ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DETAIN&CUTTER กักขังรัก กฎร้ายนายเลือดเย็น

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 02 ฟ้าคราม [1]

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 65



    ตอนที่ 02 ฟ้าคราม

     


    เจ้ ขอร้องล่ะ ให้หนูอยู่ต่ออีกสักเดือนไม่ได้เหรอ!

    ไม่ได้! เธอค้างค่าเช่ามาสองเดือนแล้วนะ นี่ถ้าอีกสามวันเธอยังไม่มาจ่ายค่าเช่าที่ค้างไว้ เธอก็เตรียมตัวไสหัวออกไปจากแมนชั่นแห่งนี้ตัวเปล่า  ชนิดที่ว่าห้ามหยิบข้าวของติดตัวออกไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียวเป็นอันเด็ด เข้าใจมั้ย!” สิ้นคำขาดไม่รอให้ฉันขานรับ เจ้เจ้าของตึกห้องเช่าที่ฉันพักอาศัยอยู่เป็นระยะเวลาสองปีกว่า  ก็เดินเชิดหน้าใส่อย่างแยแสฉันเลยแม้แต่น้อย

    เฮ้อ...ทำไมไม่เห็นใจกันบ้างเลยนะ” ฉันบ่นพึมพำพลางถอนหายใจเฮือกแรงอย่างคนหนักอกหนักใจ จากนั้นฉันก็ยกมือทุบหัวตนเองเบา  เพราะรู้สึกมืดแปดด้าน

    ฉันชื่อ ฟ้าคราม เป็นเด็กสาวเฟรชชี่ปีหนึ่ง เหตุผลที่ฉันกำลังเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้ สาเหตุมันเป็นเพราะว่าฉันเพิ่งจะได้รับการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไงล่ะ

    ฉันเอาเงินที่เก็บมาจากการทำงานหนักไปจับจ่ายใช้สอยกับค่าต่าง  ไปหมดแล้ว เช่น ชุดนักศึกษาอะไรพวกนี้เนี่ย และมันก็มีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกเยอะแยะรวมอยู่ด้วยนั่นแหละ ฉันถึงได้ไม่มีเงินเหลือไว้จ่ายค่าเช่าห้องยังไงล่ะ

    ฉันจะรบกวนขอเงินคนที่บ้านก็เกรงใจเพราะป๊ากับม๊าก็มีภาระต้องส่งเสียฟ้าลั่นเรียนหนังสือด้วยเหมือนกัน ปีนี้ฟ้าลั่นก็ขึ้นม.แล้ว ค่าใช้จ่ายก็เยอะพออยู่แล้วน่ะ

    อ้อ ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วหรอกนะ ฉันย้ายออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่มัธยมปลายแล้วล่ะ เพราะต้องการหางานทำส่งเสียตนเองเรียนหนังสือเอง

    ยิ่งคิดหาทางออก ฉันก็ยิ่งหนักใจ แค่สามวัน ฉันจ่ายไม่ทันหรอก แม้ว่าตนเองจะทำงานหลายที่ทุกวัน โดยไม่มีวันหยุดแล้วก็ตาม ทว่าฉันได้รับค่าจ้างวันละไม่ถึงสี่ร้อยบาทเองนะ นี่ถ้าหากว่าข้าวของไม่แพง ฉันคงมีเงินเก็บเหลือเฟือแล้วล่ะ

    เฮ้อ...บ่นไปก็เท่านั้น ไปเรียนดีกว่า” เป็นอีกครั้งที่ฉันทำได้แค่ถอนหายใจเพราะยังคงคิดหาทางออกไม่เจอ

    วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอมเรียนด้วยสิ อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลารวมตัวกันของนักศึกษาปีหนึ่งแล้วล่ะ

    สำหรับน้องใหม่วันนี้มีกิจกรรมรับน้องตั้งแต่วันแรกน่ะ นี่ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเลยล่ะ ฉันสอบเข้าเรียนคณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทยน่ะ เป็นเด็กทุนประเภทยากจน ซึ่งประเภทนี้ต้องสอบชิงทุนปี ไม่เหมือนพวกเด็กฉลาด คือต่อให้ร่ำรวยอยู่แล้ว แต่หากสอบได้คะแนนสุดสูงของคณะนั้น  ก็จะสามารถเรียนฟรีจนจบปริญญาเลยแหละ

    ซึ่งอันที่จริงเด็กทุนประเภทอย่างฉันมีความเสี่ยงมากเลยนะ หากปีถัดไปตนเองไม่สามารถสอบชิงทุนไปได้เนี่ย เนื่องจากว่าค่าเทอมแพงมากเลยไง อย่างต่ำคือใกล้หลักแสนเชียวล่ะ ทว่าเหตุผลง่าย  ที่ฉันยอมเสี่ยงเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัย M นั่นก็เป็นเพราะว่าหากเรียนจบก็จะมีที่รองรับเข้าทำงานยังไงล่ะ

    มหาวิทยาลัย M ขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก คือมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวกลางในการจัดการหางานให้ด้วยนั่นเอง

    ฉันจน แต่ฉันก็วางใจนะ

    นี่ดีที่ฉันวางแผนเช่าอยู่แมนชั่นหน้ามหาวิทยาลัย M ตั้งแต่ที่ตนเองตัดสินใจจะเข้าเรียนที่นี่ ทั้งที่ตอนนั้นฉันยังคงเรียนอยู่แค่ม.เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเรื่องค่าใช้จ่ายของการเดินทางก็ตัดไป และฉันยังร้องขอทางมหาวิทยาลัยด้วยว่าไม่อยากอยู่หอใน ซึ่งมีไว้ให้เช่าสำหรับพวกเด็กทุนและเด็กปีหนึ่ง ทว่ามันก็แพงเกินกว่างบที่ฉันต้องการอยู่ดี ดังนั้นฉันจึงใช้เหตุผลที่ว่าตนเองมีที่พักอยู่ใกล้สถานที่ศึกษาอยู่แล้วไง เพราะฉะนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงอนุโลมไป

    อ้าว ทำไมวันนี้เธอแต่งตัวดูเชยนักล่ะ?” ระหว่างที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าก้าวเดินมาถึงหน้าประตูรั้วมหาวิทยาลัย อยู่  ก็มีนักศึกษาชายร่างสูงคนหนึ่งเอ่ยทักทายขึ้นมาสักก่อน ซึ่งเมื่อเจอกัน เขาก็เลิกคิ้วขึ้นสูงพลางจ้องมองมายังฉันด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูประหลาดใจสุด 

    ซึ่งเมื่อฉันถูกมองมาอย่างนั้น ฉันก็ก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าของตนเองพลางพิจารณาไปด้วยว่ามันดูเชยตรงไหนกัน ชุดก็ชุดนักศึกษา แม้เสื้อจะหลวมไปหน่อย ทว่ามันก็สบายตัวไง นี่หากต้องใส่แบบรัดรูป ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก หน้าอกฉันยิ่งไม่มีอยู่ด้วย เดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้หมดกันพอดีน่ะสิ กระโปรงก็อาจจะยาวไปหน่อยถึงตาตุ่ม ตอนนี้ฉันเพิ่งจะเข้าปีหนึ่งเองนะ ดังนั้นฉันควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยไม่ใช่เหรอ แต่ไว้เดี๋ยวปีหน้า ฉันจะคิดดูอีกทีก็แล้วกัน ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าหากว่าฉันมีเงินเหลือมากพอน่ะนะ ฉันก็จะซื้อตัวใหม่ให้เล็กกว่านี้ หรือไม่ก็ใส่ตัวเดิมนี่แหละ

    ว่าแต่นี่ใช่เรื่องที่ฉันควรจะเอามาซีเรียสด้วยเหรอเนี่ย ทั้งที่ปัจจุบันฉันไม่มีเงินจะจ่ายค่าเช่าห้องพักเลยด้วยซ้ำ

    ก็ไม่นิ” ฉันตอบไปส่ง  พลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    เราไปทานข้าวด้วยกันที่โรงอาหารกันก่อนมั้ย หรือว่าเธอทานจากบ้านมาแล้ว?” พอเขาถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างคนสนิทสนมกันมาก่อน ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจสุด  กลับไปด้วยเช่นกัน

    เขารูปร่างสูงใหญ่กว่าฉันเยอะมาก ดังนั้นฉันจึงต้องถอยหลังไปสามก้าวเพื่อจะมองสบตากับเขาได้อย่างสะดวก โดยที่ไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นสูงให้ปวดคอนัก

    ใบหน้าของเขาอย่างกับรูปปั้นตามแบบฉบับเชื้อสายฝรั่งแท้ 

    ยิ่งมอง ฉันก็ยิ่งตะลึง

    นี่ถ้าเขาตรงสเปคฉันนะ ฉันคงจะกรี๊ดแตกไปแล้วล่ะ เขาหล่อมากซะจนฉันอยากจะร้องขอชีวิต แต่ถึงแม้ว่าหน้าตาและรูปร่างของเขาจะฝรั่งจ้าขนาดนี้ ทว่าเขากลับพูดภาษาไทยออกมาได้อย่างชัดแจ๋วมาก

    แต่เดี๋ยวก่อนนะ ใบหน้าหล่อเหลานี้ไม่ใช่ประเด็นสิ ที่ฉันสงสัยก็คือ...

    เราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ?” ก็เขาทำเหมือนว่าเราสนิทกันไง ฉันถึงได้เอ่ยถามเขาออกไปอย่างนี้

    เฮ้...นานา อย่าอำกันเล่นแบบนี้ดิ” ผู้ชายตรงหน้าแค่นหัวเราะ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ “หรือว่าพอได้ผัวใหม่แล้ว เลยลืมผัวเก่า?”






    ไหน ๆ ก็โดนทักผิดแล้ว

    เอายังไงดีฟ้าคราม ฮ่า ๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×