คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : มาเก็บขี้หมากันเถอะ#3
“หน้าตาก็ดี ไม่น่าปากเสียแบบนี้เลยนะ ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อในพรหมลิขิตก็ไม่เป็นไร แต่เธอก็ไม่น่ามาว่ามันเป็นขี้หมาแบบนี้เลยนี่” สปาร์คพูดขึ้นกับหญิงสาวที่ชื่อแยมที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันว่านายเข้าใจผิดไปแล้วนะ ฉันไม่ได้ต้องการจะหมายควาย เอ๊ย! หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อยนะ” แยมพูดแก้ตัวบอกกับชายหนุ่มไป
“นั่นไง!! เมื่อกี๊เธอก็จงใจจะว่าฉันเป็นควายอีกใช่มั้ยล่ะ คนอย่างเธอนี่มันร้ายจริงๆเลยนะ” สปาร์คบอกกับหญิงสาวอีกครั้ง
“อะไรกันเนี่ย! ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านายสักหน่อย เมื่อกี๊ฉันพูดจริง เอ๊ย! พูดผิดจริงๆนะ” แยมพูดแก้ตัวอีกรอบ
“อีกแล้วนั่นไง เมื่อกี๊เธอหลุดปากออกมาแล้วว่าที่เธอด่าฉัน มันคือความตั้งใจของเธออีกด้วย” สปาร์คบอก
‘อะไรกันเนี่ย ทำไมฉันถึงพูดผิดซ้ำซากแบบนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะพรหมลิขิตจริงๆที่ทำให้ฉันต้องมาสู้กับเจ้าหมอนี่’ แยมคิดในใจขึ้นมา และดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตขึ้นมาอีกคนซะแล้ว
“เอาเถอะ ยังไงก็แล้วแต่ ดูเหมือนว่าพรหมลิขิตจะอยากทำให้พวกเราได้มาต่อสู้กันซะแล้วสิ งั้นฉันก็คงไม่อาจะฝืนมันได้หรอกนะ” สปาร์คพูดด้วยถ้อยคำที่ต้องอาศัยความเข้าใจสักเล็กน้อย แต่แยมก็สามารถรับรู้ความหมายและสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้อย่างไม่ยากเย็น ทางด้านฝ่ายของแยมเองก็เตรียมพร้อมรับมือกับฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องเชื่อในพรหมลิขิตซะแล้วสินะ” แยมพูดตอบโต้กับชายหนุ่ม
“แต่ฉันว่าก่อนที่เราจะสู้กัน เธอน่าจะผูกเชือกรองเท้าก่อนนะ เชือกของเธอมันหลุดน่ะ” สปาร์คบอกกับหญิงสาวด้วยความสุภาพ ช่างเป็นศัตรูที่อ่อนน้อมไม่เปลี่ยนจริงๆ
“เอ๋? ขอบใจนะ” แยมบอกกับชายหนุ่มก่อนที่จะก้มตัวไปผูกเชือกร้องเท้า “.....แต่เอ๊ะ! เชือกรองเท้าของฉันไม่เห็นจะหลุดอย่างที่นายว่าเลยนี่นา”
แน่นอนว่าแยมโดนชายหนุ่มหลอกเข้าให้ซะแล้ว ทำไมผู้หญิงฉลาดๆอย่างเธอถึงโดนผู้ชายหลอกด้วยมุกง่ายๆแบบนี้เนี่ย หรือว่าเธอเต็มใจให้หลอกกันแน่
“ย๊าก!!!!”
เมื่อแยมเงยหน้าขึ้นมาในขณะที่ยังก้มตัวอยู่ ก็พบว่าสปาร์คได้กระโจนอยู่เหนือศีรษะของเธอพร้อมกับง้างไม้พลองเหล็กอย่างเต็มที่
ปึง!!!!!
เสียงของไม้พลองเหล็กของสปาร์คกระทบเข้ากับพื้นจนเกิดเสียงดัง นับว่าเป็นเพราะประสบการณ์อันช่ำชองของแยมที่ทำให้เธอมีการหลบหลีกจากศัตรูได้ว่องไวเช่นนี้
“แฮ่กๆๆ เกือบไปแล้วนะเนี่ย เล่นโจมตีมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ” แยมพูดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกตัวเองด้วยความใจหาย
“ฮึฮึ ยังถือว่าหลบได้นะครับคุณผู้หญิง โชคดีจังเลยนะที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่งั้นก็คงจะไม่สนุกแน่ๆเลยถ้ามันจะจบเร็วแบบนี้” สปาร์คพูดขึ้นบอกกับหญิงสาวพร้อมกับเก๊กท่าเล็กน้อย
“หนอย! อวดเก่งจังเลยนะเธอ งั้นก็เจอฉันบ้างสิ” แยมพูดขึ้นพร้อมกับชี้ปืนสั้นไปที่ชายหนุ่ม ทำเอาชายหนุ่มแอบเสียวสันหลังวาบเหมือนกัน
"เฮ้ย!! จะทำอะไรน่ะ นี่เล่นจะยิงกันให้ตายกันไปเลยเรอะ" ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ขาของเขาเริ่มสั่นเข้า เริ่มสั่นมากขึ้น น้ำปัสสาวะเริ่มปริ่มไหลเปียกกางเกงในของเขาเล็กน้อย ปืนของแยมยังคงชี้มาที่ตรงหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
"ในเมื่อเธอจะทำร้ายฉัน ฉันก็ต้องป้องกันตัวเองเหมือนกัน" แยมพูดครั้งสุดท้าย
"ม่าย!!!!!!!!!!!!!!"
ปัง!!!!!!
เธอลั่นไกปืนอย่างไม่รีรอ ราวกับว่าเวลาหยุดอยู่กับที่ เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพที่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาวทำเอาเธอต้องรู้สึกตกใจไปเหมือนกัน
กุ๊กกู่ กุ๊กกู่ กุ๊กกู่~
กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่แยมยิงออกมานั้น กลับเป็นตุ๊กตารูปนกที่ร้องบอกเวลาของนาฬิกาไขลานสมัยก่อนออกมาแทน
“หนอย!!! ใครแอบมาเปลี่ยนกระสุนปืนเนี่ย!!! ” แยมสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับปาปืนทิ้งลงพื้นทันที(แต่ยังไงก็ต้องเก็บมาคืนอยู่ดี เสียดายของ)
“เอ่อ.....ฮ่ะ....ฮะฮะฮะ......ฮ่าๆๆๆๆ อะไรของเธอเนี่ย ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ท่าดีทีเหลวซะไม่มี” สปาร์คค่อยๆเปลี่ยนจากสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดมาหัวเราะให้แก่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับพูดอย่างอวดเก่ง แต่ในใจของที่จริงมันคงจะเป็น ‘โอ้ย! แม้เจ้า จะเป็นลม นึกว่าข้อยจะตายซะแล้ว’
“เมื่อกี๊ฉันแค่ผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อยเท่านั้นแหละ แต่ไม้ตายเด็ดๆของฉันยังมีอีกเพียบนะจะบอกให้” แยมพูดแก่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับเชิดใส่เล็กน้อย
“เฮอะๆ คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยโอกาสให้เธอโจมตีง่ายๆน่ะ” สปาร์คพูดขึ้นกับหญิงสาวฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับจับพลองในท่าที่ถนัดมืออีกครั้ง
“ฮึ จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย” แยมพูดสบถเงียบๆกับตัวเอง
“พายุหมุนทอร์นาโด!!” ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเริ่มบุกโจมตีเข้าใส่แยมอีกครั้ง สปาร์คควงไม้พลองของเขาอย่างเชี่ยวชาญจนหมุนอย่างรวดเร็วราวกับใบพัด ก่อนจะพุ่งตัวพร้อมกับฟาดไม้พลองที่ควงเป็นวงกลมกระแทกเข้าใส่แยมเข้าอย่างจัง
ปึง!!!
ถึงแม้ว่าแยมจะมีอาวุธเป็นปืน แต่ในครั้งนี้เธอก็สามารถตั้งรับในระยะประชิดได้อย่างไม่แย่มากนัก เธอถือปืนไรเฟิลขนาดยาวมาป้องกันไม้พลองของฝ่ายตรงข้ามจนชะงักไปได้
“โอ๊ะโอ! ฉันนึกว่าปืนของเธอจะใช้ยิงได้อย่างเดียวซะอีกนะเนี่ย เฮอะๆๆ” สปาร์คพูดเย้ยหยันฝ่ายตรงข้าม
“ถ้างั้นก็ลองดูมั้ยล่ะ ว่าทำอะไรอย่างอื่นได้อีกบ้าง” แยมพูดกับฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับสะพายเก็บปืนไรเฟิลของเธอเอาไว้ ก่อนจะหยิบปืนสั้นสองกระบอกที่เหน็บข้างเอวของเธอขึ้นมาแทน
“เฮอะๆๆ นี่เธอจะโชว์อะไรของเธออีกล่ะ คราวนี้จะเป็นอะไรโผล่มาจากปืนอีกนะ” สปาร์คพูดล้อเลียนแยมขึ้นมา
ปัง!!!
ดูเหมือนคราวนี้สปาร์คจะยิ้มไม่ออก เพราะแยมยิงกระสุนปืนของจริงเข้าให้ ยังดีที่มันแค่เฉียดผ่านแก้มของสปาร์คไปเท่านั้น
“อ๊าก!!! นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย เล่นกะให้ฉันตายเลยรึไง ห๊า!!” สปาร์คโวยวายใส่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“ไม่หรอก เพราะกระสุนที่ฉันยิงไปเมื่อสักครู่มันเป็นแค่กระสุนไฟน่ะ ถ้าโดนตรงตัวมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงอัดกระแทกของลูกปืนหรอก แต่มันจะมีคุณสมบัติแค่ให้เป้าหมายที่ยิงไปนั้นไหม้ไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง” แยมบอกกับฝ่ายตรงข้ามทำให้สปาร์คโล่งใจไปเล็กน้อยที่แยมยังไม่ได้หวังจะปลิดชีพเขาจริงๆ “เอ๋??? เมื่อกี๊เธอบอกว่ากระสุนไฟงั้นเหรอ” ดูเหมือนว่าสปาร์คจะเอะใจและถามหญิงสาวกลับไป
“ก็ใช่ แล้วทำไมเหรอ” แยมถามฝ่ายตรงข้ามกลับไปอย่างงงๆ
และดูเหมือนว่าแยมเพิ่งจะสังเกตอะไรบางอย่างที่ด้านหลังของสปาร์ค ส่วนตัวของสปาร์คเองก็หันหลังกลับไปตามสัญชาตญาณ
“นังบ้า!!!!! เธอกำลังจะทำให้บ้านฉันไฟไหม้รึไง!!!!” สปาร์คโวยขึ้นอย่างตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้พื้นบ้านที่เป็นพรมกำลังกลายเป็นพื้นไฟไปเสียแล้ว
“กรี๊ด!!!! ไฟไหม้ๆ ช่วยด้วยๆๆๆ” แยมร้องอย่างตื่นตูม
“นี่เธอเป็นคนทำทำไหม้นะยังจะมาขอความช่วยเหลืออีก! เธอนั่นแหละตัวดีต้องมาจัดการ!!!!” สปอร์โวยวายใส่หญิงสาว
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” แยมถามกลับไปอย่างลุกลี้ลุกลน
“ถามได้ ก็ไปหาอะไรมาดับไฟเซ่คนสวย” สปาร์คบอกกับหญิงสาวอย่างหัวเสียแกมประชด
แยมลุกลี้ลุกลนหาสิ่งของต่างๆนานเพื่อที่จะมาดับไฟที่กำลังลุกไหม้ขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้ และดูเหมือนว่า........
พรึ่บ!!!
“ว้าย!! ไฟไหม้ใหญ่แล้ว” แยมโวยวายมากขึ้นเข้าไปอีกเมื่อพบว่าไฟเริ่มลามเข้าไฟไหม้ถึงผ้าม่านและพรมที่พื้น
“แงๆๆๆ บ้านฉัน ม่าย!!!! YoY ” สปาร์คพูดขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์
“นี่เธออย่ามามัวโวยวายสิ มาช่วยกันดับไฟหน่อย” แยมตะโกนใส่หูของชายหนุ่มพร้อมกับเขย่าตัวของเขาอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเสียแล้ว ชายหนุ่มช็อคจนหมดสติราวกับคนไร้วิญญาณ
“กรี๊ด!!!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!” แยมตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างไม่มีทางเลือก
ฝึบ ฝึบ ฝึบ
“พลังลมสลาตัน!!!”
ฟ้าววววววววว
ชายหนุ่มในร่างมนุษย์ครึ่งกระต่ายได้ปล่อยพลังลมขนาดใหญ่กรรโชกอย่างรุนแรงราวคลื่นลมมรสุมที่โหมกระหน่ำจนสามารถดับไฟในบริเวณนี้ได้ทั้งหมด
“ฮารุ!!!” แยมอุทานขึ้นเมื่อพบกับชายหนุ่มที่มาช่วยเหลือเธอไว้ เขาไม่ใช่ใครที่ไหน ฮารุนั่นเอง “ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้วเสียอีก” ก่อนที่แยมจะพูดถึงฮารุอย่างเป็นมงคล(ตรงไหน?)
“ - -* ก็เกือบจะตายอยู่แล้วนี่แหละ เอ้อ! แล้วเรื่องที่เธอวิ่งหนีเอาตัวรอดไปก่อนปล่อยให้ฉันสู้กับนังทอมบอยนั่นคงเดียว คงต้องคุยกันอีกยาวนะแยม” ฮารุพูดบอกกับหญิงสาวด้วยถ้อยคำที่แอบเคือง
“แฮะๆ ก็พอดีตอนนั้นมันกลัวอ่ะ โทษที” แยมตอบพลางกับยิ้มแหยๆ “ว่าแต่นายจัดการทางฝั่งโน้นได้แล้วเหรอ”
“ได้ซะที่ไหนล่ะ นี่ฉันแกล้งตายมานะเนี่ย พอได้โอกาสก็รีบบึ่งหนีพวกนั้นมาเลยนะสิ” ฮารุเล่าเรื่องพร้อมกับอาการเสียวสันหลังวาบ
“นั่นไง!!! ตามหาตัวเจอแล้ว” เสียงยมทูตที่กำลังจะมาพรากวิญญาณของฮารุไปดังขึ้นทำเอาฮารุเสียวสันหลังวาบของแท้ เสียงนั่นไม่ใช่ใคร มันคือ......
“สปินซ์!!” ฮารุสบถอย่างตกใจและหวาดกลัวราวกับเจอก็อตซิล่ากำลังอ้าปากจะเขมือบเขาในทันควัน
“เอ๊ะ! แล้วไหงไม่พูดชื่อฉันบ้างล่ะ” สแปลบ่นขึ้นอย่างน้อยใจขณะที่เธอเดินตามหลังสปินซ์มาติดๆ(ก็แหงล่ะ เธอไม่ได้ช่วยต่อสู้อะไรเลย นอกจากหยิบแส้มาให้สปินซ์)
“คราวนี้ล่ะ จะได้เป็นเวลาการต่อสู้ที่แท้จริงๆสินะ” เสียงของชายหนุ่มสมทบขึ้นอีกเสียง สปาร์คนั่นเอง เขาหายจากอาการช๊อคเพราะไฟไหม้เมื่อสักครู่แล้ว “แม่สาวน้อย ถึงแม้จะสามารถดับไฟได้ แต่ฉันก็ไม่ให้อภัยในสิ่งที่เธอทำไว้หรอกนะ”
ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องยุ่งๆขึ้นซะแล้ว ฮารุได้มาพบเจอกับแยมเข้าจนได้ แต่ทว่าฮารุก็ต้องมาประจันหน้ากับสปินซ์(และสแปล)อีกครั้ง ส่วนแยมเองก็ต้องมารับมือกับสปาร์คนี่อีก แล้วพวกเขาจะเอาตัวรอดกันได้มั้ยเนี่ย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไปเน้อ
ความคิดเห็น