คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : HOT PLAYBOY ll EP.04 โดนวางยา [100%]
EP.04
โดนวางยา
ผับ
K
[บรรยายพิเศษ ::
วาโย]
“นี่เฮียพาผมมาดูหนังสดเหรอวะเนี่ย!”
ผมบ่นอุบอิบ สายตาเบี่ยงไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองพี่ชายตนเองกำลังจูบนัวเนีวอย่างดูดดื่มกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้
ซึ่งเพิ่งเจอกันตรงหน้าประตูผับเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี้เอง
หลังจากที่ลีโอเอาแต่บ่นอย่างหัวเสียไม่หยุด ซึ่งผมไม่รู้นะว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันยังไง แต่ก็คงจะเกี่ยวข้องกับเงินในซองที่พะพายฝากให้นั่นแหละมั้ง ลีโอก็เอ่ยปากชวนผมมาเที่ยวผับเป็นเพื่อนด้วยกันครั้งแรกทันที โดยที่ไม่ยอมให้ผมทันได้แวะกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนสักหน่อย ตอนนี้ผมยังอยู่ในชุดศึกษาอยู่เลยน่ะ แต่ปลดเข็มกลัดสถาบันและเนคไทออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนลีโอก็มีเตรียมเสื้อโปโลติดรถตลอด ดังนั้นเวลาจะออกไปเที่ยวไหนมาไหนข้างนอกเมื่อไหร่ เจ้าตัวก็ไม่เคยจะใส่เสื้อช็อปหรอก เพราะกลัวจะเจอคู่อริแล้วอาจจะเป็นเรื่องขึ้นได้น่ะนะ
อ้อ แต่จะว่าไป ตั้งแต่มาถึงนี่ ผมก็เอาแต่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายบนโซฟาอย่างนี้ โดยได้แต่มองรอบ ๆ ผับไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบ ผมกระพริบตาปริบ ๆ อย่างคนไม่รู้จะทำอะไรจริง ๆ ว่ะ
“อือ...พอก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปสั่งเครื่องดื่มก่อนนะคะ แล้วลีโอก็อย่าเพิ่งชวนใครมานั่งแทนที่ฉันล่ะ” เอ่ยจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ผละออกจากตักพี่ชายผม แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินผ่านหน้าผมไป เธอก็ไม่วายส่งสายตายั่ว ๆ มาให้ผมสักก่อน พร้อมกับก้มตัวยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ผมอีกด้วย “น้องชายลีโอจะรับเครื่องดื่มอะไรมั้ยคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยง”
“...” ผมไม่ตอบ ทว่ามือยกขึ้นปัดแขนเรียวที่มีทีท่าว่าจะมาวางลงบนบ่าผมแรง ๆ อย่างไม่แยแส แม้ว่าจะทำให้เธอหน้าเสียก็ตาม
และส่งท้ายตนเองก็หรี่ปลายหางตามองเธออย่างรังเกียจ
“บ้าจริง!” เธอสบถ กระแทกเท้าทีหนึ่ง แล้วสะบัดหน้าเดินผ่านไปอย่างหัวเสีย
“ดูมันทำ” ลีโอแค่นหัวเราะในลำคอพลางส่ายศีรษะเบา ๆ กับการแสดงออกอย่างอคติของผม ก่อนจะกางแขนขยับตัวลุกนั่งโซฟาตัวเดียวกับผม
แล้วโอบรอบไหล่ของผมด้วยแขนทั้งสองข้างอย่างคนหมั่นไส้แกมมันเขี้ยว
“เฮีย ผมว่าจะกลับแล้วนะ
ที่นี่มันน่าเบื่อเกินไปว่ะ” ไม่พูดเปล่า ผมยังอ้าปากหาวง่วง โดยในขณะนั้นเปลือกตามันขยับปริบ ๆ จนแทบจะปิด ซึ่งมันไม่ใช่การเสแสร้งแต่อย่างใด บอกเลย
“อะไรของมึง นี่มันเพิ่งจะหัวค่ำเองนะ มึงง่วงนอนแล้วเหรอ?” มันก็จริงอย่างที่ลีโอว่า ตอนนี้มันเพิ่งจะเป็นช่วงเวลาหัวค่ำเอง
ด้วยที่ว่าร้านแห่งนี้ภายนอกเปิดเป็นร้านอาหารอยู่ด้วยน่ะ ดังนั้นภายในซึ่งเป็นผับบาร์เขาก็จะเปิดบริการให้เลยตั้งแต่หัววัน แต่ในนี้มันน่าเบื่อจริง ๆ สำหรับผม มันมีแต่แสงไฟสีเสียง เป็นสถานที่ที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย บอกตามตรงเลยนะว่าตนเองมาในที่แบบนี้นับครั้งยังได้
“เราไปกินข้าวนอกร้านกันเถอะเฮีย อยู่ในนี้ผมก็ไม่รู้จะดื่มอะไรอะ”
“เออ ลืมไปว่ามึงไม่ดื่มแอลกอฮอล์นี่หว่า งั้นมึงดื่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์แล้วกัน เวลานี้กูไม่หิวอย่างอื่นว่ะ นอกจากเหล้ากับผู้หญิง หึ ๆ” พี่ชายผมท่าทางหื่นขึ้นหน้าขนาดนี้ ไม่บอก ผมก็รู้ “มึงอยากดื่มอะไรล่ะ เดี๋ยวกูจะเป็นคนเดินไปสั่งให้ก็ได้”
“งั้นผมขอนมอุ่น ๆ สักแก้วแล้วกัน”
“มาเที่ยวผับ
แต่อยากดื่มนมเนี่ยนะ บ้าบอว่ะมึง เสียชื่อกูหมดจริง ๆ ที่มีน้องแบบมึงเนี่ย
งั้นมึงไปสั่งเองแล้วกัน หรือถ้ามึงอยากจะกลับนักก็เชิญเลยไป” ลีโอทำหน้าเอือมระอา
พลางกลอกตามองบน ก่อนจะย้ายที่นั่งไปอยู่ที่เดิมของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ แล้วยกมือโบกไล่ผม
“เออ” ผมพยักหน้า แล้วลุกขึ้นจากโซฟา เดินตรงออกไปจากประตูผับไปเลยทันที คือผมกะว่าเข้าห้องน้ำก่อนสั่งเครื่องดื่มน่ะ ไม่ใช่ว่าจะหนีกลับก่อนหรอก เพราะไหน ๆ ลีโอเอ่ยชวนทั้งที ซึ่งไม่บ่อยไงประเด็น
ซึ่งห้องน้ำที่ว่านั้นมันอยู่ด้านนอกร้านน่ะ ผมก้าวเดินไปตามทางยาวตามป้ายบอกทางอย่างช้า ๆ พลางหันมองบรรยากาศรอบ ๆ เพื่อคลายความง่วงไปด้วย
ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในบริเวณร้านอาหารเกือบจะเต็มโต๊ะเสียแล้วล่ะ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ
ผมก็ตั้งใจกะจะเลี้ยวเข้าไปด้านในทันที หากแต่ว่าถ้าตนเองไม่เห็นความผิดปกติของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่ใกล้
ๆ บริเวณนั้นสักก่อน เขาคนนั้นกำลังเขย่าแก้วไวน์เบา ๆ
ซึ่งมีน้ำสีแดงสดด้านใน หลังจากที่เขาเทผงอะไรสักอย่างลงไป
“คุณใส่ยาอะไรในแก้วไวน์เหรอ?”
“ก็ยาปลุกเซ็กส์น่ะสิ
เฮ้ย!” ผู้ชายคนนั้นหันขวับไปด้านหลังอย่างลืมตัว ก่อนจะเบิกตากว้างตกใจอ้าปากช็อกที่เผลอบอกปากออกไป
“ยาปลุกเซ็กส์งั้นเหรอ?”
ผมพึมพำพลางเลื่อนมองสิ่งที่อยู่ในมือของคนตรงหน้า ซึ่งกำลังทำหน้าเหวอตกใจไม่หายอยู่ในตอนนี้
ดูจากสีหน้าแบบนี้แล้ว
ไม่ต้องเดาให้ยากว่าหมอนี่กำลังจะทำเลววางยาใส่คนอื่นอยู่แน่ ๆ ผมหรี่ตามองผู้ชายคนนี้อย่างพิจารณา ถ้าเดาอายุเขาน่าจะมากกว่าผมไม่กี่ปี
แต่ช่างเรื่องอายุนั่นเถอะ ว่าแต่ผมจะยุ่งเรื่องของเขาคนนี้ทำไมกันเนี่ย ให้ตาย ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยเรา ตอนนี้คนตรงหน้าปรับสีหน้าดูโมโหเอาเรื่องแล้วล่ะ
“เออ! แล้วยังไงล่ะ
มึงยุ่งอะไรด้วยวะ!” ไม่พูดเปล่า เขายังผลักไหล่ผมแรง ๆ
จนผมเซไปด้านทางหลังสองสามก้าว
“มันไม่ดีเลยนะครับ
เอ่อ...ยังไงผมก็ขอโทษนะครับที่เข้ามาถามไม่เข้าเรื่อง” เมื่อนึกได้ว่าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวให้ตนเองได้เจ็บตัวกลับไปหาพี่ชาย
ผมเลยยิ้มแหย ๆ ก้มหน้าขอโทษอีกฝ่ายทันที ถึงแม้ท่าทางของเขาคนนี้ดูจะไม่ใช่คนโหดร้ายอะไรนัก
แต่ผมก็ยอมทำอย่างนี้เพื่อที่จะให้ตนเองเหมือนเป็นพวกขี้ขลาดเพื่อไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นมาน่ะนะ
“ ‘จีคอป’! เมื่อไหร่นายจะคืนกุญแจรถให้ฉันสักที ช่วงนี้ฉันไม่มีเวลาเล่นอะไรไร้สาระกับนายหรอกนะ นี่ถ้านายไม่คืน...อ้าว วาโย” เสียงบ่นยาวจากด้านหลังชะงัก เมื่อผมหันไปมอง
“ ‘จีน่า’ก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกันเหรอ” ผมคลี่ยิ้มบาง ๆ เป็นการทักทาย
เธอเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของมีนาน่ะ ซึ่งถึงแม้พวกเราจะไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันนักเวลาที่ผมไปทานข้าวพร้อมแฟนที่โรงอาหารของมหาลัย
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ถือว่าเป็นคนที่รู้จักกันดีคนหนึ่งเหมือนกันน่ะนะ
“นี่เธอรู้จักกับไอ้ขี้เสือกนี่ด้วยเหรอจีน่า”
“ว่าคนอื่นขี้เสือก
ฉันว่าเป็นนายมากกว่านะ” จีน่ายกแขนกอดอกแน่น
พลางทำหน้ามุ่ยใส่ที่คนยืนอยู่ด้านหลังผม “นี่เมื่อไหร่นายจะคืนกุญแจรถให้ฉันสักที
ฉันต้องกลับไปเขียนรายงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้นะ”
“งั้นเธอก็...” จีคอปเดินผ่านตัวผมไปแล้วยืนขนานข้างจีน่า ก่อนจะยื่นแก้วไวน์ให้เธอ
แต่แล้วพอผมชักสีหน้าใส่พร้อมอ้าปากเหมือนเตรียมจะเอ่ยบอกความจริงว่ามีสิ่งที่ซ่อนผสมอยู่ด้วยด้านในแก้วไวน์ จีคอปก็รีบลดแก้วลงข้างตัวตามเดิม พร้อมกับทำหน้าเซ็ง ๆ
“ถ้าฉันดื่มไวน์แก้วนี้แล้ว
นายจะคืนให้ใช่มั้ย งั้นเอามาสิ”
“เอ่อ...คือ...”
พอเห็นอาการอ้ำอึ้งอย่างอึดอัดใจของจีคอป
ผมก็เอื้อมมือไปแย่งแก้วไวน์แก้วนั้นจากมือจีคอปหน้าตาเฉย ก่อนที่จีน่าจะคว้ามาดื่มไป
“ไวน์แก้วนี้
ผมขอนะครับ”
ถ้าผมไม่รู้เรื่องเสียก่อนหรือยืนอยู่ตรงนี้
เชื่อสิว่าหมอนี่ต้องยื่นให้ใส่มือจีน่าแน่นอนเลยแหละ
“อ้อ ตามสบาย”
เจ้าของเครื่องดื่มพยักหน้าเออออ แต่ก็ไม่วายเขม่นตาใส่ผมอย่างไม่พอใจ
“ขอบคุณครับ” เห็นสีหน้าของเขาแล้ว ผมก็ยิ้มกว้างทำหน้ากวนประสานใส่อย่างช่วยไม่ได้
ก็ถือว่าโชคดีไปที่ผู้หญิงซึ่งอาจจะโดนวางยาเป็นจีน่า
แล้วผมก็ดันมารู้เรื่องเข้าสักก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงเสร็จหมอนี่แน่
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว
งั้นนายก็คืนกุญแจรถให้ฉันเดี๋ยวนี้” จีน่าเอ่ยโพล่งทำร้ายบรรยากาศเงียบ ๆ นี้ไว้
เธอแบมือขอคนข้าง ๆ อย่างกดดัน
“จีน่า ฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เธอเรียกฉันว่าพี่ นี่ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งสองปีนะ!” แทนที่สุดอย่างควรจะจบ แต่จีคอปก็ไม่จบง่าย ๆ มันเปลี่ยนเรื่องว่ะ
“ฉันเองก็เคยบอกนายแล้วเหมือนกันว่าไม่อยากเรียก”
“จะไม่เรียกได้ยังไง
ฉันเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอนะ หัดเคารพบ้างสิ”
โอ้โห พี่ชายแท้ ๆ อะไรวะ จะวางยาปลุกอารมณ์ทางเพศใส่น้องสาวตัวเองเนี่ย ผมนี่อึ้งเลย
“จีน่ามีพี่ชายด้วยเหรอ
เราไม่ยักรู้แฮะ”
เมื่อรู้สึกว่าตนเองอยู่นอกบทบาทเสียแล้วล่ะ ดังนั้นผมจึงเอ่ยถามออกไปอย่างนั้นขึ้นมาเพื่อสอบถามรูปแบบความสัมพันธ์ของทั้งคู่สักก่อน เพื่อที่ว่าตนเองอาจจะช่วยเหลือจีน่าได้บ้าง
คือจริงอยู่ที่ว่าตนเองไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนใกล้ตัวจริง ๆ เพราะมีนาไม่เคยเล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับพวกเพื่อน ๆ ของเธอให้รู้บ้างเลย แต่ก็มันอึดอัดนะ เมื่อกี้นี้ตนเองเพิ่งรู้อะไรมา ทว่าต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นเหมือนไม่รู้เพราะไม่อยากโดนดี ต่อให้ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ทว่ายังไงซะผมคงปล่อยไว้ไม่ได้หรอก แม้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ยุ่งก็เถอะ
ผมแค่จะทำในสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งควรทำก็เท่านั้นเองน่ะนะ
“พี่น้องคนละแม่น่ะ
เราเองก็เพิ่งรู้ว่ามีพี่ชายเมื่อไม่นานมานี้เองแหละ”
“อ๋อ” ผมพยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนจะหรี่ตาเหลือบมองคนที่ยืนข้างจีน่าอย่างไม่หายเรื่องค่อนใจนัก
“มึงจะมองหน้ากูทำซากอะไรนักหนาวะ มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป!” สุดท้ายจีคอปก็เอ่ยปากไล่ผมด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องอย่างคนทนไม่ไหวเพราะมีชนักติดหลัง และไม่เพียงแค่นั้นนะ อีกฝ่ายยังรีบขยับก้าวเดินเข้ามาใกล้ผมเพื่อที่จะกระซิบบอกอะไรบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้นอีกด้วย ซึ่งตอนแรกผมก็แอบสะดุ้งตกใจเล็กน้อยน่ะนะ “นี่ถ้ามึงไม่ใช่ญาติไอ้‘มังกร’ กูจะกระทืบมึงตั้งแต่ที่มึงเสือกมาถามอะไรไม่เข้าเรื่องแล้วล่ะ เพราะงั้นมึงรีบไสหัวมึงกลับไปหาพี่ชายมึงเลยไป”
“งั้นเหรอครับ?” ผมตอบกลับคำเตือนนั้นไปอย่างกวน ๆ ใส่ พร้อมกับยกแก้วไวน์ขยับหมุนให้ของเหลวในแก้วเคลื่อนวนไปมา ทว่าสายตามองตรงเลยไปทางเพื่อนสนิทของมีนา
ผมไม่สนสักนิดว่าจีคอปรู้ได้ยังไงว่าผมมากับลีโอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น
จริงอยู่นะที่ว่าผมถือคติ ‘ยอมโดนตราหน้าว่าขี้ขลาดเพื่อให้จบเรื่อง ถึงแม้ว่าตนเองจะโดนเยาะเย้ยทีหลังก็ตาม’ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่า ผมก็จะรีบหาวิธีเด็ด ๆ เพื่อแก้เผ็ดอีกฝ่ายให้แรง ๆ เลยล่ะ
ในเมื่อจีคอปพูดเหมือนรู้จักผมดีพอสมควร
เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าจีคอปมีเหตุผลที่ทำอะไรผมไม่ได้น่ะสิ
“เรื่องบางเรื่องที่มึงควรจะฉลาด
เช่นการคบหากับยัยปีศาจนั่น ทำไมมึงถึงได้โง่นักวะ”
“...”
“เรื่องนี้มึงอย่าวอนหาเรื่องดีกว่าว่ะ ถ้าไม่อยากเจอดี กูขอเตือนไว้เลย”
“นี่พวกนายกระซิบอะไรกัน?”
“มันก็อาจจะใช่ แต่คุณก็อย่าลืมสิว่าทุกคนมีความอดทนขีดจำกัด
ถึงผมจะดูโง่จริง ๆ อย่างที่ทุกคนเห็น แต่บางทีนะ คนโง่ ๆ อย่างผมก็ทำอะไรได้อย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยเชียวล่ะ”
พูดจบ ผมก็เดินกระแทกไหล่จีคอปแรง ๆ ให้หลบทาง
ตุบ!
“ห่าเอ๊ย!”
จริงอยู่ที่เขาอายุมากกว่าผม
แต่คนแบบนั้นผมไม่มีทางให้ความเคารพแม้น้อยหรอก
ฝีเท้าหยุดก้าวเมื่อเดินมาประจันหน้ากับจีน่า
ซึ่งกำลังเลิกคิ้วสูงสีหน้าดูสงสัยสุด ๆ ผมก้มหน้าลงเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเราแทบจะประกบกัน
ฉับพลันมือที่ว่างอยู่ข้างหนึ่งก็รีบจับหมับแขนเธอไว้ เมื่อเธอมีท่าทีจะขยับหนีถอยห่างด้วยความตกใจอัตโนมัติ
“วะ วาโย...”
“จีน่าอย่าเพิ่งตกใจเรานะ
คือเรามีความลับของพี่ชายจีน่ามาบอกน่ะ” ผมเลื่อนหางตามองไปด้านหลังแวบหนึ่ง
พร้อมกับแสยะยิ้มใส่คนที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังด้วยความรู้สึกนึกสนุก
ก่อนจะกลับมาจ้องมองลึกเข้าไปดวงตาของจีน่านิ่ง ๆ
“มะ
มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ? ทำไมนายต้องทำหน้าจริงจังแบบนี้ด้วยล่ะวาโย มันทำให้ฉันกังวลนะ” จีน่าถามเสียงสั่น ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างที่พูดจริง ๆ
“คือเมื่อกี้เราเห็นพี่ชายจีน่ายืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกำลังตกลงอะไรกันสักอย่างอยู่น่ะ
พอผู้ชายคนนั้นเดินจากไป เราก็เห็นว่าพี่เขาแอบใส่อะไรก็ไม่รู้ลงไปในแก้วไวน์น่ะ”
“อะไรนะ!”
การแต่งเรื่องให้คนอื่นเข้าใจผิดกัน
นี่เป็นงานถนัดของผมเลยล่ะ แบบว่าเรื่องที่บอกไปก็ใช่ว่าเป็นเรื่องโกหกสักหน่อย
เพียงแต่ผมปรับปรุงแต่งเรื่องนิดหน่อยให้ฟังดูสมจริงก็เท่านั้นเอง หึ ๆ
“ไอ้เวรนี่มันบอกอะไรเธอจีน่า เธออย่าไปเชื่อมันเด็ดขาดนะเว้ย!”
“ถ้าจีน่าไม่เชื่อเรา
งั้นจีน่าก็ลองเอาไวน์แก้วนี้ไปให้พี่เขาดื่มพิสูจน์สิ” ผมปล่อยมือจากตัวเธอ จากนั้นก็ยื่นแก้วที่มีน้ำสีแดงเข้มให้คนตรงหน้า
จีน่าไม่ลังเลที่จะคว้าหยิบแล้วเดินไปเผชิญหน้ากับพี่ชายตัวเอง
เธอไม่เอ่ยถามอะไรสักคำอย่างที่ผมแนะนำ แต่ทว่าแล้วเธอก็สาดไวน์ใส่จีคอปเต็มหน้าทันที
ซ่า!
“นายนี่มันเป็นพี่ชายที่เลวที่สุดในโลก!
นี่นายตั้งใจกะจะวางยาฉันแล้วพาให้ผู้ชายอื่นย่ำยีฉันสินะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้น ฉันแค่จะหาเรื่องแบล็คเมล์เธอ...เอ๊ย ไม่ใช่นะ!”
“กลับไปฉันจะฟ้องพ่อให้ฆ่านายทิ้งซะ
ไอ้คนสารเลว!” จีน่าตะคอกเสียงดังใส่จีคอปหน้าดำหน้าแดงอย่างโกรธเกรี้ยวเสร็จก็วิ่งไปข้างถนนใหญ่
ก่อนเธอจะยกมือโบกรถ ซึ่งพอดีกับที่รถแท็กซี่ขับมาจอดที่หน้าร้านแห่งนี้
เธอจึงไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปในรถคันนั้นไปทันที แล้วให้คนแท็กซี่คันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายเถอะ!
พลาดจนได้” จีคอปไม่ได้รีบตามจีน่ากลับไป
เพราะกำลังยกมือเช็ดน้ำไวน์อยู่ ซึ่งเกาะไหลอยู่บนใบหน้าของเขาเต็มไปหมด
เจ้าตัวบ่นอย่างหัวเสีย
ก่อนจะตวัดตาหันมองมาทางผมเหมือนโกรธแค้นมาแต่ชาติปานก่อนไม่มีผิด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่อแปลกน่ะนะ “เสือกไม่เข้าเรื่องจริง ๆ เลยนะมึง!”
“...” ผมยักไหล่แสร้งทำเหมือนไม่นึกกลัวจีคอปเลยสักนิด
แต่ก่อนที่ผมจะตีเนียนเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ โดยทำทีเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างก้าวเดินไปอยู่นั้น
คนที่กำลังหัวเสียอยู่ด้านหลังเมื่อกี้นี้ก็ตะโกนเสียงดังไล่หลังสักก่อน
“ฝากบอกไอ้ลีโอด้วยว่าคืนนี้ผีเสื้อเปิดทาง ไอ้มังกรมันบอกกูว่าเธอคนนั้นได้วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”
“...” ผมชะงักฝีเท้า
แล้วกลับไปหันมองหน้าจีคอปอย่างไม่เข้าใจอะไรนัก
นอกจากจีคอปจะไม่มีทีท่าว่าจะเอาเรื่องผมแล้ว เขายังพูดจาราวกับว่ารู้จักพี่ชายผมดีอีกด้วย แถมยังบอกเหมือนรหัสลับอะไรกันอีก
นี่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรไปเองใช่ไหม ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าทุกคนมีความลับอะไรกันอยู่ โดยไม่ให้ผมมีส่วนร่วมได้รับรู้ด้วยอีกคน
“มึงเองก็ระวังตัวเหอะ ไม่งั้นคืนนี้มึงได้โดนลูกหลงแน่!”
คืนนี้มันจะไม่ใช่คืนธรรมดางั้นเหรอวะ?
หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมก็กลับเข้าไปภายในร้านอีกครั้งที่เปิดเป็นผับ
ตนเองเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์
แล้วควักมือเรียกบาร์เทนเดอร์ที่กำลังผสมเหล้าอยู่ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในห้าคนที่กำลังทำหน้าที่อยู่ในส่วนนี้
“จะดื่มอะไร” เธอยักคิ้วเล็กน้อยเชิงถาม
ของเหลวที่ผสมอยู่เมื่อกี้ก็ถูกส่งไปให้พนักงานเสิร์ฟยกไป
“เอาเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์”
“ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เหรอ?”
“อืม แพ้เลยล่ะ” พอเธอเอ่ยถาม ผมก็พยักหน้าตอบกลับส่ง ๆ
ไปอย่างนั้นพร้อมกับตอแหลอีกตามเคย
จริง ๆ ผมไม่ได้แพ้แอลกอฮอล์อะไรหรอก
เพียงแต่ผมไม่อยากลองดื่มก็เท่านั้นเองน่ะ
เพราะดื่มไปก็ใช่ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรสักหน่อย เผลอ ๆ
ถ้าเมาไม่ได้สติไปขับรถชนใครตาย หรือไม่ก็หน้ามึนเผลอไปปล้ำใครเข้า เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเอาได้
ผมแค่ไม่อยากเสี่ยงเลยตัดปัญหาไป
ซึ่งมันก็หลายเรื่องนะที่ผมมักจะยกเหตุผลนี้ในการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ผมไม่อยากจะลอง
“ตอแหลจังเลยนะมึง ไง‘อันดา’ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ย” คำพูดแดกดันของลีโอเพราะมันรู้จักผมดี
ซึ่งโผล่มาตอนไหนไม่ทราบจากด้านหลัง พอปรากฏตัวก็ตบบ่าผมแรง ๆ หนึ่งที
ราวกับหมั่นไส้ไม่น้อย ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ
แล้วยกมือทักทายบาร์เทนเดอร์สาวอย่างสนิทสนม
“ก็นิดหน่อย” บาร์เทนเดอร์สาวที่ชื่ออันดาตอบสั้น ๆ
โดยไม่มีหางเสียงแต่อย่างใดเหมือนตามเคย
นี่สรุปง่าย ๆ ก็คือการพูดการจาแบบนั้นของเธอมันเป็นปกติอยู่สินะ
ถึงว่าก่อนหน้านี้ผมแอบรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอพูดคุยกับผมอย่างนั้น
แม้ว่าผมจะลูกค้าทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่คนรู้จักของเธอสักหน่อย ทว่าช่างเรื่องนั้นเถอะ
ว่าแต่ว่า...
“นี่เฮียรู้จักสาว ๆ ทุกคนเลยเหรอเนี่ย?”
“มึงไม่ต้องมาสนใจเรื่องของกูเลย
ว่าแต่มึงเหอะ หายหัวไปไหนมาตั้งนาน ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงทนมองสาว ๆ สวย ๆ
ที่นี่ไม่ไหว เลยหนีกลับบ้านไปก่อนแล้ว”
“สวยตรงไหนเฮีย
นี่ถ้าไม่แต่งหน้าแต่งตานะ ผมขอฟันธงเลยนะว่าหน้าตาแต่ละคนก็งั้น ๆ แหละ”
ทนไม่ไหวที่ลีโอพูดถึงมันแปลว่าผมไม่ชอบน่ะ
มันไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกตายด้านที่มองผู้หญิงคนอื่นแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรอกนะ
เพียงแต่สำหรับผมแล้ว มีนาสวยที่สุด เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนอื่น
ผมไม่ได้มีความสนใจเลยสักนิด
“เฮอะ ว่าแต่สรุปมึงไปไหนมางั้นเหรอ
คงไม่ใช่มองหาสาว ๆ อยู่หรอกนะ”
“เฮียไม่น่าเดามั่วออกถึงเรื่องแบบนี้เลยนะ
อ้อ มีคนฝากมาบอกเฮียว่าคืนนี้ผีเสื้อ...เปิดทางอะไรนี่แหละ
มันเป็นรหัสลับอะไรเหรอเฮีย?”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
เพราะไม่อยากพูดคุยเรื่องไร้สาระไปไกล ซึ่งลีโอมันก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบ
มันพล่ามอยู่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดแล้วล่ะ
“เจนยังไม่ใช่ตัวจริงเหรอ...”
“เจนคือใครเหรอเฮีย?” ผมถามคำถามนี้อีกครั้ง
เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกแล้ว
หลังจากพึมพำ พี่ชายผมมันก็นิ่งไปเลยน่ะ
อันที่จริงช่วงบ่ายวันนี้ที่ผมถามไป ลีโอก็ยังไม่ให้คำตอบผมเลยนะ
มันเบี่ยงประเด็นและกล่าวหาว่าผมไม่รู้จักใครเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงนั่นแหละ
แต่คนที่ชื่อนี้ผมก็พอรู้จักอยู่คนหนึ่งนะ นั่นก็คือเพื่อนของพะพายไงล่ะ
ถึงแม้พะพายจะยังไม่ได้แนะนำเจนให้ผมรู้จักอย่างเป็นทางการ
แต่ผมก็พอรู้จักพวกเธอบ้างแล้ว เพราะยังไงซะพวกเราก็อยู่สาขาเดียวกันน่ะนะ
แม้ว่าพวกเราเพิ่งจะเคยพูดคุยกันแค่ครั้งเดียวเมื่อช่วงเย็นนี้นี่เองก็เถอะ
แต่ว่านะ ด้วยที่ว่าพะพายถือเป็นคุณหนูสุดฮอตแห่งคณะครุศาสตร์เชียวนะ
ผมไม่ใช่พวกเก็บตัวสุดโต่งจนไม่รู้เรื่องรู้เรื่องอะไรเลยของคนรอบข้างสักหน่อย
ดังนั้นผมก็พอรู้อะไรมาบ้างนิดหน่อยแหละ เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเสือกอย่างเงียบ
ๆ นั่นเองแหละนะ เมื่อผมได้ยินเรื่องอะไรผ่านหู ผมก็เก็บไปจำทุกเรื่องแหละ
“เฮีย...”
“...”
“เฮียลีโอ”
“เจนก็คือแฟนกูไง”
แม้ว่าผมจะมั่นใจว่าลีโอได้ยินเสียงของผู้หญิงเอ่ยเรียกตนเมื่อกี้นี้แล้วล่ะ
ทว่าเจ้าตัวกลับทำทีไม่ได้ยินแล้วเอ่ยตอบคำถามของผมต่อ
“อย่ามาโกหกน่า อย่างเฮียเนี่ยนะ
มีแฟนแล้ว?”
“มึงก็ถามแปลก ๆ เฮียมึงฮอตขนาดนี้
จะไม่มีได้ยังไง”
“มันก็จริง ผมรู้ แล้วทำไมเฮียยัง...”
“หุบปากเลยมึง” ลีโอถลึงตาใส่ไม่ให้ผมหลุดปากพูดอะไรออกไปต่อมากไปกว่านั้น
ก่อนจะหมุนเก้าอี้หันไปพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เอ่ยเรียกตนเมื่อกี้
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสัมผัสได้ว่าทั้งคู่เป็นคนที่สนิทสนมกันดีอยู่แล้วจริง ๆ ด้วย “เจนมาที่นี่ทำไมอีก
เฮียบอกแล้วไงว่าเฮียไม่อนุญาตน่ะ”
ผมเหลียวหลังหันไปมอง
ก่อนจะชะงักเล็กน้อยแล้วหรี่ตาเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าผู้หญิงที่เรียกลีโอเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน
ทว่าเธอเป็นเพื่อนพะพายนั่นเองแหละ คืนนี้เธอไม่ได้แต่งตัวแปลกตาอะไรเลยนัก
อาจจะแค่รัดรูปไปบ้างด้วยเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีเทา ดูเชย ๆ
ไม่ได้เซ็กซี่เหมือนพวกผู้หญิงที่มาเที่ยวที่นี่
ซึ่งมักจะใส่เดรสกอดอกสั้นกันซะส่วนใหญ่น่ะนะ
“อ้าว เจนมาเที่ยวด้วยเหรอ” ผมคลี่ยิ้มเบา ๆ ให้
ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ให้เธอได้นั่ง ส่วนตนเองก็ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวถัดไป
ซึ่งยังว่างอยู่ นี่เป็นอีกครั้งที่ผมมาเที่ยวผับแล้วเจอคนรู้จัก
มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่านะ ทำไมผมรู้สึกว่าโลกกลมจังเลยวะ
“ขอบใจนะ” เธอยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่านั้น
“เจนมาทำไมและทำไมไม่โทรบอกเฮียก่อน” ลีโอถามคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
พลางขมวดคิ้วเหมือนกดดัน
ทว่าอีกนัยหนึ่งเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่
“เอ่อ...คะ
คือเพื่อนเจนวานสั่งให้เจนมาน่ะ” เจนตอบอย่างอ้ำ
ๆ อึ้ง ๆ แผ่วเบา ขณะสายตาลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด
ผมมองสังเกตอาการเจนเงียบ ๆ แล้วรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
คือเธอกะจะไม่เก็บอาการเลยหรือไง มันเหมือนเธอเสแสร้งแกล้งทำมากกว่าน่ะ
นี่ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมดูออก เพราะตนเองก็ทำบ่อย ๆ ไงล่ะ ผมชอบทำให้คนอื่นคิดและเข้าใจอีกอย่างไปเองเสมอ
“เจนอยากดื่มอะไรมั้ย
เดี๋ยวเราจะเป็นคนสั่งให้” เมื่อลีโอนั่งเงียบกำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่
ผมจึงเอ่ยถามเจนเพื่อทำลายความเงียบนี้ แม้ว่าไม่จำเป็นก็ตาม ก็นะ
บาร์เทนเดอร์ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเรานี้แล้วไงล่ะ ส่วนใครจ่ายนั้น ก็ต้องเป็นคนที่อายุมากกว่าพวกเรานั่นเองแหละ
“ดีเลย
งั้นนายช่วยไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์คนนั้นได้มั้ย” เจนบอก พร้อมกับชี้ไปยังบาร์เทนเดอร์ชายคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังทำหน้าที่อยู่ตรงมุมสุด “คนนั้นน่ะ
คนที่อยู่มุมสุด นายเดินตรงไปบอกเขาว่าเครื่องดื่มที่พะพายสั่งไว้
เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละ โดยที่นายไม่ต้องบอกชื่อเครื่องดื่มหรอก”
“โอเค” ผมพยักหน้าเข้าใจ
แม้จะยังข้องใจไม่หายว่าทำไมเธอต้องเจาะจงและเอ่ยชื่อเพื่อนเธอด้วย
ตนเองก็ลุกขึ้นเดินตรงตามที่เธอบอก “คือ...อยากได้เครื่องดื่มที่พะพายสั่งไว้น่ะ”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มใบหน้าเหมือนจะอดหลับอดนอนมาหลายคืนเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างงุนงงครู่หนึ่ง
ก่อนเขาจะพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนเข้าใจเป็นนัย แล้วจากนั้นเขาก็ลงมือผสมเหล้าต่าง
ๆ ไว้ด้วยกันอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ซึ่งผมไม่รู้จักอะไรเลย
ตนเองมองดูอย่างเพลินตา ทว่าแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเขาแอบเทน้ำอะไรสักอย่างที่อยู่ในขวดเล็ก
ๆ ลงไปในเครื่องดื่ม ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกเดจาวูขึ้นมาทันทีเลยน่ะนะ
นี่ผมหวังว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่ผมคิดหรอกนะ ใช่ไหมว่ะ
และแล้วในที่สุดเครื่องดื่มก็ถูกยกขึ้นมาตรงหน้าผมเมื่อมันถูกผสมแล้วเสร็จ
“เมื่อกี้นี้หวังว่าคงไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์หรอกใช่มั้ย?” ผมเอ่ยลอย ๆ พลางยกมือเกาแก้มเบา ๆ
เหมือนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรนัก
ผมไม่รู้ว่าตนเองควรรู้และแสดงออกให้คนอื่นรู้ด้วยหรือเปล่า
แต่แล้วพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนแม้แต่น้อยที่โดนจับได้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปเองแล้วว่ามันคงไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไรหรอกมั้ง
“พี่เป็นน้องของเฮียลีโอสินะ
ผมไม่เคยได้หน้าเลย ผมชื่อเรย์นะครับ” แม้ผมไม่ได้อยากทำความรู้จักกับอีกฝ่ายสักหน่อย
แต่ไหน ๆ เรย์ก็เสนอตัวแนะนำชื่อตัวเองให้ผมรู้จักแล้ว ผมก็พยักหน้ารับรู้ส่ง ๆ
ไปเท่านั้นตามมารยาท ทว่าตนเองก็อดสงสัยไม่ได้นะ เรย์เรียกผมว่าพี่
แสดงว่าเรย์ทำงานที่นี่ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์น่ะสิ “วิสกี้แก้วนี้แฟนเฮียเป็นคนสั่งเองน่ะ เธอแอบบ่น
ๆ ว่าเฮียไม่เคยแตะต้องตัวเองเลย แต่กลับไปหาผู้หญิงอื่นมากกแทนน่ะนะ
เป็นใครจะทนได้ล่ะ”
“อ้าว เป็นแบบนี้นี่เองหรอกเหรอ
งั้นเอาวิสกี้อะไรเนี่ยอีกสักสองแก้วดิ แล้วใส่ยาแรง ๆ
แบบให้รู้สึกตื่นตัวทั้งคืนเลยยิ่งดี”
เอาวะ ถือว่าสงเคราะห์ให้เจนแล้วกัน
แม้ก่อนหน้านี้ตนเองจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายมันแอบไปมีแฟนเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไหร่
ถึงขนาดไม่ยอมแตะต้องตัวแฟนเลยสักครั้ง
นั่นก็แสดงว่าคนคนนี้ลีโอต้องเกิดจริงจังขึ้นมาแล้วแน่ ๆ
แต่ทว่าการที่มันยังคว้าผู้หญิงคนอื่นมานอนกกไปทั่วเรื่อย ๆ แบบนั้น
แฟนที่ไหนเขาจะทนได้ล่ะ ผมเข้าใจ ๆ ทว่าการที่เธอทำแบบนี้มันไม่ฉลาดเอาเสียเลยนะ
แม้ว่าเธอจะแอบอ้างชื่อเพื่อนของเธอขึ้นก็เถอะ
คนอย่างลีโอน่ะเหรอจะให้จับได้ง่าย ๆ
ยิ่งถ้ารู้ภายหลังว่าเธอเป็นคนลงมือวางแผนด้วยตัวเองก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่อีกน่ะสิ
เพราะฉะนั้นวาโยคนนี้จะเป็นคนใช้แผนซ้อนแผนเอง อย่างน้อย ๆ ถ้ามันรู้ว่าโดนวางยา
มันก็จะโกรธผมแทนที่จะเป็นแฟนมันเอง
“เครื่องดื่มแก้วนี้พิเศษสุด ๆ
เป็นแก้วที่พะพายเป็นคนฝากสั่งไว้ให้เฮียโดยเฉพาะ” เมื่อยกเครื่องดื่มมาถึง
ผมก็เอ่ยย้ำทันทีเลยล่ะว่าเนี่ยพะพายเป็นคนสั่งเลี้ยงไว้
“เพื่อนเจนสั่งมาสามแก้วเลยเหรอ?” และทันทีที่เครื่องดื่มถูกยกมาวางไว้ตรงหน้าบนเคาน์เตอร์บาร์คนละคนเรียบร้อยแล้ว
ลีโอก็หันไปถามเจนทันที ในขณะที่ใบหน้ายังคงไม่หายตึงเครียด
“ไม่รู้สิ” เจนเอ่ยตอบด้วยสีหน้ามึนงงไม่น้อย
“เปล่าหรอก พะพายสั่งแค่แก้วเดียวเอง
แต่ส่วนที่เหลืออีกสองแก้ว ผมเป็นคนสั่งเพิ่มให้เองแหละเฮีย
คือพอลองดมแล้วมันไม่มีกลิ่นเลยสักนิด ผมก็เลยกะจะลองดื่มดูบ้างสักหน่อยน่ะ” มันก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละนะ
คือพอตนเองลองยกแก้วเหล้าขึ้นใกล้ ๆ จมูก มันก็ไม่มีกลิ่นเลยสักนิด
ซึ่งเพราะอย่างนี้ผมจึงยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างตามแผน
ซึ่งอันที่จริงคือผมไม่ได้แม้แต่จะคิดอยากจะลองดื่มอะไรหรอก
ผมยังยึดมั่นตามความคิดเดิมของตนเองนะ ทว่าผมเพียงแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ
เพราะผมรู้ดีว่ายังไงซะคืนนี้พี่ชายผมมันไม่ยอมให้ผมดื่มอะไรเข้าไปหรอก
เพราะมันเสี่ยงเกินไป
นี่ผมไม่รู้นะว่าคืนนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทว่าจากที่ผมคาดเดาเล่น
ๆ ดู ผมคิดว่านะผมก็น่าจะเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมแน่ ๆ เลยล่ะ ผมมั่นใจ
“ไม่ต้องมาอยากลองเลยมึง ไหนมึงบอกว่ามึงแพ้แอลกอฮอล์ไง
มึงเอาเหล้ามานี่เลย” นั่นไงล่ะ
ผมเดาไว้ไม่ผิดจริง ๆ ลีโอมันแย่งเครื่องดื่มจากมือผมไปดื่มหน้าตาเฉย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังต่อว่าที่ผมเป็นคนตอแหลแท้ ๆ
“ผมนี่โชคดีจริง ๆ
ที่มีพี่ชายคอยเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้เนี่ย” ผมพูดจาประชดให้บรรยากาศไม่ให้มาคุจนเกินไปมากไปกว่านี้
นี่ผมมานั่งได้ไม่ถึงนาทีก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
สองคนนี้เงียบไม่พูดไม่จาอะไรกันเลยตั้งแต่ที่ผมไปสั่งเครื่องดื่มแล้วล่ะ
เจนไม่ได้ยิ้มและชวนพูดคุยกับผมเลยแม้แต่น้อย
ส่วนลีโอก็คว้าแก้วตรงหน้าตัวเองขึ้นดื่มอีกแก้วเป็นแก้วที่สองรวบเดียวหมดแก้ว
ซึ่งแก้วนั้นเป็นแก้วของเจนน่ะ
“เฮีย...” เมื่อเห็นแฟนตัวเองเอาแต่กระดกดื่มเหล้าไปแล้วสองแก้ว
เจนจึงเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา พร้อมกันนั้นก็ขยับแก้วเครื่องดื่มแก้วที่เหลืออีกแก้วยกให้ตรงหน้าแฟนอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ “เพื่อนเจนเขาฝากมาให้เฮียน่ะ
ถือเป็นการขอโทษ”
“ยั่ยนั่นไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องขอโทษเฮียสักหน่อย
นอกเหนือจากว่ากำลังหาเรื่องเข้าหาเฮีย”
“ก็ใช่ไง”
“เจน เฮียเป็นแฟนเจนนะ!”
“ดื่ม ๆ ไปเถอะเฮีย เฮียจะคิดมากทำไมวะ
แค่เพื่อนแฟนเลี้ยงเหล้าแค่นั้นเอง” เมื่อผมเห็นแววตาโกรธเคืองของพี่ชาย
ราวกับว่าอยากจะบีบคอแฟนสาวไม่มีผิด ผมก็เลยรีบคะยั้นคะยอให้เจ้าตัวดื่ม ๆ ไปเร็ว
ๆ ซะ
แม้ผมจะรู้ดีว่าตนเองไม่ควรมาสอดแทรกอะไรเวลานี้ก็เถอะ
แต่ผมแค่กำลังจะช่วยเจนให้อีกแรงอยู่นี่ไงล่ะ เอาไว้คนเจ้าชู้ติดกับดักเมื่อไหร่
ที่เหลือผมก็จะปล่อยให้เจนเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเลยแหละ
จะว่าไปก็น่าสงสัยนะ สรุปพะพายมีความสำคัญยังไงด้วยหรือเปล่าเนี่ย
ผมเพิ่งเกิดเอะใจแล้วสิ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบในเวลาอันสั้นนี้ได้
โดยในระหว่างนั้นตนเองก็มองสังเกตพี่ชายที่อายุห่างจากผมเพียงแค่สิบเอ็ดเดือนไปด้วย
ผมเห็นมันได้แต่จ้องมองที่แก้วเหล้าแก้วนั้นอย่างเงียบ ๆ
ราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ แต่ก็ไม่ยอมรับมาถือจากมือเจนสักที
“เฮีย รับไปสิ
เพื่อนเจนอุตส่าห์เลี้ยงเหล้าเฮียนะ”
“บ้าบอ”
เออ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ชักแปลก ๆ แล้วล่ะ
นี่มันจะใช่คืนผีเสื้อเปิดทางใช่ไหม
เพราะถ้าหากผมลองแปลกันตามตรงให้เข้าใจง่าย ๆ ผมว่านะ มันก็คือ...
“เพื่อนเจนเลี้ยงเหล้าเฮียเหรอ
เจนแน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าเจนเป็นคนสั่งเอง!”
“ฮะ เฮีย...”
“ได้ เพื่อนก็เพื่อน เอาเหล้ามาสิ
เฮียจะดื่มให้หมด!” ลีโอเหมือนจะทนความอึดอัดไม่ไหวเลยโพล่งเสียงดังใส่
เจ้าตัวลุกพรวดพร้อมทั้งคว้าแก้วเจ้าปัญหานั่นจากมือเจนขึ้นดื่มโชว์รวบเดียวหมดแก้ว
เช่นเดียวกับอีกสองแก้วก่อนหน้านั้น “นี่ใช่มั้ยที่เจนต้องการ
แล้วไหนล่ะผู้หญิงที่อยากให้เฮียนอนด้วย คนไหนวะ!”
“เฮ้...ใจเย็น ๆ ดิเฮีย” ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะย่ำแย่กว่าที่ผมคาดการณ์ไว้อีกนะ
ลีโอโวยวายจนผู้คนที่กำลังเต้นอยู่พากันหยุดชะงักไปแล้วหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว
ส่วนเจดีก็ปิดเพลงลงทำไมก็ไม่รู้เอาตอนนี้ มันโคตรได้จังหวะเหมาะเจาะพอดิบพอดีเลยล่ะ
“มึงกลับไปก่อนเลยไปไอ้โย ไอ้เรย์
อันดาอยู่ไหน!”
“เมาแล้วเรียกหาแฟนคนอื่น
มันยังไงกันรุ่นพี่?”
ตอนนี้ผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ
บาร์เทนเดอร์คนที่ผมไปสั่งเครื่องดื่มก่อนหน้านี้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์แล้วเดินมาหาพวกเราด้วยท่าทางหาเรื่อง
อีกทั้งเขายังส่งสายตาไปยังคนอื่น ๆ ราวกับกำลังหาพวกอีกด้วย
จากนั้นไม่นานนักก็มีผู้ชายเจ็ดแปดคนก้าวเดินเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเราสองพี่น้องทันที
ส่วนเจนก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งด้วยสีหน้าซีดเผือด
แล้วจากนั้นเธอก็วิ่งหนีผ่าผู้คนออกไป โดยไม่เหลียวหันกลับมามองพวกเราเลยแม้แต่น้อย
“ผู้หญิงที่ชื่อพะพายจ้างให้มึงวางยากูใช่มั้ย!”
“ใช่ แต่อีกสองแก้วที่เหลือ
น้องชายเฮียเป็นคนสั่งเพิ่มเองนะ”
“เออ อันนั้นกูรู้ แล้ว...”
“เอ่อ...ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะเฮีย
เมื่อกี้นี้เฮียไล่ผมแล้วเนอะ” ผมไม่เคยเห็นลีโอมันทำหน้าได้น่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลยเมื่อมันเกิดเอะใจอะไรขึ้นมา
ให้ตายเหอะ ฉิบหายแล้วไหมล่ะ หัวใจผมเต้นระรัวเหมือนกำลังจะวายตายซะเดี๋ยวนี้
ตนเองรีบเอ่ยขอตัวกลับแล้วออกตัววิ่งฝ่าวงล้อมมนุษย์ไปทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เรื่องลับจะโดนสาวมาถึงตัวผมเมื่อบาร์เทนเดอร์เอ่ยประโยคต่อมา...
“เหมือนกันทุกแก้ว”
“ไอ้น้องเวร! นี่มึงกะจะให้พี่ชายมึงช็อกตายเลยรึไงวะ!”
โทษทีว่ะ ตอนนี้ผมขอวิ่งหนีให้รอดก่อนเหอะ ส่วนอาการต่อไปจะเป็นยังไงก็ให้สาวคนใดคนหนึ่งช่วยแล้วกัน เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างลีโอหาเหยื่อได้สบายอยู่แล้ว
[จบบรรยายพิเศษ ::
วาโย]
ใจจริงด้าอยากสปอยในส่วนนี้มากเพราะกลัวว่ารีดจะงง
แต่คิดไปคิดมา ด้าเปลี่ยนใจดีกว่า
รอติดตามนะคะ อิอิ
ช่วงเวลาในเรื่องนี้ จะห่างจากเรื่อง HOT SECRET แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
รีดคนไหนที่อ่านเรื่องนั้นจนจบ น่าจะรู้ดีว่าชีวิตของพระนางในเรื่องนี้มันไม่ได้สวยงามเลย ฮ่า ๆๆ
อยากอัป แต่ไม่มีกำลังใจเลย
ฮือ ๆๆ พูดความจริง
ขอคอมเมนต์หน่อยน้า
ความคิดเห็น