ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หิมะพร่างรัก (e-book พร้อมโหลด)

    ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องคืนนั้น (3)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 65


    สิบนาทีผ่านไป...

    ‘โอ๊ย ร้อนจังเลย’ คนที่เต้นแบบนันสต็อปบ่นพลางทำหน้ายู่ ว่าแล้วมือเรียวก็ถอดหมวกไหมพรมออก ตามด้วยผ้าพันคอ และเสื้อโคต

    เต้นขนาดนั้น ไม่ร้อนก็แปลกแล้ว...ชายหนุ่มคิดพลางกระตุกมุมปาก

    ‘ถอดหมดเลยน้า’ หญิงสาวไขว้แขนไว้ด้านหน้า จับชายเสื้อยืดแขนยาวสีชมพูดึงขึ้นช้าๆ

    ‘เฮ้ย!’ ภานุรุจอุทานเสียงดังพร้อมลุกพรวดขึ้นจากโซฟา และถลาเข้าไปรวบมือบางทั้งสองข้างเอาไว้ ‘ห้ามถอดเด็ดขาด’

    ‘ทำไมล่ะ ก็ฉันร้อนนี่’ ใบหน้าหวานยับยุ่งขึ้นมาโดยพลัน

    ‘มันไม่เหมาะ คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย’ ชายหนุ่มอธิบายเหตุผลอย่างใจเย็น ขณะที่ยายเมรีขี้เมาพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา

    ‘ฉันร้อนนน...ร้อนๆๆ’

    ‘คุณไม่ควรถอดเสื้อต่อหน้าผู้ชาย ไม่เข้าใจหรือไง’ การคุยกับคนเมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

    ‘จะถอดๆๆ’

    ‘ไม่ได้!’

    ‘ปล่อยยย’

    ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดกันไปมาอยู่นาน จนกระทั่ง...

    ‘กรี๊ดดด!’

    ‘เฮ้ย!’ ภานุรุจกางแขนรับหญิงสาวที่พลัดตกจากเตียง แต่ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มหงายหลังล้มลงบนพื้นพรมไปด้วยกัน

    ร่างเล็กโถมลงมาทับอยู่บนตัวเขา ต่างฝ่ายต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โชคดีที่หัวของเขาไม่โขกพื้น แต่แรงกระแทกก็ทำให้จุกจนหน้าเขียวเลยทีเดียว

    ‘เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ’

    ตอนนี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน

    ‘...’ ยายเมรีขี้เมาไม่ตอบ อาจเพราะยังตกใจไม่หาย

    ‘หึ มีผมเป็นเบาะรองรับเต็มๆ แบบนี้ คงไม่เป็นไรหรอก’ เขาก็ไม่น่าถามเลย

    ‘...’ อีกฝ่ายนิ่งเหมือนแบตเตอรี่หมด

    ‘นี่ ลุกออกไปได้แล้ว

    ‘...’ หญิงสาวทำหน้าพะอืดพะอม ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อบางอย่างแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ‘อุ๊!’

    ‘เฮ้ย! จะอ้วกเหรอ’

    สิ้นประโยคนั้น หญิงสาวก็อาเจียนออกมาทันทีโดยที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสหนีได้เลย

    ภานุรุจได้แต่หลับตาเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายอาเจียนออกมารดหัวเขาจนหมดแม็ก จากนั้นก็ฟุบลงมาบนตัวเขาและหลับไปโดยไม่รับผิดชอบกับหายนะที่ก่อเอาไว้เลยสักนิด!

     

    “โอ๊ยยย! รับไม่ได้” เพลงขวัญกรีดร้องพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้า ตอนปัสสาวะใส่ที่นอนสมัยเรียนอนุบาลยังไม่น่าอายเท่านี้เลย

    “นอกจากคุณจะอ้วกรดหัวผมแล้ว คุณยังอ้วกใส่ตัวเองด้วย เพราะแบบนี้ผมเลยต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ”

    ภานุรุจชี้แจงอย่างใจเย็น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวเข้าใจไปว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว คงเป็นเพราะตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองใส่เสื้อผ้าของเขาอยู่นั่นละ

    “คุณอาบน้ำให้ดิฉัน?” สาวหน้าหวานเลื่อนมือลงมาปิดปาก หัวใจกระตุกวูบ งั้นก็หมายความว่า...เขาเห็น ‘อะไรๆ’ ของเธอหมดแล้วน่ะสิ!

    ‘กรี๊ดดด!’

    “ขอโทษครับ ผมพูดผิด ผมหมายถึง...ให้พนักงานผู้หญิงมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” ใบหน้าหล่อเหลาของคนพูดนิ่งมากถึงมากที่สุด

    “จริงเหรอคะ” เพลงขวัญมองเขม็ง

    “จริงสิครับ ถ้าผมฉวยโอกาสกับผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ ผมก็คงไม่กล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอีกต่อไป” ดวงตาคมกริบฉายแววซื่อตรง

    “คุณไม่โกหกดิฉันแน่นะคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง

    “ครับ ผมไม่ได้ล่วงเกินคุณแม้แต่น้อย ถ้าคุณไม่หนีไปเสียก่อน ผมก็คงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

    “ก็...ดิฉันสติแตก ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ นี่คะ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด”

    เพลงขวัญอาศัยจังหวะตอนภานุรุจออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงหอบเสื้อผ้าวิ่งแจ้นออกจากห้องไป หลังจากคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค

    ระหว่างทางกลับที่พัก หญิงสาวก็คิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าควรจะไปแจ้งความจับเขาข้อหาข่มขืนดีไหม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะเป็นข่าวใหญ่และอับอาย สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับคนเดียว ให้มันเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นและจบลงที่ญี่ปุ่นโดยไม่ต้องมีใครรับรู้จะดีกว่า

    เพลงขวัญยอมรับว่านี่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะผู้กระทำผิดควรจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่ลอยนวลอยู่ในสังคมต่อไป แต่เพราะตอนนั้นเธอเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ จิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงไม่กล้าเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

    ส่วนเรื่องโรคติดต่อและการตั้งท้อง หญิงสาวได้ไปตรวจอย่างละเอียดหลังจากครบสามเดือน ตอนที่แพทย์แจ้งว่าผลเลือดเป็นปกติและไม่ตั้งครรภ์ เพลงขวัญรู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก เพราะในช่วงระหว่างสามเดือนนั้นเธอเครียดและกังวลไปต่างๆ นานาจนนอนหลับไม่สนิทสักคืน

    “ถ้าคุณยังสงสัยตรงไหน ถามมาได้เลยนะครับ ผมยินดีตอบทุกอย่าง” เสียงทุ้มลึกเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์

    เพลงขวัญเลื่อนสายตาขึ้นมองเขา “คุณสาบานได้ไหมคะ ว่าเราไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันจริงๆ”

    “ได้ครับ” ภานุรุจตอบโดยไม่ลังเล “ผมขอสาบานว่าทุกอย่างที่เล่าเป็นความจริง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน คืนนั้นผมเจอคุณเมาอยู่ในผับ เลยพากลับมาที่ห้องเพื่อความปลอดภัยก็เท่านั้น ถ้าผมโกหก ขอให้เดอะ ซันกรุ๊ปล้มละลายครับ” เขาสบตาเธอแน่วนิ่งระหว่างกล่าวคำสาบาน

    เพลงขวัญมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น คนเราจะพูดโกหกยังไงก็ได้ แต่แววตาไม่สามารถโกหกได้ ตลอดเวลาที่ภานุรุจเอ่ย เธอไม่เห็นพิรุธในดวงตาอีกฝ่ายเลย มีเพียงความจริงใจที่ฉายชัดออกมา ที่สำคัญคนโกหกไม่กล้าสาบานให้บริษัทตัวเองล้มละลายแน่ๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เชื่อเขา

    “ดิฉันเชื่อคุณค่ะ” เธอบอกภานุรุจหลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง

    “ขอบคุณนะครับ” รองประธานหนุ่มยิ้มอย่างโล่งใจ

    หญิงสาวค้อมศีรษะ “ขอบคุณที่เล่าทุกอย่างให้ดิฉันฟังเหมือนกันค่ะ” มือเรียวเอื้อมไปหยิบธนบัตรสีเทาสองฉบับบนโต๊ะมาใส่กระเป๋า เพราะกลัวชายหนุ่มจะยึดคืน จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น

    “แล้วดิฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นด้วยนะคะ” เพลงขวัญกล่าวอย่างจริงใจ เธอไม่เคยลังเลที่จะเอ่ยขอโทษ หากตัวเองทำผิดจริง

    “ผมต้องขอโทษคุณมากกว่า” รองประธานหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล

    “จริงๆ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เจตนาของคุณคือต้องการช่วยดิฉัน แต่ดิฉันดันเข้าใจผิดไปเอง” ต่อไปเธอจะไม่ตีตนไปก่อนไข้อีกแล้ว เพราะเรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป

    “เป็นเพราะผมไม่ได้รีบอธิบายให้ชัดเจนด้วย แต่ตอนนี้หวังว่าคุณจะไม่เคลือบแคลงใจในตัวผมอีกต่อไปแล้วนะครับ”

    ต่างฝ่ายต่างรับความผิดของตัวเองไปอย่างเท่าเทียมกัน

    “ไม่แล้วค่ะ” เพลงขวัญส่ายหน้า ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “เอ้อ จริงสิคะ ทำไมคุณไม่ฝากดิฉันไว้กับแฟนล่ะ” ตื่นขึ้นมาในห้องนอนของผู้หญิงด้วยกัน ยังไงก็ดีกว่าตื่นขึ้นมาในห้องนอนของผู้ชาย

    ภานุรุจชะงักไป นัยน์ตาสีเข้มฉายแววร้าวลึก

    หญิงสาวหน้าเจื่อน ท่าทางคำถามของเธอจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว “ขอโทษค่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ คุณจะสัมภาษณ์งานต่อไหม”

    “ดิฉันก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น คุณยังจะกล้ารับดิฉันเข้าทำงานอีกเหรอคะ”

    เพลงขวัญถามอย่างตรงไปตรงมา แม้เรื่องราวจะผ่านมาตั้งสามปี แต่ภาพลักษณ์ของเธอป่นปี้ไปแล้วในสายตาเขา รองประธานบริษัทที่ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างภานุรุจคงไม่อยากมีเลขาฯ เรื้อนๆ แบบเธอแน่

    “คนเราก็ต้องเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น ผมไม่เอาอดีตมาตัดสินปัจจุบัน แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองก็ไม่เป็นไร เชิญกลับบ้านได้นะครับ” ชายหนุ่มผายมือไปยังประตูห้อง

    ดวงตากลมโตเปล่งแสงวาววับ “ดิฉันเข้ามาถึงรอบชอร์ตลิสต์ได้เพราะความสามารถค่ะ”

    “งั้นช่วยแสดงความสามารถของคุณให้ผมเห็นได้ไหมครับ” เขามองเธอด้วยสายตาท้าทาย คล้ายจะถามว่า ‘กล้าไหม’

    “ค่ะ ดิฉันพร้อมรับการสัมภาษณ์แล้ว” คนอย่างเพลงขวัญไม่ยอมปล่อยให้ใครมาหยามง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้!

    ภานุรุจกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเริ่มถามคำถามแรก “Could you please introduce yourself?”

    หญิงสาวยิ้มอย่างมั่นใจและแนะนำตัวเองเสียงฉะฉานไม่ให้เสียชื่อคนที่จบเอกภาษาอังกฤษธุรกิจเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมา “First of all, thank you for the opportunity to introduce myself.”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×