คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 02 ฟ้าคราม [3]
“เฮ้...เธอเป็นอะไรไปนานา!”
“โรมานโซ มึงยืนคุยอยู่กับใครเหรอ?” ในขณะที่หนุ่มหน้าฝรั่งกำลังวิตกกังวลเพราะอาการของฉัน จู่ ๆ ก็มีบุคคลที่สามเดินเข้ามาสมทบกับพวกเราสองคนแล้วมองมาที่ฉันอย่างสงสัยอีกคน จากนั้นเขาก็ชะงักเล็กน้อยเหมือนคนประหลาดใจไม่น้อย “เธอเป็นแฝดยัยนานาเหรอ?”
“อ้าว เธอไม่ใช่นานาเหรอ?” คนที่จำคนผิดหรี่ตามองฉันพลางยื่นใบหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้ ๆ และเมื่อเจ้าตัวแน่ใจว่าฉันไม่ใช่คนที่เขากล่าวถึงตั้งแต่ต้น เขาก็ยกมือเกาหัวตัวเองแรง ๆ กลบเกลื่อน พร้อมทั้งขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างคนรู้สึกหน้าแตก
นี่ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงจะหัวเราะร่วนไปแล้ว ทว่าไม่ใช่กับอารมณ์ตอนนี้ไง
พวกเขาเหล่านี้รู้จักคัตเตอร์ด้วยงั้นเหรอ แล้วคัตเตอร์ที่ว่านั้นจะใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำเลวกับฉันใช่หรือเปล่า?
“...” ฉันเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามที่พวกเขาทั้งสองสงสัย ตอนนี้ฉันรู้สึกระแวงจนทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ ซึ่งไม่นานนักฝีเท้าของฉันมันก็เริ่มขยับก้าวถอยห่างจากพวกเขาไปทางด้านหลังอย่างช้า ๆ อัตโนมัติ
“จะเป็นไปได้ยังไง ก็เมื่อกี้กูเพิ่งเจอยัยนั่นที่ลานจอดรถนี้เอง แล้วนี่ก็แม่งสั่งให้กูไปซื้อของให้อีกด้วย”
“ถึงว่าล่ะ ทำไมวันนี้ยัยนานาดูแปลกไป ที่แท้กูทักคนผิดนี่เอง นี่ตอนแรกกูเองก็ถึงกับงงนะ เพราะปกติผู้หญิงอย่างนานา ถ้าจะใส่กระโปรง ต้องไม่เกินเหนือเข่าเท่านั้น อีกอย่างเธอคนนี้ก็ไม่แต่งหน้าเลยด้วย”
ฉันไม่รู้นะว่านานาคนที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้เป็นใครกัน ทว่าการที่ผู้ชายมาใหม่คนนี้เอ่ยชื่อของคนเลวนั่นออกมา นั่นก็แสดงว่าพวกเขาต้องรู้จักกันแน่ ๆ
ผู้ชายที่ชื่อคัตเตอร์น่ะ ฉันเชื่อว่ามีอยู่ไม่กี่คนหรอก เพราะฉะนั้นตนเองจึงต้องรีบออกห่างจากพวกเขาเหล่านี้โดยเร็วที่สุดแล้วล่ะ เพราะถ้าหากฉันได้เจอเขาคนนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าตนเองคงหนีไม่พ้นจากการถูกจองจำซ้ำ ๆ อีกครั้งแน่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น คราวนี้ฉันคงได้ตกอยู่ในนรกบนดินไปชั่วชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย
บอกเลยว่าเขามันโรคจิต เขาเป็นผู้ชายประเภทคลั่งรักเกินปกติน่ะ
คิดได้ดังนั้นฉันก็ไม่รอช้าออกตัววิ่งผ่านหน้าผู้ชายสองคนนั้นเข้าประตูรั้วมหาวิทยาลัยทันที ฝีเท้าก้าวยาว ๆ โดยที่ฉันตั้งใจว่าจะวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะฝั่งนั้นมันมีที่กันบังแดดตลอดทางเดินน่ะ
บ้าจริง ฉันไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแบบนี้มานานหลายปีแล้วล่ะ ซึ่งก็นับตั้งแต่วันที่คัตเตอร์หายไปจากชีวิตของฉันนั่นแหละ
ทั้ง ๆ ที่ใจอยากจะลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นที่เขาก่อไว้แทบตาย ทว่าไม่รู้ทำไม สมองมันกลับจดจำช่วงเวลาเลวร้ายนั้นได้ดีเสมอ แถมมักจะนึกถึงบ่อย ๆ เสียด้วยสิ
“เฮ้ย...ระวังรถ!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนเตือน ฉันก็หันขวับไปทางด้านหลังอัตโนมัติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวที่รถยนต์คันหรูหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาทางประตูรั้วด้วยความเร็วสูงพอดิบพอดี ฉับพลันที่หันขมับไปมอง เปลือกตาฉันก็เบิกกว้างด้วยความช็อก ตนเองยืนนิ่งเฉยไม่ขยับหลบเพราะร่างกายมันเกิดแข็งทื่อไปเลยล่ะ และยิ่งไปกว่านั้น นอกจากฉันจะตกใจที่รถพุ่งเข้ามาใกล้ โดยที่ตนเองไม่ทันตั้งตัวแล้ว เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งที่คนภายในรถมองเห็นคนขว้างหน้าตัวเองและเราได้สบตากันผ่านฟิล์มสีชา เขาก็รีบเบรกรถกะหันทัน ก่อนที่รถจะพุ่งชนร่างกายฉันได้ทัน
“ไม่นะ...” ฉันคราง พลางส่ายหน้าช้า ๆ
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์หวาดเสียวรถเกือบเฉี่ยวชน นักศึกษาที่ยืนอยู่โดยรอบบริเวณนี้ต่างก็พากันเดินเข้ามามุดดูด้วยความตกตะลึงไม่หาย ซึ่งก็เช่นเดียวกับฉัน เรี่ยวแรงตอนนี้ของฉันมันแทบจะหายวูบจนฉันอยากจะทรุดลงไปกับพื้นไปเสียแล้วล่ะ
เท้าที่ยืนอยู่มันสั่น ๆ ส่วนหัวใจก็เต้นแรงระรัวและถี่แรงยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อฉันเห็นคนที่ขับรถใกล้จะชนตนเองเข้า
เราสองคนยังคงสบตากันนิ่ง เขาเองมีอาการชะงักกึกไม่ต่างจากฉัน
ปัง!
“เฮ้...เธอเป็นอะไรมั้ย?!”
ฉันไม่รู้นะว่าใครเป็นคนกำลังเขย่าแขนของฉันแรง ๆ เพื่อเรียกสติอยู่ หากแต่ว่าเสียงประตูรถที่ปิดลงนั้น มันทำให้ฉันหูแว่ว ฉันได้ยินเสียงนั้นเหมือนกับเสียงประตูห้องที่ปิดลงเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นมันเหมือนกับตอนนี้เลย
และแล้วในที่สุดภาพรอบ ๆ ตัวของฉันในขณะนี้มันก็เกิดมิติภาพหลอนขึ้นมาที่ทำให้ตนเองได้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่มันเลวร้ายขึ้นอีกครั้ง...
เจอกันอย่างงี้เลย คือเดินเรื่องไวน่ะค่ะ ฮ่า ๆๆ
ความคิดเห็น