ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดแนวโน้ม กทม.จะไม่มีฤดูหนาว ผลจากภาวะโลกร้อนสร้างปรากฏการณ์โดมความร้อนของเมือง ส่งผลอุณหภูมิอุ่นขึ้น 2 องศา ส่วนทุกภาคก็ไม่แพ้ ฤดูหนาวสั้นลง รวมทั้งได้รับผลจากปรากฏการณ์ เอลนิโญ ชี้จับตา พายุไต้ฝุ่น “ ทุเรียน ” หวั่นซ้ำรอยลินดา
รศ.ดร.จริยา บุญญวัฒน์ ผู้ประสานงานศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) กล่าวถึงผลการเปลี่ยนแปลงของโลกกับประเทศไทยในเวทีการสัมมนา 1 ทศวรรษ การวิจัยการเปลี่ยนแปลงของโลกในประเทศไทยว่า
ขณะนี้มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าในอนาคตกรุงเทพฯ จะไม่มีฤดูหนาวอีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ศูนย์เคยศึกษาผลของการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและสิ่งปกคลุมที่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเมื่อหลายปีก่อน มีข้อสรุปว่าการขยายตัวของชุมชนในเขต กทม. เป็นไปอย่างรวดเร็วในช่วง 40 ปี (พ.ศ.2499-2540) ทำให้เกิดภาวะ Urban Heat Island หรือโดมความร้อนของเมือง ซึ่งเป็นมลภาวะทางความร้อนและการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศในเขตชุมชน กทม.
"การวิจัยพบว่า กทม.เกิด โดมความร้อน หรือปรากฏการณ์อุณหภูมิในเมืองสูงกว่าชานเมืองของ กทม. มีลักษณะคล้ายโตเกียวคือมีอุณหภูมิระดับพื้นดินในเมืองสูงกว่าเขตชนบท ค่าสูงสุด 5 องศาเซลเซียส ส่วน กทม. โดยเฉลี่ยอุณหภูมิในบรรยากาศแนวดิ่งที่วัดด้วยเครื่องมือที่ติดกับบอลลูนที่ระดับความสูง 100 เมตร พบว่าอุณหภูมิเหนือ กทม. สูงกว่านอกเมือง 2 องศา เนื่องจากสิ่งปกคลุมดินที่เป็นต้นไม้ สนามหญ้า และพื้นที่คูคลองลดลงกลายเป็นตึกสูงและถนน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมค่าอุณหภูมิเฉลี่ยของแต่ละภาคยังพบว่าในภาคเหนือที่เคยหนาวมากจนอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 10 องศา อาจจะเหลือหนาวสุดแค่ 11-15 องศา เท่านั้น ทั้งนี้ เพราะโซนภาคเหนือขึ้นไป เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม มีการพัฒนาเมืองและทำให้เกิดมลภาวะมากขึ้น ขณะที่ภาคกลางที่หนาวสุดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศา และจะมีหน้าร้อนยาวนานขึ้นและหน้าหนาวสั้นลง” รศ.ดร.จริยา กล่าว
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า จากกรณีที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าในปีนี้อากาศร้อนมากและไม่หนาวเหมือนปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลโดยตรงจากภาวะโลกร้อน โดยขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ปี เอลนิโญ แล้วและจะยาวนานไปจนถึงปลายปี 2550 โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งและร้อน ซึ่งถือว่าตรงข้ามกับปี 2549 ที่เป็นปี ลานีญา จะมีฝนชุกและมีอุทกภัย
นายอานนท์ กล่าวต่อว่าในปลายสัปดาห์นี้ต้องจับตาว่า พายุโซนร้อน ทุเรียน ที่กำลังจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์สู่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง และจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ถ้าเป็นพายุปลายฤดูฝนเข้าฤดูหนาวก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วงและควรต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมและเตือนภัยชาวบ้านในเขตพื้นที่เสี่ยง เพราะไม่แน่ว่าพายุอาจจะรุนแรงเหมือนกับ พายุลินดา ที่เคยสร้างเกิดความเสียหายอย่างหนักเมื่อช่วงปี 2540 ในพื้นที่ภาคใต้มาแล้วหรือไม่
โดย ผู้จัดการออนไลน์ |
29 พฤศจิกายน 2549 |
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น