ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : ทำเอาฮารุและแยมเซ็งไปเลย
ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องยุ่งๆขึ้นซะแล้ว ฮารุได้มาพบเจอกับแยมเข้าจนได้ แต่ทว่าฮารุก็ต้องมาประจันหน้ากับสปินซ์(และสแปล)อีกครั้ง ส่วนแยมเองก็ต้องมารับมือกับสปาร์คนี่อีก แล้วพวกเขาจะเอาตัวรอดกันได้มั้ยเนี่ย
“โฮะๆ พวกเธอจนมุมเข้าให้แล้วสินะ” หญิงสาวบุคลิกห้าวๆคล้ายทอมบอยนามว่าสปินซ์เอ่ยขึ้นกับฮารุ
“คราวนี้ล่ะ ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย” ชายหนุ่มนามว่าสปาร์คก็พูดขึ้นกับกับหญิงสาวที่ชื่อแยม
‘แล้วทำไมฉันต้องกลายเป็นตัวประกอบด้วยเนี่ย’ เสียงกระซิบภายในใจของสแปล หญิงสาวผู้แสนเรียบร้อยและไร้เดียงสา
ในขณะนี้ดูเหมือนฮารุและแยมจะโดนต้อนจากฝ่ายตรงข้ามราวกับแกะที่ถูกหมาป่าไล่จนจนมุม ฮารุและแยมค่อยๆเดินถอยเอาหลังชนกันเตรียมประชันหน้ากับสปินซ์และสปาร์คอย่างไม่รู้ถึงอนาคตของตัวเอง
"ย๊าก!!!"
ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะพุ่งเข้าโจมตีเข้าหาฮารุและแยมที่ยืนอยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่า....
“ฮารุ! จะทำยังไงดี” เสียงของแยมที่ดูเหมือนจะกระวนกระวายใจในเวลากระชั้นชิดแบบนี้
“ถ้าอย่างงั้นก็คงจะ...” ยังไม่ทันสิ้นคำตอบของฮารุ ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้น
ฝึบ
“เอ๊ะ!!!”
ดูเหมือนว่าสปินซ์และสปาร์คที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามจะถูกหยุดชะงักลงราวกับถูกพันธนาการด้วยอะไรบางอย่าง
“สปินซ์ ทำไมเราขยับตัวไม่ได้เลยล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” สปาร์คพูดถามพี่สาวทอมบอยของเขา
“เอ๊ะ! ดูดีดีสิ นี่มันเส้นด้ายนี่นา” สปินซ์ตอบกลับน้องชายของเธอเมื่อเธอพบว่าที่เธอและสปาร์คขยับตัวไม่ได้ก็เพราะมีเส้นด้ายลึกลับมามัดแขนและขาของพวกเขาเอาไว้ และดูเหมือนว่าพี่น้องกลุ่มนี้จะนึกอะไรออกอย่างเข้าใจกันดี
“พี่สปอร์!!” เสียงของสปินซ์ สปาร์ค รวมถึงสแปลที่ร้องพูดออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“ฮ่าๆๆ เก่งจริงๆเลยน้องพี่เนี่ย” และดูเหมือนว่าบุคคลที่หมายถึงจะเข้ามาสมทบเพิ่มอีกรายอย่างรู้ดี เขาคือสปอร์นั่นเอง
“พะ...พี่สปอร์ พี่มาใช้วิชาเส้นด้ายกับพวกเราทำไมล่ะเนี่ย” สปินซ์พูดผู้เป็นพี่ชายอย่างงุนงงในสภาพที่ถูกพันธนาการ
“อ้าว! ก็พี่เห็นพวกน้องๆเหมือนมีเรื่องอะไรกัน พี่ไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ก็เลยหยุดการกระทำของพวกน้องๆเอาไว้ซะ นี่ดูตัวอย่างสแปลสิ ไม่เห็นใจร้อนอย่างพวกเธอเลย” สปอร์พูดกับสปินซ์และสปาร์คพร้อมกับชี้ไปที่สแปลที่ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนสองคนนี้
“แหมพี่ จะไปเทียบอะไรกับพี่สแปลล่ะ ก็พี่สแปลเขาต่อสู้ไม่เป็นแล้วก็ไม่ชอบการต่อสู้ด้วยนี่” สปาร์คบ่นใส่พี่ชายเล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออีกนิดหน่อย “ว่าแต่เมื่อไหร่พี่จะปลดเส้นด้ายของพี่นี่สักทีล่ะ”
“เอ้อ! ลืมไป โทษที” สปอร์ดูเหมือนจะนึกได้ เขาจึงสะบัดมือของเขาเบาๆ
และแล้วเส้นด้ายที่พันแข้งพันขาของทั้งสองก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะหันไปมองยังฮารุและแยมที่ยืนอึ้งดูเหตุการณ์ของพี่น้องตระกูลนี้
“เอ้า!พวกเธอ มามัวนิ่งเป็นรูปปั้นไปได้ พวกฉันไม่ทำอะไรแล้วล่ะ” สปอร์พูดบอกกับฮารุและแยมอย่างเป็นมิตร ต่างจากสปินซ์สาวทอมบอย และสปาร์คหนุ่มเลือดร้อนผู้บ้าคลั่งในพรหมลิขิตอย่างสิ้นเชิง “ว่าแต่พวกเธอเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ”
“อ่ะ...เอ่อ....เอ่อ...” ฮารุอ้ำอึ้งกับคำถามของสปอร์ก่อนจะกระซิบเบาๆบอกกับเพื่อนของเขา “แยมๆ บอกเขาไปสิ”
“อ้าว! ฮารุ ทำไมน่าเกลียดอย่างนี้ล่ะ นายก็บอกเขาไปสิ” แยมเกี่ยง
“นี่!!! มีอะไรก็ว่ามาตรงๆเถอะ ไม่งั้นฉันจะถือว่าพวกเธอมาบุกรุกนะ” สปอร์พูดเสียงเข้มใส่ฮารุและแยม
“ว๊ากๆๆ บอกก็ได้ๆ ฉันชื่อฮารุ ส่วนนี่แยม เรามาทำภารกิจลับเพื่อประเทศน่ะ” ฮารุตอบออกไป
“เอ๋!? แล้วภารกิจที่ว่าน่ะ มันภารกิจอะไรล่ะ” สปอร์ถามกลับไป
“เอ่อ.....ภารกิจ....ภารกิจกะ...เก็บ....กะ....เกะ.....กะ”
“เฮ้ย! จะพูดก็พูดมาสักทีเซ่ อึดอัดนะเนี่ย!!” สปอร์โวยใส่ฮารุที่พูดอ้ำอึ้งจนน่ารำคาญ
“อ๊ะๆๆ บอกก็ได้ ที่เรามาที่นี่ ก็มาทำภารกิจ...เก็บขี้หมาที่คฤหาสน์ของนายยังไงล่ะ” ฮารุพูดบอกออกไปก่อนจะเตรียมตัวเตรียมใจรับกับเหตุการณ์ในต่อไปนี้พร้อมกับแยม
“นี่ไงล่ะพี่สปอร์ เห็นมั้ย มันบอกว่ามันมาเก็บขี้หมาน่ะ เหตุผลงี่เง่าปัญญาอ่อนแบบนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว” สปาร์คพูดโต้แย้งเกตุผลของฝ่ายตรงข้ามสุดฤทธิ์
“แต่พี่เชื่อนะ” สปอร์พูดสั้นๆ ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
“อ๊าก!!! ไม่จริ๊ง พี่ของช๊านเสียสติไปแล้วเหรอเนี่ย ไปเชื่ออะไรเหตุผลบ้าบอคอแตกพรรค์น้านนน” สปินซ์พูดขึ้นโวยวายอย่างรับไม่ได้
“นี่!! ฟังก่อนสิ ที่พี่เชื่อน่ะ ก็เพราะเมื่อกี๊มีโทรศัพท์มาหาพี่ บอกว่าจะมีคนมาขอเอาขี้หมาของบ้านเราเพื่อเอาไปพิสูจน์สารอาหารและข้อมูลของสุขภาพหมาที่บ้านเราไง เผื่อจะได้เอาไปใช้กับสุนัขตำรวจของประเทศด้วยน่ะ” สปอร์บอกเหตุผลที่แท้จริงไปทำเอาสปินซ์และสปาร์คอึ้งไปตามๆกัน
“จะ...จริงเหรอเนี่ยพี่สปอร์” สปาร์คเป็นผู้ถามพี่ชายของตนบ้าง
“จริงดิ” สปอร์พูดตอบกลับไปโดยมีฮารุและแยมมองด้วยสีหน้าระรื่นและมีความสุขผิดปกติ
ดูเหมือนว่าสปินซ์และสปาร์คจะหน้าซีดลงทันที ส่วนสแปลก็ดูเหมือนเธอจะมองดูเหตุการณ์พร้อมกับคิดในใจว่า ‘ทำไมบทฉันมันน้อยอย่างนี้’
และดูเหมือนว่าในที่สุดเหตุการณ์ก็คลี่คลายลงได้ด้วยดี แท้จริงแล้วเป็นการเข้าใจผิดกันนั่นเอง สปินซ์กับสปาร์คก็เลยขอโทษขอโพยฮารุและแยมเป็นการใหญ่ ส่วนสปอร์ก็ได้มอบถุงใส่ขี้หมาที่เขาเลี้ยงไว้เอาไปให้พวกเขาอย่างง่ายดายกว่าที่คิด
+++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++
++++++++++
ติ๊งหน่อง!!
เสียงกดออดหน้าบ้านหลังหนึ่งดังขึ้น สักพักผู้ชายท่าทางตุ้งติ้งคนหนึ่งก็เปิดประตูต้อนรับแขกเหล่านี้
“อ้าว!!! ฮารุ แยม ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ภารกิจเสร็จสิ้นดีมั้ย นี่ฉันโทรไปบอกสปอร์เจ้าของบ้านด้วยนะว่าจะส่งพวกเธอไปเอาขี้หมามาน่ะ” ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ๊พีเปิดประตูบ้านต้อนรับฮารุและแยมต้อนรับการกลับมาหลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นนั่นเอง
“อ้อ! ที่แท้คนที่โทรศัพท์บอกสปอร์ว่าจะส่งพวกเราไปขอขี้หมามา ก็คือเจ๊พีเองหรอกเหรอ” ฮารุถามเจ๊พีกลับไป
“อ้อ ใช่แล้วจ้า นี่ฉันกลัวว่าพวกเธอจะทำภารกิจไม่สำเร็จนะเนี่ย ก็เลยไปบอกเจ้าของบ้านให้ เป็นไง สำเร็จดีใช่มั้ย” ชายไม่แท้ผู้มีไฝเป็นจุดเด่นบนใบหน้านามว่าพีพูดขึ้น
“โอ้ว ขอบใจมากเลยเจ๊พี ภารกิจสำเร็จเสร็จสิ้นดี ผมก็เลยซื้อไอ้นี่มาฝากเจ๊พีด้วยล่ะ” ฮารุพูดกลับไปพร้อมกับยื่นถุงกระดาษให้
“อ้อ! ถุงแบบนี้ ไม่ข้าวเม่าก็กล้วยทอดสินะ ของโปรดเจ๊ เจ๊ชอบ มามะ กำลังหิวพอดี” เจ๊พีพูดขึ้นอย่างรู้ดีเมื่อเห็นถุงกระดาษที่ห่อขนมอยู่ข้างใน
เจ๊พีรีบคว้าถุงขนมมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยิบเตรียมเข้าปาก ปล่อยให้ฮารุกับแยมมองดูตาเป็นมัน
“กรี๊ด!!!!! ตาเถรบัดซบเอ๊ย!!! นี่มันขี้หมาชัดๆเลยนี่หว่า กรี๊ด!!!!” เจ๊พีร้องลั่นเมื่อพบว่าสิ่งที่เธอหยิบมามันคือขี้หมาก่อนที่เธอจะขว้างปามันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว นับว่ายังโชคดีที่เธอไม่ทันหยิบเข้าปาก ทำเอาฮารุและแยมกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วทีนี้
“ฮ่าๆๆๆๆ สมน้ำหน้าเจ๊พี น่าจะกินซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ โทษฐานที่มาทำกับเรา” แยมเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างราวกับโกรธแค้นอะไรบางอย่าง
“อะไรกันพวกเธอ เจ๊ไปทำอะไรให้ เจ๊ไม่เข้าใจ เจ๊งงไปหมดแล้ว” เจ๊พีถามฮารุและแยมพร้อมกับทำหน้าตาอ้อนวอนใส่ แต่ดูยังไงมันก็ไม่มีความน่าใจอ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ก็เจ๊น่ะให้เราไปเอาขี้หมาจากคฤหาสน์ตระกูลส. พวกเราก็บุกเอาไปซะแทบตาย ที่ไหนได้แค่เจ๊โทรศัพท์ไปหาเจ้าของบ้านทีเดียวก็ได้มาแล้ว” แยมพูดบอกเหตุผล ทำเอาเจ๊พีถึงบางอ้อ
“อ๋อ!? ก็ตอนนั้นเจ๊ไม่รู้ว่าบ้านเขาจะไม่หวงสูตรน่ะ อีกอย่างเจ๊ก็เพิ่งไปรู้เบอร์เจ้าของบ้านมาก็เลยลองโทรไปขอดูเท่านั้นเอง” เจ๊พีบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะโทรไปหาเจ้าของบ้านเขาก่อนเซ่ ไม่ใช่ให้เรามาทำอะไรเสียแรงเปล่าๆอย่างนี้” แยมพูดด้วยความเซ็งเต็มที่
“ว๊าก! เจ๊ขอโทษนะ อย่าถือสาคนสวยๆไร้สมองอย่างเจ๊เลยนะ”
“ไอ้คำว่าสวยน่ะไม่ใช่ แต่ไร้สมองนี่เห็นด้วยที่สุด” เสียงฮารุพูดซุบซิบกับตัวเอง
“เอาล่ะๆ ไหนๆก็ได้ขี้หมามาแล้ว งั้นเดี๋ยวเจ๊จะขอเอาขี้หมาไปทดลองพิสูจน์เลยก็แล้วกันนะ” เจ๊พีพูดจบก็ขอตัวพร้อมกับถือถุงขี้หมา(ที่ดูภายนอกเหมือนกล้วยทอด)เข้าไปในห้องทดลอง
“เฮ้อ! นี่มันภารกิจบ้าอะไรเนี่ย ไหงมันกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้” ฮารุพุดกับตัวเองด้วยความสมเพช
“เอาเถอะฮารุ อยู่คิดมากไปเลยน่า นี่แค่เบาะๆ ในอนาคตยังมีภารกิจยากๆอีกมากมายที่เราต้องเผชิญอีกนะ” แยมพูดบอกกับฮารุเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น
“อื้มๆ ขอบใจมากนะแยม” ฮารุพูดกลับพร้อมกับยิ้มมาให้เธอ
“ไม่เป็นไรจ้า เพราะเรายังต้องทำงานด้วยกันอีกนานเลย” แยมบอกกับฮารุกลับไปเช่นกัน
“อ้าว! พวกเธอสองคน ทำภารกิจเก็บขี้หมาเสร็จสิ้นแล้วสินะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำเอาฮารุและแยมต้องหันขวับไปทางต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! แพร” ฮารุและแยมพูดขึ้นพร้อมกันเมื่อพบกับหญิงสาวผมสีเหลืองงามอร่าม ดวงตาสีน้ำตาลที่เขาคุ้นเคยในชุดกระโปรงสีชมพูตัวใหม่ แพรผู้เป็นเจ้าขององค์กรนั่นเอง
“ภารกิจน่ะเสร็จสิ้นแล้วล่ะ เราอุตส่าห์ไปบุกบ้านเพื่อเอาขี้หมามา ที่ไหนได้เจ๊พีแค่โทรศัพท์ไปหาเจ้าของบ้านทีเดียวก็ได้มาแล้ว ฉันล่ะเซ็งเลย” ฮารุพูดตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย
“เอาเถอะน่าๆ ไหนๆก็ผ่านมาได้แล้ว ช่างมันเถอะ” แพรพูดแก้แทนเจ๊พี “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อไปนี้พวกเธอก็จะไม่ต้องลำบากมากอีกแล้วล่ะ” ก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไรบางอย่างต่อ
“เอ๋!? ไม่ต้องลำบาก หมายความว่ายังไงเหรอคะแพร” แยมถามหญิงสาวคนนี้กลับไปอย่างสงสัย
“โฮะๆ ก็หมายความว่า ตอนนี้ฉันมีผู้ร่วมทำงานกับพวกเธอด้วยอีกคนแล้วยังไงล่ะ” แพรบอกออกไป ทำเอาฮารุและแยมมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“จริงๆเหรอ ใครกันอ่ะ” ฮารุพูดถามเป็นการสงสัยเล็กน้อย
“นี่ๆ ไม่ต้องสงสัยไปหรอกน่า เพราะตอนนี้เขาก็มาอยู่นี่แล้วไง” แพรพูดพร้อมกับชี้มือไปที่ด้านหลังของเธอเพื่อต้อนรับบุคคลที่กำลังเดินมา “ยืนดีต้อนรับจ้า สมาชิกองค์กรคนใหม่”
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา เมื่อฮารุและแยมพบเจอหน้าของเขาเข้า พวกเขาก็ต้องตกใจเป้นอย่างมาก
“สปอร์!!!”
ฮารุและแยมอุทานพร้อมกันเมื่อพบว่าสมาชิกองค์กรคนใหม่นั้น ก็คือพี่ใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ตระกูลส.ที่พวกเขาเพิ่งไปเก็บขี้หมามานี่เอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไปเน้อ
“โฮะๆ พวกเธอจนมุมเข้าให้แล้วสินะ” หญิงสาวบุคลิกห้าวๆคล้ายทอมบอยนามว่าสปินซ์เอ่ยขึ้นกับฮารุ
“คราวนี้ล่ะ ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย” ชายหนุ่มนามว่าสปาร์คก็พูดขึ้นกับกับหญิงสาวที่ชื่อแยม
‘แล้วทำไมฉันต้องกลายเป็นตัวประกอบด้วยเนี่ย’ เสียงกระซิบภายในใจของสแปล หญิงสาวผู้แสนเรียบร้อยและไร้เดียงสา
ในขณะนี้ดูเหมือนฮารุและแยมจะโดนต้อนจากฝ่ายตรงข้ามราวกับแกะที่ถูกหมาป่าไล่จนจนมุม ฮารุและแยมค่อยๆเดินถอยเอาหลังชนกันเตรียมประชันหน้ากับสปินซ์และสปาร์คอย่างไม่รู้ถึงอนาคตของตัวเอง
"ย๊าก!!!"
ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะพุ่งเข้าโจมตีเข้าหาฮารุและแยมที่ยืนอยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่า....
“ฮารุ! จะทำยังไงดี” เสียงของแยมที่ดูเหมือนจะกระวนกระวายใจในเวลากระชั้นชิดแบบนี้
“ถ้าอย่างงั้นก็คงจะ...” ยังไม่ทันสิ้นคำตอบของฮารุ ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้น
ฝึบ
“เอ๊ะ!!!”
ดูเหมือนว่าสปินซ์และสปาร์คที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามจะถูกหยุดชะงักลงราวกับถูกพันธนาการด้วยอะไรบางอย่าง
“สปินซ์ ทำไมเราขยับตัวไม่ได้เลยล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” สปาร์คพูดถามพี่สาวทอมบอยของเขา
“เอ๊ะ! ดูดีดีสิ นี่มันเส้นด้ายนี่นา” สปินซ์ตอบกลับน้องชายของเธอเมื่อเธอพบว่าที่เธอและสปาร์คขยับตัวไม่ได้ก็เพราะมีเส้นด้ายลึกลับมามัดแขนและขาของพวกเขาเอาไว้ และดูเหมือนว่าพี่น้องกลุ่มนี้จะนึกอะไรออกอย่างเข้าใจกันดี
“พี่สปอร์!!” เสียงของสปินซ์ สปาร์ค รวมถึงสแปลที่ร้องพูดออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“ฮ่าๆๆ เก่งจริงๆเลยน้องพี่เนี่ย” และดูเหมือนว่าบุคคลที่หมายถึงจะเข้ามาสมทบเพิ่มอีกรายอย่างรู้ดี เขาคือสปอร์นั่นเอง
“พะ...พี่สปอร์ พี่มาใช้วิชาเส้นด้ายกับพวกเราทำไมล่ะเนี่ย” สปินซ์พูดผู้เป็นพี่ชายอย่างงุนงงในสภาพที่ถูกพันธนาการ
“อ้าว! ก็พี่เห็นพวกน้องๆเหมือนมีเรื่องอะไรกัน พี่ไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ก็เลยหยุดการกระทำของพวกน้องๆเอาไว้ซะ นี่ดูตัวอย่างสแปลสิ ไม่เห็นใจร้อนอย่างพวกเธอเลย” สปอร์พูดกับสปินซ์และสปาร์คพร้อมกับชี้ไปที่สแปลที่ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนสองคนนี้
“แหมพี่ จะไปเทียบอะไรกับพี่สแปลล่ะ ก็พี่สแปลเขาต่อสู้ไม่เป็นแล้วก็ไม่ชอบการต่อสู้ด้วยนี่” สปาร์คบ่นใส่พี่ชายเล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออีกนิดหน่อย “ว่าแต่เมื่อไหร่พี่จะปลดเส้นด้ายของพี่นี่สักทีล่ะ”
“เอ้อ! ลืมไป โทษที” สปอร์ดูเหมือนจะนึกได้ เขาจึงสะบัดมือของเขาเบาๆ
และแล้วเส้นด้ายที่พันแข้งพันขาของทั้งสองก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะหันไปมองยังฮารุและแยมที่ยืนอึ้งดูเหตุการณ์ของพี่น้องตระกูลนี้
“เอ้า!พวกเธอ มามัวนิ่งเป็นรูปปั้นไปได้ พวกฉันไม่ทำอะไรแล้วล่ะ” สปอร์พูดบอกกับฮารุและแยมอย่างเป็นมิตร ต่างจากสปินซ์สาวทอมบอย และสปาร์คหนุ่มเลือดร้อนผู้บ้าคลั่งในพรหมลิขิตอย่างสิ้นเชิง “ว่าแต่พวกเธอเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ”
“อ่ะ...เอ่อ....เอ่อ...” ฮารุอ้ำอึ้งกับคำถามของสปอร์ก่อนจะกระซิบเบาๆบอกกับเพื่อนของเขา “แยมๆ บอกเขาไปสิ”
“อ้าว! ฮารุ ทำไมน่าเกลียดอย่างนี้ล่ะ นายก็บอกเขาไปสิ” แยมเกี่ยง
“นี่!!! มีอะไรก็ว่ามาตรงๆเถอะ ไม่งั้นฉันจะถือว่าพวกเธอมาบุกรุกนะ” สปอร์พูดเสียงเข้มใส่ฮารุและแยม
“ว๊ากๆๆ บอกก็ได้ๆ ฉันชื่อฮารุ ส่วนนี่แยม เรามาทำภารกิจลับเพื่อประเทศน่ะ” ฮารุตอบออกไป
“เอ๋!? แล้วภารกิจที่ว่าน่ะ มันภารกิจอะไรล่ะ” สปอร์ถามกลับไป
“เอ่อ.....ภารกิจ....ภารกิจกะ...เก็บ....กะ....เกะ.....กะ”
“เฮ้ย! จะพูดก็พูดมาสักทีเซ่ อึดอัดนะเนี่ย!!” สปอร์โวยใส่ฮารุที่พูดอ้ำอึ้งจนน่ารำคาญ
“อ๊ะๆๆ บอกก็ได้ ที่เรามาที่นี่ ก็มาทำภารกิจ...เก็บขี้หมาที่คฤหาสน์ของนายยังไงล่ะ” ฮารุพูดบอกออกไปก่อนจะเตรียมตัวเตรียมใจรับกับเหตุการณ์ในต่อไปนี้พร้อมกับแยม
“นี่ไงล่ะพี่สปอร์ เห็นมั้ย มันบอกว่ามันมาเก็บขี้หมาน่ะ เหตุผลงี่เง่าปัญญาอ่อนแบบนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว” สปาร์คพูดโต้แย้งเกตุผลของฝ่ายตรงข้ามสุดฤทธิ์
“แต่พี่เชื่อนะ” สปอร์พูดสั้นๆ ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
“อ๊าก!!! ไม่จริ๊ง พี่ของช๊านเสียสติไปแล้วเหรอเนี่ย ไปเชื่ออะไรเหตุผลบ้าบอคอแตกพรรค์น้านนน” สปินซ์พูดขึ้นโวยวายอย่างรับไม่ได้
“นี่!! ฟังก่อนสิ ที่พี่เชื่อน่ะ ก็เพราะเมื่อกี๊มีโทรศัพท์มาหาพี่ บอกว่าจะมีคนมาขอเอาขี้หมาของบ้านเราเพื่อเอาไปพิสูจน์สารอาหารและข้อมูลของสุขภาพหมาที่บ้านเราไง เผื่อจะได้เอาไปใช้กับสุนัขตำรวจของประเทศด้วยน่ะ” สปอร์บอกเหตุผลที่แท้จริงไปทำเอาสปินซ์และสปาร์คอึ้งไปตามๆกัน
“จะ...จริงเหรอเนี่ยพี่สปอร์” สปาร์คเป็นผู้ถามพี่ชายของตนบ้าง
“จริงดิ” สปอร์พูดตอบกลับไปโดยมีฮารุและแยมมองด้วยสีหน้าระรื่นและมีความสุขผิดปกติ
ดูเหมือนว่าสปินซ์และสปาร์คจะหน้าซีดลงทันที ส่วนสแปลก็ดูเหมือนเธอจะมองดูเหตุการณ์พร้อมกับคิดในใจว่า ‘ทำไมบทฉันมันน้อยอย่างนี้’
และดูเหมือนว่าในที่สุดเหตุการณ์ก็คลี่คลายลงได้ด้วยดี แท้จริงแล้วเป็นการเข้าใจผิดกันนั่นเอง สปินซ์กับสปาร์คก็เลยขอโทษขอโพยฮารุและแยมเป็นการใหญ่ ส่วนสปอร์ก็ได้มอบถุงใส่ขี้หมาที่เขาเลี้ยงไว้เอาไปให้พวกเขาอย่างง่ายดายกว่าที่คิด
+++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++
++++++++++
ติ๊งหน่อง!!
เสียงกดออดหน้าบ้านหลังหนึ่งดังขึ้น สักพักผู้ชายท่าทางตุ้งติ้งคนหนึ่งก็เปิดประตูต้อนรับแขกเหล่านี้
“อ้าว!!! ฮารุ แยม ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ภารกิจเสร็จสิ้นดีมั้ย นี่ฉันโทรไปบอกสปอร์เจ้าของบ้านด้วยนะว่าจะส่งพวกเธอไปเอาขี้หมามาน่ะ” ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ๊พีเปิดประตูบ้านต้อนรับฮารุและแยมต้อนรับการกลับมาหลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นนั่นเอง
“อ้อ! ที่แท้คนที่โทรศัพท์บอกสปอร์ว่าจะส่งพวกเราไปขอขี้หมามา ก็คือเจ๊พีเองหรอกเหรอ” ฮารุถามเจ๊พีกลับไป
“อ้อ ใช่แล้วจ้า นี่ฉันกลัวว่าพวกเธอจะทำภารกิจไม่สำเร็จนะเนี่ย ก็เลยไปบอกเจ้าของบ้านให้ เป็นไง สำเร็จดีใช่มั้ย” ชายไม่แท้ผู้มีไฝเป็นจุดเด่นบนใบหน้านามว่าพีพูดขึ้น
“โอ้ว ขอบใจมากเลยเจ๊พี ภารกิจสำเร็จเสร็จสิ้นดี ผมก็เลยซื้อไอ้นี่มาฝากเจ๊พีด้วยล่ะ” ฮารุพูดกลับไปพร้อมกับยื่นถุงกระดาษให้
“อ้อ! ถุงแบบนี้ ไม่ข้าวเม่าก็กล้วยทอดสินะ ของโปรดเจ๊ เจ๊ชอบ มามะ กำลังหิวพอดี” เจ๊พีพูดขึ้นอย่างรู้ดีเมื่อเห็นถุงกระดาษที่ห่อขนมอยู่ข้างใน
เจ๊พีรีบคว้าถุงขนมมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยิบเตรียมเข้าปาก ปล่อยให้ฮารุกับแยมมองดูตาเป็นมัน
“กรี๊ด!!!!! ตาเถรบัดซบเอ๊ย!!! นี่มันขี้หมาชัดๆเลยนี่หว่า กรี๊ด!!!!” เจ๊พีร้องลั่นเมื่อพบว่าสิ่งที่เธอหยิบมามันคือขี้หมาก่อนที่เธอจะขว้างปามันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว นับว่ายังโชคดีที่เธอไม่ทันหยิบเข้าปาก ทำเอาฮารุและแยมกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วทีนี้
“ฮ่าๆๆๆๆ สมน้ำหน้าเจ๊พี น่าจะกินซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ โทษฐานที่มาทำกับเรา” แยมเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างราวกับโกรธแค้นอะไรบางอย่าง
“อะไรกันพวกเธอ เจ๊ไปทำอะไรให้ เจ๊ไม่เข้าใจ เจ๊งงไปหมดแล้ว” เจ๊พีถามฮารุและแยมพร้อมกับทำหน้าตาอ้อนวอนใส่ แต่ดูยังไงมันก็ไม่มีความน่าใจอ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ก็เจ๊น่ะให้เราไปเอาขี้หมาจากคฤหาสน์ตระกูลส. พวกเราก็บุกเอาไปซะแทบตาย ที่ไหนได้แค่เจ๊โทรศัพท์ไปหาเจ้าของบ้านทีเดียวก็ได้มาแล้ว” แยมพูดบอกเหตุผล ทำเอาเจ๊พีถึงบางอ้อ
“อ๋อ!? ก็ตอนนั้นเจ๊ไม่รู้ว่าบ้านเขาจะไม่หวงสูตรน่ะ อีกอย่างเจ๊ก็เพิ่งไปรู้เบอร์เจ้าของบ้านมาก็เลยลองโทรไปขอดูเท่านั้นเอง” เจ๊พีบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะโทรไปหาเจ้าของบ้านเขาก่อนเซ่ ไม่ใช่ให้เรามาทำอะไรเสียแรงเปล่าๆอย่างนี้” แยมพูดด้วยความเซ็งเต็มที่
“ว๊าก! เจ๊ขอโทษนะ อย่าถือสาคนสวยๆไร้สมองอย่างเจ๊เลยนะ”
“ไอ้คำว่าสวยน่ะไม่ใช่ แต่ไร้สมองนี่เห็นด้วยที่สุด” เสียงฮารุพูดซุบซิบกับตัวเอง
“เอาล่ะๆ ไหนๆก็ได้ขี้หมามาแล้ว งั้นเดี๋ยวเจ๊จะขอเอาขี้หมาไปทดลองพิสูจน์เลยก็แล้วกันนะ” เจ๊พีพูดจบก็ขอตัวพร้อมกับถือถุงขี้หมา(ที่ดูภายนอกเหมือนกล้วยทอด)เข้าไปในห้องทดลอง
“เฮ้อ! นี่มันภารกิจบ้าอะไรเนี่ย ไหงมันกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้” ฮารุพุดกับตัวเองด้วยความสมเพช
“เอาเถอะฮารุ อยู่คิดมากไปเลยน่า นี่แค่เบาะๆ ในอนาคตยังมีภารกิจยากๆอีกมากมายที่เราต้องเผชิญอีกนะ” แยมพูดบอกกับฮารุเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น
“อื้มๆ ขอบใจมากนะแยม” ฮารุพูดกลับพร้อมกับยิ้มมาให้เธอ
“ไม่เป็นไรจ้า เพราะเรายังต้องทำงานด้วยกันอีกนานเลย” แยมบอกกับฮารุกลับไปเช่นกัน
“อ้าว! พวกเธอสองคน ทำภารกิจเก็บขี้หมาเสร็จสิ้นแล้วสินะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำเอาฮารุและแยมต้องหันขวับไปทางต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! แพร” ฮารุและแยมพูดขึ้นพร้อมกันเมื่อพบกับหญิงสาวผมสีเหลืองงามอร่าม ดวงตาสีน้ำตาลที่เขาคุ้นเคยในชุดกระโปรงสีชมพูตัวใหม่ แพรผู้เป็นเจ้าขององค์กรนั่นเอง
“ภารกิจน่ะเสร็จสิ้นแล้วล่ะ เราอุตส่าห์ไปบุกบ้านเพื่อเอาขี้หมามา ที่ไหนได้เจ๊พีแค่โทรศัพท์ไปหาเจ้าของบ้านทีเดียวก็ได้มาแล้ว ฉันล่ะเซ็งเลย” ฮารุพูดตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย
“เอาเถอะน่าๆ ไหนๆก็ผ่านมาได้แล้ว ช่างมันเถอะ” แพรพูดแก้แทนเจ๊พี “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อไปนี้พวกเธอก็จะไม่ต้องลำบากมากอีกแล้วล่ะ” ก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไรบางอย่างต่อ
“เอ๋!? ไม่ต้องลำบาก หมายความว่ายังไงเหรอคะแพร” แยมถามหญิงสาวคนนี้กลับไปอย่างสงสัย
“โฮะๆ ก็หมายความว่า ตอนนี้ฉันมีผู้ร่วมทำงานกับพวกเธอด้วยอีกคนแล้วยังไงล่ะ” แพรบอกออกไป ทำเอาฮารุและแยมมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“จริงๆเหรอ ใครกันอ่ะ” ฮารุพูดถามเป็นการสงสัยเล็กน้อย
“นี่ๆ ไม่ต้องสงสัยไปหรอกน่า เพราะตอนนี้เขาก็มาอยู่นี่แล้วไง” แพรพูดพร้อมกับชี้มือไปที่ด้านหลังของเธอเพื่อต้อนรับบุคคลที่กำลังเดินมา “ยืนดีต้อนรับจ้า สมาชิกองค์กรคนใหม่”
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา เมื่อฮารุและแยมพบเจอหน้าของเขาเข้า พวกเขาก็ต้องตกใจเป้นอย่างมาก
“สปอร์!!!”
ฮารุและแยมอุทานพร้อมกันเมื่อพบว่าสมาชิกองค์กรคนใหม่นั้น ก็คือพี่ใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ตระกูลส.ที่พวกเขาเพิ่งไปเก็บขี้หมามานี่เอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไปเน้อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น