คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 果報 Kahō :: PROLOUGE
PROLOUGE
ความสุขงั้นหรอ?
เขาโยนมันทิ้งไปตั้งนานแล้ว
คิมจงอิน นักศึกษาสาขาการแสดง เอกการเต้น oldschool new style วิทยาลัยศิลปะโซลอาร์ท คอลเลจ มันจะไม่ผิดปกติเลยถ้าคิมจงอินไม่ใช่นักเรียนทุน ในวิทยาลัยของเด็กบ้านมีอันจะกินแบบนี้ เขาไม่มีแม้แต่เพื่อน ไม่ได้เป็นที่รัก ไม่ได้น่าคบหา แต่เป็นที่รู้จักในฐานะ นักเรียนทุน และนับตั้งแต่นาทีที่ทุกคนรู้ว่าเขาได้ทุนเข้ามาเรียน การกระทำระยำตำบอนมันก็เริ่มขึ้น
ซ่า!!
จงอินยืนนิ่งค้างในจังหวะที่กำลังจะก้าวไปหาที่นั่งในโรงอาหาร ฝ่ามือยกขึ้นลูบใบหน้าที่เต็มด้วยน้ำโคล่าเหนียวๆ ที่พึ่งจะโดนสาดเข้าเต็มรักและการตอบโต้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกสำหรับจงอิน ความจริงต้องบอกว่าที่นี่มันผิดกับเขาไปเสียทุกอย่าง แต่นั่นแหละเขาปลงได้แล้ว ความสุขมันไม่ได้เข้ามาทักทายชีวิตเขานานแล้ว
"อุ้ย ขอโทษนะจงอิน พอดีแก้วโค้กมันหลุดมือ" ผู้หญิงคนที่สาดน้ำใส่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ฟังผ่านๆก็ยังรู้ว่ามันตรงข้ามกับความเป็นจริง จงอินส่ายหน้าไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เขาเบี่ยงตัวหลบ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นที่สนใจของผู้คน แต่เชื่อเถอะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แล้วจงอินก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครมีน้ำใจกับเขาแน่นอน
"ผมขอตัวนะครับ" รีบปลีกตัวออกมาจากเสียงซุบซิบนินทาปนเสียงหัวเราะพวกนั้น ลอยถอนหายใจกับตัวเองเมื่อคิดว่าเขาคงต้องอยู่ในชุดซ้อมเต้นไปอีกครึ่งวันที่เหลือ
ขายาวพาเจ้าของร่างมายังตู้ลอคเกอร์ที่อยู่ลึกที่สุด ตู้เหล็กเก่าๆ ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว แตกต่างจากตู้ของคนอื่น ที่มันใหม่และมีระบบล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ ร่างโปร่งเปิดตู้ออกอย่างเนือยๆ เขาไม่ต้องลอคเพราะยังไงก็มีคนมาเปิดมันออกได้อยู่ดี และทกครั้งต้องมีของของเขาหายไป มันอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งที่คิดว่าสนุกสำหรับพวกลูกคนรวยที่ไม่มีวันเข้าใจ ว่าคิมจงอินต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะได้อะไรใหม่ๆมาสักอย่าง
หยิบเสื้อยืดและกางเกงที่เขาทิ้งไว้เปลี่ยนสำหรับฉุกเฉินเหมือนอย่างวันนี้หรือเผื่ออยากเต้นขึ้นมากะทันหัน ปิดประตูลอคเกอร์แล้วเดินเลยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ โชคดีที่ไม่มีใครคิดพิเรนทร์มาขังเขาไว้ที่นี่ มองนาฬิกาก็พบว่ามันบ่ายกว่าเข้าไปแล้ว จงอินลงคลาสเรียนบัลเล่ต์ไว้ ซึ่งมันก็เกินเวลามามากและคงเป็นการเสียมารยาท ถ้าเขาจะเข้าไปเรียน
ไปนอนเล่นที่สวนข้างหลังแล้วกัน
เมฆบนฟ้าวันนี้มันสวย
ชานยอล ปาร์คชานยอล หลายชายคนเล็กของพาราไดซ์กรุ๊ปที่ครอบครองธุรกิจหลายพันล้าน ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในหลากหลายธุรกิจของประเทศ แต่เจ้าตัวดูจะไม่ค่อยใส่ใจกับด้านธุรกิจนั่นสักเท่าไร ชานยอลเกิดมาบนกองเงินกองทอง และถูกวางตัวเป็นเจ้าของธุรกิจที่จะต้องช่วยกันบริหารกับพี่สาว ปาร์คยูรา ทุกคนในครอบครัวต่างก็รู้ว่าชานยอลเป็นเด็กฉลาด และเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ พรสวรรค์ที่จะใช้สองมือของเขาสรรค์สร้างเสียงดนตรี พรสวรรค์ที่จะใช้สมองของเขารังสรรค์เนื้อเพลงที่ไพเราะ แต่มันกลับเป็นพรสวรรค์ที่พ่อไม่ต้องการ
พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อนึกถึงความสามารถที่ตัวเองมี ชานยอลรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุแปดขวบ ตอนที่พ่อส่งครูสอนเปียโนมาให้ และค้นพบว่ามันเป็นสิ่งที่ชานยอลถนัด และหลังจากนั้นเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นต่างก็ทยอยมาให้เขาได้ศึกษา ชานยอลใช้เวลาไม่นาน เริ่มจากเปียโน ตามด้วยไวโอลิน กลอง เบส และเมื่อเริ่มโตเป็นหนุ่ม กีต้าร์เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้จับมัน ก่อนที่พ่อจะขนเครื่องดนตรีทุกอย่างของเขาไปทิ้ง ในวันที่เขายืนกรานว่ายังไงซะก็จะเข้าวิทยาลัยศิลปะมากกว่า เรียนในโรงเรียนธรรมดาเพื่อจะต่อมหาวิทยาลัย
สวบ!
เสียงใบไม้แรงที่อยู่ตามพื้นดินถูกเหยียบย่ำทำให้ชานยอลรู้ว่าพื้นที่ไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป เขากำลังคิดอยากจะฟาดหมัดใส่หน้าใครสักคนที่บังอาจลุกล้ำ แต่ก็ต้องงุนงงเมื่อพบว่าคนคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตรงนี้มีเขาอยู่ สายตาจับจ้องไปยังผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำผึ้ง ที่ทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม หลับตาพริ้มซึมซับบรรยากาศเงียบสงบและลมเย็นสบาย
ใคร? ทำไมไม่เคยเห็นหน้า?
ชานยอลลอบมองอยู่ห่างๆ จากที่คิดว่าจะเจ้าไปหาเรื่องกลับชะงักตัวเองไว้ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร นั่งมองกันอยู่นาน นานจนตัวเขาเองก็นึกแปลกใจว่าจะมานั่งมองผู้ชายด้วยกันทำไม แต่อยู่ๆ คนที่นอนนิ่งกลับลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ชานยอลเองก็เผลอตกใจไปด้วย แต่ก็หลุดหัวเราะพรืดออกมาเมื่อคนคนนั้นหยิบหูฟังออกมาต่อเข้ากับเจ้าเครื่องเอ็มพีสามรุ่นเก่าที่ชานยอลมั่นใจว่าเขาก็เคยมี เห็นกดเลือกเพลงอยู่สักพัก ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะลุกขึ้นแล้วเริ่มขยับแขนขยับขา
ท่วงท่าที่พริ้วไหว การจัดร่างกายที่พอเหมาะพอดี ท่าทางสง่างามยามวาดลวดลาย และเทคนิคที่ดูเหมือนจะฝึกฝนมาอย่างดี ชานยอลยอมรับว่าเคยเห็นคนเต้นมาก็มาก แต่ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแบบนี้ ยอมรับว่าพึ่งเคยเจอ ใบหน้าที่ปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปตามท่อนเพลงที่คงดังก้องอยู่ในหูฟัง ท่าเต้นที่ไม่ดุดัน แต่กลับแข็งแรงและทรงเสน่ห์ ถือเป็นประติมากรรมที่มีชีวิต
ต้องรู้จัก ต้องรู้ให้ได้ ว่าเป็นใคร
หลังจากออกแรงวาดลีลาตามที่ตัวเองคิดไว้ได้สักพัก จงอินรู้สึกเหนื่อย จนต้องทิ้งตัวลงนอนแผ่อีกครั้ง ถึงเหงื่อจะไหลซึมจนทั่วร่างแม้แต่เสื้อยืดที่สวมใส่อยู่ก็ชื้นแฉะ แต่ทว่าบนใบหน้านั้นก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่น้อยคนนักที่จะได้เห็น ทำเอาคนที่แอบมองอยู่ ถึงกับรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองเปลี่ยนจังหวะไปเล็กน้อย
นอนแผ่จนหายเหนื่อยหอบ ก็ฉุดตัวเองลุกขึ้นนั่ง สองแขนถูกวางไว้บนเท้าไว้บนเข่า ใบหน้าเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่วันนี้ดูจะปลอดโปร่งเป็นพิเศษ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาทำเอาจงอินต้องหยีตา และเมื่อสายลมหอบเอาไอเย็นมาปะทะเข้ากับผิวหนัง ดวงตาที่ยิบหยีก็ปิดรับสายลมที่พัดมาให้ชื่นใจ
สวนหลังโรงเรียนดูจะเป็นสถานที่เดียวที่จงอินสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยปราศจากบรรดาลูกคุณหนูที่คอยหาเรื่องกลั่นแกล้งกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องฟังเสียงซุบซิบนินทาที่คอยดังเข้าโสตประสาทเขาเรื่อยๆ คนเหล่านั้นตีค่าของคนด้วยเงินตรา แล้วคนอย่างจงอินก็มีค่าเทียบเท่าเศษเงินในสายตาของคนพวกนั้น แต่ใช่ว่าตัวเขาจะดูถูกคุณค่าในตัวเอง จงอินรู้จักคุณค่าของตัวเองดี แต่ที่จงอินขว้างมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดีคือความสุขที่เด็กวัยรุ่นอย่างเขาควรจะพบเจอ
ขวับ!
หันไปมองแทบจะในทันทีเมื่อรู้สึกถึงเงาดำที่พาดทับจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเด็กผู้ชายตรงหน้าก็ยังสูงกว่าเขาอยู่พอสมควร มองจากหน้าตา การแต่งตัว คงเป็นลูกคุณหนูสักคนที่บังเอิญมาเจอเขาแน่ๆ นึกเสียดายไม่น้อย ที่สถานที่แห่งนี้ไม่เป็นความลับของเขาอีกต่อไป จงอินเบี่ยงตัวหลบคิดจะเดินจากไปแต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ชื่ออะไร”
จงอินขมวดคิ้ว เมื่อคนมาใหม่คว้าแขนเขาไว้ มิหนำซ้ำยังถามชื่อเสียอีก น้อยคนที่ไม่รู้จักเด็กทุนที่ถูกคนทั้งโรงเรียนกลั่นแกล้ง ถ้าหมอนี่ไม่ใช่เด็กใหม่ ก็คงเป็นใครสักคนที่ไม่สนใจโลกเอามากแน่ๆ มือใหญ่ยังกำรอบแขนเอาไว้ จงอินเลื่อนสายตามองไปที่ฝ่ามือนิ่งๆ ก่อนที่คนร่างสูงจะรู้สึกตัว แรงที่บีบรอบแขนลดลงแต่เจ้าของมือก็ยังไม่ได้คิดจะปล่อยมันออกให้จงอินเป็นอิสระ
“ตอบดิ เดี๋ยวปล่อย”
“คิมจงอิน” ชานยอลรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นตอบเขามาแทบจะในทันที มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัว ท่าทางหยิ่งยโสไม่เปิดรับใครราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ ทำให้ปาร์คชานยอลนึกแปลกใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั่นหายไปไหน คนที่ยิ้มจนชานยอลรู้สึกว่าตัวเองอยากยิ้มตามนั่นหายไปไหน?
“เรียนเอกอะไร?”
“มันผิดสัญญาที่คุณพูดไว้นะครับ คุณปาร์คชานยอล”
น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบกลับมา ทำเอาชานยอลชะงัก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายรู้ชื่อตัวเอง และเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจถึงท่าทีนั้นถึงได้พยักเพยิดหน้ามาทางอกเสื้อที่ป้ายสีทองปักอยู่ชัดเจน ชานยอลไม่ได้สนใจอะไรต่อนัก นอกจากใบหน้าเฉยเมยตรงหน้า เขายังต้องการค้นหาว่าคิมจงอินเป็นคนแบบไหนกันแน่
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรต่อ รบกวนปล่อยแขนผมด้วยครับ” ดูเหมือนมันจะเป็นประโยคที่รักษามารยาทที่สุดก่อนที่คิมจงอินจะเป็นฝ่ายแกะมือเขาออกจากแขนเจ้าตัวเสียเอง ปาร์คชานยอลไม่ได้ใส่ใจจะรั้งไว้ อย่างไรซะเขาก็รู้ชื่อเรียบร้อยแล้ว ไว้ค่อยไปตามหาเอากับพวกคริสเอาก็ได้
คิมจงอิน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านายเป็นคนยังไง
ความคิดเห็น