คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ร้ายลึก ‡ EPISODE 03 :: แฟนสาวผู้เย็นชา
“ที่ผ่านมามีนารู้สึกหวั่นไหวกับเราบ้างมั้ย?”
‡ วาโย ‡
ตอนที่ 03
แฟนสาวผู้เย็นชา
วันต่อมา ณ ร้านขนมปังรสเด็ด
“นายนัดฉันมาที่นี่ทำไมเหรอวาโย หรือว่านายมีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกงั้นเหรอ?” ตอนนี้ผมมานั่งเหม่อลอยอยู่ในร้านขนมปังที่มาเมื่อวานในวันถัดไปน่ะ แต่เนื่องจากว่าตนเองมัวแต่หวั่นวิตกกังวลนึกถึงแต่เรื่องเมื่อวานอยู่นั่นเองแหละ ดังนั้นผมก็เลยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคนที่ตนเองโทรนัดเจอเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนได้มายืนอยู่ตรงหน้านี้เสียแล้ว
หลังจากที่ผู้หญิงปริศนาคนนั้นโทรมาป่วนเมื่อวานนี้ ผมก็เอาแต่คิดทบทวนเรื่องนั้นทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยเชียวล่ะ ทว่าสุดท้ายแล้วผมก็ได้บทสรุปให้ตนเองแล้วล่ะว่าผมไม่ยอมทำตามคำสั่งบ้า ๆ ของเธอคนนั้นโดยเด็ดขาดเลย เพราะยังไงซะคนที่เธอคนนั้นสั่งการให้ผมทำลายชีวิตของใครคนหนึ่งนั้นไว้ คนคนนั้นก็คือน้องสาวของมีนายังไงล่ะ ซึ่งบุคคลนั้นก็คือคนที่ผมเกลียดเข้าไส้นั่นเองแหละ
วันนี้ผมนัดมีนามาก็เพื่อจะมาเตือนให้เธอดูแลเมษาให้ดี ๆ ก็เท่านั้นเองแหละ ซึ่งผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่บอกรายละเอียดอะไรให้เธอได้รับทราบด้วยหรอก เพราะผมกลัวว่ามันจะเป็นผลเสียต่อตนเองไปด้วยน่ะนะ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้จะทำให้มีนาหวาดระแวงผมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัวแน่ ๆ เลยล่ะ ผมมั่นใจเลย เอ๊ะ...จะว่าไปแล้วจู่ ๆ ผมก็นึกถึงเด็กสาวคนเมื่อวานขึ้นมาเลยแฮะ
เธอคนนั้นชื่อเมษาเหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรด้วยหรือเปล่า หรือว่าจริง ๆ แล้วเธอก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่กำลังจะได้รับอันตรายคนนั้นกันแน่
เมื่อวานผมไม่น่าเมินต่อข้อสงสัยของตนเองเลยนะ ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมคงไม่ต้องมานั่งรู้สึกคาใจอยู่อย่างนี้ แต่ทว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ เธอจะเป็นใครก็ช่าง เพราะมันคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่ผมต้องเป็นกังวลอยู่แล้วหรอกมั้ง เธอสองคนน่าจะเป็นคนละคนกัน ส่วนเรื่องที่ผมโดนข่มขู่ ผมไม่มีวันทำตามเด็ดขาดเลยเชียวล่ะ
นี่จะหาว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้นะที่เสี่ยงไม่ยอมทำตามคำสั่งบ้าบอนั่น แม้ว่าตนเองจะสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเอาจริงก็ตาม แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อยากทำตามอยู่ดี เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นที่ไร้สาระสิ้นดีมากเลยยังไงล่ะ
เรื่องเตือนไว้ก่อนแล้วกัน ผมคิดว่านะ ต้องมีใครสักคนต้องการเล่นตลกอะไรกับผมสักอย่างอยู่ก็เป็นได้ ต่อไปมันคงไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงหรอกมั้ง ไว้วันหลังผมจะบอกคนอื่น ๆ ให้ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน
จะว่าไป ไม่แน่นะ การที่เธอคนนั้นสั่งการให้ผมทำเลวอย่างนั้นลงไปก็เพื่อต้องการให้ผมกับมีนาทะเลาะกันและเลิกเป็นแฟนกันเร็วกว่ากำหนดก็ได้ ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วล่ะว่าถ้าหากผมทำเมษาท้องขึ้นมาจริง ๆ ในอนาคตเร็ว ๆ นี้ ผมกับมีนาต้องเลิกรากันไปอย่างแน่นอน โดยที่คนอื่นไม่ต้องมานั่งสงสัยเลย ดังนั้นผมจึงไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมาเด็ดขาด
ผมรักมีนามากเกินกว่าที่จะทำใจเลิกรักได้ ถ้าขาดเธอไป ชีวิตผมคงไม่มีความหมายอีกต่อไป
เชื่อไหม ทุกวันนี้ผมยังคงพะวงเลยว่าเธอจะไม่ทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้จนครบกำหนดน่ะ
ผมกลัวเหลือเกินนะว่าเธอจะบอกเลิกผมในสักวัน ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็ผมคงเสียใจจนเสียสติไปเลยแน่ ๆ
“ก็ไม่เชิงสำคัญหรอก แต่สำหรับเรามันสำคัญมาก ๆ” ผมยิ้มเจื่อน ๆ ให้มีนา ตนเองพูดวนไปวนมาจนฟังดูไม่น่าเข้าใจเท่าไรนัก ผมรู้ คืออันที่จริงตอนแรกที่ผมโทรนัดมีนามาที่นี่ก็เพื่อจะมาพูดคุยถึงเรื่องที่ตนเองโดนข่มขู่บังคับนั่นแหละ แต่ทว่าจู่ ๆ ผมก็เกิดลังเลกะทันหันสักก่อนในระหว่างขับรถยนต์มาถึงที่นี่และเมื่อสักครู่พอมีนามาถึง ผมก็เกิดเปลี่ยนใจในที่สุด ผมไล่ความเครียดเหล่านั้นออกไปจากห้วงภวังค์จนหมด ทำราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ต้องเป็นกังวลอยู่ในใจ ซึ่งในเมื่อบทสรุปเป็นอย่างนี้แล้ว และไหน ๆ ผมก็นัดมีนามาแล้วไง ผมว่าเปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องของเราสองคนจะดีกว่า “อีกหนึ่งเดือนก็จะครบรอบหนึ่งปีของเราแล้ว มีนาคิดไว้แล้วรึยังว่าเราสองคนจะไปเดตกันที่ไหนกันดี?”
สำหรับผมแล้ว เรื่องของตนเองสำคัญที่สุด
“ต้องด้วยเหรอ เดตเนี่ย?” มีนาเลิกคิ้วขึ้นสูงระหว่างทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผม และเมื่อผมเห็นสีหน้าเหวี่ยง ๆ ของคนตรงหน้านี้แล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ
“ก็แหงล่ะ เราสองคนคบกันมาจะเป็นปีแล้วนะมีนา มันก็ต้องมีอะไรพิเศษ ๆ บ้างสิ” แม้จะรู้สึกหน้าเสียเล็กน้อยที่เธอถามเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปใส่ใจสักหน่อย แต่ผมก็ยังยกยิ้มสู้ต่อไป
ใช่สิ มีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจนักหนา และตั้งตารอวันครบรอบของเราเร็ว ๆ
“ปกติพวกเราก็กินข้าวที่มอ.เกือบทุกวันอยู่แล้วไง นี่นายจะยังต้องการอะไรอีกล่ะวาโย?” มีนาทำเสียงไม่พอใจใส่แล้วยกแขนกอดอกแน่น แถมยังนั่งพิงหลังกับเก้าอี้ เธอแสดงสีหน้าหงุดหงิดแบบสุด ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจไยดีเลยสักนิดว่าจะทำให้ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมาก็ตาม
เธอจงใจน่ะ
จงใจทำให้ผมเสียหน้า
จงใจทำให้ผมเจ็บปวด
เธอน่ะคอยแต่จะสร้างบาดแผลในใจให้ผมไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งในทุก ๆ วันผมจะต้องรู้สึกแย่กับท่าทีของเธออยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ผมมักจะพบเจอหรอก
ขอบอกเลย เธอแม่งใจร้ายไม่เคยเปลี่ยนเลยล่ะ
“งั้นเพื่อเป็นมื้อพิเศษกว่าทุกวันไง มีนาก็พาเราไปแนะนำให้คุณป๋ารู้จักสิ นี่ท่านยังไม่ทราบใช่มั้ยว่าเราสองคนเป็นแฟนกันน่ะ” ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคิดไอเดียออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ทว่าผมก็ต้องรีบหุบยิ้มแทบทันทีเมื่อได้ยินประโยคตอกกลับต่อมาของเธอ
“นายอย่าเรียกร้องอะไรให้มันมากนักนะวาโย”
“...” คำพูดของเธอทำเอาผมอึ้งจนเผลอเถียงกลับ “นี่เป็นการเรียกร้องเหรอ?”
“ใช่ เรียกร้อง นี่ฉันเคยบอกนายไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ครบสองปีก่อน ซึ่งถ้าหากฉันมั่นใจว่าเกิดรักนายขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็เราค่อยมาตกลงกันใหม่อีกทีน่ะ”
‘แล้วตอนนี้จะคบทำซากอะไรวะ!’ ผมอยากจะตอกกลับมีนาด้วยประโยคข้างต้นนั้นจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ แต่ตนเองกลับแสดงอาการเพียงแค่การเม้มริมฝีปากไว้เพื่อไม่ให้พ่นคำต่อว่าอย่างที่ใจคิด และกำหมัดแน่นอยู่ข้างตัวเท่านั้นเพื่อระงับอารมณ์โมโหที่กำลังจะปะทุเต็มที
ซึ่งตอนนี้ตนเองพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้อย่างถึงที่สุดเลยเชียวล่ะ
“ที่ผ่านมามีนารู้สึกหวั่นไหวกับเราบ้างมั้ย?” และแล้วผมถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเพราะเธอทำเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของผมบ้างเลย “มีนาเคยรู้สึกบ้างรึเปล่า นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี”
“ไม่เลยสักนิด” แทบจะทันทีที่เธอตอบกลับมา โดยไม่คิดจะไตร่ตรองใด ๆ สักก่อนเลย มีนาไม่ได้หลบตาผมที่จ้องมองมา นั่นเลยเป็นการยืนยันคำพูดของเธอได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัว”
“...” ไม่รอให้ผมได้ทันได้ตั้งสติเพราะกำลังนึกอึ้งกับคำตอบที่ตรงไปตรงมา มีนาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งแล้วเดินออกไปจากร้านทันที โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหันกลับมามองผมเลยแม้แต่หางตา
ให้ตาย ผมคบกับมีนาเกือบปี เธอไม่เคยคิดจะแยแสผมเลยสักนิด
นี่อย่าว่าแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปจะใส่ใจเลย แค่วันเกิดของผม เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ และไม่คิดจะถามถึง
เรื่องเหล่านี้กลับกลายเป็นผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่สนใจเธอ ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ รู้ว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
นั่นเป็นเพราะผมฝ่ายเดียวที่เอาแต่วิ่งตามเธอมาโดยตลอดเวลาที่ผ่านยังไงล่ะ
ผมวิ่งตามตื๊อเธอสี่ปีเต็ม ๆ ตั้งแต่มัธยมปลายยันมหาวิทยาลัย ผมตามจีบมีนามานานมากแล้ว ไม่ใช่แค่เดือนสองเดือน
ที่จริงต้องสารภาพเลยว่าตนเองแอบชอบเธอมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้วต่างหากล่ะ แต่ผมเริ่มจีบเธอจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนมัธยมปลายนี่แหละ ผมยอมย้ายโรงเรียนเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเธอ
ตนเองทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอหันมามอง จนในที่สุดความพยายามของผมก็ทำให้เธอเกิดความใจอ่อน เธอยอมตกลงคบเป็นแฟนกับผมในที่สุด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ
มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ ความรู้สึกคงไม่ต่างจากดอกฟ้ากับหมาวัดนักหรอก มันยากเกินจะเอื้อมถึง เพียงแต่ว่าผมไม่ได้มีฐานะทางบ้านยากจนถึงขนาดนั้น อีกทั้งพ่อแม่ของพวกเราสองคนก็สนิทสนมกันอีกด้วย
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าผมคลั่งรักเธอมากแค่ไหน แต่ทว่าสิ่งที่ยอมทุ่มเททำทุกอย่าง ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันสูญเปล่าสิ้นดีก็ไม่รู้สินะ
มันราวกับว่าเธอมีใครอยู่ในใจอยู่แล้วไม่มีผิด ไม่อย่างนั้นเธอคงหวั่นไหวบ้างสิ
“เมื่อไหร่มีนาจะรักเราสักที เราเริ่มท้อแล้วนะ...” ผมพึมพำ ผมรู้สึกเหนื่อยใจกับความรักที่เป็นอยู่ในตอนนี้เต็มที และแล้วจู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลคลอออกมาไม่รู้ตัว
ในสายตาของเธอ ผมมันก็คงเป็นเพียงแค่ไอ้งั่งน่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
ไอ้งั่งที่คอยตามตื้อเธอไม่เลิกละ
นี่ไม่แน่หรอกนะ เธออาจจะกำลังใจจดใจจ่อนับวันรอให้ครบกำหนดตามที่เราตกลงกันไว้ก็เป็นได้ เพราะถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไร ผมก็ต้องออกไปจากชีวิตของเธอทันทีเลยล่ะ
หลังจากที่มีนาเดินออกไปจากร้านขนมปัง ผมก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงน่าจะได้ ตนเองเอาแต่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ เหมือนสาวน้อยโดนหักอกไม่มีผิด
ให้ตาย ผมก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วแหละ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นักหรอก เชื่อเถอะ
เวลาผ่านไปสักพัก ลูกค้าภายในร้านแห่งนี้ก็ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าทุกคนต่างก็พากันหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยกันหมด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยไง ก็ในเมื่อผมเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่เนี่ย กระทั่งร้อนถึงพนักงานในร้านที่ต้องเดินมาซักถามด้วยความเป็นห่วงว่าผมเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมร้องไห้อยู่แบบนี้ ทว่าผมกลับปิดปากเงียบไม่ตอบและยังคงนั่งหน้าด้านอยู่ที่เดิมอย่างไม่อายสายตาใครต่อใครที่จ้องมองมาแม้แต่น้อย
ยิ่งอยู่นาน ตนเองก็ยิ่งเป็นจุดสนใจ ถ้าขืนผมยังนั่งอยู่แบบนี้ต่อไป หลายคนต้องมองผมเปลี่ยนไปจากเดิมแน่ ๆ คือจากสายตาสงสารกลับกลายเป็นสายตาสมเพชน่ะนะ
นี่สงสัยผมต้องไล่ตนเองออกไปจากร้านแห่งนี้โดยด่วนแล้วล่ะ เพราะไหน ๆ ผมก็ไม่ได้ทานต่อแล้ว ไม่ใช่สิ อันที่จริงแล้วขนมปังที่ผมสั่งไปเมื่อชั่วโมงก่อน ตนเองยังไม่หยิบขึ้นมาทานแม้แต่ชิ้นเดียวเลยต่างหาก ดังนั้นสุดท้ายผมจึงต้องถอนใจ ยกแขนเสื้อซับน้ำตาออกพอลวก ๆ ก่อนจะลุกพรวดจากเก้าอี้ในที่สุด
ชีวิตผมแม่งงี่เง่าจริง ๆ นั่นแหละ ผมรู้ เพราะวัน ๆ ผมเอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา
โครม! ตุบ!
“ว้าย!!!” แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาสักก่อน วินาทีต่อมาก็มีเสียงกรี๊ดแสบหูของผู้หญิงคนหนึ่งดังลั่นขึ้นด้วยความตกใจ
เอ่อ...ผมขอย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สักห้าวินาที คือพอผมลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินได้ไม่ถึงสามก้าวเท่านั้นก็ชนเข้ากับใครไม่รู้จนคู่กรณีล้มลงกับพื้นไปเลยน่ะ
เธอเป็นเด็กสาวในชุดโรงเรียนมัธยมเหมือนกับสาวที่ผมเจอมาเมื่อวานไม่มีผิด
ผมยืนนิ่งมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้ จากนั้นตนเองจึงไม่รอช้ารีบย่อตัวคว้าหมับจับแขนเธอทั้งสองข้างเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้นเต็มความสูง
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย!” ผมตั้งคำถามรัว ๆ พลางพลิกแขนเธอซ้ายขวาอย่างถือวิสาสะเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีรอยแผลถลอกเกิดขึ้นอย่างที่ใจกังวล
เมื่อกี้นี้ตนเองมัวแต่ใจลอยไปหน่อย เลยไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือ ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรเลย เอ่อ...ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยน่ะค่ะ” เธอตอบเสียงสั่นและแผ่วเบา แต่ก่อนใบหน้านั้นจะเงยขึ้น ผมก็ละสายตาไปจากเธอสักก่อน แล้วกวาดตามองทั่วทั้งร้านด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
ณ ตอนนี้ผู้คนภายในร้านต่างพากันเงียบกริบกันหมด และต่างก็กำลังหันมามองที่เราทั้งคู่อย่างสนอกสนใจเป็นจุดเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานในร้านก็เช่นกัน
ผมมองตาหลายคู่ก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาในใจฉับพลัน ดังนั้นตนเองจึงไม่รอช้ารีบปล่อยมือผละจากต้นแขนเล็ก ๆ ของคู่กรณีออกไปอย่างรวดเร็วและรีบขยับตัวถอยออกห่างจากเธอไปหนึ่งก้าว
“ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไร งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เพราะไม่อยากให้ถูกจับตามอง ผมจึงโค้งศีรษะเก้าสิบองศาเพื่อเป็นการขอโทษ โดยไม่มองหน้าเธอตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แล้วจากนั้นขายาว ๆ ของผมก็รีบก้าวเดินเร็ว ๆ ออกไปจากร้านขนมปังในที่สุด และขึ้นรถขับออกไปในทันที ราวกับว่าตนเองเป็นโจรที่เพิ่งแอบขโมยของไม่มีผิด “หึ...” การที่ผมแค่นหัวเราะในลำคอแบบนี้นั้นก็เพราะผมรู้สึกสมเพชตนเองขึ้นมายังไงล่ะ
แค่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ผมยังระแวงเลยว่าจะมีคนรู้จักเอาเรื่องนี้ไปฟ้องมีนา
เพียงแค่เดินชนและเผลอจับมือถือแขนผู้หญิงคนอื่น ผมยังเป็นเอามากขนาดนี้ แล้วถ้าสมมติว่าผมต้องไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเมษาจนเด็กนั่นตั้งท้องขึ้นมา ตนเองคงบังคับให้เธอไปทำแท้งแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เพราะถ้าผมจะทำ ผมไม่ต้องการให้มีนารู้
ให้ตายยังไง ผมก็ไม่ยอมให้มีนารู้เรื่องเข้าเด็ดขาด!
บอกจะมาอัปทุกวัน แต่เพราะด้าติดธุระน่ะค่ะ
แถมวันนี้ก็อัปช้าไม่เป็นเวลาอีก ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ต่อไปด้าจะพยายามมีวินัยนะ <3
ความคิดเห็น