ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความแปรปรวนของ "อากาศ"

    ลำดับตอนที่ #1 : ความแปรปรวนของอากาศ ตอนที่ ๑

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 54


    ใครจะรู้บ้างถ้าอากาศโกรธ ???

    ใครจะรู้บ้างถ้าอากาศเหงา ???

     

    หลายคนคงไม่รู้ ... เพราะมองไม่เห็น

    น่าแปลกจัง พออากาศเริ่มเย็น กลับพากันห่มผ้า ...

     

    กลับพากันซื้อเสื้อกันหนาว

    บางสิ่งที่มองไม่เห็น ...

    อาจจะสำคัญและมีความหมายในลมหายใจขึ้นมาล่ะมั้ง

     

    ------- (เริ่มเรื่อง) -------

     

    สิ่งที่ถูกมองข้าม --- ผมรู้สึกอย่างนั้น มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับการยืนอยู่ใต้เงาของคนอื่น มันคล้ายว่าเรากำลังจะมีตัวตนอยู่แล้ว แค่อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่มันยังช่างห่างไกลจากการมีตัวตนมากมายเหลือเกิน อีกนัยก็อยากให้มีใครมาสนใจ แต่มันก็หนักอึ้งที่ริมฝีปาก กลายเป็นความหนักใจที่บอกใครไม่ได้

     

    ผมก้าวออกจากบ้านไปด้วยใจห่อเหี่ยว พลางพูดในใจ เพ้อลอยๆ ว่า "ขอให้มีบางสิ่งเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของฉันทีเถอะ" คาดหวังเล็กๆ ว่าวันนี้อาจมีบางสิ่งเกิดขึ้น เหมือนในหนังที่เราเคยดู ที่พอพระเอกตั้งจิตอธิษฐานแล้วมันมักจะได้เสมอ 

     

    ตลอดทั้งวันผมสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาบางสิ่งที่ดีเกิน "เส้นปกติ" แต่น่าเสียดาย ... ที่เรื่องที่เกิดขึ้นกับพระเอกในหนัง มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมเลย คงเพราะผมไม่ใช่พระเอกกระมัง

     

    แล้วผมใครเป็นกันล่ะ ... ?!!

     

    ผมเดินเท้ากลับบ้าน ถนนวันนี้เปียกปอนไปด้วยน้ำแฉะ ฝนคงตกลงมาเป็นฟ้ารั่วตอนที่ผมอยู่ในตึกล่ะมั้งรองเท้าที่บรรจงขัดมาอย่างดีน้ำขังหมดแล้ว ... โถ่เอ๊ย !!

     

    ผู้คนรอบกายเดินสวนไปมา บ้างโทรศัทพ์ บ้างคุยกัน บ้างแอบอิง แบ่งปันความอบอุ่นให้กันและกัน และ ... บ้างอยู่คนเดียวเหมือนอย่างผม อากาศอุดอู้พลอยทำให้หายใจติดขัด พรข้อนั้นของผมก็คงติดขัดเหมือนอากาศ ผมเลิกหวังดีกว่า "แค่เพื่อนสักคนยังไม่มีเลย อย่าว่าแต่จะหาใครสักคนมาเดินร่วมทาง"

     

    ความหิวไม่เข้าใครออกใคร --- ระหว่างทางเจอร้านก๋วยเตี๋ยวเข้าร้านหนึ่ง ในช่วงเงินเดือนใกล้ออกอย่างนี้ผมเห็นมันชัดกว่าที่เคย ช่วงเวลาที่ยาวนานและผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุดของเดือนคือวันนี้ วันที่ยี่สิบแปด รู้สึกราวกับว่าแต่ละวันที่ผ่านไปนาฬิกาจะต้องหมุนเจ็ดรอบถึงจะครบวัน

     

    บะหมี่แห้งชามเล็ก ไม่พิเศษ วางตรงหน้า ผมไม่ต้องขออนุญาติใครทั้งนั้น ทันใดก็หยิบตะเกียบสาวเส้นเหลืองใส่ปาก ไม่ต้องปรุงมันแล้ว ... ซวบบ ... จ๊วบบแจ๊บบ จ๊วบบแจ๊บบ !?

     

    ------- (อิ่ม // จ่ายเงิน // ปาฏิหารย์) -------

     

    ระยะทางเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ของระยะเดินที่จากมา ผมกำลังจะกลับบ้าน เพื่อไปนอนงอเข่า ... ตะแคงบนที่นอนแข็งๆ "ผู้คนร่วมทางเดิน" ล้นหลามทีเดียว ผมมองออกไปจากมุมนี้ ด้วยความรู้สึกว้าเหว่อย่างที่สุด ...

     

    โครม ----- !!

     

    ผมรู้สึกว่าชนอะไรเข้าบางอย่าง ... ตอนนี้ผมเกาหัวยิกๆ แล้วเหลียวดูรอบๆ

     

    "โอ๊ย ... สุภาพบุรุษ จริงๆ ... ให้ตายทำไม่ต้องมาเป็นนายด้วยนะ" เสียงหวานบ่นเกลี้ยว

     

    "คือผม ... เออ ...ขอโทษ" พลางหลบหน้าไปจากเธอ มือล้วงกระเป๋ากางเกง

     

    เธอคนนั้นเก็บของใหญ่เลย ส่วนจะเป็นอะไรบ้างนั้น ผมก็ไม่อาจรู้ ช่างมันเถอะ !! รีบเดินไปจากเธอดีกว่า สองตามองพื้นผ่านๆ แบบว่าไม่อยากไปเหยียบของที่เธอกำลังเก็บ ... เธอใส่ชุดอะไรน่ะนั่น ... ผมหลบสายตากลับมา ช่างมันๆ ...

     

    "นายน่ะจะไปไหน นี่เป็นผู้ชายรึเปล่า" เธอตวาด -- ผมเอามือชี้หน้าตัวเอง พลางขมวดคิดด้วยความสงสัยเต็มประดา นี่มันคำถามประเภทไหนกัน

     

    "เธอถามเราเหรอ" ผมถาม

     

    "ใช่ย่ะ -- คนปกติเวลาเขาเดินชนผู้หญิงที่ยืนเฉยๆ นอกจากคำขอโทษแล้ว เขาก็ต้องช่วยเก็บของที่ตกด้วยนะ" เธอขมวดคิ้ว ในสองมือยังคงหยิบเก็บบางสิ่งอย่างต่อเนื่อง "ซวบซาบๆ กุกกักๆ" ผมมองไม่ชัด มันออกจะเหลี่ยม ... แหลม ... มันมัวมากไม่ชัดเอาซะเลย ...

     

    "หานี่เหรอ ??" เธอถาม -- พลางยื่นบางสิ่งมาข้างหน้าผม อ๋อ ... นี่มัน ... แว่นตาผมหนิ !!!

     

    ผมหยิบมันมาสวมจากมือของเธอ หลังมือเราเฉียดกันนิดเดียวก็รู้ในทันทีว่ามันช่างอ่อนนุ่ม ภาพของเธอชัดขึ้นมากทีเดียว 

     

    "อู้ว์ !!! Xo%*&/o&^%%!??" 

     

    ผมอุทานออกมา ด้วยสองเหตุผล ข้อแรกของที่เธอเก็บมัน คือ นกกระดาษทั้งกอง มันมหึมามาก ส่วนตรงที่พื้นใกล้ๆ กันนั้นคือโหลแก้วสูงประมาณอกคนปกติ ซึ่งมันแตกไปแล้ว เธอคงพับมันมาเป็นแรมปีแน่ๆ และข้อสองเธอใส่กระโปร่งยาวเสื้อลูกไม้หวานๆ เหมือนเสียงของเธอ เป็นคนผิวขาว หน้าตาของเธอน่ะเหรอ ... "ผมไม่ยังบอกหรอก หุหุ"

     

    ผมก้มตัวลงช่วยเธอเก็บ ระวังตัวเองอย่างดี ไม่ยอมอย่างยิ่งที่จะให้เศษกระจกแทงมือของผม ต่างกันกับเธอที่หยิบที่ละเยอะๆ ผมรู้ว่าอีกไม่นาน ... เธอคง ...

     

    "โอ๊ย" เสียงหวานหูร้องลั่น

     

    โดน ... กระ ... จก ... บาด !!!

     

    ทำไมไม่ซื้อหวยถูกได้แบบนี้นะ ผมจับมือเธอแบบไม่แยแส แผลของเธอลึกน่าดู เลือดหยดลงพื้นไม่ขาดสาย ให้ตายสิ !! ผมเกลียดเลือดจริงๆ T.T บรื๋ออออออ !! ... 

     

    "เธอจะทำอะไรน่ะ มันเจ็บนะ" เธอร้อง ผู้คนมองมาทางนี้กันใหญ่ 

     

    "เธอเลือดออก ต้องไปทำแผล เดี๋ยวตาย" ผมพูด

     

    "จะพาไปหาหมอว่างั้น" เธอพยายามอธิบายการกระทำของผม

     

    เงียบ ----- !!

     

    ผมกดปลายนิ้วชี้ของเธอเอาไว้เพื่อห้ามเลือด มันต่างจากละครในทีวีตรงที่แผลของเธอนั้นไม่ได้น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มเหมือนนางเอกในจอ กลับกัน มันแยกออกเป็นร่องลึก จนเลือดแดง นองเต็มเสื้อผม ยังดี ...คลีนิคอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น "เราข้ามถนนไปด้วยกันผ่านความพลุกพร่านของผู้คนและรถบนถนน" 

     

    "โดนอารายมาาาา" หมอแก่เพศผู้ถามยานๆ 

     

    "โดนกระจกบาด" เราตอบพร้อมกัน พลางมองหน้า "ไม่กินเส้นกันนี่หว่า ... ลืมไป"

     

    ------- (จบตอน) -------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×