ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) : Geometry series : Circle | #ฟิควงกลมชานไค CHANKAI FT. EXO

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 58


     

    TITLE : CYCLE

    PARING : CHANYEOL X KAI

    เวลาที่ผ่านมามันทำให้เราได้พูดคุยกัน

     และเวลาต่อจากนี้ มันจะทำให้เราได้รู้จักกันและกันมากขึ้น

     





    CHAPTER 10



    จงอินรู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มตอนนี้ได้เลย แล้วก็บอกตัวเองในใจเรียบร้อยว่าปาร์คชานยอลจะมาโทษเขาไม่ได้ ในเมื่อคนพลาดคือเจ้าตัวเอง เขาก็ขอก่อนที่จะหยิบมันออกมาเปิดดูหนำซ้ำหมอนั่นยังเป็นคนอนุญาตเองด้วยนะ จะมาทำหน้าตาโกรธใส่กันแบบนี้ได้ยังไง

    ไหนนายบอกไม่ได้ถ่ายไว้ไง แล้วรูปทั้งหมดนี่คืออะไรล่ะ ปาร์คชานยอลนี่นายโกหกฉันหรอชานยอลอยากจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆสักที ให้สมกับความสะเพร่า เขาน่าจะฉุกคิดได้ตั้งแต่ตอนที่หมอนั่นถามเรื่องกล่องแล้ว พอเห็นรอยยิ้มล้อเลียน เขายิ่งอยากหาอะไรไปปิดหน้าคิมจงอินจะได้ไม่ต้องเห็นรอยยิ้มนั่น

    "นี่~ คุณนักกีฬา..." จงอินลุกจากเตียงพร้อมกับหีบสมบัติกัปตันเดินตรงไปทางปาร์คชานยอลที่ดูท่าจะเขินมากแน่ๆ หูสองข้างแดงก่ำจนมันดูตลกแล้วก็น่ารักไปในเวลาเดียวกัน "คราวหลังอยากถ่ายรูปกันก็พูดดีๆสิ ทำตัวเป็นสโตรกเกอร์แบบนี้มันน่ากลัวนะ"

    พูดไม่ออก ทำอะไรก็ไม่ถูก ชานยอลเลยได้แต่ปล่อยให้คิมจงอินล้อเลียนเขาอยู่แบบนั้น ไม่รู้ควรจะทำอะไรด้วยซ้ำ ครั้งสุดท้ายที่เป็นแบบนี้มันก็ตอนที่ปาร์คยูราจับได้ว่าเขาแอบชอบเด็กห้องข้างๆตอนอยู่ป.2 ซึ่งมันก็นานมากแล้ว และที่สำคัญชานยอลไล่เตะพี่สาวตัวเองทันที ซึ่งมันผิดกับตอนนี้ลิบลับเลย

    "อ้ะ อ้ะ ไม่ล้อแล้วก็ได้.." พอเห็นว่าอีกฝ่ายเขินหนักมากแล้วจริงๆ จงอินก็ยอมหยุดแกล้ง อันที่จริงเขาก็เขินไม่ต่างกันนัก เล่นมีคนมาแอบถ่ายรูปตัวเองขนาดนี้แต่จะไม่บอกออกไปหรอกนะ ปล่อยให้ปาร์คชานยอลเข้าใจว่าตัวเขินอยู่คนเดียวไปนั่นแหละดีแล้ว

    “นี่..ปาร์คชานยอล..นายไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ”

    จะให้กูพูดห่าอะไรล่ะวะ เขาอยากตอบออกไปแบบนี้ แต่เพราะเสียงที่คิมจงอินใช้มันนุ่มนวลชวนให้อาการเขินมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก สาบานได้เลยว่าเขาโคตรจะเกลียดเสียงเรียกแบบนี้ของคิมจงอินชะมัด มันทำให้ชานยอลไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

    “อะ..เอาเก็บไว้ที่เดิมไป” สุดท้ายก็ตอบออกไปแบบติดๆขัดๆ เพราะทนสายตาที่มันกันอยู่ไม่ไหว ตอนนี้เขาพ่ายแพ้คิมจงอินหมดทุกทางเลยให้ตายเถอะ แต่ในความรู้สึกขัดเขินมันก็มีความรู้สึกโล่งอกปะปนเข้ามาด้วย ทุกครั้งที่เขาเอารูปเข้าไปเก็บในกล่องชานยอลจะต้องถอนหายใจอย่างน้อยหนึ่งรอบ สาบานกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคิมจงอินจะไม่มีทางล่วงรู้ความลับนี้ แต่ก็พลาดจนได้  โชคดีหน่อยล่ะนะที่อีกฝ่ายไม่ได้มองเขาเป็นไอ้โรคจิตน่ะ

    “รายงานถึงไหนแล้ว ใกล้จะเสร็จหรือยัง” เก็บของทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย คิมจงอินก็เล่นเดินมาชะโงกหน้าซะใกล้ราวกับจะแกล้งกันยังไงยังงั้น ชานยอลเหล่มองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    “ช่วยกลับไปนั่งที่เดิมเถอะวะ กูทำอะไรไม่ถูกหรอกนะ หลังจากที่โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้น่ะ”

    เห็นอยู่หรอกคิมจงอินกลั้นขำจนตัวสั่น แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากพูดมันออกไปตรงๆ เกลียดมันชะมัดเลยให้ตายเถอะ เวลาแบบนี้ยังจะคิดแกล้งกันได้ลงคอ และนับว่าเป็นโชคดีที่ไอ้หมีบัดดี้ยอมเดินกลับไปนั่งอ่านการ์ตูนบนเตียงเหมือนเดิม แลกกับการที่ชานยอลต้องนั่งข่มใจทำเป็นไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาเป็นระยะตลอดจนถึงเวลาอาหารเย็น

    “ปาร์คชานยอลอา เลิกเขินได้แล้ว หูนายแดงจนน่ากลัวเกินไปแล้วนะ”

    ไหนบอกว่าจะหยุดล้อยังไงล่ะวะ!!!

     

     วันนี้โต๊ะอาหารเย็นของครอบครัวปาร์คดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ชานยอลเอาแต่ทำหน้าเซ็งตอนที่ปาร์คยูราแฉเขาให้กับคิมจงอินฟังไม่ได้หยุด ส่วนหมอนั่นก็ได้แต่นั่งยิ้มจนเขานึกหมั่นไส้ต้องเอาเท้าเตะอยู่หลายครั้งแต่มันก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด

    “...แล้วก็นะ ตอนอยู่ป.2..” มาแล้ว เรื่องน่าอับอายที่สุดในชีวิตของเขา ชานยอลถลึงตาใส่พี่สาวตัวเองว่าให้หยุดพูด แต่ปาร์คยูราก็เพียงแค่แลบลิ้นให้น้องชายตัวเองแล้วก็หันไปสนใจคู่สนทนาของตัวเองต่อ “พี่น่ะ จับได้ว่าชานยอลแอบชะ...นี่!! ฉันเป็นพี่แกนะ!!

    จงอินหัวเราะเช่นเดียวกับคุณและคุณนายปาร์ค ผู้ใหญ่ทั้งสองคนส่ายหัวให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นประจำ อยู่ๆปาร์คชานยอลก็เอาตะเกียบทิ่มเข้าไปในปากพี่สาวของตัวเองเพื่อให้หยุดพูด แต่ปาร์คยูราก็ดูจะไม่ยอมอ่อนข้อให้น้องชายตัวเองเลยแม้แต่น้อย จนทำท่าว่าจะเกิดสงครามขนาดย่อมบนโต๊ะอาหารทำให้คุณนายปาร์คต้องเดินเข้ามาตีแขนลูกชายหญิงของเธอทั้งสองคน

    “พวกลูกนี่ยังไง ไม่อายจงอินกันบ้างหรอ ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้” ส่ายหัวเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันมาหาจงอินพร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “จงอินอย่าไปใส่ใจเลยนะ เด็กเกเรสองคนตีกันน่ะ”

    “ผมไม่ใช่เด็กเกเรนะครับ / หนูไม่ใช่เด็กเกเรนะคะ”

    ประสานเสียงพร้อมกันเสียจนผู้เป็นพ่อที่นั่งดูข่าวถึงกับหลุดขำ จงอินเองก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มไว้ได้เลยสักนิด เขาหันมองปาร์คชานยอลด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อยแต่นั่นก็เพียงพอให้เด็กชายตัวสูงของบ้านยอมสงบปากสงบคำจนพี่สาวแปลกใจ จนต้องหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ที่ก็มองภาพนั้นไม่ต่างกัน

    “ขอบคุณมากนะครับ สำหรับมื้อเย็น คุณน้าทำอาหารอร่อยมากเลยครับ”  จงอินโค้งหัวให้คุณนายปาร์คที่ออกมายืนส่งเขาหน้าบ้าน หลังจากที่ถกเถียงกันอยู่นานว่าให้พ่อของปาร์คชานยอลขับรถไปส่งเพราะนี่มันก็มืดค่ำแล้วจะกลับคนเดียวก็คงจะอันตรายเกินไป ถึงแม้จะเป็นเด็กผู้ชายก็ตามที

    “กลับได้แน่นะลูก ให้ตาชานยอลไปเป็นเพื่อนดีมั้ย”

    “ใช่ เดี๋ยวกูไป.. โอ๊ย..แม่”  ร้องเสียงหลงตอนที่แม่หันมาหยิกต้นแขนเขาเต็มแรง ชานยอลลูบแขนป้อยๆแล้วก็หน้าสลดลงเมื่อเห็นว่ามารดาของเขายังคงทำตาโตใส่

    “พูดกับเพื่อนดีๆหน่อยสิ วันนี้ทั้งวันแม่ยังไม่เห็นจงอินพูดคำหยาบกับลูกเลยนะ” ลูกชายคนเล็กอยากจะบอกแม่เสียเหลือเกินว่าไอ้เด็กมารยาทดีของแม่น่ะ ไม่พูดคำหยาบหรอก มันถนัดกวนตีนเขามากกว่า  

    “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้จริงๆ ขอบคุณมากนะครับ”

    เมื่อเพื่อนลูกชายเธอยืนยันหนักแน่นแบบนั้น คุณนายปาร์คก็เลือกที่จะไม่บังคับ เธอบอกให้เด็กหนุ่มนิสัยดีเดินทางกลับโดยปลอดภัยแล้วเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไป เหลือไว้แค่ปาร์คชานยอลที่ยังคงยืนจ้องจงอินอยู่อย่างนั้น

    “ไม่ให้กูไปส่งจริงหรอวะ”

    ปาร์คชานยอลคงกังวลมากจนแสดงออกมาทางสีหน้า จงอินพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะทำมันได้ยากเสียเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกดีๆระหว่างพวกเราที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันนี้ผสมด้วยก็เป็นได้  

    “ฉันกลับเองได้ นายก็เข้าบ้านได้แล้ว”  

    “แต่ว่า...”

    “ถ้ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่อย่างนี้ ฉันจะถึงบ้านดึกนะปาร์คชานยอล” ยกเอาเหตุผลมาพูด ดูท่าแล้วคนที่ดื้อรั้นกว่าคุณนายปาร์คก็คงเป็นลูกชายของเธอนั่นแหละ จงอินเรียนรู้ตลอดเวลาหลายเดือนที่เริ่มสนิทสนมกัน จากที่ไม่ค่อยอธิบายความคิดอ่านของตัวเองให้ใครฟังเขากลับต้องยอมพูดมันออกมาเพราะคนดื้อรั้นแบบปาร์คชานยอล

    “นายเป็นห่วงฉันที่ต้องกลับบ้านคนเดียวใช่มั้ยล่ะ...” คิมจงอินยังคงพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิมและชานยอลก็ไม่ปฏิเสธว่าหมอนั่นคิดถูก เขาพยักหน้ารับและปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ “แต่นายลองคิดต่อไปอีกสักนิดสิ ถ้านายออกไปส่งฉัน พ่อกับแม่นายจะเป็นห่วงหรือเปล่า ถึงพวกท่านจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากก็ตามที ถ้าให้ฉันเดา ตอนที่นายออกไปส่งฉันพวกท่านก็คงนั่งรอจนกว่านายจะกลับมา”

    “.......”

    “เป็นห่วงคนอื่นได้นะปาร์คชานยอล แต่นายต้องคิดต่อไปด้วยว่ามีใครคนอื่นห่วงได้อยู่ด้วยหรือเปล่า” ทั้งหมดคือสิ่งที่จงอินคิด เพราะไม่อย่างนั้นคุณปาร์คคงไม่อาสาไม่ส่งเขาถึงบ้านเองแทนที่จะบอกให้ปาร์คชานยอลไปส่งเขาตั้งแต่ทีแรก ถึงหมอนี่จะกลับบ้านค่ำบ่อยก็ตามที แต่จงอินก็ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรให้ตัวเองมากจนเกินไปนัก

    จนด้วยเหตุผลจะยกมาอ้าง ชานยอลเลยได้แต่พยักหน้ารับ และมองรอยยิ้มของคิมจงอินที่ส่งมาให้ มันเป็นแบบนี้อยู่เสมอทุกครั้งที่เราพูดคุยหรือแม้กระทั่งในชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆ ความคิดความอ่านของคิมจงอินมันเกินกว่าที่ชานยอลจะหยั่งไปถึง และมันทำให้เขารู้จักคิดถึงคนอื่นมากขึ้น

    “ถ้างั้นก็กลับบ้านดีๆล่ะ”

    “อือ ไปแล้วนะ”

    กล่าวลาสั้นๆ จงอินเข็นจักรยานไปตามทางเดินที่เขาต้องเข็นมันขึ้นมาเมื่อเช้าด้วยรอยยิ้ม และทั้งที่ไม่ได้หันกลับไปมอง เขาก็รู้สึกว่าปาร์คชานยอลคงออกมายืนอยู่หน้าประตูบ้านแน่ๆ ก็นะ...นิสัยของหมอนั่นเป็นคนแบบนั้น ถึงจะไม่ได้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการไปซะหมดแต่ก็ให้ได้ทำสักนิดก็ยังดี เป็นคนที่หัวดื้อสุดๆไปเลยล่ะ

    “นี่!! คิมจงอิน!!” เสียงตะโกนดังขึ้นตอนที่เขาลงมาได้ครึ่งทาง จงอินหยุดเดินพิงจักรยานไว้ที่ช่วงเอวหันกลับไปมองก็พบว่าปาร์คชานยอลยืนอยู่หน้าบ้านท่าทางลังเลเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

    “แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

    เกือบจะหัวเราะออกมาอยู่แล้ว จงอินรู้สึกว่าวันนี้กลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่อยหน้าไปหมด ปาร์คชานยอลในมุมแบบนี้เขาเองก็พึ่งจะเคยได้เห็น มันตลกแล้วก็น่ารักไปในเวลาเดียวกัน เขาส่ายหน้าให้กับความเพี้ยนของบัดดี้ตัวเองแล้วก็เริ่มออกเดินอีกครั้งทั้งที่รอยยิ้มยังคงอยู่ ให้ตายสิปาร์คชานยอลนี่สอนไม่จำเลย พูดแล้วไม่รอฟังคนอื่นตอบแบบนี้ได้ยังไงกัน

    “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ คุณนักกีฬา”

     จงอินกำลังคิดว่าเขาใช้ความสามารถในการกลั้นหัวเราะของตัวเองไปมากเท่าไหร่ นับตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันนี้ ปาร์คชานยอลก็ยังคงแสดงอาการเก้อเขินต่อเขาทุกครั้ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการมาโรงเรียนในตอนเช้า กินข้าวด้วยกันในตอนกลางวัน หรือแม้แต่กระทั่งรอที่จะไปซ้อมกีฬาสีในตอนเย็น

    “จงอิน แฟนมึงมารับแล้ว เร็วสิ!” เสียงของเพื่อนจากหน้าร้องเรียกให้จงอินที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนที่ยืมใครอีกคนมาเมื่อวันก่อนเงยหน้าขึ้นมาสนใจ เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าปาร์คชานยอลทำหน้าตาแบบไหนใส่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของตนเอง

    นึกไปถึงครั้งแรกที่มัวแต่เอื่อยเฉื่อยจนลงไปเข้าสีช้าจนมีรุ่นน้องในทีมบาสคนนึงวิ่งขึ้นมาตามหน้าตาตื่น จงอินได้แต่คิดว่าปาร์คชานยอลนี่ก็เป็นคนรักษาคำพูดอยู่เหมือนกัน เพราะวันนี้เขาแค่สายไปสิบห้านาที คุณนักกีฬาก็ขึ้นมาลากผู้จัดการทีมด้วยตัวเองถึงหน้าห้องเรียน

    “กูบอกว่าไง นี่มึงมะ…” เด็กชายตัวสูงหยุดพูดไปกะทันหัน คำพูดทุกอย่างหายไปหมดเมื่อจงอินยื่นกระเป๋าเป้มาใส่หน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มน่ารัก ตั้งแต่จับได้ว่าปาร์คชานยอลแพ้รอยยิ้มแบบนี้มากขนาดไหน จงอินก็มักจะงัดขึ้นมาใช้ประจำเวลาที่อีกฝ่ายกำลังพูดหรือเริ่มต้นจะบ่นอะไรสักอย่างไม่หยุด

    ส่งกระเป๋าให้เรียบร้อยก็เดินตัวปลิวออกจากห้องไป ทิ้งปาร์คชานยอลไว้กับเสียงอู้วเบา ๆ จากคนรอบตัว แน่นอนเมื่อทั้งคู่กำลังถูกจับตามองเหตุการณ์เมื่อครู่จึงแพร่ขยายไปในสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว

    [ข่าวด่วน] กัปตันทีมบาสสุดหล่อของโรงเรียนขึ้นมารับหวานใจถึงหน้าห้องเพราะลงไปให้กำลังใจช้า!!! ท่าทางตอนที่คิมจงอินยื่นกระเป๋าให้ปาร์คชานยอลถือน่ารักมาก!! สายข่าวยืนยัน!! *แนบรูปประกอบ*

    ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีจงอินก็เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูโรงยิม ไม่ต้องเสียเวลาหามากสักเท่าไหร่ว่าสีของตัวเองซ้อมอยู่ตรงไหนเพราะปาร์คชานยอลดันสั่งรุ่นน้องคนอื่นให้ใส่เสื้อสีชมพูมาซ้อมทุกวัน ถึงจะคิดว่ามันดูจะเผด็จการไปสักนิด แต่ก็เป็นประโยชน์เพราะจะได้รู้ว่าใครอยู่สีของเราบ้าง  

    ปุ

    “ลงมาช้าแล้วยังเดินไม่รอกูอีก ความผิดมึงหลายกระทงแล้วนะคิมจงอิน” เสียงทุ้มต่ำพร้อมแรงกดบนศีรษะและสายกระเป๋าที่ตกลงมาบังหน้า ไม่ต้องเห็นจงอินก็รู้ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ ก็มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ

    “ถ้าอยากให้รอก็ต้องบอกสิ” คว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนหัวมาถือเอาไว้เองและเดินตรงมายังกลุ่มนักกีฬาที่กำลังนั่งยืดกล้ามเนื้อกันอยุ่บนพื้น จงอินยิ้มทักทายจงซอกที่สนิทสนมกันดีเพราะโดนใช้เป็นเจเนอรัลเบ๊ด้วยกันบ่อยๆ ชานยอลที่ตามเข้ามาทีหลังได้แต่เบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้

    “มาช้า ไปซื้อเกลือแร่มารอเลยไป”

    “วันหลังอยากให้มาเร็ว ก็ขึ้นไปรับเร็ว ๆ หน่อยสิ คุณนักกีฬา”

    เสียงหัวเราะผสมปนเปกับเสียงเป่าปากแซวเล่นเอาหัวหน้าทีมมาดเข้มเขินจนหูแดง ชานยอลผลักหัวคิมจงอินแล้วรีบไล่ให้ออกไปซื้อน้ำมาเพราะพวกเขาจะเริ่มซ้อมแล้ว ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่รุ่นน้องแต่ยังคงส่งเสียงแซวเขาไม่เลิกไม่เว้นแม้แต่ไอ้จงซอกที่เคยกลัวกันหัวหดก็ยังเอากับเขาด้วย

    “ไปเลย มึงน่ะไปช่วยจงอินถือน้ำเลยไป”

    “โห่ววว ดูคนเรา เขินก็เขิน แต่ยังไม่วายห่วง..แฟน”

    ปาร์คชานยอลแทบจะวิ่งไล่เตะจงซอกที่ไหวตัวทันออกวิ่งนำไปก่อนทันทีที่พูดจบ จงอินหัวเราะลั่นแล้วก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี เห็นว่ามีคนอื่นแกล้งแล้วหรอกนะ เขาถึงได้ยอมใจดีกับบัดดี้ตัวสูงหนึ่งวัน

    ร้านขายน้ำอยู่เยื้องไปทางด้านหลังของโรงยิมเล็กน้อย ช่วงกีฬาสีก็ดูจะขายดีมากกว่าปกติ เพราะทุกคนต่างก็แห่มาที่นี่ จงอินกับจงซอกต่อแถวกันอย่างนี้ทุกวันจนชิน ระหว่างยืนรอก็พูดคุยกันเพื่อไม่ให้เงียบเกินไปจนกลายเป็นว่าทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันพอสมควร

    “พี่จงอินรู้ป่ะ พี่ชานยอลโคตรหงุดหงิดอ่ะ ตอนที่สี่โมงครึ่งแล้วพี่ยังไม่ลงมา” เลิกคิ้วกับประโยคบอกเล่าของรุ่นน้อง แต่ก็เชื่อได้ไม่ยากสักเท่าไหร่นัก คนเอาแต่ใจขี้โมโหแบบนั้นพอมีอะไรขัดใจเข้าหน่อยก็เป็นเรื่องแล้ว

    “หมอนั่นหงุดหงิดแบบนี้บ่อยหรอ พี่หมายถึงก่อนหน้านี้น่ะ” ใช่ จงอินอยากรู้ว่าก่อนที่พวกเขาจะรู้จักกัน ปาร์คชานยอลเป็นยังไง

    “ไม่หรอกครับ ถึงจะดูเจ้าอารมณ์ไปหน่อย แต่กับเวลาที่ซ้อมทีมไปแข่งระดับเขตงี้ พี่เขาไม่ใช้อารมณ์เลย แต่จะจริงจังมากเวลาอยู่ในสนาม โคตรเท่ไปเลยเถอะ สาวโรงเรียนข้างๆ นี่กรี๊ดกันยิมจะแตก” จงอินหัวเราะเมื่อจงซอกยกนิ้วโป้งขึ้นมาประกอบความเท่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าขยาด ตอนที่พูดถึงเสียงกรี๊ดดังสนั่นที่ปาร์คชานยอลได้รับ

    “ผมยังแปลกใจที่พี่ไม่โดนจับหักคอไปแล้ว” เจ้าของชื่อหัวเราะทันทีที่จงซอกพูดจบ ก็จริงอยู่ที่ปาร์คชานยอลน่ะดุเสียยิ่งกว่าอะไร แต่สำหรับจงอินกลับไม่รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรขนาดนั้น ก็ออกจะเป็นคนใจดี เรียกว่าใจดีก็ได้นั่นล่ะนะ

    “ไปซื้อน้ำแค่นี้ทำไมนานจังวะ” ชานยอลบ่นขรมในขณะที่เพื่อนคนอื่นต่างพากันกลั้นขำ แล้วคนพาลก็ยังคงเป็นคนพาลอยู่วันยังค่ำ ตวัดตามองไปยังเพื่อนแต่ก็ดูจะไม่มีใครสะทกสะท้านกับสายตาแบบนั้นสักคน พอเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะไปห้ามคนเหล่านั้น เด็กหนุ่มตัวสูงก็หันกลับมาสนใจประตูทางเข้าของโรงยิมอีกครั้ง

    “หวงขนาดนั้นทำไมมึงไม่ไปเองเลยวะ”  เสียงเพื่อนสักคนตะโกนมา ชานยอลหันไปแยกเขี้ยวให้แล้วก็กลับมานั่งหงุดหงิดอยู่กับตัวเอง ไม่ได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็โดนจับตามอง โดนล้อจนน่าหงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว

    “ชานยอลลลลลลลลลลล” จากที่หงุดหงิดเพราะเพื่อนแซวตอนนี้ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วแทน เสียงหวีดแหลมที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้เขาอยากจะกัดลิ้นตายให้มันรู้แล้วรู้แล้ว แก๊งค์กระเทยโรงเรียนมันน่ากลัวจริงๆเว้ย!

    “จูโน่เอามาให้ ชานยอลทานสิๆๆๆ เอ๊ะ! ผู้จัดการสีนี้หายไปไหนเนี้ยยย ปล่อยให้ชานยอลของเจ๊เหนื่อยยังไงกัน” ประโยคหลังหันไปแว้ดกับคนที่อยู่โดยรอบ ทำเอาเด็ก ๆ ในทีมที่นั่งรอกินน้ำจากจงอินอยู่พากันถอยหนีออกไปหมด

    “หนวกหูจังวะ หุบปากดิ๊!”

    “ชานยอล ทำไมขึ้นเสียงกับเจ๊แบบนี้ล่ะคะ!”

    แทบจะกรอกตาม้วนขึ้นเป็นเลขแปดไทย ชานยอลไม่เคยรังเกียจเพศที่สามแต่จะรำคาญหรือเปล่านั่นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของอีกฝ่าย อย่างในกรณีบอกได้เลยว่าโคตรจะรำคาญมาก เด็ก ๆ ที่เล่นเป็นนักกีฬาโรงเรียนกับเพื่อนสนิทที่เล่นบาสด้วยกันเห็นสีหน้าชานยอลก็เริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้มันว่าจะระเบิดแล้วด่าออกมาเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ บุคคลที่ยืนอยู่ตรงนี้เอาปาร์คชานยอลไม่อยู่สักคน

    “น่ารำคาญจังวะ! แล้วนี่ไอ้จงซอกกับจงอินไปซื้อน้ำถึงไหน! ไปตามมาดิ๊ กูหิวแล้ว!”

    ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสองต่างคนต่างก็รีบกุลีกุจอกระโดดลุกจากพื้นเตรียมจะออกไปตามหา แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ก้าวไปไหน คิมจงอินก็โผล่หน้ามาพร้อมกับกระติกน้ำได้ทันเวลาพอดี

    “ชักช้าจังวะ! มึงไปซื้อน้ำที่ดาวอังคารหรือยังไง!”

    อ้าว… จงอินถึงกับทำหน้าเหรอหราเพราะเพิ่งจะกลับมาก็โดนตะโกนใส่แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พยายามส่งสายตาขอคำตอบจากคนอื่นก็เห็นพากันบุ้ยใบ้ไปทางผู้ชายคนนึงที่ยืนทำหน้าสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะวกสายตากลับมาที่ปาร์คชานยอลทีทำหน้าเหมือนกำลังจะฆ่าคนได้ใส่กันอยู่แบบนี้ สอนไม่จำเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ

    “ชานยอลขา! หิวน้ำก็กินน้ำเจ๊ก็ได้จ้า เจ๊มีน้ำให้หนูกินเยอะแยะเลยนะคะ!” เลิกคิ้วมองคนมาใหม่ที่คล้องแขนชานยอลอย่างถือวิสาสะ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เด็กหนุ่มตัวสูงโมโหแต่ก็พอจะจับทางได้บ้าง จงอินพรูลมหายใจ หยิบน้ำและผ้าเย็นออกมาจากกระติก ก่อนจะพยักหน้าให้จงซอกเดินเอาน้ำไปแจกจ่ายให้คนอื่น ส่วนตัวก็ยืนนิ่งมองหน้าคนขี้หงุดหงิดอยู่อย่างนั้น

    มันเป็นสถานการณ์ที่อิหลักอิเหลื่อจนกลายเป็นที่จับตามอง ทุกคนเริ่มหยุดการกระทำและหันมาสนใจว่าตอนนี้ที่อัฒจรรย์ฝั่งของสีแดงกำลังเกิดอะไรขึ้น ปาร์คชานยอลที่กำลังมีข่าวเดท(?)กับคิมจงอินไหงมายืนทำหน้าจะกินเลือดกินเนื้อใส่กันแบบนี้

    “ฉันรู้ว่านายเหนื่อย แต่นายจะเอาความเหนื่อย ความหิวมาระบายกับคนอื่นเขาไม่ได้หรอกนะ” จงอินเริ่มต้นพูด และมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าเครียดขึงหนักกว่าเก่า แต่ก่อนที่อะไร ๆ มันจะแย่ลง ทุกคนที่เฝ้ามองต่างก็รู้อู้ววออกมาพร้อมกัน

    “อ่ะ ดื่มสิ…” ขวดน้ำที่หยิบมาเมื่อครู่ถูกเปิดพร้อมเสียบหลอดแล้วส่งให้ เล่นเอาทั้งโรงยิมพากันอ้าปากค้างมองตะลึง แต่นั่นมันยังไม่เท่ากับที่…

    “แล้วก็ยืนดี ๆ จะเช็ดหน้าให้”

    นาทีนั้นทุกคนในโรงยิมต่างแข็งเป็นหิน เมื่อจงอินแกะผ้าเย็นออกจากซอง แล้วค่อยๆซับมันลงไปบนใบหน้าของชานยอล เล่นเอาใบ้กินกันทั้งหมดทั้งมวล รวมถึงเจ้าตัวและคนที่เรียกตัวเองว่าเจ๊นั่นด้วยก็เช่นกัน คิมจงอินยังคงลากผ้าเย็นไปจนทั่วใบหน้าถึงแม้จะรู้ว่าใครต่อใครต่างก็พากันมองพวกเขาอยู่ก็ตามที

    จูโน่ค่อย ๆ ปล่อยแขนออกจากชานยอลด้วยความรู้สึกกระอั่กกระอ่วน ก่อนจะค่อย ๆ หลบฉากออกมา จงอินมองตามแล้วก็ได้แต่ยิ้มทั้งที่มือยังคงเช็ดหน้าให้นักกีฬาขี้หงุดหงิดของเขาไปด้วย

    “นายนี่นะ หงุดหงิดใครก็ลงที่คนนั้นสิ ฉันบอกไม่เคยจำเลยหรือยังไง” พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิแต่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ชานยอลรู้สึกพ่ายแพ้ทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ผ้าเย็นเริ่มทำหน้าที่ของมันได้แย่ลงเมื่ออุณหภูมิบนใบหน้าเริ่มขึ้นสูง

    “นี่นายเขินหรอ ปาร์คชานยอลนี่นายเขินหรอ” จงอินหลุดหัวเราะเมื่อเห็นว่าใบหูสองข้างของปาร์คชานยอลแดงก่ำ และมันอดไม่ได้เลยที่จะล้อเลียนท่าทางแบบนี้

    “พูดมากน่า มึงยังมีความผิดที่ไปซื้อน้ำนานอยู่นะ”

    “ก็คนมันเยอะ” พูดไปตามความเป็นจริง ก่อนจะตบท้ายด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครั้ง “ไว้พรุ่งนี้ฉันแวะซื้อทุกอย่างแล้วค่อยมาที่นี่ก็แล้วกัน”

    ท่าทางอึกอักทำอะไรไม่ถูกตอนเขินของปาร์คชานยอลยังคงทำให้จงอินตลกทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูขี้หงุดหงิดขี้โมโห แต่ก็มีมุมน่ารักกุ๊กกิ๊กอะไรแบบนี้อยู่บ้างเหมือนกัน

    พอเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มสงบลงแล้ว ทุกคนต่างก็กลับไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ แน่นอนล่ะว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ถูกถ่ายทอดลงในสังคมออนไลน์เรียบร้อยแล้ว จงอินไม่ใช่คนที่จะติดตามอะไรพวกนี้มากมายนักหรอก แต่ฟังจากคำบอกเล่าของเทากับเซฮุนเอาซะมากกว่า

    “ไปซ้อมได้แล้วครับคุณนักกีฬา” ออกปากไล่เมื่อเห็นคนอื่นเริ่มมองมาทางพวกเขา จงอินพยักหน้าไปทางด้านหลัง แต่พอชานยอลหันไปมองกลุ่มที่ดูอยู่ก็แตกฮือ เล่นเอาผู้จัดการเริ่มจะเหนื่อยใจเพราะคุณกัปตันดูจะเอาแต่ใจจนเกินเหตุ ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ เลยสินะ

    “ไปซ้อมไป ทุกคนรออยู่”

    “มันไม่ได้จริงจังขนาดนั้นน่า”

    “อ้าวเหรอ ฉันนึกว่านายกำลังซ้อมไปแข่งกีฬาสีระดับโลกเสียอีก” ชานยอลทำหน้าเซ็งใส่เมื่อคิมจงอินเริ่มกลับมากวนตีนอีกครั้ง คำพูดจิกกัดเบา ๆ ทำให้นึกอยากเอากำปั้นขยี้หัวนั่นแรง ๆ ดูสักที ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยิ้มให้ก็ยิ่งนึกหมั่นไส้จนต้องหันไปตะโกนสั่งให้วิ่งรอบสนามบาสอีกสิบรอบ เล่นเอาทุกคนหน้าตาตื่นเพราะพึ่งจะวิ่งกันเสร็จก่อนจงอินกลับมาครู่เดียว

    ผู้จัดการทีมจำเป็นได้แต่ยิ้มพร้อมกับส่ายหัวอย่างนึกสงสารเด็ก ๆ คนอื่น ที่ต้องมาคอยรองรับอารมณ์โมโห แต่ก็ช่่วยไม่ได้ล่ะนะ ปาร์คชานยอลดันทำตัวน่าหงุดหงิดให้คนอื่นควงแขนเองนี่ มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง


    อะไรสักอย่างแปะลงมาโดนหัวตอนที่จงอินกำลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนใต้ชายคาของอาคารเรียนระหว่างรอที่ฝนหยุดตก พอเงยหน้าไปมองก็พบว่าปาร์คชานยอลวางเสื้อสูทลงบนหัว บัดดี้ตัวสูงไม่ได้พูดอะไรนอกจากทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ไม่เปียกฝน

    “ไม่หนาวหรือไง มานั่งเหม่อเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ได้”

    “แล้วนายล่ะ คิดว่าเท่หรือไงวิ่งฝ่าฝนมาจากโรงยิมน่ะ”

    สภาพเปียกม่อล่อม่อแล่กทำให้ชานยอลไม่สามารถปฏิเสธได้อีก จงอินยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบไหน ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายรออยู่ที่นี่และเดินหายกลับเข้าไปตึก ชานยอลชะเง้อคอมองตามแต่ก็ยอมที่จะนั่งรอตามที่จงอินบอก ไม่นานเด็กหนุ่มตัวผอมก็กลับมาผอมผ้าขนหนูสีน้ำตาลอ่อนหนึ่งผืนและโปะมันลงบนหัวปาร์คชานยอล

    “เช็ดซะสิ ฝนตก อากาศเย็น เดี๋ยวนายจะป่วย”

    ชานยอลจับผ้าที่วางบนหัวก่อนจะเริ่มใช้มันเช็ดเส้นผมที่เปียกชุ่ม ก่อนหน้านี้คิมจงอินบอกกับเขาว่าลืมการบ้านที่ต้องทำไว้ในลอคเกอร์เลยจะกลับมาเอา แต่พอคล้อยหลังได้ไม่ถึงสิบนาที ฝนก็ตกโครมลงมาเสียก่อน ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ คือเราต้องกลับบ้านพร้อมกัน

    “มึงมีร่มไม่ใช่หรอวะ”

    “อยากเดินเล่นน้ำฝนมากกว่า”

    ชานยอลขมวดคิ้วมองคนที่นั่งเท้าคางมองฝนที่เริ่มเบาลง เขายังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ชอบ ความเหนอะหนะ ความเปียกชื้น ไหนจะยังอีกหลายร้อยสิ่งน่ารำคาญที่จะตามมา เคยคิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่ยอมออกไปเดินตากฝนให้เปียกชุ่มโชกไปถึงกางเกงในแต่คิมจงอินกลับทำให้เขาต้องเดินฝ่าฝนมาแบบนี้ มันน่าโมโหชะมัด

    “ไปกันเถอะ”

    “ไปไหน”  จงอินเงยหน้ามองบัดดี้ตัวสูงที่อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน ด้วยสายตาไม่เข้าใจ ฝนก็ยังตกอยู่ ปาร์คชานยอลประสาทกลับอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย

    “กลับบ้านไง”

    ดูจะเป็นคำตอบที่โง่เง่าอีกหนึ่งคำตอบ จงอินมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่นัก ปาร์คชานยอลไม่ชอบฝนนั่นคือสิ่งที่เขารู้ดีถึงได้เลือกที่จะรอให้มันหยุดก่อนจะเดินกลับไปหาที่โรงยิมแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

    “มาเถอะน่า เอาของมานี่ เดี๋ยวกูเอาไปเก็บไว้ในห้องชมรม” ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบ ชานยอลก็จัดการคว้ากระเป๋าเป้ของจงอินแล้วเดินลิ่วหายเข้าไปทางด้านหลังตึกอยากจะตะโกนเรียกไว้ก่อนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันหมอนั่นขายาวแล้วก็เดินเร็วชะมัด ตอนนี้พวกเราตัวเปล่าเรียบร้อย เพราะโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์จงอินยัดทั้งหมดนั่นไว้ในเป้ของตัวเอง

    “มึงอยากเล่นน้ำฝนไม่ใช่หรือไง ไหนๆ กูก็เปียกแล้ว ไปดิ ไปเล่นด้วยกัน”

    พอเห็นคิมจงอินยิ้มกว้างชานยอลก็เริ่มจะทำอะไรไม่ถูก เขาออกเดินนำไปก่อนโดยที่ไม่หันกลับมามองใบหน้านั้นสักนิด ก็จะให้ทนมองอยู่ได้ยังไงวะ ขืนมองนานกว่าอีกแป๊บเดียวเขาได้โดนมันล้อเรื่องหูแดงเป็นรอบที่สองของวันแน่

    จงอินยิ้มกว้างกับตัวเองเมื่อเห็นว่าปาร์คชานยอลจ้ำอ้าวออกไปโดยที่ไม่รอเขา สีหน้าตกตะลึงก่อนที่ใบหูทั้งสองข้างจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำบ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกแบบไหน จงอินคาดโทษเด็กตัวสูงเอาไว้ในใจ อะไรกันก็เคยบอกไปแล้วไงว่าอย่าเดินหนีกันน่ะ!!

    “เฮ้! ปาร์คชานยอล! รอฉันด้วยสิ! บอกแล้วไงว่าถ้าเขินก็อย่าทำแบบนี้! ปาร์คชานยอล! ปาร์คชานยอล!”

    เสียงตะโกนจากด้านหลังไม่ได้ทำให้ชานยอลชะลอจังหวะเดินลงเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มยังคงจ้ำอ้าว จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่กระทบพื้นน้ำดังเฉอะแฉะตามมาใกล้ ๆ ถึงได้ก้าวขาให้ช้าลง แต่คิมจงอินกลับวิ่งทะเล่อทะล่าแซงเขาไปเสียอย่างนั้น กำลังจะอ้าปากด่าอยู่แล้วถ้าไม่เห็นท่าทางสนุกสนานและรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายที่กำลังวิ่งไปตามทางเดิน

    “เลิกทำหน้าเครียดแล้ววิ่งตามมาได้แล้วน่าปาร์คชานยอล”

    “มึงนั่นแหละ วิ่งทำไม เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ตะโกนตอบกลับไป คิมจงอินยังคงหันหน้ามาทางเขาแล้ววิ่งถอยหลังอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่กลัวว่าจะชนอะไรเข้า สุดท้ายชานยอลก็ต้องยอมแพ้แล้วออกวิ่งตามกันไปติด ๆ ไม่ได้สนใจสายตาจากนักเรียนบางกลุ่มที่กำลังหลบฝนแล้วเผลอมองทั้งสองคนที่เล่นกันตลอดทางเดินออกนอกโรงเรียน

    พวกเขาวิ่งเล่นกันจนเกือบจะถึงทางที่ต้องแยกกันกลับบ้านฝนก็หยุดลงพอดี ชานยอลลังเลนิดหน่อยตอนที่ยืนมองและเห็นว่าคิมจงอินกำลังทำท่าจะข้ามถนน เขายืนมองอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจคว้าแขนแล้วดึงให้ข้ามไปด้วยกันในจังหวะที่รถโล่งพอดี

    “นายข้ามมาด้ยทำไมจะไปส่งฉันที่บ้านหรือไง”

    “เปล่า กูก็แค่พาข้ามมาเท่านั้นแหละ” ชานยอลพูดตามความจริง เขาก็แค่อยากพาคิมจงอินข้ามมาก็เท่านั้น วันฝนตกแบนี้ถนนลื่น เขากลัวว่ารถที่ขับผ่านมาจะไม่ทันสังเกตเห็นคนกำลังข้ามเลยตัดสินใจพาข้ามมาเสียเอง

    “ฉันโตแล้ว ข้ามถนนเองเป็นน่า แต่..ยังไงก็ขอบคุณมาก”

    “อือ กูไปล่ะ กลับบ้านดี ๆ ถึงแล้วบอกกูด้วย อย่าป่วยล่ะ ไม่งั้นโดนทุบแน่” สั่งยาวเป็นชุดแล้วหมุนตัวเดินข้ามกลับไปยังฝั่งที่ตัวเองต้องใช้กลับทันที จงอินขมวดคิ้วแน่น วันนี้ปาร์คชานยอลทำผิดหลายรอบเกินไปแล้ว และรอบนี้เขาจะไปปล่อยมันผ่านไป

    “เฮ้ ปาร์คชานยอล!!!” เสียงตะโกนจากอีกฟากทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมอง คิมจงอินยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองตรงมาทางเขา

    “นายก็อย่าป่วยล่ะ” พูดจบก็หันหลังเดินหนีออกไปทันที จงอินขัดเขินนิดหน่อยที่เป็นฝ่ายทำแบบนี้ นึกเข้าใจความรู้สึกของปาร์คชานยอลขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

    ผิดกับนักกีฬาคนเก่งที่โดนสั่งว่าห้ามป่วยที่ยังยืนอยู่นิ่ง ใจเต้นรัวราวกับจะพุ่งออกมาข้างนอก เขามองตามแผ่นหลังของคิมจงอินที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าอีกฝ่ายลับสายตาแล้ว จึงเริ่มออกเดินกลับบ้านของตัวเองบ้าง มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ชานยอลยิ้มในวันที่ฝนตกและเขาตัวเปียกโชกขนาดนี้ โคลงหัวเบา ๆ กับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้กับตัวเอง

    อา...คิมจงอินจะมาว่าเขาเรื่องที่พูดจบแล้วเดินหนีไม่ได้แล้วนะ









    #ฟิควงกลมชานไค

    อูยยยยยย…. ขยับเข้ามาได้มั้ยยย ขยับมาใกล้กันนนน ขยับความสัมพันธ์มารักกับฉันนะเธอววววว

    หมดแรงพลังล้ามากจ้า..รู้สึกตัน ๆ นึกคำพูดไม่ออก แต่ก็พยายามถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านได้อ่านกันนะคะ ถึงเราจะอัพช้าไปบ้างแต่ยังมีคนอ่านตลอด ขอบคุณมาก ๆ เลยที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขอเวลาออกไปตามหาแรงบันดาลใจครั้งที่สามสิบเก้าหน่อยนะคะ แล้วจะกลับมาทอปฟอร์มเหมือนเดิม ขอบคุณทุกคำติชม ขอบคุณทุกคนที่ยังคงแวะเวียนเข้ามาอ่าน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหน บอกเราได้เลยนะคะ เราจะได้เอากลับมาปรับปรุงน้า

    วันนี้ไปแล้ววว

    บรั้ยยยยส์








    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×