข้าว แต่ไม่ยอมเอามันเข้าปาก เหล่มองปาร์คชานยอลก็เห็นว่าก้มหน้าก้มตากินเอาเป็นเอาตายแล้วเขาก็นึกอิ่มขึ้นมาดื้อๆ ปกติจงอินไม่ได้นั่งกินข้าวที่นี่ และยิ่งในเวลานี้ที่เสียงซุบซิบกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยิ่งทำให้ความอยากอาหารของเขาลดลงจนแทบเป็นศูนย์

     

     

    หือ???

     

     

    จงอินเงยหน้ามองคนที่อยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมา หน้าตาบึ้งตึงออกแนวจะหาเรื่องเดินไปทางกลุ่มคนที่จับกลุ่มกันอยู่ด้านหลังพวกเขา จงอินหันกลับมารุ่นพี่คริสที่นั่งตรงข้าม ก็ไอ้คำตอบกลับมาคือการยักไหล่เหมือนเดิม

     

    แล้วไอ้ยักไหล่นี่มันหมายความว่าไงวะ ?

     

    ปาร์คชานยอลขยับตัวไปยืนหน้ากลุ่มคนที่กำลังซุบซิบและเสียงมันก็เงียบลงในทันที จงอินเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ ปาร์คชานยอลเป็นคนแปลกที่มักจะนำเรื่องแปลกประหลาดมาให้เขาแปลกใจได้เสมอ จงอินกำลังจะหันกลับไปรวบช้อนและยกจานไปเก็บ แต่ก็ตกลงจนทำช้อนร่วง ทำให้คริสมองมาอย่างตำหนิที่ทำอะไรให้เสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร

     

    “ฉันนั่งกินข้าวกับคิมจงอินแล้วยังไง? พึ่งจะรู้ว่าสิทธิ์การนั่งกินข้าวกับคิมจงอิน ต้องขออนุญาตทุกคนในห้องนี้ก่อน”

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นครับรุ่นพี่”

     

    “งั้นก็ดี เพราะนับจากนี้ โต๊ะตัวนั้น เป็นที่ประจำของปาร์คชานยอล คิมจงอิน”

     

    ประกาศิตจากปาร์คชานยอลทำให้ทุกสายตาเบนมาหาจงอินแทบจะในทันที ทุกสายตาหลากหลายความรู้สึก แต่จงอินไม่ได้สนใจมันนักหรอก เขารวบช้อนที่เผลอทำร่วงไปเมื่อครู่ และกำลังจะลุกจากโต๊ะแต่ไม่ทัน เมื่อรุ่นพี่ปาร์คชานยอลเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยประโยคเดิม

     

    นั่ง แล้ว กินให้หมด”

     

    “........”

     

    “ฉันจะเฝ้า จนกว่านายจะกินให้หมด”

     

    คริสมองการกระทำประหลาดของคนสองคนที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรกัน เพื่อนสนิทเขาเอาแต่บังคับให้ทำอย่างที่มันต้องการ ส่วนอีกคนก็ดื้อแพ่งเอาท่าเดียว แต่คริสกลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัดบนโต๊ะอาหารเลยแม้แต่น้อย เขารวบช้อน แล้วนั่งมองคิมจงอิน ที่ก้มหน้าก้มตา จ้วงข้าวเข้าปากไปอย่างไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ สลับกับไอ้ชานยอลที่นั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้แต่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของคนที่จ้วงเอาจ้วงเอา มันคงเป็นมุมที่ดูละมุนพิลึกในสายตาของคริส

     

    ไอ้คนประหลาดสองคนนี้มันไปสนิทกันตอนไหน??? 




    TBC

     

    -----------------------------------------------------------------------


    HASHTAGS #ฟิคความสุขชานไค 

    สวัสดีค่ะ เปิดตอนแรกแล้วหนา ไม่รู้ว่าจะมีคนชอบมั้ย แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะเขียนให้จบค่ะ อยากเขียนนะ 

    ฝากฟิคไว้ด้วยหนา ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคนที่กดเป็นเฟ้บไว้อ่าน ขอบคุณที่ติชมนะคะ 



    วันนี้ไปแล้วน้า สวัสดีค่าา 

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×