ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 : เมืองจำลอง
“อ๊ะ! แยม สปอร์ ทำไมพวกเธอแต่งตัวกันแบบนั้นล่ะ” ฮารุพูดทักขึ้นเมื่อพบว่าพวกเขาแต่งตัวออกแนวย้อนยุคเข้ากับสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ โดยที่แยมสวมเสื้อผ้าโปร่งเอวลอยสีชมพูพร้อมกระโปรงสีเดียวกันที่เข้ากับเสื้อดูทะมัดทะแมงและสบายตัว ส่วนสปอร์ก็สวมชุดเสื้อคอเต่าแขนกุดพร้อมกับกางเกงขายาวและถุงมือที่ยาวจนถึงแขนดูเท่ไปอีกแบบ
“ว่าแต่คนอื่น นายก็เหมือนกันแหละ” แยมบอก ทำให้ฮารุหันมาสังเกตตัวเองแล้วก็พบว่าตัวเขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนกุดแต่ใส่เสื้อยืดอยู่ข้างในและกางเกงขายาวที่ยัดชายกางเกงอยู่ในรองเท้าบู้ตดูเก๋ไก๋
“ว่าแต่นี่มันอะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว ที่นี่ที่ไหน พวกเรามาที่นี่ได้ยังไง แล้วเรามะ...” ดูเหมือนคำถามที่มากมายของฮารุจะถูกสปอร์ห้ามปรามเอาไว้ได้ทันก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“นี่ฮารุ ดูนั่นก่อนสิ” สปอร์พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่บนท้องฟ้า ทำให้ฮารุรวมถึงแยมมองไปตามที่สปอร์เอ่ยถึง
สิ่งที่พวกเขาเห็น นั่นก็คือใบหน้าของหญิงสาวที่มีขนาดใหญ่มหึมาที่พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี
แพรนั่นเอง!!
“สวัสดีจ๊ะฮารุ แยม และสปอร์ พวกเธอคงจะสงสัยสินะว่าเกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของแพรที่ผุดขึ้นกลางท้องฟ้าขนาดใหญ่เอ่ยขึ้นกับทั้งสาม
“อืม.... ฉันสงสัยว่าทำไมหน้าเธอรอยตีนกามันเยอะจังแฮะ” ฮารุพูดขึ้นกับใบหน้าของแพร
“กรี๊ด!!!!!! อีตาบ้า!!!!!”
“หยุดๆๆเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามาทะเละกันนะ” สปอร์ห้ามปรามศึกเอาไว้ได้ทันก่อนจะเริ่มถามคำถามกับเธอ “ว่าแต่แพร มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ก่อนที่หน้าก็เกิดไฟดับ พอไฟติดพวกเราก็มาอยู่ที่นี่ในสถานที่แปลกๆแบบนี้ เป็นฝีมือของเธอใช่มั้ย” เขาซักถามแพรขึ้นด้วยคำถามที่เต็มอยู่ในหัว
“โฮะๆๆๆ ใช่แล้วล่ะ ทั้งหมดนี้มันคือแผนการของฉัน โซล และเจ๊พีเองแหละ และสถานที่ที่พวกเธออยู่ในขณะนี้ ก็คือเมืองจำลองยังไงล่ะ” ใบหน้าของแพรตอบกลับมา
“เอ๋!? แล้วคุณแพรให้พวกเรามาที่เมืองจำลองทำไมล่ะคะ” แยมถามขึ้นมาบ้าง
“โฮะๆๆ ถามได้ดีมากเลยแยม ฉันส่งพวกเธอมาที่เมืองจำลองนี้ทำไมน่ะเหรอ นี่ล่ะที่ฉันอยากจะบอก เหตุผลที่ฉันส่งพวกเธอมาที่นี่น่ะ มันก็คือ.....”
“นี่ป้า!! จะบอกก็รีบบอกสิ ลีลาอยู่ได้” เสียงฮารุพูดแทรกแพรขึ้นมาทำเอาแพรเกือบจะแปลงร่างเป็นยักษ์ สปอร์และแยมจึงต้องรีบจัดการหาตะกร้อมาปิดปากฮารุเป็นการด่วนก่อนที่จะเกิดเรื่องยุ่งไปมากกว่านี้
“เอาล่ะ เหตุผลที่ฉันส่งพวกเธอมาที่เมืองจำลองน่ะนะ ก็เพราะว่าฉันจะให้พวกเธอได้ฝึกฝีมือการต่อสู้ที่เมืองนี้ยังไงล่ะ ถ้าเทียบง่ายๆก็เหมือนกับเกมออนไลน์น่ะแหละ ในเมืองนี้จะมีมอนสเตอร์อยู่หลากหลายชนิด เพียงแค่พวกเธอพยายามเอาตัวรอดหรือจัดการกับมอนสเตอร์ที่มาบุกรุกได้ นั่นก็เป็นการฝึกปรือฝีมือและความแข็งแกร่งของพวกเธอแล้วล่ะ” แพรบอกเหตุผลกลับมาทำเอาทั้งสามคนถึงบางอ้อ
“อ้าแอ่แอ้อื้ออาอ่ะอำอาไออา.....” ดูเหมือนว่าฮารุจะพูดอะไรบางอย่างกับแพรแต่เขาถูกใส่ตะกร้อปากเอาไว้เลยทำให้พูดไม่ชัด (นี่คนนะ ไม่ใช่หมา - -* )
“นายน่ะเงียบไปเลย” แยมหันมาบอกกับฮารุก่อนจะหันไปถามแพรต่อ “ว่าแต่คุณแพรคะ แล้วพวกเราจะออกจากเมืองจำลองนี้ได้เมื่อไหร่ยังไงล่ะคะ”
“อ๋อ! ใช่สินะ พวกเธอน่ะจะสามารถออกจากเมืองจำลองนี้ได้ มีวิธีเดียวเท่านั้นล่ะนะ ฟังให้ดีดีก็แล้วกัน” แพรเอ่ยขึ้นก่อนจะพูดเพื่อให้ดูน่าตื่นเต้น “พวกเธอก็เพียงแค่ไปหาNPCที่ชื่อว่าไพดิเอนและต้องทำเควสจัดการมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอาจูลาบี้ เมื่อจัดการได้สำเร็จพวกเธอก็จะได้ของตอบแทนที่สามารถกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ยังไงล่ะ”
“ไปหาNPCที่ชื่อไพดิเอนอย่างนั้นเหรอ... อ้อ!! นี่มันชื่อเจ๊พีนี่นา” แยมเอ่ยขึ้นกับตัวเอง
“จัดการกับมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอาจูลาบี้อย่างนั้นเหรอ เหอะๆ ชื่อน่ารักๆแบบนี้ คงจะเป็นมอนสเตอร์น่ารักๆกระจอกๆ กำจัดง่ายๆสินะ” สปอร์พูดเปรยขึ้น
“อ้าอาอ้าอื่อเอ้อ้าเอออ๊ะ” ฮารุพูดขึ้นกับตัวเองโดยที่ยังถูกปิดตะกร้อปากไว้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังเขาออกสักคนว่าเขาพูดว่าอะไร
“เอาล่ะ ฉันก็คงจะมาบอกกับพวกเธอแค่นี้แหละ ถ้าพวกเธอสงสัยอะไร ก็ไปหาทางเอาตัวรอดเองก็แล้วกันนะจ๊ะ” แพรเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มอย่างร่าเริง
“ดูหน้าเจ๊แกไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ” ฮารุเอ่ยขึ้นเมื่อพบกับรอยยิ้มที่แพรยิ้มมาอย่างมีเลศนัย
“อ้าว! เฮ้ย! นี่นายไม่ได้ถูกปิดด้วยตะกร้อปากอยู่เหรอ” สปอร์ถามขึ้นอย่างตกใจ
“นี่นายจะบ้าเหรอ นายปิดแค่ตะกร้อปาก แต่ไม่ได้มัดแขนมัดขาฉันไว้ซะหน่อย ฉันก็ใช้มือตัวเองแก้ตะกร้อปากเองได้สิ” ฮารุบอกเหตุผลไป ทำเอาสปอร์ดูมีความโง่เพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เอาเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นก็ขอให้พวกเธอทุกคนโชคดีละกัน” แพรพูดขึ้นเอ่ยครั้งสุดท้าย ก่อนที่ใบหน้าของเธอที่ผุดกลางท้องฟ้าจะเริ่มค่อยๆจางลงจางลงเรื่อยๆ จนในที่สุดใบหน้าของแพรที่พูดคุยกับพวกเขาเมื่อสักครู่ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เฮ้อ! ยัยแพรนี่ก็หาเรื่องอะไรให้พวกเราลำบากกันจริงๆ” ฮารุบ่นขึ้นทันทีที่แพรไม่อยู่
“เอาเถอะน่า ยังไงซะก็ถือว่าได้ทำอะไรแปลกๆใหม่ๆ น่าสนุกดีออก” สปอร์พูดบอกกับฮารุ
“ฉันว่าอย่ามามัวสงสัยคิดอะไรให้ปวดสมองอยู่เลยนะ ตอนนี้สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำ ก็คือต้องไปหาNPCเจ๊พีก่อนเถอะ” แยมเอ่ยขึ้นบอกกับฮารุและสปอร์ ทำให้ทั้งคู่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ และทั้งสามก็ได้มุ่งหน้าตรงไปตามทางเดินเผื่อจะเจอกับบุคคลที่หมาย
บรรยากาศรอบๆตัวของเขานั่นเป็นบรรยากาศแบบย้อนยุค บ้านเมืองของผู้คนต่างก็เป็นบ้านเก่าๆที่สร้างด้วยอิฐมีขนาดชั้นเดียวเท่านั้น ผู้คนต่างแต่งตัวแปลกๆแต่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ใบแบบฉบับของเมืองนี้ การคมนาคมของที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้การเดินเท้าเอาซะมากกว่า ยกเว้นจะมีบางคนที่ขี่มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายกับไดโนเสาร์ขนาดเท่าๆกับตัวคนแทนการเดิน และดูเหมือนว่าทุกคนจะมีอาวุธประจำตัวทุกๆคนราวกับว่าเมืองจำลองที่นี่เป็นโลกของเกมออนไลน์อย่างแท้จริง
และเมื่อพวกเขาเดินไปได้สักพัก พวกเขาก็เดินมาจนถึงอีกบริเวณนึง ซึ่งแถวนี้มีผู้คนมาขายของที่ตัวเองสามารถเก็บได้จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ รวมไปถึงของที่หายากที่สามารถนำไปขายได้ในราคาสูงๆ จึงทำให้บริเวณนี้มีผู้คนแออัดมากขึ้นกว่าในตอนแรกมาก
“คนเยอะกันจริงๆเลยแฮะ แล้วพวกเราจะหาNPCเจ๊พีเจอมั้ยเนี่ย” ฮารุพูดขึ้นมาก่อนจะแทรกตัวผ่านผู้คนที่เบียดเสียดกัน
“งั้นทุกๆคนก็ช่วยๆกันมองหาNPCเจ๊พีด้วยล่ะ” สปอร์พูดเสริม
“นี่!!! นั่นใช่NPCเจ๊พีรึปล่าวอ่ะ” แยมพูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปข้างหน้า เมื่อฮารุและสปอร์มองไปตามที่แยมชี้ พวกเขาก็พบกับบุคคลที่มีหน้าตาเมหือนกับเจ๊พีอย่างกับแกะ เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบบึ่งไปหาบุคคลผู้นั้นทันที
“สวัสดีค่ะ เจ๊พีใช่มั้ยคะ” แยมเข้าไปทักทายNPCเจ๊พีที่เธอพบเห็นอย่างไม่รอช้า
“เอ่อ..... เจ๊พีอะไรกันครับ นี่ผมชื่อไพดิเอนครับ เป็นNPCที่จะแนะนำข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นน่ะครับ” ดูเหมือนว่าNPCไพดิเอนที่พวกเขาพบเจอจะถูกคนแล้ว แต่ลักษณะนิสัยของNPCคนนี้ไม่ได้ตุ้งติ้งแต๋วแตกเหมือนเจ๊พีตัวจริงแม้แต่น้อย
“นี่มันเป็นโลกแห่งเมืองจำลองเท่านั้นล่ะนะแยม ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนเจ๊พีแต่ว่าก็ไม่ใช่คนคนเดียวกันกับเจ๊พีสินะ” สปอร์พูดขึ้นเบาๆกับแยมทำให้แยมเข้าใจกระจ่างมากขึ้น
“ว่าแต่พวกเธอมาหาฉัน ต้องการจะทำเควสกำจัดมอนสเตอร์ที่ชื่ออาจูลาบี้รึเปล่าครับ” NPCไพดิเอนถามพวกเขาขึ้น
“อ่อ ใช่แล้วครับ พวกเราจะมาจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้” สปอร์ตอบคำถามของNPCไพดิเอน
“ถ้าอย่างนั้น พวกเธอก็จงไปจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้มาให้ได้ก็แล้วกันนะครับ และเมื่อจัดการได้แล้วก็ให้กลับมาหาฉัน แล้วฉันจะมีของตอบแทนแก่พวกเธอ” NPCไพดิเอนบอกกับพวกเขาก่อนจะยื่นใบกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ด้วย “และนี่คือข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวนี้ นี่คือรูปร่างหน้าตาและที่อยู่ของมัน และยังมีแผนที่ของเมืองนี้พร้อมเสร็จสรรพเลยครับ” NPCไพดิเอนเอ่ยรายละเอียดถึงในใบกระดาษที่เขายื่นให้
สปอร์รับใบกระดาษนั้นมาก่อนจะยืนอ่านมันสักเล็กน้อย โดยที่ฮารุและแยมก็เขิยบเข้ามาดูใบกระดาษนั้นด้วยกัน
“โฮะๆ อะไรกันเนี่ย มอนสเตอร์กระจอกจริงๆด้วย ตัวเล็กนิดเดียวเอง” ฮารุพูดขึ้นอย่างโอหังพร้อมกับชี้ไปที่รูปมอนสเตอร์อาจูลาบี้ที่เป็นรูปสุนับขนปุยตัวเล็กๆเท่านั้นเอง
“จริงด้วย แบบนี้พวกเราก็จัดการได้ไม่ยากเลยสินะ” สปอร์พูดสมทบเขาขึ้นมา
“นี่น่ะเหรอที่คุณแพรบอกว่าจะให้ฝึกฝีมือพวกเรา เพียงแค่กับการมาจัดการมอนสเตอร์ตัวกระเปี๊ยกแค่นี่เอง” แยมพูดขึ้นบ้างด้วยความคิดที่ว่า ‘ทำไมมันช่างง่ายดายเช่นนี้
“ฉันก็มีข้อมูลให้เธอเท่านี้ล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกเธอโชคดีก็แล้วกัน” NPCไพดิเอนบอกลากับพวกเขาทั้งสาม ก่อนที่ฮารุ แยม และสปอร์จะเริ่มต้นเดินหน้ามุ่งไปสู้เป้าหมายดังกล่าว
“พวกเราต้องไปที่ป่าดาโก้สินะ จึงจะพบกับมอนสเตอร์อาจูลาบี้ที่พวกเราตามหา” สปอร์เดินไปถือกระดาษข้อมูลพร้อมกับอ่านถึงสถานที่ดังกล่าว
“แล้วอีกไกลมั้ยอ่ะกว่าจะถึง” แยมถามสปอร์ขึ้นมา
“อ่อ ก็คงไม่ไกลหรอก เพราะพวกเราก็แค่เดินตรงไปข้างหน้าจากจุดนี้เท่านั้นเอง” สปอร์ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ต้องเผชิญ
++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++
++++++++
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก สะ..สปอร์ ไหนนายว่ามะ...ไม่ไกลไง นี่ฉันเดินจนขาลากแล้วน้า” แยมเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงอย่างมาก เมื่อพบว่าพวกเขาเดินมาไกลมากแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงป่าดาโก้ที่ว่าเลย
“นี่สปอร์ นะ...นายดูแผนที่ถูกรึปล่าวน่ะ พะ...พวกเราก็เดินมาได้กะ...เกือบชั่วโมงแล้วนะ” ฮารุพูดขึ้นบ้างอย่างเหนื่อบหอบก่อนจะนอนแผ่หลาไปกองกับพื้นตรงนั้นทันที
“ฉันว่า...ฉันก็เดินมาตามแผนที่ถูกต้องแล้วนะ” สปอร์พูดขึ้นพร้อมกับเคร่งมองไปที่แผนที่ดังกล่าวจนตาแทบจะถลน “ก็มาถูกแล้วนี่นา”
“ฮ่วย! แล้วไหงมันไกลแบบนี้ล่ะเนี่ย ไหนลองเอาแผนที่มาให้ฉันดูบ้างซิ” ฮารุพูดขึ้นก่อนที่สปอร์จะยื่นแผนที่ให้ฮารุดู
“อืมๆ อืม....... ที่แท้ แผนที่มันก็แค่กลับด้านนี่เอง” ฮารุเอ่ยขึ้นเมื่อพบว่าดูแผนที่ผิดไปเล็กน้อย “หา! นายดูแผนที่กลับด้านอย่างนั้นเหรอ” ดูเหมือนฮารุจะตกใจมากเมื่อเขารู้เช่นนั้น
“เอ๋!?” สปอร์ยังคงมีความสงสัยอยู่
“ถ้างั้นพวกเรา..... พวกเราก็ต้องเดินย้อนกลับทิศใหม่หมดเลยงั้นสิ” ฮารุตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
“หา!!! ม่ายน๊า!! ม่ายยยยยยย” เสียงของแยมที่ร้องราวดับจะขาดใจตายเสียตรงนั้น
“เอ่อ .. ขะ..ขอโทษทีอ่ะ แหะๆ” สปอร์ทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความผิด
“ไอ้สปอร์!!!!!!” และดูเหมือนว่าสปอร์จะได้พบกับจุดจบชิตของเขา ณ จุดนี้เสียแล้ว
แต่แล้ว
“นี่พวกเธอน่ะ ทะเลาะเรื่องอะไรกันเหรอ”
ดูเหมือนว่ามัจจุราชจะยังใจดีที่ไม่เอาชีวิตสปอร์ไปในตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับนิทานน้ำเน่า ราวกับมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงสปอร์จากเงื้อมมือของโจรชั่วอย่างฮารุและแยมเอาไว้ได้ทันการ เสียงของบุรุษขี่ม้าขาวที่มาช่วยชะงักการทะเลาะของพวกเขาเอาไว้ บุคคลผู้นั้นเขาเป็นใครกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป
และนี่คือรูปของการแต่งตัวของฮารุ แยม และสปอร์ในเมืองจำลอง
เราวาดไม่สวยหรอกนะ แต่แค่วาดให้ดูเพื่อให้นึกภาพออก อ่านะ
“ว่าแต่คนอื่น นายก็เหมือนกันแหละ” แยมบอก ทำให้ฮารุหันมาสังเกตตัวเองแล้วก็พบว่าตัวเขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนกุดแต่ใส่เสื้อยืดอยู่ข้างในและกางเกงขายาวที่ยัดชายกางเกงอยู่ในรองเท้าบู้ตดูเก๋ไก๋
“ว่าแต่นี่มันอะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว ที่นี่ที่ไหน พวกเรามาที่นี่ได้ยังไง แล้วเรามะ...” ดูเหมือนคำถามที่มากมายของฮารุจะถูกสปอร์ห้ามปรามเอาไว้ได้ทันก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“นี่ฮารุ ดูนั่นก่อนสิ” สปอร์พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่บนท้องฟ้า ทำให้ฮารุรวมถึงแยมมองไปตามที่สปอร์เอ่ยถึง
สิ่งที่พวกเขาเห็น นั่นก็คือใบหน้าของหญิงสาวที่มีขนาดใหญ่มหึมาที่พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี
แพรนั่นเอง!!
“สวัสดีจ๊ะฮารุ แยม และสปอร์ พวกเธอคงจะสงสัยสินะว่าเกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของแพรที่ผุดขึ้นกลางท้องฟ้าขนาดใหญ่เอ่ยขึ้นกับทั้งสาม
“อืม.... ฉันสงสัยว่าทำไมหน้าเธอรอยตีนกามันเยอะจังแฮะ” ฮารุพูดขึ้นกับใบหน้าของแพร
“กรี๊ด!!!!!! อีตาบ้า!!!!!”
“หยุดๆๆเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามาทะเละกันนะ” สปอร์ห้ามปรามศึกเอาไว้ได้ทันก่อนจะเริ่มถามคำถามกับเธอ “ว่าแต่แพร มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ก่อนที่หน้าก็เกิดไฟดับ พอไฟติดพวกเราก็มาอยู่ที่นี่ในสถานที่แปลกๆแบบนี้ เป็นฝีมือของเธอใช่มั้ย” เขาซักถามแพรขึ้นด้วยคำถามที่เต็มอยู่ในหัว
“โฮะๆๆๆ ใช่แล้วล่ะ ทั้งหมดนี้มันคือแผนการของฉัน โซล และเจ๊พีเองแหละ และสถานที่ที่พวกเธออยู่ในขณะนี้ ก็คือเมืองจำลองยังไงล่ะ” ใบหน้าของแพรตอบกลับมา
“เอ๋!? แล้วคุณแพรให้พวกเรามาที่เมืองจำลองทำไมล่ะคะ” แยมถามขึ้นมาบ้าง
“โฮะๆๆ ถามได้ดีมากเลยแยม ฉันส่งพวกเธอมาที่เมืองจำลองนี้ทำไมน่ะเหรอ นี่ล่ะที่ฉันอยากจะบอก เหตุผลที่ฉันส่งพวกเธอมาที่นี่น่ะ มันก็คือ.....”
“นี่ป้า!! จะบอกก็รีบบอกสิ ลีลาอยู่ได้” เสียงฮารุพูดแทรกแพรขึ้นมาทำเอาแพรเกือบจะแปลงร่างเป็นยักษ์ สปอร์และแยมจึงต้องรีบจัดการหาตะกร้อมาปิดปากฮารุเป็นการด่วนก่อนที่จะเกิดเรื่องยุ่งไปมากกว่านี้
“เอาล่ะ เหตุผลที่ฉันส่งพวกเธอมาที่เมืองจำลองน่ะนะ ก็เพราะว่าฉันจะให้พวกเธอได้ฝึกฝีมือการต่อสู้ที่เมืองนี้ยังไงล่ะ ถ้าเทียบง่ายๆก็เหมือนกับเกมออนไลน์น่ะแหละ ในเมืองนี้จะมีมอนสเตอร์อยู่หลากหลายชนิด เพียงแค่พวกเธอพยายามเอาตัวรอดหรือจัดการกับมอนสเตอร์ที่มาบุกรุกได้ นั่นก็เป็นการฝึกปรือฝีมือและความแข็งแกร่งของพวกเธอแล้วล่ะ” แพรบอกเหตุผลกลับมาทำเอาทั้งสามคนถึงบางอ้อ
“อ้าแอ่แอ้อื้ออาอ่ะอำอาไออา.....” ดูเหมือนว่าฮารุจะพูดอะไรบางอย่างกับแพรแต่เขาถูกใส่ตะกร้อปากเอาไว้เลยทำให้พูดไม่ชัด (นี่คนนะ ไม่ใช่หมา - -* )
“นายน่ะเงียบไปเลย” แยมหันมาบอกกับฮารุก่อนจะหันไปถามแพรต่อ “ว่าแต่คุณแพรคะ แล้วพวกเราจะออกจากเมืองจำลองนี้ได้เมื่อไหร่ยังไงล่ะคะ”
“อ๋อ! ใช่สินะ พวกเธอน่ะจะสามารถออกจากเมืองจำลองนี้ได้ มีวิธีเดียวเท่านั้นล่ะนะ ฟังให้ดีดีก็แล้วกัน” แพรเอ่ยขึ้นก่อนจะพูดเพื่อให้ดูน่าตื่นเต้น “พวกเธอก็เพียงแค่ไปหาNPCที่ชื่อว่าไพดิเอนและต้องทำเควสจัดการมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอาจูลาบี้ เมื่อจัดการได้สำเร็จพวกเธอก็จะได้ของตอบแทนที่สามารถกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ยังไงล่ะ”
“ไปหาNPCที่ชื่อไพดิเอนอย่างนั้นเหรอ... อ้อ!! นี่มันชื่อเจ๊พีนี่นา” แยมเอ่ยขึ้นกับตัวเอง
“จัดการกับมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอาจูลาบี้อย่างนั้นเหรอ เหอะๆ ชื่อน่ารักๆแบบนี้ คงจะเป็นมอนสเตอร์น่ารักๆกระจอกๆ กำจัดง่ายๆสินะ” สปอร์พูดเปรยขึ้น
“อ้าอาอ้าอื่อเอ้อ้าเอออ๊ะ” ฮารุพูดขึ้นกับตัวเองโดยที่ยังถูกปิดตะกร้อปากไว้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังเขาออกสักคนว่าเขาพูดว่าอะไร
“เอาล่ะ ฉันก็คงจะมาบอกกับพวกเธอแค่นี้แหละ ถ้าพวกเธอสงสัยอะไร ก็ไปหาทางเอาตัวรอดเองก็แล้วกันนะจ๊ะ” แพรเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มอย่างร่าเริง
“ดูหน้าเจ๊แกไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ” ฮารุเอ่ยขึ้นเมื่อพบกับรอยยิ้มที่แพรยิ้มมาอย่างมีเลศนัย
“อ้าว! เฮ้ย! นี่นายไม่ได้ถูกปิดด้วยตะกร้อปากอยู่เหรอ” สปอร์ถามขึ้นอย่างตกใจ
“นี่นายจะบ้าเหรอ นายปิดแค่ตะกร้อปาก แต่ไม่ได้มัดแขนมัดขาฉันไว้ซะหน่อย ฉันก็ใช้มือตัวเองแก้ตะกร้อปากเองได้สิ” ฮารุบอกเหตุผลไป ทำเอาสปอร์ดูมีความโง่เพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เอาเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นก็ขอให้พวกเธอทุกคนโชคดีละกัน” แพรพูดขึ้นเอ่ยครั้งสุดท้าย ก่อนที่ใบหน้าของเธอที่ผุดกลางท้องฟ้าจะเริ่มค่อยๆจางลงจางลงเรื่อยๆ จนในที่สุดใบหน้าของแพรที่พูดคุยกับพวกเขาเมื่อสักครู่ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เฮ้อ! ยัยแพรนี่ก็หาเรื่องอะไรให้พวกเราลำบากกันจริงๆ” ฮารุบ่นขึ้นทันทีที่แพรไม่อยู่
“เอาเถอะน่า ยังไงซะก็ถือว่าได้ทำอะไรแปลกๆใหม่ๆ น่าสนุกดีออก” สปอร์พูดบอกกับฮารุ
“ฉันว่าอย่ามามัวสงสัยคิดอะไรให้ปวดสมองอยู่เลยนะ ตอนนี้สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำ ก็คือต้องไปหาNPCเจ๊พีก่อนเถอะ” แยมเอ่ยขึ้นบอกกับฮารุและสปอร์ ทำให้ทั้งคู่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ และทั้งสามก็ได้มุ่งหน้าตรงไปตามทางเดินเผื่อจะเจอกับบุคคลที่หมาย
บรรยากาศรอบๆตัวของเขานั่นเป็นบรรยากาศแบบย้อนยุค บ้านเมืองของผู้คนต่างก็เป็นบ้านเก่าๆที่สร้างด้วยอิฐมีขนาดชั้นเดียวเท่านั้น ผู้คนต่างแต่งตัวแปลกๆแต่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ใบแบบฉบับของเมืองนี้ การคมนาคมของที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้การเดินเท้าเอาซะมากกว่า ยกเว้นจะมีบางคนที่ขี่มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายกับไดโนเสาร์ขนาดเท่าๆกับตัวคนแทนการเดิน และดูเหมือนว่าทุกคนจะมีอาวุธประจำตัวทุกๆคนราวกับว่าเมืองจำลองที่นี่เป็นโลกของเกมออนไลน์อย่างแท้จริง
และเมื่อพวกเขาเดินไปได้สักพัก พวกเขาก็เดินมาจนถึงอีกบริเวณนึง ซึ่งแถวนี้มีผู้คนมาขายของที่ตัวเองสามารถเก็บได้จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ รวมไปถึงของที่หายากที่สามารถนำไปขายได้ในราคาสูงๆ จึงทำให้บริเวณนี้มีผู้คนแออัดมากขึ้นกว่าในตอนแรกมาก
“คนเยอะกันจริงๆเลยแฮะ แล้วพวกเราจะหาNPCเจ๊พีเจอมั้ยเนี่ย” ฮารุพูดขึ้นมาก่อนจะแทรกตัวผ่านผู้คนที่เบียดเสียดกัน
“งั้นทุกๆคนก็ช่วยๆกันมองหาNPCเจ๊พีด้วยล่ะ” สปอร์พูดเสริม
“นี่!!! นั่นใช่NPCเจ๊พีรึปล่าวอ่ะ” แยมพูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปข้างหน้า เมื่อฮารุและสปอร์มองไปตามที่แยมชี้ พวกเขาก็พบกับบุคคลที่มีหน้าตาเมหือนกับเจ๊พีอย่างกับแกะ เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบบึ่งไปหาบุคคลผู้นั้นทันที
“สวัสดีค่ะ เจ๊พีใช่มั้ยคะ” แยมเข้าไปทักทายNPCเจ๊พีที่เธอพบเห็นอย่างไม่รอช้า
“เอ่อ..... เจ๊พีอะไรกันครับ นี่ผมชื่อไพดิเอนครับ เป็นNPCที่จะแนะนำข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นน่ะครับ” ดูเหมือนว่าNPCไพดิเอนที่พวกเขาพบเจอจะถูกคนแล้ว แต่ลักษณะนิสัยของNPCคนนี้ไม่ได้ตุ้งติ้งแต๋วแตกเหมือนเจ๊พีตัวจริงแม้แต่น้อย
“นี่มันเป็นโลกแห่งเมืองจำลองเท่านั้นล่ะนะแยม ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนเจ๊พีแต่ว่าก็ไม่ใช่คนคนเดียวกันกับเจ๊พีสินะ” สปอร์พูดขึ้นเบาๆกับแยมทำให้แยมเข้าใจกระจ่างมากขึ้น
“ว่าแต่พวกเธอมาหาฉัน ต้องการจะทำเควสกำจัดมอนสเตอร์ที่ชื่ออาจูลาบี้รึเปล่าครับ” NPCไพดิเอนถามพวกเขาขึ้น
“อ่อ ใช่แล้วครับ พวกเราจะมาจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้” สปอร์ตอบคำถามของNPCไพดิเอน
“ถ้าอย่างนั้น พวกเธอก็จงไปจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้มาให้ได้ก็แล้วกันนะครับ และเมื่อจัดการได้แล้วก็ให้กลับมาหาฉัน แล้วฉันจะมีของตอบแทนแก่พวกเธอ” NPCไพดิเอนบอกกับพวกเขาก่อนจะยื่นใบกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ด้วย “และนี่คือข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวนี้ นี่คือรูปร่างหน้าตาและที่อยู่ของมัน และยังมีแผนที่ของเมืองนี้พร้อมเสร็จสรรพเลยครับ” NPCไพดิเอนเอ่ยรายละเอียดถึงในใบกระดาษที่เขายื่นให้
สปอร์รับใบกระดาษนั้นมาก่อนจะยืนอ่านมันสักเล็กน้อย โดยที่ฮารุและแยมก็เขิยบเข้ามาดูใบกระดาษนั้นด้วยกัน
“โฮะๆ อะไรกันเนี่ย มอนสเตอร์กระจอกจริงๆด้วย ตัวเล็กนิดเดียวเอง” ฮารุพูดขึ้นอย่างโอหังพร้อมกับชี้ไปที่รูปมอนสเตอร์อาจูลาบี้ที่เป็นรูปสุนับขนปุยตัวเล็กๆเท่านั้นเอง
“จริงด้วย แบบนี้พวกเราก็จัดการได้ไม่ยากเลยสินะ” สปอร์พูดสมทบเขาขึ้นมา
“นี่น่ะเหรอที่คุณแพรบอกว่าจะให้ฝึกฝีมือพวกเรา เพียงแค่กับการมาจัดการมอนสเตอร์ตัวกระเปี๊ยกแค่นี่เอง” แยมพูดขึ้นบ้างด้วยความคิดที่ว่า ‘ทำไมมันช่างง่ายดายเช่นนี้
“ฉันก็มีข้อมูลให้เธอเท่านี้ล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกเธอโชคดีก็แล้วกัน” NPCไพดิเอนบอกลากับพวกเขาทั้งสาม ก่อนที่ฮารุ แยม และสปอร์จะเริ่มต้นเดินหน้ามุ่งไปสู้เป้าหมายดังกล่าว
“พวกเราต้องไปที่ป่าดาโก้สินะ จึงจะพบกับมอนสเตอร์อาจูลาบี้ที่พวกเราตามหา” สปอร์เดินไปถือกระดาษข้อมูลพร้อมกับอ่านถึงสถานที่ดังกล่าว
“แล้วอีกไกลมั้ยอ่ะกว่าจะถึง” แยมถามสปอร์ขึ้นมา
“อ่อ ก็คงไม่ไกลหรอก เพราะพวกเราก็แค่เดินตรงไปข้างหน้าจากจุดนี้เท่านั้นเอง” สปอร์ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ต้องเผชิญ
++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++
++++++++
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก สะ..สปอร์ ไหนนายว่ามะ...ไม่ไกลไง นี่ฉันเดินจนขาลากแล้วน้า” แยมเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงอย่างมาก เมื่อพบว่าพวกเขาเดินมาไกลมากแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงป่าดาโก้ที่ว่าเลย
“นี่สปอร์ นะ...นายดูแผนที่ถูกรึปล่าวน่ะ พะ...พวกเราก็เดินมาได้กะ...เกือบชั่วโมงแล้วนะ” ฮารุพูดขึ้นบ้างอย่างเหนื่อบหอบก่อนจะนอนแผ่หลาไปกองกับพื้นตรงนั้นทันที
“ฉันว่า...ฉันก็เดินมาตามแผนที่ถูกต้องแล้วนะ” สปอร์พูดขึ้นพร้อมกับเคร่งมองไปที่แผนที่ดังกล่าวจนตาแทบจะถลน “ก็มาถูกแล้วนี่นา”
“ฮ่วย! แล้วไหงมันไกลแบบนี้ล่ะเนี่ย ไหนลองเอาแผนที่มาให้ฉันดูบ้างซิ” ฮารุพูดขึ้นก่อนที่สปอร์จะยื่นแผนที่ให้ฮารุดู
“อืมๆ อืม....... ที่แท้ แผนที่มันก็แค่กลับด้านนี่เอง” ฮารุเอ่ยขึ้นเมื่อพบว่าดูแผนที่ผิดไปเล็กน้อย “หา! นายดูแผนที่กลับด้านอย่างนั้นเหรอ” ดูเหมือนฮารุจะตกใจมากเมื่อเขารู้เช่นนั้น
“เอ๋!?” สปอร์ยังคงมีความสงสัยอยู่
“ถ้างั้นพวกเรา..... พวกเราก็ต้องเดินย้อนกลับทิศใหม่หมดเลยงั้นสิ” ฮารุตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
“หา!!! ม่ายน๊า!! ม่ายยยยยยย” เสียงของแยมที่ร้องราวดับจะขาดใจตายเสียตรงนั้น
“เอ่อ .. ขะ..ขอโทษทีอ่ะ แหะๆ” สปอร์ทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความผิด
“ไอ้สปอร์!!!!!!” และดูเหมือนว่าสปอร์จะได้พบกับจุดจบชิตของเขา ณ จุดนี้เสียแล้ว
แต่แล้ว
“นี่พวกเธอน่ะ ทะเลาะเรื่องอะไรกันเหรอ”
ดูเหมือนว่ามัจจุราชจะยังใจดีที่ไม่เอาชีวิตสปอร์ไปในตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับนิทานน้ำเน่า ราวกับมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงสปอร์จากเงื้อมมือของโจรชั่วอย่างฮารุและแยมเอาไว้ได้ทันการ เสียงของบุรุษขี่ม้าขาวที่มาช่วยชะงักการทะเลาะของพวกเขาเอาไว้ บุคคลผู้นั้นเขาเป็นใครกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป
และนี่คือรูปของการแต่งตัวของฮารุ แยม และสปอร์ในเมืองจำลอง
เราวาดไม่สวยหรอกนะ แต่แค่วาดให้ดูเพื่อให้นึกภาพออก อ่านะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น