ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ออดอ้อนเว้าวอนรัก (สนพ.Sugar Beat)

    ลำดับตอนที่ #6 : คุณแม่ว่าดี (รีอัพ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.41K
      33
      1 มี.ค. 62




    หลังจากก้องบดินทร์ยอมตกลงแต่งงานกับกิรฏาแล้ว บ่ายวันต่อมาคุณมลฤดีกับคุณพิสมัยก็มายังวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอฤกษ์จากหลวงตาที่พวกเธอนับถือศรัทธาทันที

             “นี่ค่ะหลวงตา ชื่อลูกชายดิฉัน ก้องบดินทร์ กุลธร แล้วก็หลานของพริ้ม กิรฏา พฤกษ์อนันต์” หญิงสูงวัยในชุดผ้าไหมสีเหลืองทองวางกระดาษโน้ตที่เขียนเสร็จแล้วลงบนพื้นด้านหน้าหลวงตาวัยเจ็ดสิบกว่าซึ่งนั่งอยู่บนอาสนะ

             “ขอวันเดือนปีเกิดด้วยโยมมล”

             “อุ๊ย ลืมไปค่ะ” คุณมลฤดีหยิบกระดาษกลับมาเขียนวันเดือนปีเกิดของลูกชายตัวเอง ก่อนจะหันไปถามเพื่อน “หนูกอหญ้าเกิดปีอะไรนะพรีมมี่” เธอจำได้แค่วันและเดือน เพราะลูกชายเธอกับหลานสาวของอีกฝ่ายเกิดวันที่เจ็ด เดือนกันยายนเหมือนกัน ส่วนปีนั้นไม่แม่นนัก

             “หนูหญ้าเกิดหลังตาก้องสามปี ก็ปี...” คุณพิสมัยที่อยู่ในชุดผ้าไหมสีกลีบบัวนับนิ้ว ก่อนบอกปีเกิดของกิรฏาไป

             เมื่อหลวงตาดูวันเดือนปีเกิดของทั้งสองคนแล้วก็ยิ้ม “ดวงสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กัน”

             สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันและยิ้มอย่างปลาบปลื้ม เพราะพวกเธออยากเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว พอได้ยินหลวงตาพูดแบบนี้ก็สบายใจได้ว่า ยังไงก้องบดินทร์และกิรฏาก็คงไม่แคล้วคลาดกันไปไหน

             “เรื่องฤกษ์แต่งงานช่วงกลางเดือนมีนาดีที่สุด” หลวงตาบอกเสียงอารี

             “อีกสามเดือนเลยเหรอคะหลวงตา” คุณมลฤดีทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แม้ว่าฤกษ์ที่หลวงตาบอกนั้นถือว่าไม่ช้าไม่เร็วเกินไป แต่สำหรับลูกชายของเธอเป็นกรณีพิเศษ เพราะความเป็นความตายของเขาขึ้นอยู่กับการแต่งงาน “มีฤกษ์ที่เร็วกว่านี้ไหมคะ”

    “ถ้าอยากแต่งเร็วกว่านี้...ก็ต้องเป็นพรุ่งนี้”

    “พรุ่งนี้!” หญิงสูงวัยยิ้มแห้ง อันนี้ก็เร็วเกินไป เตรียมงานไม่ทันแน่ๆ

    “ฉันว่าแต่งมีนาตามที่หลวงตาบอกนั่นแหละมอลลี่ สามเดือนก็พอดีกับการเตรียมงาน ไม่ฉุกละหุกเกินไป งานจะได้ออกมาดีสมกับที่เรารอคอยไง”

    “โยมพริ้มพูดถูก รีบเกินไปนักก็ไม่ดีหรอกนะ” หลวงตาเตือนอย่างหวังดี

    เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีสำหรับงานวิวาห์ของก้องบดินทร์กับกิรฏาแล้ว หญิงสูงวัยทั้งสองก็สนทนาธรรมกับหลวงตาอยู่อีกพักหนึ่งจึงขอตัวลากลับเพื่อให้ท่านได้พักผ่อน

    “วันงานเราจะใส่กันกี่ชุดดีพรีมมี่” ระหว่างทางกลับบ้าน คุณมลฤดีหันไปถามเพื่อนสนิทซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถตู้ด้วยกันเสียงเริงร่า

    บริเวณห้องโดยสารและที่นั่งคนขับมีกระจกกั้นเอาไว้ทำให้พวกเธอเมาท์มอยกันได้เต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจคนขับรถ

    “ก็ต้องมีทั้งชุดงานเช้า งานเลี้ยงเที่ยง แล้วก็งานเลี้ยงตอนเย็น”

    “แค่สามชุดเองเหรอ ฉันว่าจะตัดสักห้าชุด งานแต่งลูกชายสุดที่รักทั้งที คุณแม่ต้องเริดค่ะ”

    “แหม ทำยังกับจะมีเวลาเปลี่ยนชุด วันนั้นแม่งานอย่างพวกเราต้องวิ่งวุ่นแน่นอน”

    “ไม่รู้ละ ยังไงฉันก็ต้องหาเวลาเปลี่ยนให้ได้ ทั้งตอนทำพิธีสงฆ์ แห่ขันหมาก สวมแหวนหมั้น รดน้ำสังข์ งานเลี้ยงเที่ยง งานเย็น”

    “เธอนี่เว่อร์ตลอดเลยนะมอลลี่” คุณพิสมัยเอ่ยพลางขำ เพื่อนของเธอขึ้นชื่อเรื่องความเว่อร์วังมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว อย่างตอนงานวันเกิดของตัวเอง นางก็เปลี่ยนชุดไปสี่รอบ แม้ว่างานจะจัดแค่สี่ชั่วโมง

             “แน่นอน เธอเองก็ต้องเริดเหมือนกันนะพรีมมี่ อย่าให้เสียชื่ออดีตเชียลีดเดอร์มหาลัยเด็ดขาด”

             “ก็ได้ๆ งั้นเราไปร้านคุณปูเลยดีไหม ตั้งห้าชุดแน่ะ เดี๋ยวคุณปูตัดไม่ทัน” แม้ตอนแรกจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเพื่อน แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ จัดเต็มไปเลยแล้วกัน

             “จัดไป” ว่าแล้วคุณมลฤดีก็กดปุ่มเพื่อสื่อสารกับคนขับรถ “นายเพิ่ม ไปร้านคุณปูก่อนนะ”

             “ครับคุณนาย”

             เมื่อสั่งการเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันกลับมาคุยกับคุณพิสมัยต่อ

             “ช่วงระหว่างเตรียมงานแต่งงาน ฉันว่าเราหาโอกาสให้ตาก้องกับหนูกอหญ้าใกล้ชิดกันบ่อยๆ ดีไหม”

             “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน เพราะดูท่าทางตาก้องไม่ได้อยากแต่งงานกับน้องเลย”

             “แต่ถ้าได้ใช้เวลาด้วยกัน ตาก้องต้องตกหลุมรักหนูกอหญ้าแน่นอน น้องน่ารักขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมถึงใจแข็งอยู่ได้” คุณมลฤดีบ่นอย่างระอา

             “ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะถ้าแต่งแบบไม่ได้รัก ฉันก็สงสารหลานตัวเองเหมือนกัน อาภัพเรื่องพ่อแม่ยังไม่พอ ยังอาภัพเรื่องความรักอีก รักตาก้องข้างเดียวมาตั้งนาน แต่พี่เขาก็ไม่เคยรักตอบเลย” คุณพิสมัยถอนหายใจเบาๆ

             “ถึงหนูกอหญ้าจะไม่มีพ่อแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่แกก็โตมาเป็นเด็กดี น่ารักสดใสจนใครเห็นก็หลงรักนะ อันนี้ต้องชื่นชมเธอเลยที่เลี้ยงหลานได้ดีมาก ส่วนเรื่องตาก้องน่ะไม่ต้องห่วงเลย อยู่ใกล้กันทุกวัน ยังไงตาก้องก็ต้องหลงเสน่ห์น้องเข้าสักวัน เหมือนที่โบราณว่าน้ำตาลใกล้มดไงล่ะ” คุณมลฤดีบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจเหลือล้น

     



    ก้องบดินทร์กำลังเดินตรวจไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายหนึ่ง ซึ่งกุลธร ดีเวลลอปเมนต์เป็นผู้รับเหมา คนที่เดินอยู่กับเขาคือหัวหน้าวิศวกรผู้คุมหน้างานที่เข้ามารายงานความคืบหน้าและปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟัง ในฐานะประธานบริหารเขามีหน้าที่ช่วยวางแผนแก้ไขให้ทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี

             “เรื่องการก่อสร้างที่ล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ ตอนนี้ผมกำลังจัดหาคนงานเพิ่มอยู่ครับ ส่วนเรื่องวัสดุที่ขาดไป ทางผมได้ประสานซัปพลายเออร์แล้ว ทางนั้นจะรีบจัดส่งมายังไซต์งานโดยเร็วที่สุดครับ”

             “ถ้าติดขัดอะไรแจ้งผมได้เลยนะ แต่อย่างที่ผมบอกตลอด ถึงเราจะต้องเร่งทำงานให้ทันตามแผนแค่ไหน แต่ยังไงเรื่องความปลอดภัยก็ต้องมาเป็นอันดับแรก” เจ้าของร่างสูงหนาที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นลวกๆ กับกางเกงยีนสีดำ สวมหมวกนิรภัย เดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดร้อนจัดมาเกือบหนึ่งชั่วโมงจนผิวขาวกลายเป็นสีแดงระเรื่อบอกหัวหน้าวิศวกรประจำไซต์งาน

             “ครับคุณก้อง”

             “ขอบคุณมาก คุณไปทำงานต่อเถอะ”

             “ครับผม” วิศวกรหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป

             กริ๊งงง

             จังหวะนั้นสมาร์ตโฟนของเขาก็ส่งเสียงขึ้น มือหนาล้วงโทรศัพท์เครื่องบางออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน และพบว่าเป็นคุณนายแม่ที่โทร. เข้ามาจึงแตะหน้าจอรับสาย

             “ครับแม่”

             “ทำงานอยู่หรือเปล่าลูก” ท่านถามน้ำเสียงอารี

             “คุยได้ครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า” ก้องบดินทร์ว่าพลางเดินกลับไปยังตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้สำหรับพักผ่อน

             “วันอาทิตย์นี้ก้องว่างไหม”

             ชายหนุ่มได้ยินคำถามนั้นแล้วรู้สึกว่าแม่ต้องมีแผนการบางอย่างแน่ๆ “แล้วแต่ว่าแม่จะให้ผมทำอะไรครับ”

             “ลูกคนนี้นี่!” คุณมลฤดีเอ่ยอย่างหมั่นไส้

             ก้องบดินทร์หัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าคุณนายแม่เจ้าเล่ห์แค่ไหน เพราะงั้นลูกชายอย่างเขาเลยต้องรอบคอบก่อนจะตอบอะไรไป เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง “ตกลงแม่จะให้ผมทำอะไรครับ” ขอเดาว่าต้องมียายกอหญ้าเข้ามาเอี่ยวแน่นอน

             “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ แม่แค่คิดว่าก้องกับหนูกอหญ้าควรจะใช้เวลาด้วยกันให้มากขึ้น วันอาทิตย์นี้ชวนน้องไปเดินห้างหน่อยสิ”

             หึๆๆ นั่นไงล่ะ เดาไว้ไม่มีผิดเลย “กอหญ้าจะว่างเหรอครับ”

             “ว่างจ้ะ แม่ถามป้าพริ้มแล้ว ปกติวันอาทิตย์น้องจะว่าง อ้อ เมื่อกี้แม่กับป้าพริ้มไปหาหลวงตาน้อยที่วัด ท่านให้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคมจ้ะ ภายในสามเดือนตามคำทำนายของแม่หมอพวงครามพอดีเลย ก้องไม่ต้องเครียดแล้วนะ เพราะยังไงเราก็จะปลอดภัย”

             ก้องบดินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ แม่ของเขานี่ชอบเหมาเอาเองทุกที “ผมไม่ได้เครียดเรื่องคำทำนายเลยครับแม่ ถ้าจะเครียดก็เป็นเรื่องงานมากกว่า”

             “จริงเหรอ งั้นก็ดีเลยสิ ไปเดินห้าง กินข้าว ดูหนังกับน้อง จะได้คลายเครียด ดีไหมจ๊ะ แม่ว่าดีนะ”

             กรรม! ดันลงล็อกคุณนายแม่เฉยเลย

             “ผมอยากนอนพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่าครับ” ก้องบดินทร์ตอบเสียงเนือยๆ

             “ตอนเช้าก็นอนไปสิ จะนอนกี่ชั่วโมงก็ได้ ส่วนตอนบ่ายก็ไปเปิดหูเปิดตากับน้อง”

             “จะดีเหรอครับ”

             “ดีสิจ๊ะ ถ้าแม่ว่าดีก็ต้องดี!” คุณมลฤดีเอ่ยเสียงหวานแกมบังคับ แม้ว่าหลายๆ เรื่องเขาจะปฏิเสธแม่ได้ แต่เรื่องยายกอหญ้านี่ท่านต้องหาทางทำให้ยอมได้ทุกที





    วันนี้เอาปกมาให้ดูด้วยจ้า ทางสนพ.น่าจะเปิดจองวันจันทร์นี้แหละ พร้อมเปย์รึยัง ><








    กด Like เพจภัคธรคลิกที่รูป




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×