ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh my prince ปั่นป่วนหัวใจนายเจ้าชายexo

    ลำดับตอนที่ #2 : แผนการ luhan zone

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 55


    Luhan zone

    งานของแกใกล้จะเริ่มแล้ว เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นหลังจากที่ผมรับโทรศัพท์

    แล้วผมจะต้องทำอะไรบ้างครับผมถามกลับ

    แกคงเห็นแล้วใช่มั๊ย งานเต้นรำหน้ากากที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้

    ครับ ผมเห็นแล้วครับ

    แกต้องแฝงตัวเข้าไปในงาน แล้วทำตามแผนที่ฉันวางไว้ ราชวงศ์เอกโซจะต้องล่มสลาย ให้สมกับที่พวกมันเคยทำกับบรรพบุรษของฉันปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

    ครับ ผมจะพยายาม…..แต่ถ้าแผนการนี้ไม่สำเร็จหละครับ จะให้ผมทำอย่างไรครับ

    ฉันนึกอยู่แล้ว ว่าแกจะต้องถามคำถามนี้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะฉันได้ตกลงกับขุนนางในนั้นแล้ว งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเจ้าชายคนเดียวในราชวงศ์บ้าๆนั่น ที่เพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศสและแน่นอนเป็นถึงเจ้าชายก็ต้องมีองครักษ์ประจำตัว…”

    อย่าบอกนะครับว่าคืนพรุ่งนี้ผมจะต้องเข้าไปในพระราชวังนั่น ไม่ใช่เพียงแค่ก่อความวุ่นวาย แต่ต้องไปเป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าชายหลังจากงานเลี้ยงเลิกราไป

    เพราะแกมันฉลาดแบบนี้นี่ไง ฉันจึงส่งงานใหญ่ให้นายทำเขาเอ่ยชมเชยผม แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ผมภาคภูมิใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับทำให้ผมกังวลใจมากกว่าด้วยซ้ำ

    ครับ ผมจะพยายาม แต่ผมจะต้องอยู่ในพระราชวังนานเท่าไรครับ

    จนกว่างานของแกจะสำเร็จ แต่ถ้างานนี้ไม่สำเร็จอย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้า

    แล้ว….”ก่อนที่คำถามข้อต่อมาจะหลุดออกจากปากนั้น เสียงที่ดังกว่าก็กลบเสียงผม

    อย่าถามมากน่า พรุ่งนี้ฉันติดต่อขุนนางในนั้นไว้แล้ว พองานเลี้ยงเลิกราไป นายก็ไปตามเส้นทางตามแผนที่ที่ฉันส่งไปให้ก็แล้วกัน ที่นั่นจะมีคนของฉันรอนายอยู่ เพื่อเตรียมตัวให้นายไปเป็นองครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายนั่น เข้าใจยัง ถ้านายเข้าไปในฐานะองครักษ์ประจำตัวได้เมื่อไร ฉันจะติดต่อไปปลายสายอธิบาย

    ครับ

    ไปนอนได้แล้ว ไป๊!!”                                  

    ครับผมเอ่ยก่อนที่จะได้ยินตัดสายจากโทรศัพท์

    ร่างบางล้มตัวลงนอนลงกับเตียงเก่าๆ พลางถอนหายใจออกมาอย่างกังวลใจ งานใหม่ที่ได้รับมอบหมายนั้นทำให้ผมหนักใจเป็นที่สุด นี่ไม่ใช่แค่งานก่อความวุ่นวายเล็กๆที่ผมเคยทำ แต่นี่เป็นถึงงานทำลายราชวงศ์เอกโซ ราชวงศ์ที่อยู่เคียงคู่กับนคราแห่งนี้ นคราที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผม มากว่าหกศตวรรษ

    ผมก็เข้าใจอยู่หรอกว่า ลุงคับแค้นใจแค่ไหนที่ราชวงศ์เอกโซเคยทำกับบรรพบุรุษของเราซึ่งเคยเป็นถึงขุนนางใหญ่ในนั้น

    ลุงเล่าให้ผมฟังเสมอ ตั้งแต่ผมจำความได้

    แกฟังไว้นะ เพราะไอ้ราชวงศ์เอกโซนั่น ทำให้แทนที่ครอบครัวเราจะได้เป็นขุนนางกลับต้องมาเป็นนักดนตรีข้างถนน ยังดีที่บรรพบุรุษเราทิ้งที่ดินมาให้ผืนนึง ทำให้เรามีบ้านไว้ซุกหัวนอน แกจำไว้นะแค้นนี้ต้องชำระ

    เมื่อผมโตขึ้นพอที่จะเข้าใจอะไรๆบ้าง

                     ครั่งหนึ่งหลังจากที่ผมกับลุงกลับจากการเล่นดนตรี ลุงก็เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังอีกเป็นครั้งที่ร้อยครั้งที่พัน เมื่อเล่าจบผมจึงถามลุงด้วยความสงสัย

    ทำไมลุงไม่ปล่อยวางบ้างหละครับ เรื่องก็ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่เห็นจะต้องกลับมาคิดเป็นทุกข์เล…’

    เผียะ!!’ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ลุงก็ตวัดฝ่ามือลงมาบนแก้มของผมอย่างหนัก

    แกจำไว้เลย แกไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ มันทำให้เราเกือบจะเป็นขอทานอยู่วันยังค่ำ แกยังไม่สำนึกอีกหรอ แกจงรู้ไว้ซะว่า แค้นนี้ต้องชำระ!!!! ’

    คำว่าแค้นคืออะไร ทำไมถึงมีอิทธิพลมากมายกับมนุษย์เช่นนี้ เพราะคำว่าแค้นคำเดียวทำให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากมาย และอีกอย่างทำไมจะต้องแก้แค้น  บางทีมนุษย์ก็แก้แค้นแทนคนอื่น ทั้งที่จริงๆแล้วคนที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังคิดแก้แค้นนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

    เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน  เฮ้อ อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วซินะ ก่อนที่ความกังวลจะหายไปกลับห้วงนิทราอันแสนสุข

    ___

    มือบางกำชุดทักซิโด้ หน้ากาก และแผนที่ ที่เพิ่งได้รับมาอย่างหวาดๆ อีกแค่ไม่กี่นาที งานก็จะเริ่มขึ้น

       ความเครียดความกังวลใจก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง   ดวงหน้าหวานแหงนหน้านองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเสมือนเครื่องเตือนใจว่า มันกำลังจะเริ่มขึ้น ท้องฟ้ายามสนธยาช่างงดงามเหลือเกิน ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างตั้งใจดั่งว่าจะไม่มีโอกาสเห็นความสงบสุขของธรรมชาติอีก ก่อนจะลุกขึ้นไปแต่งตัวเมื่อเห็นว่าอีกเพียงไม่กี่นาทีจะถึงเวลานัด

    นัยน์ตาหวานล้ำหากแฝงไปด้วยความโศกอย่างเปิดเผย สั่นระริก หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากทรวงอก

     คงจะตื่นเต้นซินะ

    ผมพยายามหลอกตัวเอก หากแต่ในใจลึกๆก็รู้สาเหตุที่แท้จริงของอาการผิดปรกติเช่นนี้

    ผมนั่งมองเงาสะท้อนในกระจกอย่างเหม่อลอย

    และเมื่อคิดถึงงานที่จะต้องทำแล้ว…. หัวใจกลับรู้สึกเหมือนถูกของมีคมเสียดแทง

    ตอนนี้ก็ได้แต่นับเวลาถอยหลังรอเวลาที่รถจะมารับไปงานเต้นรำสวมหน้ากากนั้น

    ปี๊น!!!! เสียงแตรรถดังขึ้น ปลุกผมให้หลุดออกจากภวังค์อันน่าเศร้าสร้อย  ผมรีบหยิบแผนที่  สวมหน้ากากที่จะต้องใส่ไป

    มองเงาของตัวเองในกระจกอีกครั้ง

    โครงหน้าเรียวได้รูป คิ้วโก่งปลายเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตนัยน์ตาหวานซึ้ง  จมูกโด่งเป็นสัน  เรียวปากเป็นกระจับได้รูป สีเชอร์รี่  กับผิวขาวผ่องเป็นองค์ประกอบทำให้วงหน้านี้ดูหวานเกินกว่าหญิงแท้หลายคน    ซึ่งตอนนี้ได้อยู่ภายใต้หน้ากากครึ่งเสี้ยวสีดำสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ปี๊น!! เสียงแตรรถดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ทำให้ผมต้องรีบสวมรองเท้าก่อนจะวิ่งไปที่รถที่ลุงเคยชี้ให้ผมดุเมื่อ2วันก่อน

    รถคันเก่งวิ่งไปตามเส้นทางที่ไปพระราชวัง  ข้างทางประดับธงหลากสีดูสวยงามจับใจ ตอนนี้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่แสงไฟเล็กๆจากโคมไฟที่แขวนตามต้นไม้ก็ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกขึ้นมาในทันตา

     

    และแล้วพรหมสีแดงก็ปรากฏให้เห็น ทำให้ผมได้ทราบว่าผมมาถึง งานเลี้ยงหน้ากากแล้ว

    ทันทีที่ปลายเท้าของผมแตะลงบนพรหมสีแดงสดนั้น ความหนาวเหน็บก็แผ่ซ่านเข้าไปถึงขั้วหัวใจ

          แต่ก็ยังฝืนก้าวเท้าลงไปบนพรหมสีแดงที่ตอนนี้ผมเห็นว่าน่าจะเรียกว่าสีเลือดมากกว่า

    ขาเรียวยาวก้าวไปตามพรหมสีเลือด

    ส่งบัตรเชิญที่ขุนนางในพระราชวังแอบส่งมาให้ลุงของผม ให้ทหารที่ยืนตรงแอ่นอก อย่างแข็งแรง

     ประตูบานโตถูกเปิดออก และภาพที่ปรากฎขึ้นในสายตาผมทำให้เหงื่อเม็ดแล้วเม็ดเล่าผุดขึ้นบริเวณวงหน้าหวาน

     ผู้คนนับร้อยแต่งกายด้วยชุดหรูหราหากแต่ว่าไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของพวกเขาได้เลยสักคนเพราะใบหน้าของพวกเขาถูกปิดบังด้วยหน้ากากแบบเดียวกับที่ผมสวมอยู่ต่างกันเพียงแค่คนละแบบกันเท่านั้น

    ผู้คนเหล่านั้นอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่น่าจะรองรับคนได้ถึงห้าร้อยคน ทำให้ห้องไม่ดูแออัดจนเกินไป

    ห้องโถงเป็นห้องขนาดใหญ่ มีหน้าต่างบานโตประดับอยู่รอบด้านทำให้สามรถเห็นทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกมุมมอง ริมสุดทางตะวันออกของห้องโถงเป็นประตูต่อไปยังระเบียงกว้าง กลางห้องเป็นแท่นบัลลังก์ที่ถูกยกระดับให้สูงกว่าปรกติ   บัลลังก์ตรงกลางซึ่งสูงและใหญ่ที่สุด ถูกประดับประดาให้สวยเด่น แทบไม่ต้องถามเลยว่าเป็นของใคร ข้างๆเป็นบัลลังก์เหมือนกันหากต่างกันตรงที่เล็กและต่ำกว่าอันตรงกลาง

    นี่ซินะ บัลลังก์ของเจ้าชาย

    ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง

    ผมเดินผ่านฝูงชนไปยังโต๊ะอาหารขนาดยาวซึ่งมีอาหารเรียงรายอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน นี่ยังไม่รวมเครื่องดื่มที่ถูกเสิร์ฟโดยเหล่าบุคลากรที่แต่งกายได้เหมือนบริกรตามภัตตาคารอีก

    ระหว่างทางเดิน มีผู้คนมากมายส่งยิ้มบ้าง พยักหน้า หรือบางทีก็โบกไม้โบกมือบ้าง ทักทายผมอย่างเป็นมิตร ผมจึงส่งยิ้มไปให้ผู้คนเหล่านั้น ส่งผลให้หญิงสาวบางคนหน้าระเรื่อไปในขณะ 

    ต่างกันผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดขุนนางหรืชุดที่หรูหรากว่า กลับมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า บางคนก็ทำปากยื่นออกมาอย่างเหยียดหยาม

    ฮึ คนอย่างผมไม่แคร์อยู่แล้ว

    ผมตักอาหารที่ผมอยากกินมาพอประมาณ ยืนกินอาหารพลางมองเหล่าบรรดาผู้คนยืนคุยกันอย่างเพลิดเพลิน

    และแล้ว

    เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้น ผมจำได้ขึ้นใจว่านี่คือเพลง Je Te veux ของนักคีตกวีชาวฝรั่งเศส เพลงนี้ลุงมักเล่นให้ผมฟังก่อนนอน เสียงดนตรีบรรเลงไพเราะ ชวนรุกเร้าให้ผู้คนออกไปเต้นรำ

    คนที่เปิดฟลอร์คนแรกจะเป็นใครไปไม่ได้ ฝ่ายชายเป็นชายอายุห้าสิบเศษ แต่งตัวด้วยชุดที่แปลกไปจากคนอื่นๆ เสื้อคลุมตัวยาวคลุมเข่า สีทอง ตรงบ่ามีบั้งสีแดงสดแซมด้วยขนนกสีขาวสองข้าง ตรงอกมีเข็มเกียรติยศมากมาย  ส่วนฝ่ายหญิงเป็นหญิงวัยกลางคนซึ่งไม่สามารถคำนวณหาอายุได้ เพราะถึงแม้จะอายุเท่าไรหากแต่ใบหน้ายังคงงามสมวัย และยิ่งดูงดงามมากขึ้น เมื่อใบหน้านั้นถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสแขนกุดสีทอง ดูสง่าดังนางพญา เป็นที่แน่นอนที่สุดว่าทั้งสองต่างก็สวมมงกุฎสีเงิน ประดับเพชรสีน้ำเงินน้ำงามเม็ดโตตรงกลาง   พื้นผิวของเพชรสลักด้วยตัวอักษร JT

    ถูกแล้วหละ มงกุฎแห่งราชวงศ์เอกโซ และเค้าสองคนนั้นก็คือ พระราชาและพระราชินี แห่งเอกโซนั่นเอง

    ทันทีที่ทั้งคู่เดินออกมาด้วยท่าทางที่สง่า มาตรงลานเต้นรำ ผู้คนทั้งหมดก็ทำความเคารพทั้งสอง รวมถึงนักดนตรีด้วย นั่นทำให้ดนตรีบรรเลงหยุดลง ก่อนที่เพลงJe Te veuxจะเริ่มบรรเลงอีกครั้งไปพร้อมๆกับการเคลื่อนไหวที่งดงาม พลิ้วไหว หากแต่แข็งแรงและสง่างาม ประดุจหงส์ในเทพนิยาย

    ผู้คนทยอยมากมายกันไปเต้นรำอย่างสนุกสนาน จนพื้นที่บริเวณลานเต้นรำเนื่องแน่นไปด้วยผู้คน

    เสียงดนตรีบรรเลงมาอย่างไม่ขาดสาย เร็วบ้าง ช้าบ้างไปตามจังวะ

    ผมอดที่เคาะเท้าไปตามจังหวะไม่ได้

       รอเพียงแค่เวลาที่จะปฏิบัติตามแผนที่วางไว้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×