ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : มาเก็บขี้หมากันเถอะ#1
“นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่~ ฉันก็ไม่รู้ ว่าเขาจะต้อนรับ ขับสู่เพียงไหน~”
บัดนี้ฮารุและแยมได้มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูล ส. ในเวลาเที่ยงคืนเศษๆเรียบร้อยแล้ว
“โอ้โห คฤหาสน์ใหญ่จังเลย โตขึ้นฉันอยากจะมีแบบนี้สักสามสี่หลังจัง” ฮารุพูดเปรยกับตัวเองพลางมองไปคฤหาสน์หลังโตเบื้องหน้า
“คุณฮารุคะ! นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมอะไรอยู่นะ ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เราสองคนต้องมาเก็บขี้หมากันนะ” แยมพูดเสียงกระซิบแต่เน้นให้ดังพอที่จะได้ยิน
“เอ่อ.... ฟังแล้วมันดูโลโซจังเลย ชื่อภารกิจเก็บขี้หมาเนี่ย น่าจะชื่อสัก...ภารกิจพิชิตอึหมา เอ้อ! ฟังดูดีขึ้นมานิดนึง” ฮารุบอกกับเธอ
“จะชื่ออะไรมันก็เป็นขี้หมาเหมือนกันแหละค่ะ” แยมพูดกับเขาก่อนเธอจะหยิบหนังสือข้อมูลออกมา “คุณฮารุคะ ตามแผนผังอันนี้ ขี้หมาจะอยู่ที่ห้องเก็บขยะส่วนหลังของคฤหาสน์ ซึ่งถ้าเราจะไปได้ก็ต้องผ่านทางหน้าประตูไปเรื่อยๆๆๆ ไปตามนี้ๆๆๆ นะคะ” แยมพูดพร้อมกับเอามือชี้ประกอบ
“อ่ะ..เอ่อ.... เข้าใจและ” ฮารุพูดแบบขอไปที
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้น .” แยมพูดกับฮารุ “กอดฉันหน่อยสิคะ”
“เอ๋!??? อะไรนะ”
“คุณฮารุคะ กอดฉันหน่อยสินะ กอดแน่นๆเลยนะ” แยมบอกกับฮารุ
“เอ่อ...แล้วทำไมมากอดตอนนี้ล่ะ นี้มันไม่ชะ....”
“คุณฮารุคะ อย่าเสียเวลาสิคะ กอดฉันสิคะ”
แยมเร่งเร้าฮารุ ทำให้ฮารุต้องทำตามที่เธอว่าโดยดี เขาค่อยๆโอบมือทั้งสองไปกอดตัวของแยมช้าๆ
“กอดแน่นด้วยๆสิคะ” แยมเร่งเร้า
“อ่า..... จ้ะ” ฮารุบอกกับเธอก่อนเขาจะโอบกอดแยมให้แน่นกว่าเดิม
“เอาล่ะนะคะ” แยมพูดให้สัญญาณก่อนที่เธอจะชูปืนสั้นจากมือข้างหนึ่งของเธอชี้ไปที่ต้นไม้ภายในรั้วคฤหาสน์ และทันทีที่เธอลั่นไก
ฟรื๊ด!!! เกิดเชือกขนาดยาวที่มีปลายเป็นตะขอพุ่งออกมาจากปลายปืนไปพันที่กิ่งไม้ ภายในรั้ว ก่อนที่เชือกจะดึงตัวกลับมาทำให้แยมที่ถือปืนถูกดึงตัวไปพร้อมๆกับฮารุเข้าไปในรั้วของคฤหาสน์หลังนั้นได้
“เอาล่ะค่ะ เข้ามาได้แล้วสินะ” แยมเอ่ย “เอ่อ...คุณฮารุคะ ปล่อยได้แล้วค่ะ”
“นิ่มจัง”
“คุณฮารุคะ! ปล่อยได้แล้วค่ะ” แยมพูด
“อ่ะ..เอ่อ....อ้อ...จ้ะจ้ะ” ฮารุค่อยๆปล่อยมือช้าๆ “แหม ทีแรกที่บอกว่าให้กอด ก็นึกว่าอะไรซะอีก”
“เอ๋? เมื่อกี๊คุณฮารุว่าอะไรนะคะ” แยมเอ่ยถามขึ้น
“อ้อๆๆๆ ไม่มีอะไรจ๊ะ” ฮารุพูดพร้อมกับยิ้มกลบเกลื่อน
“เอาล่ะค่ะ คุณฮารุตามฉันมานะคะ”
แยมบอกกับฮารุก่อนที่เธอจะเดินนำเขาไปจนถึงที่หน้าประตูของตัวคฤหาสน์ และทันทีที่ทั้งสองเดินไม่ทันกี่ก้าว
”หยุดก่อนค่ะ!!” แยมพูดกับฮารุอย่างกระทันหัน ทำเอาฮารุเบรกแทบไม่ทัน
“เอ่อ... มีอะไรเหรอแยม” ฮารุถามเธออย่างสงสัย
ทางจะเข้าคฤหาสน์หลังนี้มันไม่ง่ายหรอกค่ะ ลองสวมไอ้นี่ก่อนสิคะ” แยมบอกกับเขาพร้อมกับยื่นแว่นตาชนิดพิเศษให้ฮารุ และเมื่อฮารุสวมมันเข้าไปเขาก็พบเห็นกับแสงเลเซอร์สีแดงที่เหมือนสัญญาณดักจับขโมยอยู่แถวบริเวณหน้าประตู
“เอ้อ! จริงด้วย มีแสงเลเซอร์เต็มไปหมดเลย ถ้ามองด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นเหมือนกันนะเนี่ย แยมนี่เก่งจังเลย” ฮารุพูดกับเธอ
“ของแบบนี้ฉันก็ศึกษามาก่อนแล้วล่ะคะ ก็เลยรู้” เธอบอกกับฮารุก่อนจะหยิบปืนสั้นที่เหน็บข้างเอวเธอขึ้นมาพร้อมกับบรรจุกระสุน
“แล้วแยมจะทำอะไรเหรอ” ฮารุหันมาถามเธอ
“ตรงนั้นมันมีเครื่องควบคุมระบบของตัวนี้อยู่น่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปทำลายระบบของมัน” แยมบอกกับฮารุพร้อมกับชี้มือไปที่ข้างๆของตัวคฤหาสน์ก็พบว่ามีเครื่องที่ควบคุมระบบนี้อยู่อย่างที่เธอว่า
แยมจึงเล็งปืนของเธอไปที่เครื่องนั้น ก่อนที่เธอจะลั่นไกปืน ซึ่งเธอใส่ปลอกไว้เลยทำให้เสียงยิงปืนนั้นไม่ดังมาก
เมื่อกระสุนถูกอัดเข้าไปที่เครื่องควบคุมแสงเลเซอร์ที่ดักจับขโมย กระแสไฟฟ้าก็ถูกปล่อยออกมาจากลูกกระสุนนั้นจนทำให้เครื่องควบคุมระบบแสงเลเซอร์ดักจับขโมยขัดข้องและพังไปในที่สุด
“เอ๋?แยม นั่นมันกระสุนปืนอะไรน่ะ ทำไมมันแปลกๆแฮะ” ฮารุถามเธอ
“กระสุนอันนี้ที่ฉันยิงไปมันคือกระสุนไฟฟ้าค่ะ เมื่อถูกเป้าหมายมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา” แยมตอบกลับมา “เอาล่ะค่ะคุณฮารุ ไปได้แล้วค่ะ”
แยมนำทางฮารุไปที่หน้าประตูของตัวคฤหาสน์ ก่อนเธอจะล้วงเอากุญแจผีที่เตรียมมางัดแงะกลอนประตู แล้วในที่สุดก็เปิดประตูบานนั้นออกอย่างไม่ยากเย็น
เมื่อทั้งสองเข้าไปถึงภายใน ก็พบกับทางเดินยาวพร้อมกับประตูห้องมากมายหลายห้อง ซึ่งถ้าเขาไม่มีแผนผังที่เตรียมมาล่ะก็คงหลงทางแน่นอน
“คุณฮารุคะ ช่วยดูแผนผังหน่อยสิคะ ว่าเราต้องเข้าไปที่ประตูไหน” แยมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปเรื่อยๆช้าๆ
“อืม..... เออ........ดูยังไงหว่า ห้องมันเยอะอ่ะ ดูแล้วงง” ฮารุเอ่ยพร้อมกับพลิกแผนผังไปมา
“เอ่อ.......งั้นฉันดูเองก็ได้ค่ะ” แยมบอกก่อนจะหยิบหนังสือแผนผังมาจากฮารุ เธอก้มหน้าไปดูสักพักก็นำทางไป “ทางนี้ค่ะ ประตูบานเกือบสุดท้าย”
“จ้าจ้ะ” ฮารุตอบหน้าหงอย เพราะดูเหมือนเขาไม่ค่อยจะได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่เลย
และเมื่อถึงประตูบานที่ว่า แยมไม่รอช้า เธอเปิดประตูทันที
แอ๊ด!!
“เอ๋???”
"กรี๊ด!!!!! ขโมย!!!!!”
ปรากฏว่าเมื่อแยมเปิดประตูบานนั้น เธอก็จ๊ะเอ๋กับหญิงสาวดวงตาสีฟ้า ผมสีขาว เข้าอย่างจัง
“อะไรเนี่ยแยม เข้าประตูถูกรึปล่าวอ่ะ ทำไมห้องนี้ถึงมีคนล่ะ” ฮารุถามเธอขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ
“เอ่อ..... หนูไม่รู้ค่ะ ตัวใครตัวมันล่ะนะคะ” แยมพูดขึ้นก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฮารุยืนอึ้งไปอย่างนั้น
“อ้าวแยม! ทำไมอย่างนั้นล่ะ” ฮารุพยายามตะโกนรั้งเธอไว้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว
“สแปล! เกิดอะไรขึ้นเหรอ!!” หญิงสาวดวงตาสีเทา มีบุคลิกห้าวๆคล้ายทอมบอยวิ่งปรี่เข้ามาหาหญิงสาวที่กรี๊ดเมื่อสักครู่ที่ชื่อสแปล
“ดูนั่นสิสปินซ์ ขโมย! ขโมยอ่ะ!” สแปลพูดกับสปินซ์พร้อมกับชี้มือไปที่ฮารุ(ส่วนแยมก็หายไปเสียแล้ว)
“อ้าว!! อะไรกันเนี่ย คะ..คือผมไม่ใช่ขโมยนะครับ คะ...คือ” ฮารุพยายามพูดแก้ตัว
“หนอย!!!! ถึงไม่ใช่ขโมยแต่มาบุกรุกบ้านคนอื่นแบบนี้ มันก็ผิดเหมือนกันนั่นแหละ!!!!” สาวบุคลิกห้าวนามว่าสปินซ์พูดอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่เธอจะชูไม้เบสบอลที่เธอหยิบมาก่อนแล้วพร้อมกับพุ่งเข้าไปที่ฮารุอย่างรวดเร็ว
เฟี้ยว!!!
เสียงของไม้เบสบอลฟาดผ่านหวิดอากาศไป ฮารุหลบการโจมตีของเธอได้พร้อมกับการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์กระต่าย
“อะไรกันเนี่ย นายมันเป็นตัวอะไรกัน” สปินซ์พูดขึ้นอย่างสงสัย “แต่ช่างมันเถอะ จะตัวอะไรฉันก็ไม่ให้อภัยแกทั้งนั้นแหละ”
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ดูเหมือนว่าสปินซ์จะฟาดไม่โดนตัวฮารุเลย เพราะฮารุสามารถกระโดดหลบหนีการโจมตีของเธอได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะความสามารถของมนุษย์กระต่ายนั่นเอง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้อยากจะมาต่อสู้กับคุณหรอกนะครับ แต่ช่วยฟังเหตุผลของผมก่อนได้มั้ย” ฮารุพูดกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อพยายามให้พวกเขาใจเย็นๆ
“เหตุผลอะไรของแก ถ้าพวกแกไม่มาที่นี่เพื่อขโมยของแล้วจะมาที่นี่เพื่ออะไร มาเพื่อเก็บขี้หมารึไงหา!!” สปินซ์พูดอย่างฉุนเฉียว
“เอ้อ!! ใช่แล้วครับ ผมมาเก็บขี้หมา” ฮารุพูดพร้อมกับยิ้มเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้เหตุผลแล้ว
"ไอ้บ้า!! บอกว่ามาเก็บขี้หมา ใครจะไปโง่เชื่อล่ะ ไอ้เบื๊อก!!!” สปิ๊นซ์พูดขึ้นพร้อมกับดวงตาลุกเป็นไฟ ดูเหมือนความโกรธของเธอจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
‘เอาล่ะเหวย ซวยแล้ว บอกว่ามาเก็บขี้หมาก็ไม่เชื่อซะด้วย ท่าทางคราวนี้คงจะพูดกันได้ยากแล้วล่ะสิเนี่ย’ ฮารุคิดในใจด้วยอาการจิตตก
“สแปล ไปกดสวิตซ์ตรงนั้นให้ที” สปิ๊นซ์พูดกับสแปลที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเธอ ถึงแม้สแปลจะเป็นคนเรียบร้อยและไม่ชอบการต่อสู้ แต่ในครั้งนี้ก็จำเป็นที่เธอจะมีส่วนร่วมอะไรบางอย่างช่วยสปินซ์บ้าง
ปัง!!!
ทันทีที่สแปลกดสวิตซ์ดังกล่าว ก็บังเกิดผนังลงมาปิดกั้นทางเดินทางด้านหลังของฮารุเอาไว้
“อะ....อะไรกันเนี่ย” ฮารุพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้ล่ะ แกหนีไปไหนไม่รอดแน่ เพราะผนังนั่นปิดกั้นทางหนีเอาไว้หมดแล้ว” สปินซ์พูดด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายตรงข้าม ทำเอาฮารุต้องกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ “สแปล ช่วยไปหาอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้มั่งมั้ย” เธอบอกกับสแปล พี่น้องของเธอ
“ได้จ้ะ รอแป๊บนะ” สแปลตอบรับก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฮารุและสปินซ์ยืนประจันหนากันสักพัก
“เอ่อ.....คือว่าอย่ามาต่อสู้กันเลยนะครับ มีอะไรก็พูดจากันดีดีก่อนก็ได้” ฮารุพยายามพูดเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้าม
“จะมีอะไรให้พูดอีกล่ะ ก็แกบังอาจจะเหยียบย่ำรุกรานถิ่นคนอื่นแบบนี้ แล้วอีกอย่างนะ ฉันเป็นโรคเกลียดผู้ชายซะด้วยสิ เห็นแล้วมันอารมณ์เสียจริงเชียว” สปินซ์พูดตอบกลับมาด้วยถ้อยคำที่ทำเอาฮารุต้องเสียวสันหลังวาบ
“ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรคุณนะครับ” ฮารุพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อมที่สุด
"ผู้ชายคนไหนๆมันก็เลวเหมือนกันหมดนั่นแหละ เจ้าชู้ หลายใจ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง!!” สปินซ์ตะคอกกลับมาอย่างอารมณ์เสีย
‘อ้าว! เวรแล้ว ตรูผิดเหรอเนี่ยที่เกิดมาเป็นผู้ชาย - - ’ ฮารุคิดในใจ
“สปินซ์ อาวุธมาแล้วจ้ะ” สแปลพูดขึ้นก่อนที่เธอจะเดินมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง
“ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะ คราวนี้แกไม่รอดแน่” สปินซ์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น่ากลัวเป็นยิ่งนัก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตามตอนต่อไปเน้อ
บัดนี้ฮารุและแยมได้มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูล ส. ในเวลาเที่ยงคืนเศษๆเรียบร้อยแล้ว
“โอ้โห คฤหาสน์ใหญ่จังเลย โตขึ้นฉันอยากจะมีแบบนี้สักสามสี่หลังจัง” ฮารุพูดเปรยกับตัวเองพลางมองไปคฤหาสน์หลังโตเบื้องหน้า
“คุณฮารุคะ! นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมอะไรอยู่นะ ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เราสองคนต้องมาเก็บขี้หมากันนะ” แยมพูดเสียงกระซิบแต่เน้นให้ดังพอที่จะได้ยิน
“เอ่อ.... ฟังแล้วมันดูโลโซจังเลย ชื่อภารกิจเก็บขี้หมาเนี่ย น่าจะชื่อสัก...ภารกิจพิชิตอึหมา เอ้อ! ฟังดูดีขึ้นมานิดนึง” ฮารุบอกกับเธอ
“จะชื่ออะไรมันก็เป็นขี้หมาเหมือนกันแหละค่ะ” แยมพูดกับเขาก่อนเธอจะหยิบหนังสือข้อมูลออกมา “คุณฮารุคะ ตามแผนผังอันนี้ ขี้หมาจะอยู่ที่ห้องเก็บขยะส่วนหลังของคฤหาสน์ ซึ่งถ้าเราจะไปได้ก็ต้องผ่านทางหน้าประตูไปเรื่อยๆๆๆ ไปตามนี้ๆๆๆ นะคะ” แยมพูดพร้อมกับเอามือชี้ประกอบ
“อ่ะ..เอ่อ.... เข้าใจและ” ฮารุพูดแบบขอไปที
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้น .” แยมพูดกับฮารุ “กอดฉันหน่อยสิคะ”
“เอ๋!??? อะไรนะ”
“คุณฮารุคะ กอดฉันหน่อยสินะ กอดแน่นๆเลยนะ” แยมบอกกับฮารุ
“เอ่อ...แล้วทำไมมากอดตอนนี้ล่ะ นี้มันไม่ชะ....”
“คุณฮารุคะ อย่าเสียเวลาสิคะ กอดฉันสิคะ”
แยมเร่งเร้าฮารุ ทำให้ฮารุต้องทำตามที่เธอว่าโดยดี เขาค่อยๆโอบมือทั้งสองไปกอดตัวของแยมช้าๆ
“กอดแน่นด้วยๆสิคะ” แยมเร่งเร้า
“อ่า..... จ้ะ” ฮารุบอกกับเธอก่อนเขาจะโอบกอดแยมให้แน่นกว่าเดิม
“เอาล่ะนะคะ” แยมพูดให้สัญญาณก่อนที่เธอจะชูปืนสั้นจากมือข้างหนึ่งของเธอชี้ไปที่ต้นไม้ภายในรั้วคฤหาสน์ และทันทีที่เธอลั่นไก
ฟรื๊ด!!! เกิดเชือกขนาดยาวที่มีปลายเป็นตะขอพุ่งออกมาจากปลายปืนไปพันที่กิ่งไม้ ภายในรั้ว ก่อนที่เชือกจะดึงตัวกลับมาทำให้แยมที่ถือปืนถูกดึงตัวไปพร้อมๆกับฮารุเข้าไปในรั้วของคฤหาสน์หลังนั้นได้
“เอาล่ะค่ะ เข้ามาได้แล้วสินะ” แยมเอ่ย “เอ่อ...คุณฮารุคะ ปล่อยได้แล้วค่ะ”
“นิ่มจัง”
“คุณฮารุคะ! ปล่อยได้แล้วค่ะ” แยมพูด
“อ่ะ..เอ่อ....อ้อ...จ้ะจ้ะ” ฮารุค่อยๆปล่อยมือช้าๆ “แหม ทีแรกที่บอกว่าให้กอด ก็นึกว่าอะไรซะอีก”
“เอ๋? เมื่อกี๊คุณฮารุว่าอะไรนะคะ” แยมเอ่ยถามขึ้น
“อ้อๆๆๆ ไม่มีอะไรจ๊ะ” ฮารุพูดพร้อมกับยิ้มกลบเกลื่อน
“เอาล่ะค่ะ คุณฮารุตามฉันมานะคะ”
แยมบอกกับฮารุก่อนที่เธอจะเดินนำเขาไปจนถึงที่หน้าประตูของตัวคฤหาสน์ และทันทีที่ทั้งสองเดินไม่ทันกี่ก้าว
”หยุดก่อนค่ะ!!” แยมพูดกับฮารุอย่างกระทันหัน ทำเอาฮารุเบรกแทบไม่ทัน
“เอ่อ... มีอะไรเหรอแยม” ฮารุถามเธออย่างสงสัย
ทางจะเข้าคฤหาสน์หลังนี้มันไม่ง่ายหรอกค่ะ ลองสวมไอ้นี่ก่อนสิคะ” แยมบอกกับเขาพร้อมกับยื่นแว่นตาชนิดพิเศษให้ฮารุ และเมื่อฮารุสวมมันเข้าไปเขาก็พบเห็นกับแสงเลเซอร์สีแดงที่เหมือนสัญญาณดักจับขโมยอยู่แถวบริเวณหน้าประตู
“เอ้อ! จริงด้วย มีแสงเลเซอร์เต็มไปหมดเลย ถ้ามองด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นเหมือนกันนะเนี่ย แยมนี่เก่งจังเลย” ฮารุพูดกับเธอ
“ของแบบนี้ฉันก็ศึกษามาก่อนแล้วล่ะคะ ก็เลยรู้” เธอบอกกับฮารุก่อนจะหยิบปืนสั้นที่เหน็บข้างเอวเธอขึ้นมาพร้อมกับบรรจุกระสุน
“แล้วแยมจะทำอะไรเหรอ” ฮารุหันมาถามเธอ
“ตรงนั้นมันมีเครื่องควบคุมระบบของตัวนี้อยู่น่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปทำลายระบบของมัน” แยมบอกกับฮารุพร้อมกับชี้มือไปที่ข้างๆของตัวคฤหาสน์ก็พบว่ามีเครื่องที่ควบคุมระบบนี้อยู่อย่างที่เธอว่า
แยมจึงเล็งปืนของเธอไปที่เครื่องนั้น ก่อนที่เธอจะลั่นไกปืน ซึ่งเธอใส่ปลอกไว้เลยทำให้เสียงยิงปืนนั้นไม่ดังมาก
เมื่อกระสุนถูกอัดเข้าไปที่เครื่องควบคุมแสงเลเซอร์ที่ดักจับขโมย กระแสไฟฟ้าก็ถูกปล่อยออกมาจากลูกกระสุนนั้นจนทำให้เครื่องควบคุมระบบแสงเลเซอร์ดักจับขโมยขัดข้องและพังไปในที่สุด
“เอ๋?แยม นั่นมันกระสุนปืนอะไรน่ะ ทำไมมันแปลกๆแฮะ” ฮารุถามเธอ
“กระสุนอันนี้ที่ฉันยิงไปมันคือกระสุนไฟฟ้าค่ะ เมื่อถูกเป้าหมายมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา” แยมตอบกลับมา “เอาล่ะค่ะคุณฮารุ ไปได้แล้วค่ะ”
แยมนำทางฮารุไปที่หน้าประตูของตัวคฤหาสน์ ก่อนเธอจะล้วงเอากุญแจผีที่เตรียมมางัดแงะกลอนประตู แล้วในที่สุดก็เปิดประตูบานนั้นออกอย่างไม่ยากเย็น
เมื่อทั้งสองเข้าไปถึงภายใน ก็พบกับทางเดินยาวพร้อมกับประตูห้องมากมายหลายห้อง ซึ่งถ้าเขาไม่มีแผนผังที่เตรียมมาล่ะก็คงหลงทางแน่นอน
“คุณฮารุคะ ช่วยดูแผนผังหน่อยสิคะ ว่าเราต้องเข้าไปที่ประตูไหน” แยมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปเรื่อยๆช้าๆ
“อืม..... เออ........ดูยังไงหว่า ห้องมันเยอะอ่ะ ดูแล้วงง” ฮารุเอ่ยพร้อมกับพลิกแผนผังไปมา
“เอ่อ.......งั้นฉันดูเองก็ได้ค่ะ” แยมบอกก่อนจะหยิบหนังสือแผนผังมาจากฮารุ เธอก้มหน้าไปดูสักพักก็นำทางไป “ทางนี้ค่ะ ประตูบานเกือบสุดท้าย”
“จ้าจ้ะ” ฮารุตอบหน้าหงอย เพราะดูเหมือนเขาไม่ค่อยจะได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่เลย
และเมื่อถึงประตูบานที่ว่า แยมไม่รอช้า เธอเปิดประตูทันที
แอ๊ด!!
“เอ๋???”
"กรี๊ด!!!!! ขโมย!!!!!”
ปรากฏว่าเมื่อแยมเปิดประตูบานนั้น เธอก็จ๊ะเอ๋กับหญิงสาวดวงตาสีฟ้า ผมสีขาว เข้าอย่างจัง
“อะไรเนี่ยแยม เข้าประตูถูกรึปล่าวอ่ะ ทำไมห้องนี้ถึงมีคนล่ะ” ฮารุถามเธอขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ
“เอ่อ..... หนูไม่รู้ค่ะ ตัวใครตัวมันล่ะนะคะ” แยมพูดขึ้นก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฮารุยืนอึ้งไปอย่างนั้น
“อ้าวแยม! ทำไมอย่างนั้นล่ะ” ฮารุพยายามตะโกนรั้งเธอไว้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว
“สแปล! เกิดอะไรขึ้นเหรอ!!” หญิงสาวดวงตาสีเทา มีบุคลิกห้าวๆคล้ายทอมบอยวิ่งปรี่เข้ามาหาหญิงสาวที่กรี๊ดเมื่อสักครู่ที่ชื่อสแปล
“ดูนั่นสิสปินซ์ ขโมย! ขโมยอ่ะ!” สแปลพูดกับสปินซ์พร้อมกับชี้มือไปที่ฮารุ(ส่วนแยมก็หายไปเสียแล้ว)
“อ้าว!! อะไรกันเนี่ย คะ..คือผมไม่ใช่ขโมยนะครับ คะ...คือ” ฮารุพยายามพูดแก้ตัว
“หนอย!!!! ถึงไม่ใช่ขโมยแต่มาบุกรุกบ้านคนอื่นแบบนี้ มันก็ผิดเหมือนกันนั่นแหละ!!!!” สาวบุคลิกห้าวนามว่าสปินซ์พูดอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่เธอจะชูไม้เบสบอลที่เธอหยิบมาก่อนแล้วพร้อมกับพุ่งเข้าไปที่ฮารุอย่างรวดเร็ว
เฟี้ยว!!!
เสียงของไม้เบสบอลฟาดผ่านหวิดอากาศไป ฮารุหลบการโจมตีของเธอได้พร้อมกับการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์กระต่าย
“อะไรกันเนี่ย นายมันเป็นตัวอะไรกัน” สปินซ์พูดขึ้นอย่างสงสัย “แต่ช่างมันเถอะ จะตัวอะไรฉันก็ไม่ให้อภัยแกทั้งนั้นแหละ”
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ดูเหมือนว่าสปินซ์จะฟาดไม่โดนตัวฮารุเลย เพราะฮารุสามารถกระโดดหลบหนีการโจมตีของเธอได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะความสามารถของมนุษย์กระต่ายนั่นเอง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้อยากจะมาต่อสู้กับคุณหรอกนะครับ แต่ช่วยฟังเหตุผลของผมก่อนได้มั้ย” ฮารุพูดกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อพยายามให้พวกเขาใจเย็นๆ
“เหตุผลอะไรของแก ถ้าพวกแกไม่มาที่นี่เพื่อขโมยของแล้วจะมาที่นี่เพื่ออะไร มาเพื่อเก็บขี้หมารึไงหา!!” สปินซ์พูดอย่างฉุนเฉียว
“เอ้อ!! ใช่แล้วครับ ผมมาเก็บขี้หมา” ฮารุพูดพร้อมกับยิ้มเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้เหตุผลแล้ว
"ไอ้บ้า!! บอกว่ามาเก็บขี้หมา ใครจะไปโง่เชื่อล่ะ ไอ้เบื๊อก!!!” สปิ๊นซ์พูดขึ้นพร้อมกับดวงตาลุกเป็นไฟ ดูเหมือนความโกรธของเธอจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
‘เอาล่ะเหวย ซวยแล้ว บอกว่ามาเก็บขี้หมาก็ไม่เชื่อซะด้วย ท่าทางคราวนี้คงจะพูดกันได้ยากแล้วล่ะสิเนี่ย’ ฮารุคิดในใจด้วยอาการจิตตก
“สแปล ไปกดสวิตซ์ตรงนั้นให้ที” สปิ๊นซ์พูดกับสแปลที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเธอ ถึงแม้สแปลจะเป็นคนเรียบร้อยและไม่ชอบการต่อสู้ แต่ในครั้งนี้ก็จำเป็นที่เธอจะมีส่วนร่วมอะไรบางอย่างช่วยสปินซ์บ้าง
ปัง!!!
ทันทีที่สแปลกดสวิตซ์ดังกล่าว ก็บังเกิดผนังลงมาปิดกั้นทางเดินทางด้านหลังของฮารุเอาไว้
“อะ....อะไรกันเนี่ย” ฮารุพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้ล่ะ แกหนีไปไหนไม่รอดแน่ เพราะผนังนั่นปิดกั้นทางหนีเอาไว้หมดแล้ว” สปินซ์พูดด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายตรงข้าม ทำเอาฮารุต้องกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ “สแปล ช่วยไปหาอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้มั่งมั้ย” เธอบอกกับสแปล พี่น้องของเธอ
“ได้จ้ะ รอแป๊บนะ” สแปลตอบรับก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฮารุและสปินซ์ยืนประจันหนากันสักพัก
“เอ่อ.....คือว่าอย่ามาต่อสู้กันเลยนะครับ มีอะไรก็พูดจากันดีดีก่อนก็ได้” ฮารุพยายามพูดเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้าม
“จะมีอะไรให้พูดอีกล่ะ ก็แกบังอาจจะเหยียบย่ำรุกรานถิ่นคนอื่นแบบนี้ แล้วอีกอย่างนะ ฉันเป็นโรคเกลียดผู้ชายซะด้วยสิ เห็นแล้วมันอารมณ์เสียจริงเชียว” สปินซ์พูดตอบกลับมาด้วยถ้อยคำที่ทำเอาฮารุต้องเสียวสันหลังวาบ
“ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรคุณนะครับ” ฮารุพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อมที่สุด
"ผู้ชายคนไหนๆมันก็เลวเหมือนกันหมดนั่นแหละ เจ้าชู้ หลายใจ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง!!” สปินซ์ตะคอกกลับมาอย่างอารมณ์เสีย
‘อ้าว! เวรแล้ว ตรูผิดเหรอเนี่ยที่เกิดมาเป็นผู้ชาย - - ’ ฮารุคิดในใจ
“สปินซ์ อาวุธมาแล้วจ้ะ” สแปลพูดขึ้นก่อนที่เธอจะเดินมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง
“ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะ คราวนี้แกไม่รอดแน่” สปินซ์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น่ากลัวเป็นยิ่งนัก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตามตอนต่อไปเน้อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น