คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : INTRO
INTRO.
ในค่ำคืนที่แม้แต่ท้องฟ้ายังไร้ดาว ผู้คนต่างพากันนอนพักเอาแรงหลังจากที่ออกไปเผชิญโลกภายนอกมาเสียทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นในเงามืดกลับมีบางคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว
งานแสดงศิลปะ ART OF SOEUL
ทั่วห้องโถงกว้างที่ยกเพดานขึ้นโค้งสูงเต็มไปด้วยศิลปะภาพวาด เครื่องปั้นดินเผา จดหมายเหตุ และของโบราณอีกหลายชิ้น ตั้งแต่สมัยโชซอนจนถึงยุคปัจจุบัน และเพราะแต่ละชิ้นมีมูลค่าตั้งต้นกันที่สิบล้าน ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยจึงแน่นหนาอย่างที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะยังมีหนึ่งคนที่หลุดรอดระบบรักษาความปลอดภัยนั้นเข้ามาได้
“ฮ่ะฮ่า.. รู้จักฉันน้อยเกินไปหรือเปล่านะ”
ใบหน้าได้รูปยกยิ้มอย่างขบขันในเงามืด ยกนิ้วขึ้นแตะขาแว่นเพื่อเปิดการตรวจจับความร้อนและพบว่าเซนเซอร์จำนวนมากถูกกางดักเอาไว้ก่อนถึงงานศิลปะชิ้นล้ำค่าที่หมายตาเอาไว้ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอีกครั้งจากนั้นก็ค่อยๆขยับตัวลอดผ่านเส้นสายสีแดงที่ขึงพาดไว้ทั่วผนังห้องได้อย่างสวยงาม ขายาวขยับลอดผ่านด่านสุดท้าย แต่อยู่ ๆ ทุกอย่างก็อันตรธานหายไปในทันที ดวงตาคมกลอกมองเพดานระบายความเบื่อหน่ายสุดขีดกับสิ่งที่เห็น เขายกมือขึ้นแตะข้างหู กร่นด่าเสียงเบาให้ปลายสายได้ยิน และมันก็ยิ่งน่าโมโหไปใหญ่เมื่ออีกคนได้แต่หัวเราะตอบกลับมา
“เล่นอะไรวะ รู้มั้ยว่าถ้ามันพลาดเดี๋ยวพ่อก็แห่กันมาทั้งโรงพักหรอก”
“ฮ่าๆๆ ไม่หรอกน่า ไอ้เส้นสีแดงๆที่พาดไว้นั่นน่ะ เอาไว้แกล้งแกเฉยๆ ส่วนสัญญาณเตือนน่ะ พี่ปิดมันไปนานแล้วน้อง”
แน่นอนว่าหลังจากพูดจบ ตามด้วยคำสบถสั้นๆ ที่ทำให้การทำงานครั้งนี้ไม่เครียดจนเกินไปนัก ลู่หานนั่งหมุนเก้าอี้เล่นอยู่ในห้องควบคุมระบบวงจรปิดอย่างสบายใจ โดยที่สายตายังคงมองที่จอแสดงผลอย่างระมัดระวัง
“มีคนกำลังขึ้นมา นายต้องเร่งมือ”
“ได้แล้ว ใส่ภาพ เก็บของ แล้วกลับบ้านกัน”
หัวขโมยหนุ่มตัดสัญญาณการสื่อสาร มองไปยังตู้กระจกวางเปล่านั้นอีกครั้งริมฝีปากยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะก้าวออกไปจากห้องแสดงศิลปะอย่างเงียบเชียบ ช่วงขาก้าวเร็วๆ ไปยังบันไดหนีไฟที่อยู่ห่างไปทางด้านซ้ายมือและบิดเปิดเข้าไปได้อย่างเฉียดฉิวก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนจะเลี้ยวผ่านมุมทางเดินมา ชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มที่เหมือนกันถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า และไม่นานเขาก็สามารถเดินออกจากตัวอาคารได้อย่างไม่มีใครสงสัย พร้อมกับศิลปะยุคโบราณที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างในตลาดมืด สำหรับนักสะสมกระเป๋าหนักที่พร้อมจะจ่ายให้กับใครก็ตามที่มีมัน
จอมโจรแห่งยุค โจรกรรมงานศิลป์ ที่ใครต่างก็เล่าขานว่ามันคือศิลปะแห่งการโจรกรรม
เช้าวันนี้กองบัญชาการตำรวจแห่งชาติวุ่นวายกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เสียงไซเรนรถตำรวจดังก้องไปทั่วท้องถนน และแน่นอนว่าคนที่หัวเสียที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีพิเศษโดยตรง อย่าง ปาร์คชานยอล ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำก้าวเข้ามายังสถานที่เกิดเหตุด้วยใบหน้าที่แสดงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง เจ้าหน้าที่หลายคนเริ่มกั้นเทปสีเหลืองให้เป็นสถานที่เกิดเหตุ และกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากบริเวณ
“สองนาที พูดมา”
“เมื่อเช้า เจ้าหน้าที่เทคนิคที่มาเปลี่ยนกะพบเจ้าหน้าที่คนก่อนนอนสลบอยู่ในห้องควบคุมเลยแจ้งไปที่ รปภ. พวกเขารีบตรงไปที่ห้องแสดงงานศิลป์ และพบไอ้นี่..วางแทนอยู่บนเหรียญตราสามกษัตริย์ครับ”
ชานยอลมองตรงไปยังกล่องแก้วที่ครั้งหนึ่งเคยบรรจุเหรียญตราสามกษัตริย์ที่ถูกทำขึ้นเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินเกาหลีในอดีต ตอนนี้เหลือเพียงแค่ซองจดหมายสีขาวที่ถูกวางทับด้วยไพ่เอซโพธิ์ดำ มือหนากำหมัดแน่นราวกับถูกลูบคมเอาซึ่งหน้า กี่ครั้งกี่หนที่เกิดการโจรกรรมงานศิลป์เช่นนี้ แล้วคนร้ายเหลือทิ้งไว้เพียงไพ่หนึ่งใบเท่านั้น ราวกับท้าทายอำนาจตำรวจอย่างเขา
“เก็บหลักฐาน ลายนิ้วมือ เส้นผม ละออกฝุ่น ตรวจเช็คกับเจ้าหน้าที่ระบบรักษาความปลอดภัย ดูภาพวงจรปิดให้หมด!”ออกเสียงสั่งงานด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะหันหลังเพื่อเตรียมกลับไปประชุมกับทีม แต่เสียงของลูกน้องก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน ชานยอลหันกลับมาอีกครั้ง เลิกคิ้วมองอย่างที่ทำให้คนเรียกนั้นต้องกลืนน้ำลายรวบรวมกำลังใจอีกอึกใหญ่
“เอ่อ...ลูกพี่ครับ”
“ว่ามา”
“ไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่เลย พวกเราตรวจกล้องวงจรปิดเรียบร้อยแล้ว ภาพถูกใส่ให้เล่นวนซ้ำอยู่ตั้งแต่ช่วงห้าทุ่มจนเช้้า ไม่พบรอยนิ้วมือหรือเส้นผมเลยแม้แต่น้อยครับ เอซยังคงทำงานไร้ที่ติอยู่เหมือนเดิม”
“หืม….”
อึ่ก…
คนที่พึ่งกล่าวชื่นชมโจรที่ทำการโจรกรรมงานศิลป์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อรู้ว่าพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป แววตากรุ่นโกรธจับจ้องลูกน้องในสังกัดก่อนจะยกมือขึ้นโบกให้ไปได้ ทุกอย่างที่นายทหารชั้นผู้น้อยรายงานนั้นคือเรื่องจริง นายตำรวจหนุ่มทำคดีนี้มาสี่ปี ไล่ล่า ตามจับทุกวิถีทาง แต่ก็ยังไม่สามารถจับจอมโจรหัวศิลป์คนนี้ได้เลยสักครั้ง คนที่ทำให้การโจรกรรมกลายเป็นตำนาน ไม่หลงเหลือร่องรอย และยังทำงานได้อย่างรวดเร็วและแนบเนียน ทุกครั้งจะหลงเหลือแค่เพียงจดหมายหนึ่งฉบับ และไพ่เอซโพธิ์ดำเพียงหนึ่งใบ
สักวันฉันจะต้องจับนายให้ได้ คอยดู!!
#ชานไคหัวขโมย
ไม่มีอะไรพี่แค่จับมันมารีไรท์ใหม่เฉย ๆ ไม่ต้องตื่นเต้น.. เรื่องตื่นเต้นมันต่อจากนี้ต่างหาก... ว้าว...
ความคิดเห็น