คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องคืนนั้น (3)
สิบนาทีผ่านไป...
‘โอ๊ย ร้อนจังเลย’ คนที่เต้นแบบนันสต็อปบ่นพลางทำหน้ายู่ ว่าแล้วมือเรียวก็ถอดหมวกไหมพรมออก ตามด้วยผ้าพันคอ และเสื้อโคต
เต้นขนาดนั้น ไม่ร้อนก็แปลกแล้ว...ชายหนุ่มคิดพลางกระตุกมุมปาก
‘ถอดหมดเลยน้า’ หญิงสาวไขว้แขนไว้ด้านหน้า จับชายเสื้อยืดแขนยาวสีชมพูดึงขึ้นช้าๆ
‘เฮ้ย!’ ภานุรุจอุทานเสียงดังพร้อมลุกพรวดขึ้นจากโซฟา และถลาเข้าไปรวบมือบางทั้งสองข้างเอาไว้ ‘ห้ามถอดเด็ดขาด’
‘ทำไมล่ะ ก็ฉันร้อนนี่’ ใบหน้าหวานยับยุ่งขึ้นมาโดยพลัน
‘มันไม่เหมาะ คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย’ ชายหนุ่มอธิบายเหตุผลอย่างใจเย็น ขณะที่ยายเมรีขี้เมาพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา
‘ฉันร้อนนน...ร้อนๆๆ’
‘คุณไม่ควรถอดเสื้อต่อหน้าผู้ชาย ไม่เข้าใจหรือไง’ การคุยกับคนเมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
‘จะถอดๆๆ’
‘ไม่ได้!’
‘ปล่อยยย’
ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดกันไปมาอยู่นาน จนกระทั่ง...
‘กรี๊ดดด!’
‘เฮ้ย!’ ภานุรุจกางแขนรับหญิงสาวที่พลัดตกจากเตียง แต่ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มหงายหลังล้มลงบนพื้นพรมไปด้วยกัน
ร่างเล็กโถมลงมาทับอยู่บนตัวเขา ต่างฝ่ายต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โชคดีที่หัวของเขาไม่โขกพื้น แต่แรงกระแทกก็ทำให้จุกจนหน้าเขียวเลยทีเดียว
‘เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ’
ตอนนี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน
‘...’ ยายเมรีขี้เมาไม่ตอบ อาจเพราะยังตกใจไม่หาย
‘หึ มีผมเป็นเบาะรองรับเต็มๆ แบบนี้ คงไม่เป็นไรหรอก’ เขาก็ไม่น่าถามเลย
‘...’ อีกฝ่ายนิ่งเหมือนแบตเตอรี่หมด
‘นี่ ลุกออกไปได้แล้ว’
‘...’ หญิงสาวทำหน้าพะอืดพะอม ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อบางอย่างแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ‘อุ๊!’
‘เฮ้ย! จะอ้วกเหรอ’
สิ้นประโยคนั้น หญิงสาวก็อาเจียนออกมาทันทีโดยที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสหนีได้เลย
ภานุรุจได้แต่หลับตาเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายอาเจียนออกมารดหัวเขาจนหมดแม็ก จากนั้นก็ฟุบลงมาบนตัวเขาและหลับไปโดยไม่รับผิดชอบกับหายนะที่ก่อเอาไว้เลยสักนิด!
“โอ๊ยยย! รับไม่ได้” เพลงขวัญกรีดร้องพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้า ตอนปัสสาวะใส่ที่นอนสมัยเรียนอนุบาลยังไม่น่าอายเท่านี้เลย
“นอกจากคุณจะอ้วกรดหัวผมแล้ว คุณยังอ้วกใส่ตัวเองด้วย เพราะแบบนี้ผมเลยต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ”
ภานุรุจชี้แจงอย่างใจเย็น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวเข้าใจไปว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว คงเป็นเพราะตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองใส่เสื้อผ้าของเขาอยู่นั่นละ
“คุณอาบน้ำให้ดิฉัน?” สาวหน้าหวานเลื่อนมือลงมาปิดปาก หัวใจกระตุกวูบ งั้นก็หมายความว่า...เขาเห็น ‘อะไรๆ’ ของเธอหมดแล้วน่ะสิ!
‘กรี๊ดดด!’
“ขอโทษครับ ผมพูดผิด ผมหมายถึง...ให้พนักงานผู้หญิงมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” ใบหน้าหล่อเหลาของคนพูดนิ่งมากถึงมากที่สุด
“จริงเหรอคะ” เพลงขวัญมองเขม็ง
“จริงสิครับ ถ้าผมฉวยโอกาสกับผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ ผมก็คงไม่กล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอีกต่อไป” ดวงตาคมกริบฉายแววซื่อตรง
“คุณไม่โกหกดิฉันแน่นะคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ ผมไม่ได้ล่วงเกินคุณแม้แต่น้อย ถ้าคุณไม่หนีไปเสียก่อน ผมก็คงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
“ก็...ดิฉันสติแตก ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ นี่คะ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด”
เพลงขวัญอาศัยจังหวะตอนภานุรุจออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงหอบเสื้อผ้าวิ่งแจ้นออกจากห้องไป หลังจากคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค
ระหว่างทางกลับที่พัก หญิงสาวก็คิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าควรจะไปแจ้งความจับเขาข้อหาข่มขืนดีไหม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะเป็นข่าวใหญ่และอับอาย สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับคนเดียว ให้มันเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นและจบลงที่ญี่ปุ่นโดยไม่ต้องมีใครรับรู้จะดีกว่า
เพลงขวัญยอมรับว่านี่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะผู้กระทำผิดควรจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่ลอยนวลอยู่ในสังคมต่อไป แต่เพราะตอนนั้นเธอเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ จิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงไม่กล้าเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง
ส่วนเรื่องโรคติดต่อและการตั้งท้อง หญิงสาวได้ไปตรวจอย่างละเอียดหลังจากครบสามเดือน ตอนที่แพทย์แจ้งว่าผลเลือดเป็นปกติและไม่ตั้งครรภ์ เพลงขวัญรู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก เพราะในช่วงระหว่างสามเดือนนั้นเธอเครียดและกังวลไปต่างๆ นานาจนนอนหลับไม่สนิทสักคืน
“ถ้าคุณยังสงสัยตรงไหน ถามมาได้เลยนะครับ ผมยินดีตอบทุกอย่าง” เสียงทุ้มลึกเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์
เพลงขวัญเลื่อนสายตาขึ้นมองเขา “คุณสาบานได้ไหมคะ ว่าเราไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันจริงๆ”
“ได้ครับ” ภานุรุจตอบโดยไม่ลังเล “ผมขอสาบานว่าทุกอย่างที่เล่าเป็นความจริง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน คืนนั้นผมเจอคุณเมาอยู่ในผับ เลยพากลับมาที่ห้องเพื่อความปลอดภัยก็เท่านั้น ถ้าผมโกหก ขอให้เดอะ ซันกรุ๊ปล้มละลายครับ” เขาสบตาเธอแน่วนิ่งระหว่างกล่าวคำสาบาน
เพลงขวัญมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น คนเราจะพูดโกหกยังไงก็ได้ แต่แววตาไม่สามารถโกหกได้ ตลอดเวลาที่ภานุรุจเอ่ย เธอไม่เห็นพิรุธในดวงตาอีกฝ่ายเลย มีเพียงความจริงใจที่ฉายชัดออกมา ที่สำคัญคนโกหกไม่กล้าสาบานให้บริษัทตัวเองล้มละลายแน่ๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เชื่อเขา
“ดิฉันเชื่อคุณค่ะ” เธอบอกภานุรุจหลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง
“ขอบคุณนะครับ” รองประธานหนุ่มยิ้มอย่างโล่งใจ
หญิงสาวค้อมศีรษะ “ขอบคุณที่เล่าทุกอย่างให้ดิฉันฟังเหมือนกันค่ะ” มือเรียวเอื้อมไปหยิบธนบัตรสีเทาสองฉบับบนโต๊ะมาใส่กระเป๋า เพราะกลัวชายหนุ่มจะยึดคืน จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น
“แล้วดิฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นด้วยนะคะ” เพลงขวัญกล่าวอย่างจริงใจ เธอไม่เคยลังเลที่จะเอ่ยขอโทษ หากตัวเองทำผิดจริง
“ผมต้องขอโทษคุณมากกว่า” รองประธานหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล
“จริงๆ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เจตนาของคุณคือต้องการช่วยดิฉัน แต่ดิฉันดันเข้าใจผิดไปเอง” ต่อไปเธอจะไม่ตีตนไปก่อนไข้อีกแล้ว เพราะเรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป
“เป็นเพราะผมไม่ได้รีบอธิบายให้ชัดเจนด้วย แต่ตอนนี้หวังว่าคุณจะไม่เคลือบแคลงใจในตัวผมอีกต่อไปแล้วนะครับ”
ต่างฝ่ายต่างรับความผิดของตัวเองไปอย่างเท่าเทียมกัน
“ไม่แล้วค่ะ” เพลงขวัญส่ายหน้า ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “เอ้อ จริงสิคะ ทำไมคุณไม่ฝากดิฉันไว้กับแฟนล่ะ” ตื่นขึ้นมาในห้องนอนของผู้หญิงด้วยกัน ยังไงก็ดีกว่าตื่นขึ้นมาในห้องนอนของผู้ชาย
ภานุรุจชะงักไป นัยน์ตาสีเข้มฉายแววร้าวลึก
หญิงสาวหน้าเจื่อน ท่าทางคำถามของเธอจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว “ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณจะสัมภาษณ์งานต่อไหม”
“ดิฉันก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น คุณยังจะกล้ารับดิฉันเข้าทำงานอีกเหรอคะ”
เพลงขวัญถามอย่างตรงไปตรงมา แม้เรื่องราวจะผ่านมาตั้งสามปี แต่ภาพลักษณ์ของเธอป่นปี้ไปแล้วในสายตาเขา รองประธานบริษัทที่ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างภานุรุจคงไม่อยากมีเลขาฯ เรื้อนๆ แบบเธอแน่
“คนเราก็ต้องเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น ผมไม่เอาอดีตมาตัดสินปัจจุบัน แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองก็ไม่เป็นไร เชิญกลับบ้านได้นะครับ” ชายหนุ่มผายมือไปยังประตูห้อง
ดวงตากลมโตเปล่งแสงวาววับ “ดิฉันเข้ามาถึงรอบชอร์ตลิสต์ได้เพราะความสามารถค่ะ”
“งั้นช่วยแสดงความสามารถของคุณให้ผมเห็นได้ไหมครับ” เขามองเธอด้วยสายตาท้าทาย คล้ายจะถามว่า ‘กล้าไหม’
“ค่ะ ดิฉันพร้อมรับการสัมภาษณ์แล้ว” คนอย่างเพลงขวัญไม่ยอมปล่อยให้ใครมาหยามง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้!
ภานุรุจกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเริ่มถามคำถามแรก “Could you please introduce yourself?”
หญิงสาวยิ้มอย่างมั่นใจและแนะนำตัวเองเสียงฉะฉานไม่ให้เสียชื่อคนที่จบเอกภาษาอังกฤษธุรกิจเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมา “First of all, thank you for the opportunity to introduce myself.”
ความคิดเห็น