คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๓
๓
ข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของ บก.ร้อยฯ ก็คือ บรรยากาศในแต่ละวันจะน่ารื่นรมย์พิสมัยอย่างไรนั้น มักขึ้นอยู่กับสิบเวรฯ ที่เข้าเวรฯ อยู่ด้วย หากเป็นจ่ากองเข้าเวรฯ เราก็จะเคร่งกันมากเสียจนขนาดเวลาเดินสวนกันบางครั้ง ได้แต่ยิ้มมุมปากทักทายกัน แต่ถ้าเป็นจ่าแหลมหรือนายสิบท่านอื่น พวกเราก็จะพอพูดคุยเฮฮา หรือหลบมุมทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น แอบงีบใต้ต้นหูกวางหลัง บก.ร้อยฯ หรือรวมเงินไปซื้อของสด กับข้าว มาทำหรือกินด้วยกัน เป็นต้น เช่นเดียวกับวันนี้ สิบเวรฯ คือ หมู่เอ็ม ชื่อจริง คือ สิบเอกปิยะ เป็นลูกชายของนายสิบท่านหนึ่ง ใน กองพันฯ ของเรานี้เอง หน้าตาของหมู่เอ็มก็พอใช้ได้ ออกจะตี๋ ๆ ขาว ๆ เนื่องจากหมู่มีอายุห่างจากพวกเราไม่มากนัก ประมาณว่า เป็นวัยรุ่นตอนปลายใกล้ ๆ สามสิบ เลยทำให้เข้าอกเข้าใจถึงหัวอกรุ่นน้องอย่างพวกเราได้ดี แกค่อนข้างขี้เล่น บ้าบอตลกสนุกสนาน บางทีอยู่ด้วยกัน บน บก.ร้อยฯ แกก็มักจะชวนคุยโน่นนี่เรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะบางครั้งจะเป็นเรื่องที่แกไปเที่ยวราตรีหรือจีบสาว บางครั้งก็เลยเถิดไปถึงเรื่องบนเตียงระหว่างแกกับผู้หญิง ครั้งหนึ่งแกเคยถามฉันหน้าตาเฉยว่า แกเพิ่งไปฝึกหลักสูตรจู่โจมมา น้ำหนักลดลงไปเกือบ ๑๐ กิโล อวัยวะเพศชาย ก็เหมือนจะหดเล็กลงตามไปด้วย เลยอยากขอความเห็นจากฉันว่า มันจะเป็นไปได้หรือไม่? ... ซึ่งฉันก็ยืนฟังแกพร้อมด้วยสีหน้าปูเลี่ยน ๆ เพราะไม่รู้ว่าแกจะมาเล่าให้ฟังทำไม!?!? ที่สำคัญแกติดกาแฟมาก แล้วถ้าจะเสิร์ฟกาแฟให้แก ต้องเอาแบบเข้มข้น คือ อย่าใส่น้ำเยอะ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่แกชอบเหมือนนายสิบคนอื่น ๆ ที่เข้าเวรฯ ก็คือ การนั่งเล่นหมากรุก
หมู่เอ็มตะโกนเรียกพวกครูสามขึ้นมาหา ฉันเห็นแกให้เงินไปจำนวนหนึ่ง ได้ยินว่า พวกรุ่นพี่ผลัดปลดเรี่ยไรเงินเพื่อจะเอาไปซื้อของที่ตลาด มาทำคั่วไก่แบบพื้นเมือง กินกัน ซึ่งฉันทำไม่เป็นและกินไม่เป็นด้วย เลยได้นั่งเฝ้า บก.ร้อยฯ ในขณะที่พี่เกียรติแจ้นหายลงไปในครัว ตั้งแต่บ่ายสี่โมง
ครัวหลัง บก.ร้อยฯ ของเรา คือเพิงที่ทำจากโครงเหล็กมุงด้วยสังกะสี ตั้งอยู่ถัดไปจากห้องน้ำใหญ่เล็กน้อย เทพื้นด้วยปูนซีเมนต์ ก่อบล็อกกั้นผนังไว้สามด้าน สูงเลยศีรษะมาเล็กน้อย แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นครัว ประกอบด้วยเตาแก๊ส ตู้กับข้าวสำหรับเก็บอาหาร เครื่องปรุงต่าง ๆ ชั้นวางหม้อ กระทะ ทัพพี ตะหลิว จานชาม ช้อนส้อม และปิ่นโต มีกระติกข้าวสำหรับใส่ข้าวเหนียวจากโรงสูทกรรมด้วย ส่วนที่สองเป็นที่วางเครื่องซักผ้า สำหรับซักผ้าพลทหารทั้งหลาย ซึ่งต้องต่อคิวกันพอสมควร ส่วนใหญ่จะเรียงตามลำดับรุ่นพี่รุ่นน้อง ฉันจะใช้ซักเฉพาะชุดพรางเท่านั้น ส่วนชุดอื่น ๆ จะซักมือตลอดเพราะเร็วกว่า
ขณะที่ฉันกำลังเพลิดเพลินอารมณ์กับลมเย็น ๆ ที่พัดโกรกตรงโถงระเบียงด้านหน้าอาคาร พลางชมทิวทัศน์ขุนเขาของอำเภอแม่ริมอยู่นั้น หมู่เอ็มมาสะกิดชวนฉันไปที่ระเบียงหลังห้องสิบเวรฯ
“ไปทำไมอ่ะครับ?” ฉันลังเลเพราะกลัวโดนล่อลวงไปทำมิดีมิร้าย
“เฮ้ย! ไอ้ห่า... กูไม่ได้จะชวนมึงไปแทงกบแทงกอยหรอกน่า ...มาเหอะ มีของดีให้ดู” แกเดินนำหน้าอาด ๆ พอใกล้ถึงระเบียงหลังห้อง เริ่มได้ยินเสียงเกรียวกราวเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากกลุ่มพลทหารด้านล่างของอาคาร หมู่ยกนิ้วแตะริมฝีปากให้สัญญาณเงียบ แล้วค่อย ๆ เปิดประตูที่เชื่อมกับระเบียงออก กลุ่มคนด้านล่างนั่นกำลังห้อมล้อมพลทหารรุ่นน้องฉันปีหนึ่งซึ่งเพิ่งเข้ากองพันมาไม่นาน นอนหงายเปลือยท่อนล่างปราศจากแม้แต่กางเกงใน ทำสีหน้าเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่บนถังเก็บน้ำซีเมนต์ขนาดใหญ่ก่อนสูงจากพื้นดินราวครึ่งเมตร ศีรษะของใครคนหนึ่งกำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ตรงหว่างขาอย่างน่าหวาดเสียว นั่นมัน... ไอ้เยิ้ม นี่หว่า!!!!!
“เอ้อ... หมู่ครับ เขาทำอะไรกันอ่ะ?” ฉันถามด้วยความประหม่า เพราะไพล่คิดไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง
“ไม่รู้จริงอ่ะ พัทซี่” หมู่กระซิบเบา ๆ “ฝังมุกไงละ”
ฝังมุก! ไอ้เม็ดพลาสติกใสขนาดราวครึ่งเซนติเมตร กลิ้งไปมาในขวดที่ฉันเห็นเมื่อเช้านั่นนะเหรอ... มุก!
โอ มายกอด! เคยแต่ได้ยินได้ฟัง และได้อ่านเรื่องการฝังมุกของผู้ชาย ไม่คาดคิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสมาเห็นของจริงด้วยตาตนเอง ในระดับที่ต่ำลงไปเบื้องล่างจากระเบียงชั้นสอง ซึ่งถือเป็นชั้นริงไซด์วิว ในระยะไม่เกิน ๓ เมตร!!!!
เอ๊ะ... แต่เดี๋ยว มันต้องผ่าลงไปเลยไม่ใช่หรือ? แล้วอุปกรณ์ทางการแพทย์อะไร ก็เหมือนจะไม่มีสักอย่าง?
“เห็นด้ามแปรงฟันที่ถูกฝนจนแหลม ๆ นั่นไหม... เขาใช้อันนั้นแทนละ เจ็บแปลบเดียว ทำเสร็จก็เอาผ้าก็อซ พันไว้ กินยาแก้ปวดแก้อักเสบซะ สักอาทิตย์ก็ใช้งานได้ละ” หมู่เอ็มเฉลยพร้อมอธิบายอย่างชวนชนลุก อึ๋ย!!!!!
“แล้วรูปร่างมันจะเป็นไงละครับ?” ฉันซักต่อ
“ไม่รู้สิ... หมู่ก็ไม่ได้ฝังเหมือนกัน ถ้าเสร็จแล้วลองขอเขาดูละกัน อืม... หรือว่าที่ถามเนี่ย อยากดูของหมู่ใช่ไหมล่ะ?” หมู่เอ็มหัวเราะพร้อมกับหลิ่วตาให้...
เออนั่น.... น้อย ๆ หน่อย หมู่เอ็ม... ฉันไม่ได้หื่นตลอดเวลานะยะ!
ตอนสองทุ่มวันนั้น ไม่มีการเช็คยอดรวมเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่พลทหารรุ่นน้องก็รวมกันสวดมนต์ก่อนนอนเหมือนเช่นทุกวันตามปกติ ส่วนสิบเวรฯ หายตัวไปไหนไม่รู้ ได้ยินจากรุ่นน้องว่า แกลงไป “ตั้งวง” กินข้าวกับรุ่น ผลัดปลดในครัว รุ่นพี่พลทหารที่เป็นผลัดปลดนี้ ส่วนใหญ่จะเริ่มปล่อย ๆ กันบ้างละ เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะปลดประจำการไปแล้ว แถมวันนี้เป็นวันเสาร์ซะด้วยเลยไม่ค่อยมีนายทหารผ่านมาตรวจเท่าไรนัก ตอนสองทุ่มกว่า ๆ ฉันลงไปอาบน้ำ ยังคงได้ยินเสียงเฮฮาดังมาจากในวงนั้นพอสมควร
สามทุ่ม แตรนอนดังสนั่นทั่วค่าย โรงนอนปิดไฟพอสลัว แต่พลทหารหลายนายลงไปดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ห้องโถงระเบียงชั้นสองของอาคาร เฉพาะวันเสาร์ เราจะปล่อยให้ดูโทรทัศน์ซึ่งเป็นโทรทัศน์เคเบิ้ล ได้ดึกมากหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ส่วนพลทหารบางนายที่ยังไม่ง่วง ก็จะยังนอนเล่นคุยกันพึมพำ ตัวฉันเองนั้น กำลังนอนตากพัดลมจนเกือบจะผล็อยหลับไป ทันใดนั้นเอง หูกลับแว่วเสียงโห่ฮาดังมาจากบันไดทางขึ้น โรงนอน และดังต่อเนื่องเข้ามาในโรงนอน ฉันผุดลุกขึ้นทันที หมู่เอ็มรวมทั้งผลัดปลด นำทีมโดยครูสาม และผลัดปลดอีกนับสิบนาย ดวงตาดูใส ๆ ในกระแสเลือดคงจะมีระดับความเข้มข้นของแอลกอฮอลโดยประมาณ ถึงได้ครึกครื้นกันขนาดนี้
“พัทซี่!!!!” หมู่เอ็มทำเสียงหวาน ในขณะที่ฉันกำลังเรียกสติคืนกลับมาจากความงัวเงีย “มามะ... คืนนี้หมู่จะนอนด้วย”
เท่านั้นแหละ! ... ฉันลุกพรวดจากเตียง แล้วออกวิ่งหมายจะผ่านไปทางประตูหลัง รุ่นพี่อีกนายหนึ่งดันมาขวางไว้ซะก่อน หมู่เอ็มสาวเท้าเร็ว ๆ เข้ามาใกล้ ส่งเสียงเรียกออดอ้อน “จะไปไหนจ๊ะ พัทซี่ หมู่ไม่ทำอะไรหรอกจ๊ะ แค่จะให้ดูนี่เฉย ๆ”
ฉันหยุดชะงัก แล้วหันหลังกลับไป หมู่เอ็มรูดซิบกางเกงลายพรางแกออก แล้วเปิดให้เห็นกางเกงในสีฟ้าสด เอิ้ก! กูจะบ้าตาย นี่มันบ้ากามกันไปหมดทั้งกองร้อยแล้วหรือไง!!!!
“โอ๊ะ.... หมู่ลืมไป พัทซี่อยากเห็นคนฝังมุกนี่นา ไอ้ยู” หมู่ตะโกนเรียกพี่ยู ครูสามตะโกนแทรกขึ้นมา ใบหน้าสีน้ำตาลนั้นตอนนี้แดงระเรื่อ “ไอ้ยู มันฝังมุกนะ พัทซี่ อยากดูไหม?”
คำว่า “ผู้ชาย” กับคำว่า “ห่าม” มักเป็นของเข้าคู่กันเสมอ และมักทำโดยปราศจากยางอาย พี่ยูเดินเข้ามารูดซิบกางเกงลงอย่างกล้าหาญแล้วกางแขนออก ฉันเกิดอาการผงะ เท้าทั้งสองรีบก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณที่ต้องปกป้องสมบัติชิ้นสำคัญซึ่งได้แก่ ที่ดินผืนน้อยของฉัน พลทหาร นายอื่นเหมือนจะรู้ว่า ข้างบนโรงนอน มีเกมไล่จับตุ๊ดมาปลุกปล้ำ เลยทยอยขึ้นมาออกันตรงประตู กลายเป็นการปิดบังทางออกของฉันโดยสิ้นเชิง ในห้วงคำนึงสุดท้ายก่อนที่หมู่เอ็ม และพี่ยูจะมาถึงตัว ฉันตัดสินใจกระโดดขึ้นบนเตียงนอนเตียงแรกที่ใกล้ที่สุด แล้วกระโดดเหยง ๆ ต่อไปทีละเตียง ๆ เพื่อหนีการตามล่าหาสวาท พลทหาร บางนายนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ฉันก็กระโดดข้ามไปอย่างไม่สนใจ เสียงหัวเราะปนเสียงเชียร์ดังสนั่น จนในที่สุด ฉันก็กระโดดมุดออกทางหน้าต่างหล่นลงตรงระเบียงด้านนอกแล้ววิ่งแจ้นอย่างรวดเร็วสุดชีวิตลงบันไดไปชั้นล่าง ใจเต้นระทึกด้วยความกลัวจะเสียสาว... เอ๊ย! กลัวโดนแกล้ง เวลาผ่านไปราวชั่วโมง ฉันคะเนว่าทุกอย่างควรสงบลงเสียที แหงนมองไฟบนโรงนอนดับลงหมดแล้ว จึงค่อย ๆ ย่องกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง แม้ว่าแสงไฟจากระเบียงด้านนอกทำให้ข้างในโรงนอนดูสลัว แต่ก็ยังพอสังเกตได้ว่า มีใครคนหนึ่งดันทะลึ่งนอนบนเตียงของฉันแทนเจ้าของของมัน ในขณะที่ฉันกำลังเงื้อเท้าขึ้นเตรียมเตะระยะประชิด ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นก็พลิกตัวหันหน้ากลับมาพอดี
บุญตีนกูแล้วละที่หยุดไว้ได้ทัน .....หมู่เอ็มนอนกรนคร่อก ๆ หลับฝันหวานอย่างเป็นที่สุด!
หลายสัปดาห์ต่อมา ก็ถึงวันที่ฉันต้องไปรายงานตัวที่หน่วยฝึกทหารใหม่ของกรมฯ เสียที ฉันเก็บเครื่องแบบ ชุดลำลอง ชุดวอร์ม รองเท้า และของใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็นลงในเป้ทหารใบใหญ่ อันที่จริงมันก็เหมือนกับการย้ายบ้านอีกครั้ง พอ ๆ กับตอนที่ย้ายจากหน่วยฝึกทหารใหม่เพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ที่ ร้อยฯ บก. ของกองพันฯ นี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฉันเหลียวมองน้ำ กับน้อย ที่ยังคงสาละวนเก็บของอยู่ จึงหยิบเป้ของตัวเองเอาไปไว้ที่ห้องข้างล่าง เอ กับพี่เกียรติซึ่งอยู่ในห้อง บก.ร้อยฯ โผล่หน้ามาอวยพรฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่ยูยิ้มกว้างให้ตอนฉันลงไปถึงสนามหญ้าหน้าอาคาร ครูสามเดินเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจ
“สัญญาว่างานเลี้ยงส่งผลัดปลด มึงจะแวะมาใช่ไหม?”
“ได้ครับ” ฉันรับคำ
“ทำให้ดี ๆ” แกบอกสั้น ๆ “โชคดีนะ”
“ขอบคุณครับ”
หมู่เอ็มเป็นสิบเวรฯ ของเมื่อคืนนี้ด้วย เช้านี้ แกเลยนั่งหาวหวอด ๆ จิบกาแฟรสชาติเข้มข้นอยู่ในพีเอ็กซ์ ตั้งแต่เหตุการณ์ตามล่าหาสวาทเมื่อคราวที่แล้วจบลง ฉันกับแกก็พูดกันตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ออกจะสนิทกันกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่แกมานอนบนเตียงจนทำให้ฉันต้องระเห็จไปนอนบนเตียงของสิบเวรฯ ในห้อง บก.ร้อยฯ แทนนั่น ดังโจษจันไปทั่วกองพันฯ ยิ่งนัก ขนาดเวลาฉันไปพิมพ์งานที่ บก.พันฯ นายสิบทั้งหลายก็พากันแซวฉัน จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะแซวตัวฉันอย่างเดียวไม่พอ ดันลามไปถึงจ่านายหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของหมู่เอ็ม ที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ประมาณว่าแกน่าจะได้ฉันเป็นลูกสะใภ้แน่นอน อืม... เอาเข้าไป!
“เดี๋ยวก็กลับมาเจอกัน หายไปสามเดือนเอง” หมู่เอ็มบอกพลางจิบกาแฟ
ฉันยิ้มให้ คำพูดนั้นฟังดูเป็นประโยคปลอบใจมากกว่าคำอวยพร ถ้าพูดจริง ๆ เวลาแค่สามเดือนก็อาจจะสั้นนิดเดียว แต่สิ่งที่ฉันต้องเผชิญตลอดระยะเวลาสามเดือนนั่น อาจทำให้ทุก ๆ วันมันผ่านไปช้ามากก็เป็นได้
น้ำ กับน้อยขนของลงมาไว้ที่สนามหญ้าเรียบร้อยแล้ว เรารอรวมเคารพธงชาติที่ลานหน้ากองพันฯ จากนั้นจ่ากองจะขับรถพาเราออกเดินทางไปด้วยกัน
“ในกระเป๋าหน้านั่นมีอะไรหรือ?” น้ำถามเมื่อสะดุดตาเข้ากับปลายเหล็กแบน ๆ ที่โผล่ออกมา
“อ๋อ ไม้บรรทัดเหล็กอ่ะ ฉันขนเครื่องเขียนไปหมดเลย”
“ขนไปทำไมละ?” น้อยได้ยินเลยถามขึ้นบ้าง
“ก็ไปช่วยงานจ่ากองที่หน่วยฝึกฯ ไงละ เกิดไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ เลยเตรียมความพร้อมเอาไปด้วยไว้ก่อน”
“อ๋อ จริงสิ จ่ากองจะเอานายไปช่วยงาน บก. นี่นา รอบคอบจริง ๆ เลย”
ฉันยิ้มให้กับคำชมนั้น

ความคิดเห็น