คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : HOT PLAYBOY ll EP.05 ตบมา ตบกลับ [100%]
EP.05
ตบมา ตบกลับ
“เฮ้อ...เสร็จสักที” พอวางปากกาลงบนโต๊ะเครื่องเขียน
ความรู้สึกเครียด ๆ ก็โล่งสมองขึ้นมาทันที
หลังจากที่ฉันนั่งสรุปและลงมือเขียนรายงานไม่กี่แผ่นที่อาจารย์สั่งทำไว้เมื่อช่วงบ่ายวันนี้
ในที่สุดฉันก็เขียนเสร็จสักที
เลกเชอร์ของวาโยที่จดบทสรุปการเรียนในวันนี้มีเพียงแค่หนึ่งหน้ากระดาษเดียวเท่านั้น
เขาจดเน้นสาระสำคัญ ๆ จริง ๆ ทว่าฉันก็ขยายข้อมูลให้มันแน่นยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยเกือบจะสามทุ่มแล้ว
เมื่อจัดการเก็บข้าวของเครื่องเขียนเรียบร้อยแล้วออกนอกห้องนอนไป
ฝีเท้าก็เร่งลงจากบันไดชั้นสองทันทีอย่างรีบร้อน
เพราะอดรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ที่เพิ่งจะไปส่งเลกเชอร์ที่บ้านของเขาในเวลานี้
ฉันไม่น่านั่งเหม่อขี้เกียจช่วงอยู่ในห้องสมุดเลย
ไม่อย่างนั้นตนเองก็น่าจะเขียนเสร็จเร็วกว่านี้แล้วล่ะ
“แกจะไปไหนดึก ๆ ดื่น ๆ พะพาย”
ทันทีที่ฝีเท้าก้าวลงมาถึงขั้นสุดท้ายของบันได
เจ้าของบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่
ซึ่งเพิ่งกลับมาถึงบ้านในเวลานี้พอดีก็เอ่ยถามขึ้น ฉันยักไหล่อย่างแยแสและไม่แม้แต่จะหันมองหน้าคนถามเหมือนอย่างเคย
อีกทั้งไม่ตอบคำถามแล้วเดินเลยผ่านร่างท้วมในชุดสูทไปเลย
“ลุง‘ไม้’อย่าเพิ่งไปเก็บรถนะ
ฉันต้องไปส่งงานที่บ้านเพื่อนน่ะ” ฉันเลื่อนหางตาบอกคนขับรถประจำบ้าน
ซึ่งกำลังถือข้าวของสัมภาระจำพวกเอกสารต่าง ๆ
ของท่านประธานบริษัทใหญ่อย่างขะมักเขม้น
จากนั้นฉันก็เปิดประตูรถขึ้นไปรออยู่ด้านในทันที
ฉันกับเขาไม่ถูกชะตากันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เหมือนเกิดมาความรู้สึกความเกลียดชังก็มีขึ้นให้กันทันทีเลยล่ะ
เขาต้องหย่ากับภรรยาที่มีฐานะจน ๆ เข้ามาเป็นผู้บริหารใหญ่เมื่อแม่ฉันตั้งท้องกับเขา
ลองคิดดูสิ จากพนักงานชั้นล่างได้แต่งงานกับท่านประธานสาว
มันเป็นอะไรที่โชคดีสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
ทว่าถึงจะหย่ากับเมียคนแรกไปแล้วก็ใช่ว่าเขาจะเลิกตัดขาดกับครอบครัวนั้นนะ
พวกเขาหย่ากันเพียงแค่ในทะเบียนเท่านั้นแหละ เพราะยังไงซะเขาก็แอบไปหามาสู่กันตลอดแหละ
แม่ฉันรู้เรื่องนี้มาตลอดก็ตรอมใจตายไปในที่สุดหลังจากแต่งงานกันมาได้ไม่ถึงสิบปีเท่านั้น
เงินบริษัทของแม่ฉัน เขาก็สูบไปให้ลูก ๆ บ้านนั้นได้เรียนต่อที่ดี ๆ กันทุกคน
ตอนนี้ลูกสาวอย่าง‘พะแพง’ ‘พะเพื่อน’ก็ได้เรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกเมืองนา
ส่วนลูกชายคนเล็กอย่าง‘เพทาย’ก็กำลังเรียนอยู่ปี
1 ที่เดียวกับฉัน
เขาตั้งใจส่งเสียลูก ๆ
เรียนบริหารทุกคนเพื่อจะมาดูแลกิจการสามแห่งของแม่ฉันในอนาคต นี่เชื่อสิ
อีกไม่นานสมบัติทุกอย่างที่ปู่ฉันสร้างมาคงจะกลายของพวกนั้นไปจนหมดแน่ ๆ
นี่ยังดีนะที่ตอนนี้พวกนั้นไม่ขนข้าวของทั้งครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วย
ไม่อย่างนั้นฉันคงจ้างวานสั่งฆ่าพวกนั้นให้ตายจนหมดไปแล้วล่ะ
ตอนนี้ฉันกับเขาอาจจะอยู่ในบ้านใหญ่โตหลังด้วยกันแค่สองคนเท่านั้น(ไม่รวมกับคนรับใช้)
แต่อยู่ไปก็เหมือนอยู่คนเดียว เขาทำงานไม่ดูเวลา พอวันหยุดก็ไปอยู่กับเมียเก่า
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันรู้สึกเหงาหงอยได้ยังไงกัน
แถมเขายังชอบบงการชีวิตฉันไม่เลิกละ แต่นึกเหรอว่าฉันจะยอมง่าย ๆ น่ะ
อะไรที่เขาสั่ง...ฉันจะขัด!
อะไรที่เขาเกลียด...ฉันจะทำ!
ปัง...
“คุณหนูอยากไปไหนครับ” เสียงปิดประตูเบา ๆ
และเสียงเรียกของลุงไม้ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์
ก่อนจะเหลียวมองประตูบ้านที่ปิดสนิทลงแล้ว
“ลุงขับ ๆ ไปเถอะ
เดี๋ยวฉันจะเป็นคนบอกทางเป็นระยะ ๆ เอง” ฉันเอ่ยสั่ง
พลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
ตอนนี้น่ะฉันรู้สึกเคยชินและชินชากับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ
แค่ใส่ใจสักนิด สักนิดก็ยังดี...
บ้าน PARADISE
“บ้านหลังนี้แหละ” ฉันยกมือชี้นิ้วไปทางข้างหน้าเมื่อรถขับมาถึงปลาย ป้ายชื่อตัวใหญ่เบ้อเร่อทำมาจากปูนซีเมนต์ติดไว้กับกำแพงรั้วหน้าบ้านเห็นได้ชัดมาแต่ไกล ฉันหยิบข้าวของสองสามอย่างเตรียมจะลงจากรถเมื่อรถหยุดจอดนิ่งสนิท “ลุงรอแปบนึงนะ เดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปหาเพื่อนแล้วจะรีบกลับมา”
“เอ่อ...ขากลับคุณหนูกลับเองได้มั้ยครับ
เอ่อ...คะ
คือว่าผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าคุณท่านสั่งให้ผมไปส่งรถเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คสภาพรถดูน่ะครับ
เพราะเมื่อเช้าเครื่องยนต์ดับไปสองครั้งระหว่างที่ผมขับรถส่งคุณท่านไปประชุม
เอ่อ...ไว้เดี๋ยวผมจะโทรเรียกรถแท็กซี่ให้มารับไปส่งคุณหนูนะครับ ผมต้องขอโทษจริง
ๆ ครับ” ลุงไม้พูดรัว ๆ อย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
โดยไม่หยุดพักหายใจแม้แต่น้อยพลางหลบตาเหมือนกำลังรู้สึกผิดต่อฉันนักหนาที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียก่อนมาถึงนี่
ฉันไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้วเลยไม่ได้เอะใจอะไรมากมายนักจึงพยักหน้าเข้าใจ
ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวออกไป
“ลุงก็ขับรถระมัดระวังด้วยล่ะ” ก่อนจะปิดประตูรถ
ฉันก็ไม่ลืมเตือนบอกลุงคนขับประจำบ้านด้วยความหวังดี ฉันกลัวลุงแกจะหลับในน่ะ
ยิ่งตอนนี้มันดึกมากแล้วด้วย ถ้าลุงไม้จะต้องรอรับรถเลย
มันก็น่าเป็นห่วงน่าดูเลยล่ะ
หลังจากนั้นฉันก็ยืนรอให้ลุงไม้ขับรถออกไปก่อนจนลับสายตา
ตนเองจึงจะหันไปยังตัวบ้านผ่านประตูรั้วเหล็กแน่นหนา
ฉันยืนชะโงกหน้าดูใกล้ ๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้เห็นอะไรด้านในนัก
เนื่องจากว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ปิดไฟหน้าบ้านเลยน่ะ มันเลยมืดมาก
จากนั้นฉันจึงเลิกสนใจไป แล้วหันซ้ายมองขวามองหาปุ่มกดออดหน้าบ้านแทน
แต่ทว่าแล้วปรากฏว่ามันไม่มีปุ่มอะไรเลยนี่สิ สิ่งที่ฉันเห็นมีแต่พื้นกำแพงเรียบ ๆ
เท่านั้น โดยมีไฟนีออนสาดแสงสว่างไปทั่วบริเวณหน้ารั้ว
อีกทั้งยังมีกล้องวงจรปิดสี่ห้าตัวจับส่องสุ่มดูโจรขโมย
“แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ เว่อร์วังชะมัด” ฉันถึงกับงุนงงไปแหละเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี
เบอร์วาโย ฉันก็ไม่มีไว้ติดต่อเพราะฉันไม่ได้ขอเขาไว้ตั้งแต่แรก
นี่ฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี่ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเจนน่าจะมีเบอร์ของเพื่อนเธอที่อยู่บ้านหลังนี้
ไม่รอช้าฉันก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้น ซึ่งกำลังถืออยู่ในมือกดโทรหาเธอทันที
[ว่าไงพะพาย แกโทรมามีอะไรเหรอ?] ไม่ต้องรอสายนานนักเหมือนว่าเจนกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ในมือ
เธอก็รับสายฉันในทันที
“เจน
แกพอจะมีเบอร์เพื่อนผู้หญิงที่อยู่บ้าน PARADISE ปะ ฉันอยู่หน้าบ้านหลังนั้นแล้วน่ะ แต่บ้านเขาไม่มีปุ่มกดออดอะ
อีกอย่างฉันก็ลืมขอเบอร์วาโยด้วย
เพราะงั้นฉันก็เลยไม่รู้จะเรียกหมอนั่นให้ลงมาเอาเลคเชอร์คืนได้ยังไงดี” ว่าแล้วฉันก็งอแงใส่เพื่อนทันที
ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อฉันต้องการความช่วยเหลือ
ประเด็นสำคัญคือนอกจากรั้วบ้านหลังนี้จะสูงมากแล้ว ตัวบ้านก็ตั้งอยู่ห่างจากประตูรั้วพอสมควรอีกด้วย
ต่อให้ฉันแหกปากตะโกนเรียกวาโยจนเสียงแหบ เขาก็ไม่ได้ยินหรอก
“นี่แกเพิ่งจะไปส่งเลคเชอร์คืนให้วาโยเหรอ!”
“อืม หรือว่าแกมีเบอร์วาโยอยู่แล้ว?” ปากพูดไป ส่วนสายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ
บริเวณไปด้วยเพราะรู้สึกวังเวง
ในซอยนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่สองชั้นเหมือนกันหมด แต่จะออกแบบสไตล์ต่าง ๆ
ไม่เหมือนกันก็เท่านั้นเอง กำแพงบ้าน PARADISE จะสูงหนากว่าบ้านหลังอื่น ๆ
ราวกับว่าที่นี่เป็นสถานที่คุมขังนักโทษไม่มีผิด
ฉันพอรู้นะว่าคนที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มีแต่พวกลูกหลานมาเฟียผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจใหญ่
ๆ ทั้งนั้น
เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันได้ให้คนไปสืบหาข้อมูลของลีโอจนได้เรื่องพอสมควร
ไม่อย่างนั้นตนเองคงไม่มีทางมาที่นี่ถูกหรอก
อีกอย่างฉันให้เจนขับรถผ่านมาซอยนี้ทุกวันหลังเลิกเรียนอีกด้วยน่ะ
เว้นเสียแต่วันนี้เท่านั้นเองเพราะเจนต้องรีบกลับ
นี่เชื่อไหม นับตั้งแต่คืนนั้น
ฉันก็ตามติดชีวิตลีโอเหมือนโรคจิตไม่มีผิด
ฉันไม่ได้เกิดรักเขาขึ้นมาเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนแรกของฉันหรอกนะ
เพียงแต่ว่าเซ็กส์สำหรับฉันแล้วมันคือการลงทุนที่ฉันหวังผลกำไรในภายภาคหน้า
ในเมื่อฉันเสียตัวครั้งแรกไปแล้ว โดยที่ฉันไม่เต็มใจเลยสักนิด ดังนั้นฉันก็หวังว่าในอนาคต
ฉันอาจจะต้องพึ่งพาเขาก็ได้
[เบอร์วาโย ฉันเองก็ไม่มีหรอก
งั้นเดี๋ยวแกรอแป๊บนึงนะ ฉันไม่แน่ใจว่ามีเบอร์ของหงส์รึเปล่า]
จากนั้นฉันก็ยืนรอเจนหาเบอร์อยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเธอเงียบไปหลายนาที
ตนเองก็รู้สึกเมื่อยขาเต็มทีจึงนั่งลงยอง ๆ พิงกำแพง ต่อมาก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ
เพราะเบื่อหน่ายพลางอ้าปากหาวนอนไปด้วย
“แก ได้ยังอ่า
นี่ถ้าแกไม่มีเบอร์เพื่อนคนนั้น แกก็เอาเบอร์ลีโอมาให้ฉันก็ได้นะ
แกรู้จักกับเขาแล้ว หมอนั่นก็น่าจะแจกเบอร์ให้แกไม่ใช่เหรอ?”
[ฉันหาเบอร์หงส์ดูแล้วไม่มีนะ
ส่วนเบอร์ของลีโอ ฉันไม่ได้เมมเก็บไว้หรอก]
รู้แบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกเครียดจัดขึ้นมาทันที
แล้วทีนี่ฉันจะทำยังไงล่ะ
ฉันควรจะรอให้รถแท็กซี่ขับมารับแล้วพรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาบ้านหลังนี้อีกครั้งตั้งแต่เช้ามืดเลยดีไหม
คือฉันกลัวว่าวาโยจะเขียนไม่ทันนี่สิ
หรือว่าเรื่องรายงานฉันควรส่งให้คนใช้ที่บ้านสักคนเขียนลอกซะเลย
อาจารย์จะได้ไม่สงสัยเพราะมีลายมือสองคน ยังไงซะนี่มันก็งานคู่น่ะนะ
เมื่อได้ผลสรุป ฉันก็วางใจลงเล็กน้อย
“งั้นไม่เป็นไร ขอบใจแกมากนะ” หลังจากนั้นเจนก็พูดสองสามประโยคกับฉัน
ก่อนที่เธอจะวางสายไป
และแล้วเวลาก็เลยผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่ารถแท็กซี่ก็ยังไม่มาสักที
สำหรับฉันแล้วมันนานมากจริง ๆ ตนเองกดเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ๆ
พอเห็นว่าแบตเหลือน้อยเต็มทีเพราะไม่ได้ชาร์จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ขืนฉันเล่นต่อ
ฉันคงไม่มีช่องทางได้ต่อติดกับใครแน่ ๆ เลยล่ะ ตอนนี้ยิ่งมืด ๆ อยู่ด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเก็บมือถือหยุดเล่นฆ่าเวลาทันที
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินชะโงกหันมองไปมากลางถนนซอยแคบ ๆ
พลางถอนหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุดไม่ถึงอีกหนึ่งนาทีต่อมาก็มีไฟหน้ารถส่องมาแต่ไกล
ฉันรีบขยับตัวก้าวถอยหลังชิดกับกำแพงโดยเร็ว พลางรู้สึกระทึกใจและรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มันแปลก ๆ แฮะ ฉันก็คงรู้สึกกลัว ๆ ขึ้นมานั่นแหละ
พอรถเฟอร์รารี่สีแดงสดคุ้นตาขับเลี้ยวมาหยุดใกล้ ๆ
ฉันก็รู้สึกโล่กอกขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อย ๆ เรื่องรายงานก็หายกังวลไป
ส่วนเรื่องที่ต้องนั่งรอรถแท็กซี่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันจะขออนุญาตลีโอนั่งรอในบ้านของเขาไปก่อนก็แล้วกัน
หรือไม่ฉันก็อาจจะต้องหน้าด้านขอให้เขาพาไปส่งที่บ้านให้เลย
หากว่าอีกสิบนาทีรถแท็กซี่ยังมาไม่ถึง
ลีโอไม่ได้ลดกระจกรถเพื่อซักถามอะไรฉันเลย พอรอให้ประตูรั้วค่อย ๆ
เปิดออกกว้าง เจ้าตัวก็ออกรถขับเข้าไปจอดในโรงรถทันที ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเห็นฉันแล้วหรือเปล่า
เพราะรถติดฟิล์มดำสนิทำให้มองไม่เห็นด้านในเลยแม้แต่น้อย ทว่าแล้วผ่านไปเป็นนาที
ประตูรั้วก็ยังก็ไม่ถูกเลื่อนปิดเหมือนรอให้ใครเข้าไปด้านในด้วย
ซึ่งตอนนี้มีเพียงแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ
ประตูรั้วด้วยความรู้สึกสับสน
บางทีนะ เขาคงกำลังรอให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก็ได้มั้ง
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันก็ไม่รีรอที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในบริเวณบ้าน PARAPISE ทันที พอร่างฉันพ้นจากประตูรั้วแล้วมันก็ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนปิดลงอัตโนมัติเหมือนตอนเปิดออก ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นตานักหรอกเพราะที่บ้านฉันก็มี
ขณะฉันเดินก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ หัวใจก็เต้นแรงรัว ๆ และถี่ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ลีโอยังไม่ลงออกมาจากรถของเขา แม้ว่าเขาจะดับเครื่องยนต์ไปสักพักแล้วก็ตาม จนกระทั่งฉันเดินมาถึงด้านหลังของตัวรถ ฝีเท้าหยุดเดินเมื่อรู้สึกประหม่า ฉันทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีกับสถานการณ์อย่างนี้ สุดท้ายจึงตัดสินใจเคาะกระจกรถเบา ๆ เผื่อว่าลีโออาจจะเผลอหลับไปแล้ว
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก...
ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนด้านใน
ฉันเลยเปลี่ยนเป็นทุบแรง ๆ แทน ฉันไม่กลัวว่ามันจะทำให้กระจกรถแตกหรอก ของแพง ๆ จะพังง่ายได้ยังไงล่ะ
หรือหากถึงขั้นกระจกแตกก็แค่ไปเปลี่ยนใหม่ก็จบ รวยอ่านะ ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว
ปัง!
“...” เวลาผ่านเป็นนาทีน่าจะได้ คนในรถก็ออกก้าวออกมา และหลังจากที่ปิดประตูรถแล้วลีโอก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
ก่อนเขาจะยกรีโมทเล็ก ๆ กดให้บานประตูเหล็กโรงรถเลื่อนลงอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อฉันเห็นแล้ว
ตนเองก็รีบถอยออกจากบริเวณนั้นทันทีโดยเร็ว
“...” พอเขานิ่งเงียบ
ฉันเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงก่อนดีเหมือนกัน มันรู้สึกอึดอัดน่ะ ตนเองเลยได้แต่ยืนมองใบหน้าลีโออย่างสงสัยว่าเขาเมาอยู่หรือเปล่า
เพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ผสมกับกลิ่นบุหรี่
“มาทำไม!” เหมือนลีโอจะทนไม่ไหวเลยโพล่งออกมาอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
สายตาก็เริ่มมองสำรวจร่างกายฉันเหมือนอย่างเคยเป็นอันดับแรก
“ฉันมาส่งเลกเชอร์ให้วาโยน่ะ ฉันขอเข้าไปนั่งเล่นด้านในได้มั้ย?” พอบอกธุระไป ฉันก็หน้ามึนขอเข้าไปในบ้านทันที
“...” และเมื่อไม่ได้รับคำตอบรับ
ฉันก็ถือว่าเขาอนุญาต ดังนั้นฝีเท้าจึงเร่งเดินทันที โดยเมินสายตาหยาบคายที่กำลังมองมา
เดินไปฉันก็กวาดสายตาไปทั่วบริเวณบ้านไปด้วยพลาง ๆ
หน้าบ้านเปิดไฟเพียงแค่หน้าประตูดวงเดียวเท่านั้น
พอเงยหน้ามองสูงทางหน้าต่าง ซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนของแต่ละคนก็มีไฟสว่างอยู่เพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น
ตนเองเดินเพลิน ๆ ข้ามสะพานสระว่ายน้ำไป
ก่อนจะหยุดเดินหน้าประตูไม้บานใหญ่เพื่อรอให้ลีโอเปิดประตูเดินนำเข้าไปก่อน
“บ้านสวยดีนะ น่าอยู่มากอะ” นี่เป็นการชมเพื่อชวนคุย หากแต่ว่าฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังพึมพำพูดอยู่คนเดียวไม่มีผิด
เมื่อฉันคิดดังนั้นเพราะอีกฝ่ายเงียบใส่ไม่พูดไม่จากันเลย ฉันจึงหมุนตัวไปทางด้านหลังเพื่อกะจะทำหน้าค้อนใส่ก็ปรากฏเห็นลีโอยืนอยู่กลางสะพานพอดี ซึ่งห่างจากกันหลายก้าว ทว่าถึงอย่างนั้นแสงไฟที่ส่องไปยังตัวเขาก็ทำให้เห็นว่าเจ้าตัวยืนนิ่ง แถมมีเหงื่อหยดไหลออกมาอย่างชัดเจนเต็มกรอบหน้า
“เข้าไปสิ
ประตูไม่ได้ล็อก” น้ำเสียงของลีโอยังอยู่ในระดับไม่พอใจเหมือนเดิม
พูดจบเขาก็เดินเข้ามาใกล้ตัวฉัน ทั้งที่สายตาก่อนหน้านั้นมองยังไง สายตาตอนนี้ของเขาก็ยังคงมองมาอย่างนั้นไม่เปลี่ยน
แม้ฉันเองก็เริ่มไม่พอใจและอดรู้สึกหวาดหวั่นใจไม่ได้ไม่น้อย แต่ตนเองก็ยังคงนิ่งเรียบเฉยอยู่อย่างนั้นตามเดิม
“ฉันล่ะชอบใบหน้าเฉยชาของเธอจริง ๆ ฉันอยากรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเวลาเธอครางแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นยังไง?”
“อยากได้ยินเหรอ
งั้นก็...” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนรวบรวมความกล้า “อ๊ะ...ระ แรง ๆ อีกสิคะที่รัก เบาไปไม่ได้ดั่งใจเลยอ่า ซี้ด...เสียวอ่า”
ในเมื่อลีโอตั้งตาอยากได้ยินนัก ฉันก็จัดให้สมใจ แต่ว่าไม่รู้เมื่อกี้นี้ตนเองทำหน้าตลกแค่ไหนนะ ฉันบิ้วอารมณ์เต็มที่สักก่อนแล้วริมฝีปากเผยอขึ้นร้องครางอย่างที่เขาต้องการ
ได้ยินแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาซะเองเลย
“ธะ เธอ!” ลีโอถึงกับหน้าเหวอชะงักงันอ้าปากกว้างและแข็งทื่อฉับพลัน
พร้อมมองสบตาฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
แต่ก็แหงแหละนะ มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับฉัน เพราะฉันน่ะมักจะชอบทำอะไรอย่างที่คนเขาไม่คาดคิดมาก่อนเสมอแหละ
ขี้ประชดเป็นหนึ่ง ใครพูดมายังไง
ตนเองก็จะยอมทำตามที่คนเขาว่าอย่างนั้นอย่างตรงไปตรงมาเสมอ
ก็คนมันซื่อตรงและหน้าด้านอ่านะ เลยยอมทำตามคำขอของคนอื่นง่าย ๆ
แบบนี้ยังไงล่ะ หึ
“ห้องของน้องชายนายอยู่ไหนเหรอ
ฉันว่าฉันจะขึ้นไปส่งเลกเชอร์คืนเขาถึงหน้าห้องของเขาเลยล่ะ”
ฉันไม่อยากเสียเวลาไร้สาระมากกว่านี้อีกแล้ว
เพราะไม่รู้ว่ารถแท็กซี่ที่ลุงไม้โทรเรียกนั้นใกล้จะมาถึงหรือยัง ฉันจะคืนเลกเชอร์วาโยแล้วรีบ ๆ กลับบ้านสักที
จริง
ๆ จะฝากลีโอหรือไม่ก็เข้าไปวางลงบนโต๊ะอะไรสักโต๊ะก็ได้ด้านในนะ เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไรแล้วเพราะในเมื่อฉันมายืนอยู่ถึงหน้าประตูบ้านของเขาแล้วนี่ไง
แต่เพราะอยากยั่วโมโหลีโอให้สะใจเล่นก่อนกลับบ้านส่งท้ายอีกสักหน่อยก็เท่านั้นเองนั่นแหละ ฉันก็เลยถามเขาไปอย่างนั้นยังไงล่ะ
บอกตามตรง
เห็นหน้าเขาแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้นัก
“ไอ้โยมีแฟนแล้ว”
“ตอบไม่ตรงคำถาม งั้นฉันขอเข้าไปหาน้องชายนายถึงในห้องนอนของเขาเลยแล้วกันนะ”
ฉันไม่สนใจใบหน้าเปลี่ยนไปของลีโอที่แดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากเดิมก็แดงอยู่แล้วน่ะนะ
มือฉันจับลูกบิดหมุนแล้วผลักประตูออกกว้างและก้าวเดินเข้าไปด้านในบ้านอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด
ภายในบ้านหลังนี้หรูหรากว่าที่ฉันไว้คิดเสียอีกนะ เพราะเมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในบ้านก็เจอชุดโซฟาขนาดใหญ่กลางห้อง ทว่าตู้ไว้ตกแต่งโชว์ไม่มีหรอก มีแต่ตู้เก็บรองเท้าขนานใหญ่มากหลายตู้ โดยแปะป้ายชื่อแต่ละคนน่ะ
แม้การตกแต่งจะเรียบ
ๆ แทบไม่มีอะไร แต่ก็ดูแพงเพราะมีลิฟต์แก้วนี่แหละ
นี่ฉันไม่รู้ว่าบ้านเขาจะมีลิฟต์ไว้ทำไม ทว่าถ้าให้เดาเล่น ๆ ดู อาจเป็นไปได้ว่าใช้ในช่วงที่ใครคนใดคนหนึ่งเมามายไม่ได้มีสติก็ได้มั้ง แบบว่าจะได้ไม่ต้องเสี่ยงตกบันไดคอหักตายไง หรือไม่ก็เพื่อนฝูงไม่ตกแบกส่งถึงห้องน่ะนะ
ผู้คนที่อยู่บ้าน PARADISE มีแต่วัยรุ่นวัยมหาลัยทั้งนั้น ฉันว่าสายปาร์ตี้น่าจะถูกใจสิ่งนี้มากเลยแหละ ความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะสร้างมาเพื่ออย่างนี้ก็ได้นะ
“ฉันบอกว่าไอ้โยมีแฟนแล้วไงวะ!” ทว่าแล้วเสียงของลีโอก็ทำให้ฉันหลุดจากห้วงภวังค์ทันที
“แล้วยังไง ฉันต้องแคร์ด้วยเหรอ?” ระดับน้ำเสียงของฉันยังนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่คำพูดคำจาอาจจะกวนประสาทไปอีกสักหน่อย ฉันหันกลับไปมองหน้าคนด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะเบะปากน้อย ๆ พลางเชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย
ว่าแต่ลีโอนี่ยังไง ฉันรู้สึกว่าเขาแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วนะ
แม้ฉันจะไม่ได้รู้จักเขามากพอนักเพราะเราสองคนเคยเจอกันเพียงสองสามครั้งเท่านั้น แต่ทว่าฉันก็ไม่คิดว่าคนนิ่ง ๆ อย่างเขาจะเป็นขี้โมโหแบบนี้สักหน่อยนะ
หรือว่าเพราะเขากำลังเมาอยู่ล่ะ
สันดานแท้จริงเลยเปิดเผยออกมาน่ะ?
“ร่าน!” วาจาหยาบคายและร้ายกาจที่พ่นออกมาเพียงแค่วลีเดียวเท่านั้นก็ทำเอาถึงกับฉันสะอึกอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แม้ฉันจะไม่ได้ตกใจอะไรมากมายนักเพราะฉันรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนยังไง แต่ในเมื่อลีโออยากเข้าใจอย่างนั้น ฉันก็ไม่เอ่ยเถียงขัด
เขาคงคิดว่าการที่ฉันมาหาวาโยในเวลานี้เนี่ยเพื่อจะมาเสนอตัวให้น้องชายของเขาถึงที่สินะ
เขาถึงได้มาโหมดอารมณ์อย่างนี้ใส่ฉันน่ะ
“ถึงฉันจะร่าน แต่ฉันก็ไม่ได้มั่วเหมือนนายแล้วกัน”
“...” ลีโอกัดฟังกรอดเมื่อโดนฉันตอกกลับได้อย่างเจ็บแสบกว่าอย่างนั้น
อย่างที่ฉันเคยตั้งฉายาเขาไว้นั่นแหละว่าเขาน่ะก็แค่ผู้ชายสาธารณะคนหนึ่งที่อยากนอนกับสาวคนไหนก็แค่คว้าตัวมาเอาง่าย
ๆ
เขาเป็นมนุษย์ที่ทำตัวไร้ค่าสิ้นดี เรื่องแบบนี้น่ะไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวหรอก ผู้ชายก็เหมือนกันแหละ ถ้าเอาหลายคนก็เรียกร่านเหมือนกันนั่นแหละ ถูกไหม?
“ถ้าฉันทำให้นายรำคาญนัก
นายก็แค่บอกห้องวาโยมา ฉันจะได้ไปพ้น ๆ จากหน้านายสักที” ฉันกัดฟันพูดอย่างใจเย็นพลางสูดอากาศเข้าปอดลึก
ๆ ฉันก็ยังคือฉัน ผู้หญิงที่หน้ามึนคนเดิม ก่อนจะเสแสร้งทำหน้านึกอะไรออก
แล้วแกล้งทำเป็นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นและกดเลื่อนหาเบอร์มือถือคนนั้นคนนี้มั่ว ๆ เอา “เอ๊ะ...จริง
ๆ ฉันควรโทรหาวาโยให้ลงมาด้านล่างก็ได้นี่นา นี่ฉันอยากเซอร์ไพรส์เขาจนลืมฉุกคิดไปเลยเหรอเนี่ย
แย่จัง” ว่าจบ ฉันก็หัวเราะคิกคักเบา ๆ ประกอบเพิ่มความน่าหมั่นไส้อีกด้วย
“เธอนี่มันเก่งเรื่องยั่วโมโหจริง
ๆ เลยสินะ ให้ตายเหอะ!” ว่าแล้วลีโอก็แค่นหัวเราะในลำคอ ซึ่งพอได้ยินแล้วก็ทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบขึ้นมาแปลก
ๆ ดังนั้นฉันจึงลืมตัวเลื่อนสายตาแอบสังเกตเขาเสียไม่ได้ ร่างกายเขาสั่นเทาและเกิดกระตุกเกร็งเป็นระยะ
ๆ ซ้ำยังมีเหงื่อไหลพรากอาบเต็มใบหน้า ในขณะที่สายตาของเขาก็กำลังจับจ้องมองฉันเหมือนโกรธแค้นกันมานานไม่มีผิด
“เธอเป็นนางนกต่อใช่มั้ย?”
“นางนกต่อ?” ฉันเลิกคิ้วงุนงงเมื่อเขาถามอย่างนั้นขึ้นมา แต่แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็ร้องตกใจพลางรู้สึกราวกับหัวใจจะวายเมื่อลีโอพรวดพราดเดินมาคว้าหัวไหล่อย่างรวดเร็ว
แล้วเขย่าแรง ๆ จนศีรษะฉันสั่นไปมาเหมือนแทบจะหลุดออกจากบ่า
นี่เขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย?!
การกระทำอย่างนั้นของเขามันทำให้ข้าวของที่เป็นโทรศัพท์
กระเป๋าตังค์ และเลกเชอร์ของวาโย ซึ่งมีกระดาษรายงานส่วนของฉันที่คาบไว้ร่วงออกมาจากมือทั้งหมดเลยล่ะ
“ใครส่งเธอมา!”
พอลีโอตะคอกใส่หน้าเสียงดัง ฉันก็ดีดดิ้นและทุบตีร่างกายเขาไปทั่ว
มือเรียวบีบแน่นและเพิ่มแรง พร้อมทั้งใช้เล็บจิกเข้าใส่ผิวหนัง ซึ่งนั่นก็ทำเอาฉันต้องนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บ
ตนเองรีบรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักอกหนาของเขาเต็มแรงให้รีบผละออกไป ก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือใส่ใบหน้าของเขาเต็มแรงเพื่อเรียกสติ
เพียะ
“นายเป็นบ้า...!”
เพียะ!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ต่อว่าเขาจนจบประโยคดี
ใบหน้าของฉันก็หันไปตามแรงเหวี่ยงตอกกลับด้วยแรงมหาศาลหลายเท่าตัว ก่อนที่ร่างกายของฉันมันจะล้มลงกับพื้นในเวลาอันรวดเร็วทันที
โดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด แก้มข้างซ้ายของฉันมันปวดชาไปทั่วทั้งแถบ
ฉับพลันน้ำตาก็ร่วงหยดไหลออกมาอาบแก้มไม่รู้ตัว ฉันเบิกตาตกใจหันขวับเงยหน้ามองลีโออย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
เขาตบหน้าฉัน!
“เธอกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน!” ลีโอตวาดใส่ฉันเสียงดังลั่น เขาไม่นึกเกรงใจว่าคนในบ้านจะมาได้ยินเข้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากำลังกำหมัดแน่น ลมหายใจก็หอบแรงอย่างคนโมโห ราวกับควบคุมอารมณ์ตนเองเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว
นี่ฉันเชื่อเลยว่าการที่เขาไม่ยอมโดนตบฝ่ายเดียว มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวจับใจเลยล่ะ
“...”
“ถ้าร่านนักก็เข้าไปในห้องแรกด้านซ้ายมือเลยไป!” ว่าจบอย่างจำยอมระคนประชดประชัน ลีโอก็แหงนหน้าขึ้นสูงและหลับตาแน่น เบี่ยงสายตาเพื่อหลบหนีการสบตากับฉัน
ส่วนฉันเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ไม่มัวแต่นั่งครุ่นคิดอะไรให้เสียเวลาอยู่กับพื้นแบบนั้นอีกต่อไป ตนเองรีบลุกพรวดวิ่งขึ้นบันไดทันที ขณะที่ฝ่ามือกำลังยกขึ้นจับแก้มข้างที่โดนตบเต็มแรงด้วยท่าทางสั่นเทา
ตอนนี้ในหัวฉันคิดแต่อยากจะให้วาโยหรือใครก็ได้ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่โดยเร็ว และจะขอบคุณมาก
ๆ ถ้าหากว่าจะช่วยพาฉันไปส่งบ้านให้ด้วย
ให้ตาย
นี่ฉันไม่คิดเลยจริง ๆ นะว่าลีโอจะน่ากลัวแบบนี้
เมื่อมาถึงห้องแรกด้านซ้ายมืออย่างที่ลีโอว่าไว้
ฉันที่กำลังสติแตกไม่ทันฉุกคิดอะไรไปชั่วขณะก็จับหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปยังในห้องมืด
ๆ ทันที โดยไม่ได้เคาะประตูห้องเสียก่อน และเมื่อพอก้าวเข้าไปด้านในเล็กน้อยตรงหน้าประตูห้อง ตนเองก็เอาแต่ยืนหอบหายใจถี่แรงอยู่อย่างนั้นเป็นนาทีเพราะยังตกใจไม่หาย
ฉันยืนอกสั่นอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองมายังในห้องนี้ทำไมกัน
เมื่อได้สติดี
ฉันก็รีบมองหาสวิตช์ไฟใกล้ ๆ ทันที และเมื่อเห็นว่ามันอยู่ใกล้ซ้ายมือนี้เอง ดังนั้นฉันจึงไม่รอช้ารีบเอื้อมไปกดปุ่มในทันที
“วาโย...” เสียงเรียกแผ่วเบาหยุดชะงักกึกกลืนลงในลำคอหลังจากที่เปิดไฟสว่างไปทั่วทั้งห้อง
ทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏให้เห็นชัด ๆ เต็มตา มันก็ทำให้หัวใจฉันกระตุกวูบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ห้องรก
ๆ ที่เต็มไปเสื้อผ้าต่าง ๆ กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบบ่งบอกถึงนิสัยส่วนหนึ่งของเจ้าของห้องได้ดี
แต่ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะต้องมาใส่ใจในเรื่องพวกนี้ ถูกไหม หากแต่ว่าประเด็นสำคัญก็คือพอฉันเห็นเสื้อช็อปสีแดงเลือดพาดทิ้งไว้ตรงปลายเตียงขนาดไซส์คิง
ซึ่งบนนั้นมันว่างเปล่าไม่มีใครนอนอยู่เลยอย่างที่ฉันคาดคิดไว้ตอนแรกยังไงล่ะ และเมื่อสายตาเลื่อนไปยังหัวเตียงอัตโนมัติก็เห็นกรอบรูปสองพี่น้องกำลังเล่นน้ำด้วยกันอย่างมีความสุข
เพียงแค่เห็นสิ่งสิ่งนั้น
มันก็ทำให้ฉันฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันทีแล้วล่ะ
ลีโอหลอกให้ฉันเข้าไปในห้องของเขา!
“เธอสินะ นางนกต่อที่จะมาบำเรอความสุขให้กับฉันในคืนนี้...”
พลั่ก!
หลังจากที่น้ำเสียงเย็น
ๆ กระซิบเอ่ยข้างหูพร้อมกับแรงผลักจากด้านหลังก็ทำให้ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวถลาก้าวขายืนพ้นจากประตูแล้วเข้าไปในห้องนอนของเขาทันทีอย่างไม่เต็มใจ ทว่าก็ยังดีที่โดนผลักไม่แรงนัก ไม่อย่างนั้นใบหน้าฉันมันคงจะคะมำล้มฟาดลงกับพื้นห้องไปแล้วล่ะ
“นายหลอกฉัน!”
“ตอนนี้ร่างกายฉันต้องการเธอแล้วนี่ไง
ไม่ดีใจเหรอ อย่าลีลานักเลย ไหน ๆ เธอก็อุตส่าห์เสนอตัวถึงที่แล้วนี่”
เขาพูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย?!
นี่เขาเข้าใจว่าฉันเป็นนางนกต่อจริง ๆ เหรอ หรือว่าจริง ๆ แล้วเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากให้ฉันยุ่งเกี่ยวกับน้องชายของเขากันแน่ เขาถึงได้อยากสานสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับฉันอย่างนี้น่ะ ทว่าด้วยเพราะอะไรก็ช่าง ให้ตายเถอะ ความอดทนของฉันตอนนี้มันหมดไปเสียแล้วล่ะ ฉันไม่ยอมเขาหรอก ถึงแม้ว่าภายในอกมันจะรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทางของเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่ทว่าเวลานี้มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ลีโอดูถูกฉันเกินไปแล้ว เขาไม่รู้จักฉันดีพอ ทว่ากลับพูดจาเลว ๆ แบบนี้กับฉันออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยตั้งหลายครั้ง
ก็ได้ ในเมื่อเขาอยากให้ฉันสวมบทบาทเป็นแบบนั้นนัก เดี๋ยวฉันจะเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาต้องการก็ได้ แล้วคอยดูเถอะ เขาจะต้องเสียใจที่เล่นงานฉัน ฉันไม่ยอมโดนเอาเปรียบฝ่ายเดียวแน่นอน!
ถ้าลีโอเป็นไฟ พะพายก็คือน้ำมันค่ะ
นางชอบให้ใครต่อใครเข้าใจนางผิด
แต่พอโดนคนอื่นดูถูกมาก ๆ เข้า กลับรับไม่ได้
พะพายเป็นตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ชวนงงมาก ๆ ค่ะ
แต่งเองงงเอง บอกเลย ฮ่า ๆๆ
ขอกรี๊ดอีกรอบ กลัวแล้วจ้า
ลีโอคือผู้ชายที่น่ากลัวจริง ๆ ค่ะ
ด้าไม่กั๊กความดาร์กนะ
แม้ตัวเองจะเกลียดความรุนแรงก็เถอะ
นิยายคือนิยายเนอะ
กรี๊ด! อะไรคือฉันลืมกดเผยแพร่
ก็ว่าทำไมไม่มีคอนเมนต์เพิ่มขึ้นเลย เพราะงี้เลยเป็นท้อนาน
ว่าแต่พะพายก็นะ ฮ่า ๆๆ
อัปครั้งหน้าไปจนถึงตอนหน้าเรท 20+ นะคะ
เพราะมีความรุนแรงหนักมาก ฮ่า ๆๆ
จริง ๆ พ่อลูกนิสัยเหมือนกันนะ
แบบว่าไม่อยากให้สนใจ ก็เลยไม่ใส่ใจงี้
ความคิดเห็น