คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : HOT PLAYBOY ll EP.03 เรื่องในคืนนั้น H+ [100%]
EP.03
เรื่องในคืนนั้น
ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย M
“พะพาย
ทำไมแกเงียบไปอะ หรือว่าแกโกรธที่ฉันไม่บอกว่าเคยรู้จักหมอนั่น?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการอ่านและค้นหาหนังสือที่ต้องการในห้องสมุดนั้น
แต่กับพวกเราสามคน ฉัน เจน และก็ออสติน พากันมานั่งเขียนรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้กัน
หลังจากที่แยกกับลีโอไป
ฉันก็เอาแต่ครุ่นคิดอย่างจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้งว่าควรหรือไม่ที่ตนเองจะเข้าไปเสี่ยงกับคนอย่างเขา
ผู้ชายอย่างลีโอนอกจากจะรวยแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย
อย่างมากที่สาว ๆ ลือเรื่องของเขากันก็มีแต่เรื่องบนเตียงเท่านั้น
“เจน
แกเคยมีอะไรกับลีโอมั้ย?” จู่ ๆ ฉันก็ถามขึ้น
ไหน
ๆ รู้สึกว่าในห้องสมุดมันเงียบเกินไปไง ชวนทำให้ฉันรู้สึกฟุ้งซ่านน่ะ
“หา!” ไม่ใช่เจนที่อุทานเสียงดัง
หากแต่เป็นออสตินหนุ่มฝรั่งร่างล่ำที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับฉันนี่เอง
“แกถามแบบนี้ได้ไงพะพาย
ฉันยังซิงย่ะ!” ไม่รู้ว่าเจนจงใจบอกคนข้าง ๆ หรือเปล่านะ
เธอทำตาปริบ ๆ พร้อมกับยื่นอกอย่างภาคภูมิใจสุด ๆ ซึ่งเมื่อฉันเห็นอาการไม่ได้โกรธเคืองของเธอแล้ว
ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าเธอแสดงอาการตกใจหรือชะงัก แม้จะแค่แวบเดียวเท่านั้น
นั่นก็แสดงว่าเธอพูดโกหก แต่นี่ไม่มีเลยไง “แล้วแกล่ะ”
“เคย”
“พะพายนี่เป็นคนตลกนะครับ”
ออสตินหัวเราะขำ พลางยื่นหน้ามองฉันใกล้ ๆ กว่าเดิมเหมือนคนไม่เชื่อสายตาตนเองนัก
ว่าแต่ตลกตรงไหนกัน นี่ฉันพูดความจริงนะ
“ออสตินอย่าไปใส่ใจเลย
พะพายชอบเอาเรื่องเล่น ๆ มาพูดจริงจังน่ะ” เจนโบกมือปัด ๆ ตรงหน้า
เธอกลอกตาพร้อมเบ้ปากใส่ฉัน แล้วจากนั้นเธอก็ลงมือเขียนรายงานในกระดาษต่อ
คนเรานี่ก็แปลกนะ
พอพูดความจริงก็หาว่าโกหก ว่าแต่ฉันพูดความจริงเพื่อได้อะไรขึ้นมาเนี่ย
“พะพายเขียนรายงานเสร็จแล้วเหรอครับ
เอ่อ...ไอเห็นว่ายูมัวแต่นั่งเหม่อตั้งนานแล้วน่ะ”
“ยัง ฉันขี้เกียจ ฉันไม่มีอารมณ์เขียน”
“แล้วอารมณ์ไปไหนล่ะครับ”
หลังประโยคคำว่าครับ ฉันไม่ได้ยินเลยว่าออสตินพึมพำอะไรต่อ
หากแต่นั่นก็พอทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ เงยหน้าหันมองเขาด้วยสายตานิ่ง ๆ ทันที
ที่จริงฉันก็แอบอยากรู้นะ
แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องของลีโอให้คิดเยอะเลยน่ะ
“อารมณ์ที่มัวแต่คิดถึงผัว
แกจะตอบแบบนี้ใช่มั้ยพะพาย” เจนชิงตอบแทน
“ก็ประมาณนั้น”
ฉันยอมรับไปตรง ๆ พร้อมพยักหน้าใส่
มันก็จริงอย่างที่เธอว่า เพราะฉันกำลังคิดถึงลีโออยู่จริง ๆ นั่นแหละ และกำลังคิด ๆ อยู่ว่าอะไรทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าคืนนั้นเขามีอะไรกับเพื่อนฉันล่ะ
มันก็จริงอยู่ที่คืนวันเกิดของเจน ฉันหลับสนิทเพราะปวดหัวมากเลยกินยานอนหลับเข้าไป ส่วนลีโอก็เมาหนักมากแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของเจน
มันบังเอิญดิบดีกับที่ฉันนอนอยู่ในนั้น ทว่ามาคิดดูอีกที เช้าต่อมา ฉันก็ตื่นก่อนแล้วตกใจเลยรีบหนีออกไปจากห้องนั้นไป
มันก็อาจเป็นไปได้ว่าเขานึกว่าคนที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนนั้นคือเป็นเจ้าของห้อง
แต่ก็น่าแปลกอยู่นะ เขาไม่รู้สึกตัวเลยหรือไงว่าเผลอไปปล้ำใครเข้าน่ะ
แถมไม่ได้ป้องกันอีกด้วย
นี่เหรอคนที่ใคร ๆ ต่างก็ลือว่าเขาเป็นเพลย์บอยนักหนา ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาไม่ได้เรื่องเอาสักเลยล่ะ เขาเมาแล้วยังพลาดท่าไม่รอบคอบได้ยังไงกัน
ให้ตาย
มาคิดถึงตอนนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกขยะแขยงนะ ลีโอผ่านผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ในขณะที่ฉันเพิ่งผ่านเขาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
บ้าจริง
สงสัยวันหยุดนี้ฉันต้องไปตรวจสุภาพหน่อยแล้ว เผื่อติดโรคร้ายขึ้นมาจะได้รักษาทัน
“พะพาย
ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ฉันต้องกลับบ้านเร็วน่ะ นี่ถ้าฉันต้องไปส่งแกที่บ้านวาโยอีก
คงไม่ทันแน่ ๆ อะ” จู่ ๆ เจนก็มีท่าทีเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมา
ดังนั้นเธอจึงรีบเก็บข้าวของเครื่องเขียนทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างรีบร้อนโดยเร็ว แล้วจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทันที
เอาไงดีล่ะ
ฉันยังไม่ได้เขียนสักบรรทัดเดียวเลยนะ จะเขียนตอนนี้คงไม่ทันแน่นอน ไหนจะสรุปอีกล่ะ
ให้ตาย ฉันไม่น่านั่งเหม่อเลยจริง ๆ
“งั้นเราสองคนก็กลับบ้านกันเลยก็แล้วกัน”
เมื่อได้สรุป ฉันจึงยักไหล่อย่างไม่อยากไม่ใส่ใจอะไรนัก พร้อมกับนั้นฉันก็เก็บเลกเชอร์ของวาโยเข้ากระเป๋าไปด้วย
อ้อ
อันที่จริงแค่ถ่ายรูปก็สิ้นเรื่องนะ แต่ที่ฉันยึดเลกเชอร์วาโยไว้ก็เพราะอยากหาเรื่องไปบ้าน
PARADISE ไงล่ะ
น่าแปลกที่วาโยไม่เอะใจอะไรเลย สงสัยเขาเป็นคนไม่คิดมากมั้ง
“อ้าว
แล้วรายงานของพะพายล่ะ ยูจะเสร็จทันส่งพรุ่งนี้เหรอ?” ดูเหมือนว่าออสตินจะห่วงเรื่องงานฉันมากกว่าตัวฉันเองเสียอีกนะ
“พะพายอยู่ทำต่อก็ได้นะ เดี๋ยวไออาสาไปส่งยูที่บ้านเอง”
“ไว้แกทำต่อที่บ้านนะ
แล้วให้คนขับรถพาไปส่ง” เจนทำเป็นไม่ได้ยินข้อเสนอของออสติน
พร้อมกับจัดแจงให้ฉันแล้วเสร็จสรรพอีกด้วย
ตอนนี้ฉันพบคนขี้หึงเงียบ
ๆ หนึ่งอัตราแล้วล่ะ
“คงต้องอย่างงั้นแหละ”
เมื่อไม่มีทางเลือกนัก ฉันก็ลุกจากเก้าอี้นั่งแล้วเดินออกไปจากห้องสมุดไปเลยทันที
โดยไม่เอ่ยลาออสตินสักก่อนเลย
คือฉันไม่คิดว่าจะมีความจำเป็นเลยสักนิด ฉันไม่ได้สนิทเขา อีกอย่างเราก็ไม่ได้อยู่งานกลุ่มเดียวกัน เพราะฉะนั้นการปล่อยให้คนที่แอบชอบเขาได้เอ่ยล่ำลากันยาวไปเลย แม้ว่าพรุ่งนี้จะได้เจอกันใหม่อีกก็ตามทีเถอะนะ
จากนั้นในขณะที่กำลังรอเจนออกจากห้องสมุดอยู่นั้น ฉันก็เดินเล่นไปตามแนวยาวของถนนไปยังลานจอดรถ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้จากตัวอาคารนัก
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสี่โมงกว่า เพราะฉะนั้นเวลานี้แดดเริ่มอ่อนลงแล้วนิดหน่อย เมื่อกี้ฉันเผลอคิดเรื่องในคืนวันเกิดของเจน มันก็ทำให้อดนึกช่วงเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้...
เมื่ออาทิตย์ก่อน...
ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว
ตนเองยังไม่อาจรับรู้ได้ ฉันกินยาแก้ปวดหัวและยานอนหลับพร้อมกันเข้าไปทำให้หลับลึกไปเลย
พอจะเผยอเปลือกตาก็แทบจะไม่ขึ้น ร่างกายร้อนจี้เพราะพิษไข้จนฉันไม่อยากขยับตัวเลยแม้แต่น้อย หากแต่เพราะด้วยความรู้สึกอึดอัด บวกกับรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีใครเอาอะไรหนัก ๆ พาดบนตัว
ฉันจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในที่สุด
เส้นผมสีน้ำตาลทาบทับกับหน้าอกเปลือยเปล่าเป็นสิ่งแรกที่ฉันมองเห็น และเมื่อเผยอเปลือกตาขึ้นเต็มตา ฉันก็เห็นไหล่กว้างซึ่งกำลังกอดรัดร่างฉันอยู่
แม้ภายในห้องจะมืดเพราะปิดไฟก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจากแสงจันทร์ที่สอดส่องทางหน้าต่างที่ลืมปิดผ้าม่านให้สนิท
ยิ่งสายตาพยายามเพ่งมองในความมืด หัวใจภายในอกก็เต้นแรงถี่และระรัว
ถึงจะยังมึนงงอยู่ว่าเงามัวของบุคคลที่กำลังนอนทับร่างกายฉันอยู่ตอนนี้นั้นมาได้ยังไงและเขาเป็นใคร
แต่นั่นก็ทำให้ฉันอยากจะกรี๊ดให้ลั่นห้องเลยล่ะ
“อือ” เสียงครางอืดอาดพร้อมถูไถใบหน้าฝั่งกับร่องอกไปมาทำเอาฉันแข็งทื่อขนลุกซู่ขึ้นมาฉับพลัน จากอาการงัวเงียในตอนแรกก็หายปรือทิ้งแทนที่ความรู้สึกตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง และฉันก็ยังคงมึนงงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉันไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ว่า ตนเองโดนลักหลับ
นี่สาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกหนักบนตัวจนแทบหายใจไม่ออกก็เพราะร่างกายกำยำของใครไม่รู้นอนทับอยู่ ฉันพยายามตั้งสติพลางสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะปล่อยลมหายใจร้อนระอุออกจากจมูก
ไม่บอกก็รู้ว่าตนเองเป็นไข้ขึ้นสูงแน่นอนน่ะ ซึ่งสาเหตุมันมาจากอะไรนั้น
ฉันพอจะเดาได้ไม่ยาก
นี่ไม่ใช่ความฝันที่ต้องหลอกตนเอง
ดังนั้นมือซึ่งไม่ค่อยได้มีเรี่ยวแรงเท่าไหร่นักจึงยกขึ้นมาทุบใส่คนที่อยู่เหนือร่างให้รู้สึกตัว
หากแต่แรงเท่ามดอย่างนี้ มันไม่สามารถทำให้เขาคนนี้รู้สึกอะไรได้หรอก
สุดท้ายแล้วมือที่พยายามยกขึ้นมาเล็กน้อยก็ค่อย ๆ ร่วงลงบนไหล่หนาในที่สุด จากนั้นเมื่อไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ฉันจึงบิดกายดีดดิ้นขยับตัวแทน
“ออก...ไป...นะ” แม้ปากจะขยับเปล่งเสียงออกไป หากแต่เพราะลำคอแห้งผาก
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเลยแหบแห้งเสียจนแทบไม่ได้ยิน
ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วเลยได้แต่หายใจอย่างแผ่วเบาโรยรินพร้อมกับข่มตาหลับให้ลงอีกครั้ง
แม้ว่าจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังเสียดสีบนหน้าขา มันแข็ง ๆ รุ่มร้อนกำลังผงาดขยับเขยื้อนทำให้หวาดหวั่นสุด ๆ
“อ่า ตื่นง่ายจังเลยแฮะ” เสียงงุบงิบพึมพำออกมาเบา ๆ
ตอนแรกฉันก็นึกว่าเขาคนนี้เพียงแค่ละเมอเท่านั้น หากแต่พอคนเหนือยันตัวขึ้นแล้วจับขาฉันแยกออกกว้างจากกัน
ดวงตาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจช็อกอีกครั้งขึ้นมาทันที “ขออีกรอบนะ...”
บ้าจริง เมื่อกี้ฉันไม่น่าขยับตัวไปมาเลย จะส่งร้องห้ามให้เขาหยุดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ในเมื่อตอนนี้ร่างกายถูกบดเบียดเสียดสีตรงกลางลำตัวแล้วไง ตนเองเลยทำได้เพียงแค่เผลอหลุดเสียงครางออกมาแทนเท่านั้น “อ๊ะ...อย่าเอามันเข้ามานะ!”
“ไหนหนูเจนโทรมาบอกกับฉันว่าแกไม่สบายขอนอนค้างที่บ้านเธอไง
แล้วทำไมแกกลับมาสภาพนี้พะพาย!” แทบจะทันทีที่ฉันก้าวผ่านห้องรับแขก
เสียงทรงพลังก็เอ่ยถามด้วยการตวาดเสียงใส่ ฉันที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านก็มีอันต้องชะงักฝีเท้าและหดคอ
ในใจเต้นระรัวเพราะความกลัวฉับพลัน
หลังจากผู้ชายคนนั้นปล่อยร่างกายฉันให้เป็นอิสระ
ฉันก็ไม่รอช้ารีบลุกออกไปจากเตียงนอนทันที ก่อนจะรีบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเขา เพราะเสื้อเดรสชีฟองสีหวานของฉันถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดีแล้วไง
ตอนนั้นในหัวฉันไม่ทันได้คิดอะไร ฉันเลยคว้าเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสแลคสีเดียวกันมาสวมใส่
พอเสร็จแล้วตนเองก็ค่อย ๆ ย่องเดินออกไปจากบ้านของเจนโดยเร็วและขึ้นรถแท็กซี่กลับตั้งแต่เช้ามืด
ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาหกโมงเช้ากว่าเท่านั้นเอง การที่เขาตื่นมาเวลานี้
คงเป็นเพราะมีประชุมที่บริษัทตั้งแต่เช้าแน่ ๆ
“...”
“แกให้หนูเจนโกหก
แล้วแอบไปนอนกับผู้ชายมาใช่มั้ย!”
แค่พิษไข้ก็ทำให้ฉันอยากจะทรุดล้มลงแล้ว
ไหนจะโดนใครก็ไม่รู้มาลักหลับอีก และเมื่อถูกถามเหมือนฉันไปแอบทำอะไรผิดมาอย่างนั้น
ตนเองก็อยากสลบตายให้รู้แล้วรู้รอด
นี่เชื่อไหม
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา มักจะมีผู้ชายคนนี้แหละคอยซ้ำเติมฉันตลอดเรื่อยมา
เขายังไม่รู้อะไรแน่ชัดก็คิดเองเออเองให้ฉันดูแย่มากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
เขาชอบเห็นคนอื่นดีกว่าฉันเสมอ แล้วโยนความผิดมาให้ฉันคนเดียว โดยไม่ฟังเหตุผลใด ๆ
จากฉันทั้งสิ้น
นิสัยของเขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่ฉันจำความได้
“...” ฉันยังคงเงียบนิ่ง
ไม่ตอบกลับไปและไม่หันหลังไปหาคนถาม
เป็นเพราะฉันรู้ดีอยู่แล้วไงว่าเขาเป็นยังไง
ฉันถึงได้ไม่อยากแก้ตัวอะไรออกไป
“ฉันถามทำไมแกไม่ตอบ
แกไปนอนกับผู้ชายที่ไหนมา!” กะแล้วเชียวมาต้องมาถามคำถามนี้
ฉันค่อยๆ ขยับตัวหมุนกายหันไปมองบุคคลร่างท้วมที่กำลังยืนสะเอว ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
บ่งบอกถึงความโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่
หนูเพิ่งนอนกับผู้ชายมา ส่วนที่ไหนนั้น ก็ที่บ้านเจนนั่นแหละ ไม่ต้องไปที่ไหนไกล
แขกที่มาในงานก็เป็นพวกที่เรียนเดียวกันทั้งนั้น” ฉันตอกกลับเสียงนิ่ง
พลางสบตากับเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“นี่แก!”
เชื่อสิว่าถ้าฉันยืนอยู่ใกล้ ๆ
เขา ฉันคงโดนฝ่ามือหนาเหวี่ยงใส่ที่ใบหน้าเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่นี่ยัง
ทว่าอีกเดี๋ยวก็ต้องโดนแน่นอน เพราะคนอย่างท่าน ไพศาล พิชญไพจิตร น่ะ
ชอบใช้กำลังมากกว่าฟังเหตุผลก่อนเสมอแหละ
เมื่อวานเป็นวันเกิดเจนเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน
เธอจัดงานวันเกิดโดยไม่มีพวกผู้ใหญ่ร่วมด้วยเลย
เพราะเหตุนี้เลยทำให้ฉันได้ออกจากบ้านของเธอได้สะดวก โดยไม่เผลอบังเอิญเจอกับใครเข้าเสียก่อน
จริง
ๆ มันเป็นเพราะพ่อแม่เธอไปทำธุระที่ต่างจังหวัดแทนประธานบริษัท
ซึ่งเป็นคนที่ยืนเลือดขึ้นหน้าอยู่ตอนนี้แหละ ทำให้เมื่อวานใครเข้ามาในงานด้วยบ้างนั้น
ฉันก็ไม่รู้จักเลยสักคน รู้เพียงแค่ว่าพวกที่มาร่วมงานเป็นเพื่อน ๆ ของเธอที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งนั้น
ไม่ได้มีคนนอกเลยสักคน
“หนูพอใจใคร หนูก็ลากผู้ชายคนนั้นเข้าห้องเลยนั่นแหละ
คุณว่าหนูเหมือนใครนะ คุ้น ๆ มั้ย”
เพียะ!
“แกก็ร่านเหมือนแม่แกไง!”
ยังไม่ทันตั้งตัวดีนัก เขาก็เดินย่างก้าวมาตรงหน้าแล้วยกมือเหวี่ยงใส่เต็มแรงจนใบหน้าฉันหันไปตามแรงตบ
“เพราะขนาดรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าฉันมีครอบครัวแล้วยังยั่วไม่เลือก
แถมยังปล่อยให้มารหัวขนอย่างแกเกิดมาอีก ทำให้ชีวิตฉันต้องพังพินาศ!”
ความปวดแสบที่ร่างกายทั้งหมดตอนนี้
มันไม่เทียบไม่ได้กับความเจ็บเท่าถ้อยคำของประโยคเมื่อกี้นี้เลย ฉันหันขวับกลับไป
พร้อมกับจ้องตาเขาอย่างโกรธแค้นไม่แพ้กัน
“นั่นมันเป็นเพราะคุณเองไม่ใช่รึไง!”
ฉันตวาดใส่อย่างเหลืออด ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายกาจ
ทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม “คุณอย่าโทษคนที่ตายไปแล้วดีกว่า
เพราะถ้าคุณรู้จักพอ หนูคงไม่เกิดมาหรอก!”
ถ้าเขาคิดว่าเขาเป็นคนดีนัก
ทำไมตอนนั้นเขาไม่หักห้ามใจตัวเองล่ะ เขาปล่อยให้ความสัมพันธ์เลยเถิดทำไมกัน
และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะที่เขาแอบมีอะไรกับแม่ฉันจนแม่ท้อง
จากที่ฉันรู้มาจากเมียหลวงของเขา มันตั้งหลายครั้งเลยล่ะ เฮอะ
หมับ!
“พะพาย นี่แกมัวแต่เหม่อลอยอะไรอีกล่ะ?!”
สัมผัสบนหัวไหล่ไม่เบานัก ทำเอาฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์และชะงักกึก แล้วเมื่อได้สติ
ฉันก็หมุนหันไปทางด้านหลังทันที
“ก็คิดถึงลีโออยู่ไง”
“แกนี่จริง ๆ เลยนะ”
เจนส่ายหน้าใส่ ก่อนจะชูเศษกระดาษขึ้นสูง “ทายสิ
อะไรเอ๋ย”
“เบอร์ออสติน”
ฉันตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ทำไมแกรู้อะ!”
“ก็เดาได้ไม่ยาก” สายตาเลื่อนมองสิ่งที่อยู่ในมือเธอ ก่อนจะแค่นยิ้ม “ยังไงซะก่อนจะคุย ๆ กัน แกก็อย่าลืมถามหมอนั่นก่อนแล้วกันว่ามีเจ้าของแล้วหรือยัง หรือคนที่แอบชอบแล้วรึเปล่า เพราะผู้ชายบางคน ต่อให้มีคนรักอยู่แล้ว แต่ถ้าสันดานยังไม่รู้จักพอ เขาก็เอาหมดแหละ”
ฉากเรทมันมีแค่นี้นะคะ ไม่เล่าเยอะ ข้าม ๆ ฮ่า ๆๆ
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อก็ต้องติดตามกันต่อไป อิอิ
ปล.อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์+กดให้กำลังใจนักเขียนใจด้วยนะคะ
ความคิดเห็น