ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS|SF] iKON : All I wanna do , because ...

    ลำดับตอนที่ #2 : 1 s t S t o r y | [ 2 / 2]

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 57


     A l l  I  w a n n a  d o , b e c a u s e  I  . . .

    1 s t  S t o r y | [ 2 / 2]

    HANBIN X JINHWAN


     


     

      


    “โห่ยยยย ช้ามากอ่ะ”

    “มัวแต่สวีทกันอยู่ใช่มะ ถึงได้ช้าขนาดนี้อ่ะ”

    “จับมง จับมือกันด้วยนะ แหมมม”

    “วี้ด วิ้ววววว”

                เสียงเป่าปาก แซวดังสนั่นตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นรถ ให้มันได้อย่างนี้ซิไอ้พวกเด็กแสบ เสียงดังกันอยู่เรื่อย แล้วไม่แซวสักครั้งมันจะตายใช่มะไอ้พวกนี้นี่

                “ย่า! เงียบๆไปเลยนะ” พี่ใหญ่ตัวเล็กเริ่มจัดการเหล่าน้องๆในวง

                “ไม่เอา ไม่ดุดิฮยอง เขินแล้วโหดตลอดอ่ะ”

                “ย่า! ยุนฮยอง! หุบปากเดี๋ยวนี้นะ” แล้วก็สงครามย่อมๆระหว่างพี่ใหญ่ตัวเล็กกับพวกเด็กในวงที่โตเกินวัยก็เกิดขึ้น ฮันบินก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอาไม่ว่าจะจินฮวานฮยองหรือจะพวกเด็กๆก็หน้าปวดหัวไปซะหมด หาเรื่องมาเถียง มาทะเลาะกันได้ทุกวันซิน่า เฮ้อออ

                “นี่ๆ พอกันได้แล้ว รถจะออกแล้วนั่งกันดีๆหน่อย” ผู้จัดการทนไม่ไหวจนต้องมาจัดการความเรียบร้อยซะเอง เด็กพวกนี้ซนอย่างกับลิง หาเรื่องมาให้เขาวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น “ทุกคนมาครบแล้วใช่ไหม”

                “ครับ!

                “โอเค ดี งั้นออกรถได้”

    นั่นละรถถึงได้ออกเดินทางไปยังสนามบินได้โดยสวัสดิภาพ

     

    .

     

    .

     

    “กรี๊ดดดดดดดดด”

    “ฮันบินอา!!!

    “บีไอโอปป้า!!!

    “บาบิ!!!

     

    ทันทีที่ก้าวลงจากรถ เสียงตะโกน กรีดร้อง จากแฟนๆที่มารอส่งที่สนามบินก็ดังเข้าโสตประสาท เสียงยังดังเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ก็ยังไม่ชินสักที พวกเขาทำได้แค่ยิ้มและโบกมือให้แฟนๆแล้วเดินตามการ์ดที่คอยนำทางให้ ถึงแม้จะมีการ์ดกั้นไว้แล้วก็ตาม แต่แฟนๆก็มากันเยอะมาก แรงผลักก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย พวกเด็กโข่งในวงทั้งหลายน่ะไม่ค่อยเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แต่พี่ใหญ่ตัวเล็กของวงนี่สิ ท่าจะแย่

    “ฮยองไหวไหม” บาบิที่เดินอยู่ข้างหลังเอ่ยถาม ในขณะที่พยายามกันแฟนๆออกจากพี่ใหญ่ไปด้วยและประคับประคองตัวเองให้ไม่ไหลไปตามแรงเบียดของแฟนๆ

    “ไหวอยู่ๆ สบายมาก ไม่ต้องห่วง!” คนตัวเล็กหันมาพยักหน้าแรงๆให้ทีนึง กว่าจะหลุดออกมาจากวงล้อมของแฟนๆได้เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว

     

    .

    .

     

    “เฮ้! ฮยองไหวป่าว”  บาบิที่มาจากไหนไม่รู้ เดินเข้ามาถามพร้อมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ หลังหลุดออกมาจากกองทัพแฟนคลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มานั่งพักกันรอเวลาขึ้นเครื่อง

    “หือ ไหวเด่ะแค่นี้เอง จิ๊บๆ” เงยหน้าตอบหลังจากสติหลุดเหม่อจ้องพื้นอยู่ตั้งนาน

    “แน่นะ”

    “อื้อ!

    “ไม่ไหวก็บอกนะ ตอนนี้ฮยองหน้าซีดมากอ่ะ” ถามเป็นรอบที่ร้อยของวัน แถมยังทำหน้าซีเรียสอีกต่างหาก จริงจังไปมั๊ง ไอ้น้อชาย

    “เออน่า ด้อนวอรี่ แอมฟายยย”

    ตอบลากเสียงน่าหมั่นไส้พร้อมทำหน้าลั้ลลาสุดชีวิต นั่นละคนตรงหน้าถึงได้หัวเราะตาหยี โชว์ฟันกระต่ายอีกต่างหาก “โอเค 555”  

    “แล้วนี่ฮันบินไปไหนแล้วอ่ะ”

    “เห็นเดินไปกับผู้จัดการอ่ะ ไม่รู้ไปไหนเหมือนกัน”

    “อ่าหะ” ตอบรับในลำคอก่อนจะหยิบหูฟังออกมาต่อเข้ากับโทรศัพท์ กดจิ้มเลือกเพลง แล้วหลับตาพริ้มพร้อมขยับร่างกายไปตามเสียงเพลงอย่างเมามันส์ทั้งๆที่ยังนั่งอยู่นั่นแหละ

    “นี่ ฟังอะไรอ่ะ” คนเป็นพี่เห็นน้องชายเต้นอย่างเมามันส์แล้วอดถามออกไปไม่ได้

    “ไม่บอกหรอก” ถอดหูฟังออกข้างนึงมาตอบ

     “ย่า!

    “...” ยังคงเต้นต่อไป

    “ไหนเอามาดูดิ๊” มือเล็กคว้าโทรศัพท์จากอีกคนมาดู

    “เฮ้!

    “อะไรเนี่ย นี่มันเพลงบัลลาดไม่ใช่เหรอไง”

    “อ่าหะ ใช่ไง”

    “แล้วนายเต้นอะไรซะมันส์ขนาดนั้น”

    “โธ่ฮยอง ดนตรีน่ะไม่สำคัญหรอกว่าเพลงช้า เพลงเร็ว ถ้าเราอยากเต้น เราก็แค่เต้นแค่นั้นเอง ฮยองก็เป็นนักร้องนิต้องเคยมั่งดิ” อธิบายหน้าเครียดพร้อมกับกอดคอคนเป็นพี่ไว้

    “พูดอะไรของนาย ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

    “จิ๊” ส่ายหน้าให้คนตัวเล็กพร้อมกับดึงโทรศัพท์กลับไป ยัดใส่หูฟังใส่ไว้เหมือนเดิม แล้วเริ่มเต้นต่อ

    “อะไรกันไอ้เด็กนี่”

     

    .

    .

     

    “เอ้า เด็กๆ” ตบมือเรียกความสนใจอีกสองสามที “ไปขึ้นเครื่องกันได้แล้ว ตรวจเช็คข้าวของด้วยนะ”

    “คร้าบบบ” เอ่ยเสียงตอบรับเสียงดังกลับไป

    “นี่” คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลหันไปดึงหูฟังของน้องชายฟันกระต่ายออก “พี่ผู้จัดการเรียกแล้ว เก็บของแล้วไปได้แล้ว”

    “หะ อ๋อ จะไปกันแล้วช้ะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของ เสร็จแล้วก็เดินกอดคอคนตัวเล็กเดินไปรวมกับคนอื่นๆ

     

    พี่ผู้จัดการพูดอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับเวลาแล้วก็ตารางงานที่จะต้องไปทำเมื่อลงเครื่อง แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ที่ผมสนตอนนี้ก็มีแค่บาบิฮยองที่กำลังกอดคอจิยฮวานฮยองอยู่แค่นั้น

    “เอาล่ะไม่มีอะไรแล้ว ไปขึ้นเครื่องกันได้” แล้วทุกคนก็เริ่มเดินเรียงแถวไปขึ้นเครื่อง ผมรอให้ทุกคนเดินไปก่อนจนจินฮวานฮยองเดินมาถึง

    “ไงฮันบิน ไปไหนมาว่ะ เมื่อกี้ไม่เห็นเห็น” บาบิทักฮันบินเมื่อเห็นน้องชายเดินมาทางนี้

    “ผมไปซื้อไอ่นี่มาให้จินฮวานฮยอง” พูดพร้อมยื่นถุงยาให้คนตัวเล็ก

    “อ้อ ขอบใจมากนะฮันบินอา” พูดพร้อมปิดท้ายด้วยรอยยิ้มหวาน

    “ครับ”

    “...”

    “...”

    “บาบิฮยอง” พูดพร้อมเริ่มแผ่รังสีอันตราย

    “อะ..อะไรอ่ะ” จับถึงสิ่งผิดปกติได้ในทันที

    “...”

    “อะไรอ่ะฮันบิน” จินฮวานเงยหน้าขึ้นมาถามอีกคน

     

     

    “เมื่อไหร่ฮยองจะเลิกกอดคอจินฮวานฮยองสักทีฮะ”

    “...”

    “...”

    “โอ๊ะ! โทษที sorry bro!” เหมือนจะเพิ่งรู้ตัว จึงรีบคลายแขนที่กอดคอพี่ชายตัวเล็กอยู่ทันที

    “...”

    “...” ฮันบินยังคงมองตามตาเขม็ง

    “อ่า ดงฮยอกอา! มาเดี๋ยวฮยองช่วยถือกระเป๋า!” หันซ้ายขวาหาตัวช่วยก็เจอดงฮยอกที่กำลังถือของพะรุงพะรังอยู่ พูดจบก็ผละออกไปเดินด้านหลังกับดงฮยอกและยุนฮยองทันที  โว้วว เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าฮันบินแม่งโครตขี้หวงแฟนอ่ะ แต่ก่อนนอนกอดกันสามคนแม่ง ไม่เคยเป็นงี้อ่ะ พอเป็นแฟนกันเท่านั้นละ แค่กอดคอยังเกือบโดนกินหัวแน่ะ บรึ๋ยยย

    “...”

    “...” หลังจากบาบิผละออกไปเดินกับดงฮยอกทางด้านหลังแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงฮันบินที่เอาแขนโอบไหล่คนตัวเล็กเอาไว้

    “จินฮวานฮยอง”

    “อะ..อะไร”

    “รู้ใช่ไหมว่าผมกำลังรู้สึกยังไง”

    “อะ..อืม” ดูไม่ออกก็บ้าละ รังสีอัมหิตขนาดนี้

    “...”

    “...”

    “ฮยองว่าผมควรทำไง”

    “ทำอะไรเล่า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

    “เหรอ”

    “อื้ม นายนะคิดมากเกินไปแล้วนะรู้เปล่า” พูดอ้อมแอ้มพร้อมก้มหน้าหลบสายตาจากคนตัวสูงที่จ้องมา เลยไม่ทันเห็นว่าข้างหน้าเป็นบันไดเลื่อน

    “เหวอออ” คนตัวเล็กเกือบหงายหลังตกบันไดเลื่อน ดีที่ฮันบินโอบไหล่เอาไว้จึงคว้าไว้ได้ทัน ทำให้หน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

    “...”

    “...”

    ทั้งคู่สบตากัน แล้วก็เป็นคนตัวเล็กที่หลบสายตาไปก่อน แต่ฮันบินยังคงจ้องอยู่อย่างนั้นจนสุดบันไดเลื่อน

    “ย่า!” คนตัวเล็กทำเสียงแข็ง แต่เอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว

    “...” ฮันบินยังคงจ้องไม่เลิก คนในวงแขนก็ยังคงก้มหน้าหลบสายตาอยู่

    “โอเค ฉันยอมก็ได้” คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อย

    “ยอมอะไรฮะ”

    “ฉันขอโทษ”

    คนตัวเล็กเงยหน้าสบตาคนที่โอบไหล่ตนไว้ “ขอโทษที่บาบิมากอดคอฉัน ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอโทษก็เถอะ เพราะฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

    “ฮยอง!

    “ก็มันจริงหนิ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

    “แต่ผมหึงอยู่นะ ฮยองต้อง้อผมดิ” ฮันบินเริ่มเบะปากงอแงเป็นเด็ก

    “...” กระพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี

    “...”

    “โอ๋ๆ ไม่เอาไม่หึงเค้านะตะเอง เดี๋ยวเค้าซื้อช็อคโกโคนให้สิบอันเลยนะ” กลั้นใจทำเสียงเหมือนกำลังโอ๋เด็กน้อย พร้อมเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวสูงกว่า

    “ไม่เอา!” พูดพร้อมทำปากยื่น

    “งั้นจะเอาอะไรล่ะ”

    “เอาอันนี้” เด็กขี้งอนพูดพร้อมทำแก้มป่อง แถมยังเอามือจิ้มๆแก้มที่พองอยู่อีกต่างหาก

    “ฝันไปเถอะ” พูดพร้อมสะบัดหน้าหนี

    “ฮยองงง!” เริ่มงอแงหนักกว่าเดิม

    “โอเคๆๆ ก็ได้ๆ อย่าเสียงดังสิ” ได้ยินแบบนั้นเด็กขี้งอนก็ยิ้มตาหยี เห็นฟันครบสามสิบสองซี่ “หลับตาเร็วเข้า”

    “...” คนตัวสูงหลับตาลงอย่างว่าง่าย พร้อมยื่นแก้มที่พองลมเข้ามาใกล้

    “...” คนตัวเล็กยิ้มอย่างมีเลศนัย ยกฝ่ามือขึ้นมาประกบไว้สองข้างแก้มของคนตัวสูงแล้วกดลงไปแรงๆ จนแก้มที่พองลมแฟ่บลงทันที พร้อมเสียงประหลาดๆที่ออกมา “ปู้ด!

    “ย่า!” เด็กตัวสูงลืมตาโพลงทันที

    “555” หัวเราะอย่างสะใจใส่หน้าเด็กตัวสูงแล้ววิ่งหนีทันที  “ยังเร็วไปร้อยปีนะเด็กน้อย!

    “จินฮวานฮยอง! กลับมานี่เดี๋ยวนี่เลยนะ!!!

    “แบร่! :P




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×