คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : HOT PLAYBOY ll EP.02 ผู้หญิงแปลก ๆ [100%]
EP.02
ผู้หญิงแปลก ๆ
@มหาวิทยาลัย M
“นักศึกษาจับคู่สองคนไปสรุปบทเรียนที่อาจารย์สอนมาเมื่อกี้นี้สั้น
ๆ นะ แล้วมาส่งคาบเช้าพรุ่งนี้ สวัสดีค่ะ” สั่งงานเสร็จ
อาจารย์หัวฟู ๆ ซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้สักทีเก็บข้าวของเสร็จก็เดินเชิดหน้ายืดอกออกไปจากประตูห้องเรียนทันที
แล้วนาทีต่อมาเหล่านักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ปีสองทั้งหลายก็พากันหาคู่ของตัวเองกันวุ่น
ใครที่มีเพื่อนเป็นคู่ ๆ อยู่แล้วก็สบายไป ส่วนใครที่ไม่มีก็พากันมองซ้ายมองขวารีบหาคู่
บางคนก็ถึงกับแหกปากตะโกนถามหาเสียงดังลั่นอย่างไม่แคร์กัน
ทว่าบางคนก็นั่งเงียบกริบเพื่อรอดูเพื่อนที่เหลือ ซึ่งคนประเภทอย่างหลังนั้น
มีกันแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอ้เงียบไร้มิตรประจำเอกด้วยนั่นเอง
เขาเก่งเรียน ส่งงานก็ก่อนเพื่อนเสมอ
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เขาจะไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ แม้แต่น้อยทุกครั้งที่อาจารย์สั่งงาน
เขาคนนั้นเป็นคนที่สร้างชื่อเสียงให้คณะเราเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าคงเป็นไอดอลของใครหลาย ๆ คนเชียวล่ะ
รวมทั้งฉันด้วยอีกคนนะที่ฉันชื่นชอบเขา เขาเรียนเก่งมากจนน่าเอาเป็นแบบอย่างเลยล่ะ
“พะพาย นั่นแกจะไปไหนน่ะ
งานนี้แกต้องคู่กันฉันนะ!” เจนคว้าหมับแขนฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อฉันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้นั่งและมีท่าทีเหมือนกำลังจะเดินไปหาคนอื่น
ปกติเมื่ออาจารย์สั่งงาน ไม่ว่าจะงานคู่หรืองานกลุ่ม
พวกเราสองคนมักจะอยู่ทีมเดียวกันตลอดน่ะ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เจนจะโวยอย่างนี้น่ะ ฉันรู้
แต่ทว่างานนี้ฉันขอแยกตัวจากเธอบ้างดีกว่า
“เปลี่ยน ๆ บ้างเถอะ ฉันเบื่อแกแล้ว
ฉันอยากลองไปทำงานคู่กับผู้ชายดูบ้าง ฉันอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง” พอฉันพูดออกไปแบบนั้น เจนก็เบ้ปากใส่ทันที
ในใจเธอคงกำลังด่าฉันว่าแรดอยู่แน่ ๆ เพราะสีหน้าเธอมันฟ้อง “แกลองไปถามไอ้คนที่นั่งเก้าอี้อยู่แถวหลังสุด
ตำแหน่งแถวตรงกับฉันดีกว่านะว่ามีคู่แล้วหรือยัง หมอนั่นน่าจะยังว่างอยู่...มั้ง”
“ใคร?” เจนหันขวับเหลียวมองไปทางด้านหลังฉันครู่หนึ่ง
ก่อนที่เธอจะรีบปล่อยมือผละออกไปจากแขนฉันแล้วรีบตะครุบปิดปากตัวเองแน่นทันควัน
แล้วดีดดิ้นตัวไปมาบนเก้าอี้ “กรี๊ด!
ออสตินสุดหล่อของฉัน!”
“เก็บอาการหน่อยเถอะเจน
เดี๋ยวหมอนั่นก็รู้หมดกันพอดีน่ะสิว่าแกชอบ”
“รู้ก็ดีสิยะ”
“อ๋อเหรอ” ฉันลากเสียงยาวอย่างประชดประชันเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเจนน่ะไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกให้ออสตินได้รับรู้หรอก
เพราะเธอน่ะกลัวนก “งั้นแกก็ออกตัวรุกตั้งแต่นี้ไปเลยสิ”
“กะ แกจะบ้าเหรอ!”
“สู้ ๆ นะ” ฉันไม่ฟังคำเธอ
แล้วยกกำปั้นเป็นเชิงให้กำลังใจเธอ
จริง ๆ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอน่ะไม่กล้าเข้าไปพูดคุยกับออสตินหรอก
เว้นแต่ว่ามีฉันอยู่ด้วย ซึ่งทุกครั้งพวกเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายนักหรอกนะ
สถานะคือพวกเราแค่รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทสนมกันสักหน่อย เก็ทนะ
เมื่อกวนเพื่อนเสร็จ ฉันก็ตรงไปหาบุคคลที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดทันที
โดยไม่สนสักนิดว่าเจนจะร้องเรียกให้ฉันไปกับเธอด้วยก็ตาม
ไหน ๆ เมื่อกี้นี้เธอทำเป็นปากเก่งดีนัก
ฉันก็จะปล่อยให้เธอประเชิญหน้ากับหนุ่มที่ชอบตามลำพังไปเสียเลย
นี่เชื่อสิว่าถ้ามีหนุ่มหล่ออยู่เอกเดียวกัน สาว ๆ
ไม่คนใดคนหนึ่งก็ต้องมีปลื้มแบบนี้กันบ้างแหละ อย่างเช่นเพื่อนฉันคนนี้ไงล่ะ
เธอค่อนข้างเป็นเอามาก บางวันเพ้อให้ฉันฟังบ่อย ๆ ว่าออสตินดีอย่างนั้นดีอย่างนี้
ทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ฉันฟังแทบทุกวันจนรู้สึกเอือมระอาแล้วล่ะ
แต่ทว่าก็รู้หรอกว่านั่นน่ะคือความสุขของเธอ ฉันเลยต้องทนฟัง โดยไม่มีบ่น
แต่ก็มีแซะบ้างบางโอกาสเพราะฉันรำคาญไม่น้อย
ก็นะ ตามประสา เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ก็แบบนี้แหละ เรื่องผู้ชายไว้ใจกันได้เสมอ
เปิดเผยยิ่งกว่าเปิดเผย
[บรรยายพิเศษ ::
วาโย]
“สวัสดี” เสียงทักทายตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองทันที
ซึ่งแน่นอนว่าเธอคนนี้เป็นเพื่อนร่วมเดียวเอกกับผม เธอมองมาผมนิ่ง ๆ โดยปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาอะไรออกมาเลยต่อจากนั้น
“อ้อ หวัสดี” ผมตอบกลับพร้อมยกมือทักทาย แต่แล้วก็เลื่อนมันมาเกาท้ายทอยตัวเองแทน
เมื่อเธอยังจ้องมองมาไม่วางสายตาอยู่อย่างนั้น เธอคนนี้น่าจะชื่อพะพายนะ ถ้าผมจำไม่ผิด
“เธอกำลังหาคู่ทำรายงานใช่มั้ย ดีเลย เรายังไม่มีคู่”
“พูดได้ด้วย?”
อ้าว กูไม่ได้เป็นใบ้นิ ผมตอกกลับในใจพลางเลิกคิ้วมองเธออย่างงง ๆ
จริงอยู่ที่ว่าผมเป็นคนเงียบ ๆ
และไม่ค่อยได้สนิทสนมกับใครสักคนในเอก แต่ผมก็ไม่ได้เงียบไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลยสักหน่อย
ถ้าหากมีเพื่อน ๆ มาถามหรือปรึกษาอะไรน่ะ
“อืม” ผมไม่รู้จะตอบเธอยังไงดีเลยได้แต่พยักหน้าแทน
เห็นเธอเงียบไม่พูดอะไรต่อผมก็อึดอัดนะ เพราะปกติผมก็ใช่ว่าจะเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้วสักหน่อย “เอ่อ...ว่าแต่ว่าเธอมาหาเราทำไมเหรอ?”
“ทำไมไม่เหมือน?” อะไรของเธอวะ? ยัยหน้ามึนคนนี้กำลังพูดคุยกับเอเลี่ยนล่องหนที่อยู่ตรงหน้าผมหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่สนใจตอบคำถามผมเลยแม้แต่น้อย เธอเอาแต่จ้องตามองผมไม่กะพริบจนผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ “แต่ก็ไม่แปลก ขนาดหน้าอกผู้หญิงยังโตไม่เท่ากันเลย แล้วนับภาษาอะไรกับสันดานคน” พอเธอพูดคำว่าหน้าอก สายตาของผมมันก็เลื่อนต่ำมองลงมาตรงนั้นของเธอทันทีอัตโนมัติ
เฮ้ย
ๆ ผมไม่ได้ลามกนะ แต่สายตามันเผลอไปเองต่างหากล่ะ!
“โอเค
งานคู่เราอยู่ด้วยกัน” ผมสรุปง่าย ๆ เลย
ถ้าเธอปฏิเสธไม่อยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร
เดี๋ยวผมรอหาคนอื่นก็ได้ ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว
“ไหนล่ะเลกเชอร์ที่นายจด
ฉันจะได้ไปสรุป” เธอแบมือมาตรงหน้าผมเหมือนรู้ว่าผมจดเนื้อหาที่อาจารย์สอนเมื่อกี้นี้ไปหมดแล้ว
ซึ่งมันก็ทำเอาผมเบิกตากว้างมองหน้าเธออย่างอึ้ง ๆ “ตอนอาจารย์สอน
ฉันสังเกตเห็นนายตั้งใจฟังอย่างดี นายคงจะจดอะไรลงไปบ้างแล้วใช่มั้ย หรือฉันเดาผิด?”
ยอมรับเลยด้วยแฮะ
นี่เธอคงจับตาดูผมตั้งแต่แรกแล้วสินะ
“งั้นเธอเอานี่ไปถ่ายเอกสารเลยแล้วกัน”
ผมยื่นสมุดเลกเชอร์ให้เธอแล้วตัวเองก็เก็บปากกาให้เรียบร้อย
แต่พอจะลุกจากเก้าอี้ เธอก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน “อ้าว
ไปถ่ายเอกสารสิ เดี๋ยวเราจะไปรอด้านล่าง”
“ฉันชื่อพะพายนะ ส่วนนาย...”
“เรามั่นใจว่าเธอรู้จักชื่อเราแล้ว
ว่าแต่จะถามทำไมเหรอ?” ผมไม่ได้หลงตัวเองคิดว่าเธอน่าจะรู้จักผมดีอยู่แล้วหรอกนะ
ผมเพียงแค่คิดว่ายังไงอย่างน้อย ๆ ก่อนเธอจะเดินมาหาผม เธอก็น่าจะถามเพื่อน ๆ ของเธอก่อนแล้วก็ได้มั้ง
“มารยาทไง” เธอตอบสั้น ๆ แล้วขมวดคิ้ว ซึ่งนี่ก็ทำเอาผมรู้สึกหน้าชาหน่อย ๆ “ทำไมนายพูดเพราะจัง
ทำไมไม่ใช้มึงกู?”
“ก็เราไม่ได้สนิทกันนิ”
คุยกับเธอผมรู้สึกมึนหัวจริง ๆ เธอเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยจนผมตามไม่ทันแล้วล่ะ
ติ๊ด
ๆ
พอได้ยินเสียงข้อความเรียกเข้าในกระเป๋ากางเกง
ผมก็เลิกสนใจสาวตรงหน้าแล้วรีบหยิบเครื่องสื่อสารขึ้นมาดูทันที แต่ทว่าเพราะเห็นสายตาของพะพายเพ่งมองลงมาในระหว่างที่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ มันเลยทำให้ผมอดรู้สึกขนลุกไม่ได้ เมื่อกี้เหมือนเธอกำลังจับจ้องมาไปยังเป้ากางเกงผมยังไงอย่างนั้นไม่มีผิดเลยน่ะ
‘มึงเลิกเรียนยังไอ้โย
ตอนนี้กูมารอมึงที่หน้าตึกคณะมึงนะ’
::LEO::
“นั่นพี่ชายนายใช่มั้ย
งั้นเราเดินไปถ่ายเอกสารด้านล่างพร้อมกันเลยดีกว่า คือฉันอยากเจอพี่ชายนายพอดีน่ะ”
พะพายพูดเสร็จก็เดินกลับไปที่เก้าอี้ของเธอทันที
โดยไม่รีรอให้ผมได้ตอบรับเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ...” เธอไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจเลยแฮะ ผมถอนหายใจแรง ๆ พลางส่ายหน้าเบา ๆ
การได้พูดถึงกับเธอไม่ถึงสิบนาทีทำให้ผมเชื่อเลยว่าคนหน้ามึนก็คือคนหน้าด้านดี
ๆ นี่เองแหละ เอ่อ...ว่าแต่เฮียมารอผมทำไมวะ หรือว่าเฮียกำลังสนใจสาวคนไหนในคณะเดียวกับผมอยู่หรือเปล่า?
ผมยืนรอพะพายที่โต๊ะเก้าอี้ของตัวเองครู่หนึ่งแล้วเธอก็เดินมากับเพื่อนอีกคน
ก่อนจะยื่นซองสีขาวให้ “ฉันไปกับนายไม่ได้แล้ว
เพราะฉันต้องอยู่ทำรายงานกับเจนด้วย เพราะงั้นฉันจะยืนเลกเชอร์นายนะ และจะรีบเขียนสรุปหัวข้อสำคัญ
ๆ ทันที เสร็จแล้วฉันจะคืนให้ หรือว่านายต้องรีบกลับบ้านล่ะ?”
“อืม เราคงต้องกลับเลยมั้ง
เพราะพี่ชายเรามารอถึงหน้าตึกแล้ว งั้นพะพายเอากลับไปสรุปเลยแล้วกัน
ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเอามาคืนเราก็ได้ ยังไงของเราแค่เขียนลอก
มันน่าจะเสร็จทันก่อนคาบพรุ่งนี้”
“ไว้ถ้าพะพายสรุปเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันจะเป็นคนขับรถพาพะพายไปส่งคืนถึงที่บ้าน
PARADISE เอง เพราะถ้าจะให้คืนพรุ่งนี้เช้า ฉันกลัวนายจะเขียนไม่ทัน
คือไม่อยากเสี่ยงน่ะ” เจนตอบ
ดูเหมือนพวกเธอจะรู้จักผมดีแล้ว
แต่ช่างมัน ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
“เอางั้นก็ได้ แล้ว...”
ผมเลิกคิ้ว พร้อมกับบุ้ยปากไปยังซองที่ถูกยื่นมาให้
“ซองนี้ฉันฝากให้พี่ชายนายนะ
แล้วนายก็ไม่ต้องบอกว่าใครฝากมาให้ เพราะเดี๋ยวพอเจ้าตัวเปิดดูก็รู้เองแหละว่าเป็นของใคร” พูดจบ เธอกับเพื่อนก็เดินออกไปจากห้องทันที
เหลือให้ผมได้แต่ก้มมองซองสีขาวให้มืออย่างมึนงง
ในซองนี้มีอะไรวะ?
[จบบรรยายพิเศษ ::
วาโย]
“แก ชีวิตนี้ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ทำงานคู่กับออสตินอะ นี่ฉันต้องทำตัวยังไงให้เขาสนใจนะ อีกเดี๋ยวพวกเราจะได้เจอกันที่ห้องสมุดกันแล้ว โอ๊ย...ฉันนี่อยากจะกรี๊ดให้ลั่นมอ.” ตั้งแต่ที่ฉันกับเจนแยกตัวจากวาโยไป เจนก็เอาแต่พร่ำเพ้อถึงออสตินอะไรนั่นไม่หยุดไม่หย่อน ฉันได้แต่ทน ๆ ฟังไปอย่างนั้น ไม่ทักท้วงหรือสั่งเธอให้หยุดพูด แม้ใจจริงฉันเริ่มจะรู้สึกรำคาญเธอเต็มทีแล้วก็ตามทีเถอะ
ถ้าฉันไม่กลัวว่าเธอจะทำตัวเขินอายต่อหน้าออสตินทั้งวัน
ฉันมั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้เธอคงไม่มีรายงานส่งอาจารย์แน่ ๆ ดังนั้นสุดท้ายแล้วฉันเลยตัดใจที่จะไปเจอลีโออีกครั้งในตอนนี้(คือฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปตกลงกับเขาน่ะ
เขาน่าจะให้ความร่วมมือและตอบตกลงกับฉันได้ไม่ยากหรอกมั้ง เพราะยังไงซะข้อตกลงนั้นเขาจะได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยเลยแหละ)
แต่เอาเป็นว่าไว้ฉันไปดักรอเจอลีโอที่หน้าบ้าน PARADISE แล้วกัน ยังไงซะพอฉันเขียนรายงานเสร็จพร้อมเจน เจนสัญญากับฉันแล้วว่าเธอจะขับรถไปส่งฉันที่บ้าน
PARADISE เอง เพราะฉะนั้นฉันน่าจะมีโอกาสได้พอเจอกับเขาอีกครั้งก็ได้มั้ง
นี่ถ้าฉันขับรถเป็นก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ประเด็นคือฉันขับไม่เป็นนี่สิ เวลาฉันจะไปไหนมาไหนก็ลำบากทุกที นั่นเนื่องจากว่าพ่อฉันไม่ค่อยจะไว้ใจลูกสาวคนนี้สักเท่าไหร่น่ะ ดังนั้นทุกวันนี้ฉันก็เลยต้องอาศัยให้เจนขับรถมารับมาส่งฉันไปเรียนทุกวัน
เจนเป็นลูกสาวของเลขาพ่อฉันน่ะ
ท่านอนุญาตให้ฉันคบและสนิทสนมกับเธอได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ท่านสั่งห้ามไม่ให้ฉันคบค้าสมาคมโดยเด็ดขาด
เพราะนั่นอาจจะส่งผลกระทบถึงงานของท่านก็เป็นไปได้
“แกอยากเข้าห้องน้ำก่อนไหม?”
เมื่อพวกเราเดินลงมาจากบันไดชั้นสามมาถึงชั้นสอง
ฉันก็ชะงักฝีเท้าเมื่อสายตาเลื่อนมองเห็นป้ายห้องน้ำ “ฉันเห็นแกตื่นเต้นขนาดนี้
ฉันกลัวแกอาจจะฉี่ราดต่อหน้าหมอนั่นก็ได้ไง เพราะแกชอบหมอนั่นมากไม่ใช่เหรอ?”
“แกนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยอะพะพาย
งั้นแกรออยู่นี่แปบนึงนะ” เจนบิดตัวเขินม้วนครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปตามป้ายชี้บอกทันที
“นั่นไง” ฉันพึมพำพลางส่ายหน้าเบา ๆ มองแผ่นหลังของเธอจนลับสายตาไป ก่อนจะยกยิ้มบาง ๆ กับอาการตลก ๆ ของเพื่อน
ฉันคิดเสมอนะว่าการที่คนเรามีความรัก
มันทำให้คนคนนั้นดูโง่เง่าทันที
นี่ไม่ใช่ว่าฉันชอบดูถูกความรักอะไรหรอกนะ
แต่เพราะฉันเจอกับตาตัวเองและได้ดูตัวอย่างหลาย ๆ คู่จากคนรอบข้างยังไงล่ะ มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ และมันก็ทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่เลยน่ะ
ในขณะที่ฉันกำลังยืนรอเจนอยู่นั้น ฉันก็คิดอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย ก่อนจะเดินตรงไปที่ริมระเบียงแล้วเท้าคางมองลงมายังด้านล่าง
ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นกว่าแล้ว การได้เห็นนักศึกษาเดินคุยกันและหัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน มันทำให้ฉันรู้สึกอิจฉาพวกเขาเหล่านั้นไม่น้อย
พวกเขาดูจะมีชีวิตอย่างเป็นอิสระ ไม่ค่อยได้ทุกข์ใจเท่าไหร่เลย
นี่ถ้าหากว่าฉันได้ออกจากบ้านหลังนั้นเมื่อไหร่
มันคงจะดีสินะ
“เธอ!” เสียงตะโกนจากด้านล่างทำให้ฉันก้มหน้าลงไปมอง นั่นเลยทำให้ฉันได้เห็นรถเฟอร์รารี่สุดหรูสีแดงสด
ซึ่งจอดไว้ด้านหน้าตึกตรงตำแหน่งจากจุดที่ฉันยืนอยู่พอดิบพอดี
เจ้าของรถคันนั้นแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน พร้อมชี้มาทางฉันที่อยู่ชั้นสอง “อย่าหนีไปไหนนะ!”
“...” ฉันขมวดคิ้วมึนงง
แต่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้รีบหนีไปไหน
นั่นนะลีโอ
โจทย์เก่าคนเมื่อคืนไง แต่นึกเหรอว่าฉันจะสนใจหรือนึกกลัวที่เมื่อคืนฉันว่าเขาแรงไป
เขามาเองก็ดี เราจะได้คุยธุระกันเลยสักหน่อย
“แฮ่ก...” ฉันยืนกอดอกพิงระเบียงยืนรอจนลีโอวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าฉันจะหนีไปไหน
มาถึงเจ้าตัวก็ยืนพิงตัวกับระเบียนข้างฉันแล้วหอบหายใจแรง
“นายมีธุระอะไรกับฉันเหรอ?” แล้วฉันก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
ไม่รอให้เขาได้พักหายใจเป็นปกติสักก่อนเลย
“เอ่อ...เธอใช่...”
พอลีโอหันมามองฉัน เขาก็ชะงักค้างไปชั่วครู่หนึ่ง
ก่อนที่เจ้าตัวจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเสียใหม่โดยเร็ว
“นายเงียบเพราะกำลังตะลึงในความสวยของฉันเหรอ?”
เห็นเขาเงียบไปเลย ฉันเลยกวนประสาทเขาขึ้นอย่างนั้น
แต่ฉันว่าลีโอไม่ได้ตะลึงงันอะไรในความสวยของฉันหรอก เขาแค่คงกำลังรู้สึกหน้าแตกอย่างคาดไม่ถึงล่ะมั้ง คือตอนนี้ใบหน้าของฉันไม่ได้ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเลยไง ฉันแต่งหน้ามาเรียนก็เหมือนไม่ได้แต่งน่ะ เพราะฉันใส่แค่แป้งฝุ่นกับเขียนคิ้วเท่านั้น(คนมันหน้าใสอยู่แล้วน่ะนะ จะแต่งหน้าทำไมนักหนา) แน่นอนว่าถ้าเขาคิดว่าฉันเป็นคนเดียวกันกับคนเมื่อคืน เขาก็ต้องเป็นเสือผู้หญิงที่ชำนาญเลยแหละ เพราะเมื่อคืนฉันแต่งตัวให้เป็นเหมือนคนอื่น ทำให้ออกมาได้เป็นคนละคนกับตัวจริงในตอนนี้มากนัก
“หึ
หลงตัวเองได้หน้าตาเฉยจริง ๆ วะผู้หญิงคนนี้ ฉันว่าเธอใช่คนเมื่อคืนแน่ ๆ ว่ะ
ใช่ไหม?” ริมฝีปากยกยิ้มพร้อมแค่นหัวเราะเบา ๆ เขาใช้สายตาเลื่อนมองสำรวจใบหน้าฉันอย่างสนใจ
“เฮ้ พะพาย...”
เสียงเรียกของเจนหยุดชะงัก
แล้วเธอก็เดินเข้ามาดึงแขนฉันให้ยืนออกห่างจากลีโอเล็กน้อย “หมอนี่กำลังจีบแกอยู่เหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก” ฉันตอบเจน แล้วหันหน้ามองบุคคลที่เอาแต่จ้องมองเจนไม่วางสายตา
“...”
ตอนแรกฉันนึกว่าลีโอจะเป็นพวกเจ้าชู้ คารมจัด และมีดวงตาที่เจ้าเล่ห์ตลอดเวลาซะอีก แต่ที่ไหนได้ เขาก็เหมือนผู้ชายทั่ว ๆ ไปนี่แหละ ภายนอกเขาดูไม่ได้มีพิษมีภัยสักหน่อย แถมใบหน้าและบุคลิกยังดูเป็นหนุ่มอบอุ่นมากเลยด้วย โดยเฉพาะสายตาของเขาที่กำลังมองเจนอยู่ในขณะนี้
“ทำไมฉันรู้สึกแปลก ๆ
ขึ้นมานะ นายชอบเจนเหรอ?” ฉันเห็นลีโอยังไม่เลิกจ้องมองเจน ฉันก็เลยเอ่ยลอยๆ
เผื่อว่าเขาจะเลิกสนใจเจนสักที
“ถ้าใช่แล้วทำไมเหรอ?”
“...!” เจนอึ้ง ฉันเองก็อึ้งกับคำตอบของลีโอไม่น้อย แต่ว่า...
“ก็ไม่ทำไมหรอก
แต่ฉันคงต้องแสดงความเสียใจด้วย เพราะเจนชอบคนอื่นอยู่แล้วล่ะ” ฉันไม่ได้สนใจท่าทีของเจนแม้แต่น้อย และไม่คิดจะสนใจลีโอเลยด้วย “ฉันชอบนายนะ เผื่อนายยังไม่รู้”
“หา?!”
“แกพูดอะไรออกมา
ยัยเพื่อนบ้า!” ว่าแล้วเจนก็กัดฟันด่าฉัน พร้อมทั้งจากที่ก่อนหน้านี้เธอแค่สะกิดให้ฉันหยุดพูดจาบ้า
ๆ ออกมา แต่คราวนี้เธอกลับเปลี่ยนเป็นหยิบแขนฉันแรง ๆ แทนหนึ่งที
“ฉันแค่สารภาพความในใจ
ฉันผิดเหรอ?”
“เจนไปนั่งรอด้านล่างก่อนไป
เฮียมีเรื่องส่วนตัวอยากจะคุยกับเพื่อนเจน” เป็นลีโอที่เอ่ยปากไล่เจนอย่างอ้อม
ๆ หลังจากที่ยืนงงได้ไม่นานนัก
จากคำพูดของลีโอเมื่อกี้นั้น
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้จักกันแล้วล่ะ แต่ฉันหวังว่าเพื่อนฉันคงยังไม่เคยเสร็จหมอนี่ไปแล้วหรอกนะ
ไม่อย่างนั้นเราสองคนได้มีเรื่องทะเลาะกันแน่ ๆ
“เจน...”
“ไว้ฉันจะเล่าให้แกฟังนะพะพาย
งั้นฉันไปที่ห้องสมุดเลยแล้วกันนะ” สิ้นคำพูด เจนก็รีบเดินหนีลงบันไดทันที
ให้ตายสิ
หวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดหรอกนะ
“นายรู้จักเจนด้วยเหรอ?”
เมื่ออยู่กันแค่สองคน ฉันก็ถามในสิ่งที่กังวล
“ก็รู้จักกันดี”
“ยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกันใช่ไหม?” อย่าแปลกใจ คนอย่างคุณหนูพะพาย ตรงไปตรงมาเสมอน่ะ ดังนั้นเมื่อสงสัยอะไรก็ถามออกไปตรง ๆ แบบนี้เลยแหละ
“ถามตรงไปไหม?”
ลีโอหน้าเหวอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูอึ้งอะไรมากมายเท่าที่ควรนัก “เมื่อคืนเป็นเธอใช่ไหม ผู้หญิงที่หาว่าฉันเป็นผู้ชายขายตัวน่ะ”
“...”
“อย่าคิดที่จะโกหกเชียวล่ะ เมื่อคืนเจนเรียกเธอให้ขึ้นรถ” ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาเอ่ยอย่างมั่นใจไปแล้ว ครั้งนี้เขาคงอยากได้รับคำยืนยันจากปากฉันเฉย ๆ แหละมั้ง
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”
ฉันพยักหน้ายอมรับไปตรง ๆ ในเมื่อเขาดักทางแล้วนี่นา “หวังว่านายคงไม่ถือสาเอาไปคิดหรอกนะ หรือว่านายร้อนตัวเลยมาตามหาฉันถึงที่นี่?”
“หึ ๆ เธอนี่ปากร้ายจริง
ๆ ว่ะ” ลีโอแค่นหัวเราะเหมือนนึกสนุก
แล้วฉันก็เห็นดวงตาเขาเป็นประกายวูบวาบ
“สรุปเรื่องนายกับเจนที่ฉันถาม
คำตอบคือ...?”
“ก็เคย” เขาตอบทันที พลางยักไหล่เหมือนไม่แยแส
บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มากเลยล่ะ มันพูดไม่ออกเลยจริง ๆ แล้วไม่รู้ความรู้สึกเหล่านั้นมันมากเกินไปหรือเปล่า
น้ำตาถึงได้ไหลพรากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวน่ะ
“เมื่อไหร่ และที่ไหน”
แม้น้ำตาจะเอ่อไหลไม่ขาดสาย แต่ฉันกลับไม่คิดจะปาดมันทิ้งหรือเช็ดออก
ซ้ำยังคงตั้งคำถามตรงไปตรงมาขึ้นอีก
“ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนที่บ้านของเจน” ลีโอบอกอย่างละเอียด ริมฝีปากบางก็ยังคงยกยิ้ม แม้ว่าฉันจะร้องไห้อยู่ตรงหน้าก็ตาม
ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะเทือนและกระดากปากอายเลยสักนิดที่พูดถึงเรื่องส่วนตัวออกมาอย่างหน้าตาเฉยแบบนั้น ราวกับว่าคำพูดนั้นของเขาเป็นเพียงแค่การบอกเล่าถึงเรื่องดินฟ้าอากาศเท่านั้น
จะบอกว่าทุเรศก็ได้นะ ซึ่งมันก็จริงแหละ
เฮอะ
จะว่าไป เขาเหมือนฉันจนน่าหงุดหงิดนะ ความตรงไปตรงมาเนี่ย
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ...”
ฉันพูดแค่นั้นก็หมุนตัวหันหลังใส่เขา แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินลงบันไดไป
ทว่าในขณะที่เดินลงบนขั้นบันไดอยู่นั้น
สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงของวาโยที่กำลังเดินสวนขึ้นพอดี
“เฮ้ย...พะพายร้องไห้ทำไมเนี่ย?!”
วาโยหยุดชะงัก น้ำเสียงอุทานถามอย่างตกใจไม่น้อย
“...” ฉันไม่ได้ตอบคำถามหรือหันไปมองสบตากับวาโยตรง
ๆ ฉันเดินตรงลงไปเลยอย่างไม่นึกสนใจเขาแม้แต่น้อย
สิ่งที่ฉันจะบอกลีโอเมื่อกี้คือขอบคุณสำหรับคำตอบ
และต่อไปนี้เขาก็ควรระวังตัวไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะพลาดท่าให้ฉันอีกครั้งก็ได้
ในเมื่อฉันได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว
ส่วนเรื่องที่จะคุยกับเขาตอนแรกนั้นมันคือเรื่องงานลับที่พ่อสั่งให้ฉันไปเจรจากับเขาน่ะ
แต่ทว่าตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ เพราะยังไงซะ ฉันก็จะเป็นคนที่จัดการกำราบสิงโตจอมเจ้าชู้คนนั้นด้วยตัวของฉันเอง!
“หึ นายแน่ใจเหรอลีโอว่าคนที่นายมีอะไรด้วยคือเจน”
[บรรยายพิเศษ ::
วาโย]
เมื่อพะพายเดินผ่านจากเลยไป
ผมก็หันขวับเงยมองไปยังร่างของพี่ชายตนเองอย่างไม่ชอบใจนัก ก่อนจะรีบก้าวเดินยาว ๆ
เข้าไปใกล้ ๆ อย่างไม่รอช้า
เมื่อกี้นี้ผมอุตส่าห์รีบลงด้วยลิฟต์เพื่อไปหาเฮียที่รถอย่างเร่งด่วน ซึ่งรถของเฮียนั้นจอดทิ้งไว้หน้าบันไดคณะพอดิบพอดี ราวกับว่าเจ้าตัวตั้งใจจะโชว์รถสุดหรูของตนเองยังไงยังงั้น
แต่ทว่าพอผมไปถึงตัวรถแล้วกลับกลายเป็นว่าเจ้าของรถไม่อยู่ซะอย่างนั้น
ตอนแรกผมก็นึกว่าเฮียไปจีบสาวที่ไหนซะอีก
เลยออกตามหา แต่พอบังเอิญได้เห็นพะพายเดินร้องไห้ โดยมีร่างของคนที่กำลังตามหาอยู่ยืนอยู่ใกล้
ๆ นั่นเลยทำให้ผมเดาได้เลยว่าสาเหตุมันคงมาจากพี่ชายตัวดีของผมนั่นแหละ
“อะไรกันเฮีย นี่เฮียรู้จักเธอด้วยเหรอ?!”
ผมถามขึ้น เมื่อเห็นเฮียกำลังยืนยกยิ้มอยู่คนเดียว “หรือเธอเป็นเมียของเฮียอีกคน?”
จริง ๆ เรียกเมียก็ไม่ถูกนัก เพราะไม่อย่างนั้นพี่ชายผมคงจะมีเมียเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วล่ะ เอาเป็นว่าเป็นแค่คู่นอน(คนละครั้ง)ก็แล้วกัน
นี่ผมไม่ใช่ว่าอยากจะดูถูกพะพายนะ เพียงแต่ว่าสาว ๆ คนไหนที่รู้จักกับพี่ชายผมมักจะไม่รอดผ่านเงื้อมมือเฮียซะส่วนใหญ่
เว้นแต่หงสาหรือยัย‘หงส์’เพื่อนสนิทคนเดียวของผมไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
เธอคงจะเสร็จเฮียด้วยแล้วอีกคนแน่ เพราะนอกจากยัยนั่นจะเป็นน้องเทคของเฮียแล้ว
เราสองพี่น้องยังพักอาศัยอยู่บ้านเธออีกด้วย แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดเรื่องบ้า ๆ นั้นหรอก เพราะบ้าน PARADISE มีแต่พวกกันเองทั้งนั้น
คือผมหมายถึง...คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ถ้าไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องกันก็เป็นญาติ
ๆ กันทั้งนั้นแหละ อย่างผมกับยัยหงส์ก็สนิทสนมกันตั้งแต่เกิดเลยล่ะ
วิมานสุดหรูหลังนั้นที่ชื่อว่า PARADISE มีแต่ผู้ชายทั้งสิ้นรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
5 คน(ไม่รวมเจ้าของบ้านอย่างยัยหงส์น่ะนะ)
ตั้งแต่ผมย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยแล้ว ผมรู้สึกอบอุ่นสุด ๆ
“เปล่าหรอก ยัยนั่นยัง”
“แล้วทำไมเธอร้องไห้?”
“กูแค่บอกไปว่าเคยมีอะไรกับเพื่อนเธอแล้ว
ยัยนั่นก็ร้องไห้ออกมาเลยว่ะ นี่สงสัยเธอคงจะชอบกูมากเลยมั้ง” เฮียส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วเดินเข้ามาโอบกอดผมไว้แน่น อีกทั้งยังฟุบหน้าลงซบที่ลาดไหล่ของผมอีก
“ต่อให้เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่ผมก็ขนลุกนะเฮีย” ผมบ่น
จริง
ๆ ตอนนี้ขนอ่อนบนตัวมันลุกชันขึ้นมาแล้วล่ะ ทว่าผมก็ปล่อยให้เฮียซบหน้าอยู่แบบนั้นอยู่พักใหญ่ ๆ เลยล่ะ
จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกปวดเมื่อย แต่ผมก็ไม่ได้บ่นอะไรเฮียนะ เพราะนาน ๆ
ทีเฮียจะเข้าโหมดนี้
“คิดมากนะมึง”
“เฮียสนใจเธอล่ะสิ”
“อืม” พอเฮียพยักหน้ายอมรับ แก้มเลยไถถูลาดไหล่ผมไปด้วย
“ผมไม่แปลกใจหรอกนะที่เฮียจะสนใจ
เพราะพะพายดูพิเศษกว่าคนอื่น ๆ จริง ๆ” ผมเลิกคิ้ว
พลางพยักหน้าเข้าใจ
ถึงนิสัยเธอจะแปลก
ๆ ไปสักหน่อย แต่ผมคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอดูน่าค้นหาดีไม่น้อยเลยนะ แต่มันเป็นเรื่องโชคร้ายนะที่เธอดันไปเข้าตาพี่ชายผมเข้า นี่ผมเชื่อนะว่าต่อจากนี้ไป เฮียคงไม่ปล่อยเธอไว้ให้รอดมือไว้แน่นอน
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก
เพียงแต่ว่ากูดู ๆ แล้วเธอน่าสนใจดี”
พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่ชายผมมันเจอคนที่ถูกใจเข้าอีกแล้วล่ะสิ ซึ่งนี่ไม่บ่อยนักหรอกที่เฮียจะรู้สึกแบบนี้ เพราะถึงเจ้าตัวจะผ่านเรื่องผู้หญิงมาเยอะ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เฮียถึงกับเอ่ยปากบอกว่าผมว่าเฮียรู้สึกสนใจเธอคนนั้นขึ้นมาแล้วล่ะก็...เฮียจะเป็นฝ่ายทำวิถีทางเพื่อลากเธอขึ้นเตียงให้ได้
มันเป็นความพยายามกะอีแค่เรื่องบนเตียงน่ะ ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเฮีย ไม่เคยรักใครหรอก
“คนนี้...ผมขอได้ไหมเฮีย”
ผมรู้จักพี่ชายตนเองดี
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เฮียเอ่ยปากยอมรับมาซะขนาดนี้แล้ว เชื่อสิว่าเฮียคงไม่ปล่อยพะพายไว้แน่นอน
“ทำไม?” เฮียผละออกจากการกอดผมเล็กน้อย แล้วจ้องตานิ่ง ๆ ใส่ผมอย่างไม่พอใจนัก “มึงคิดจะนอกใจแฟนมึงเหรอ เดี๋ยวกูฟ้องนะ”
“เฮ้ย...ไม่ใช่เว้ย!”
ผมร้องเสียงหลงตอกกลับทันที เมื่อเฮียยกเรื่องนี้มาขู่เล่น
ผมจะบ้านอกใจแฟนได้ยังไงกันเล่า
ผมรักแฟนผมจะตาย
แฟนผมชื่อ‘มีนา’ เธอสวยยิ่งกว่าใครในสายตาผมและคนอื่น
ๆ อีกมากมาย เธอเป็นถึงดาวคณะนิเทศศาสตร์เชียวนะ แน่นอนว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ๆ
แน่นอน
ตอนนี้ผมกับเธอคบกันได้เกือบเจ็ดเดือนแล้ว
ประเด็นสำคัญคือกว่าผมจะจีบเธอติดก็ใช้เวลาหลายปีเชียวล่ะ ดังนั้นผมไม่มีทางนอกใจเธอหรอก
“ก็มึงพูดจาเหมือนกำลังสนใจยัยนั่นเหมือนกับกู”
“พะพายเป็นเพื่อนร่วมสาขาผมน่ะ
ตอนนี้เรามีรายงานคู่ให้ทำร่วมกัน และหลังจากนี้ผมก็ยังอยากมองหน้าเธอในฐานะเพื่อนร่วมสาขาคนหนึ่งอยู่นะ”
ถึงรายงานจะส่งพรุ่งนี้แล้ว
แต่ผมก็ยังยกให้เป็นข้ออ้าง ไม่รู้มันจะช่วยเธอได้หรือเปล่านะ
“รายงานคู่งั้นเหรอ
ก็ดีดิว่ะ งั้นมึงชวนเธอมาทำที่บ้าน PARAPISE เลยนะ
คืนนี้ยัยหงส์ไม่อยู่ด้วย” เห็นสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์นั่นแล้ว
ผมรู้สึกอยากจะซัดหมัดใส่ปากเฮียจริง ๆ เลยว่ะ
“นี่เฮียจะให้ผมไปล่อเพื่อนให้เฮียงาบงั้นเหรอ!?”
“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น
มึงก็ระแวงไป” คำพูดนี้มันจะน่าเชื่อ ถ้าเฮียไม่ได้กำลังยิ้มอย่างกรุ้มกริ่มอยู่น่ะ
มันฟ้องความหื่นบนใบหน้านั่นอย่างดีเลยน่ะนะ “ยังไงห้องยัยหงส์ก็ว่างไงคืนนี้
งั้นมึงก็ให้เธอนอนห้องนั้นแหละ”
“เหรอ...” ผมลากเสียงยาว พร้อมเบ้ปากใส่ “แล้วเฮียก็กะจะแอบย่องเข้าไป ถูกปะ?”
“เออ!” เฮียยอมรับตรง ๆ ด้วยสีหน้ายียวน ซึ่งมันทำเอาผมรู้สึกหมั่นไส้เจ้าตัวสุด
ๆ “กูขอฟันธงเลยนะว่ายัยนั่นเคยแล้ว”
“เฮียแม่งพูดจาทุเรศว่ะ”
“งั้นมึงไปล่อเธอให้กูได้พิสูจน์ดิ”
ดูดู๊
เฮียมันยังมีหน้ามาเอ่ยสั่งได้หน้าตาเฉยอีกนะ
ผมล่ะเหนื่อยใจที่มีพี่ชายหื่นกามคนนี้จริง ๆ
“เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะเฮีย
ก่อนที่ผมจะรู้สึกทุเรศเฮียมากไปกว่านี้ ว่าแต่เฮียมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ผมโบกมือปัด ๆ ทำเป็นไม่สนใจหัวเราะของพี่ชายตัวดี
นี่ถ้าผมไม่หยุดเรื่องนี้
ทั้งวันเฮียคงได้ขอร้องแกนบังคับให้ผมยอมทำตามที่เฮียสั่งแน่ ๆ
จริง
ๆ ต่อให้เอาปืนมาจ่อหัว ผมก็ไม่ทำหรอก ใครจะบ้าทำล่ะ ผมไม่อยากรู้สึกผิดจนวันตาย
ตอนนี้ผมแค่ต้องการหลุดพ้นไปจากไอ้พี่ชายจอมเจ้าชู้คนนี้เท่านั้น ผมต้องรีบไปส่งมีนาที่คอนโด(เอ่อ...อันที่จริงมันไปเชิงไปส่งหรอก คือแบบว่าผมแอบขับรถตามเธอไปแบบห่าง
ๆ ต่างหากน่ะนะ ผมเป็นห่วงเธอ ผมอยากเห็นกับตาตนเองว่าเธอเดินทางปลอดภัย ผมเองก็จะได้สบายใจไปด้วย)
“กูก็มาตามหายัยนั่นโดยเฉพาะนั่นแหละ”
“อ้าว
แล้วเฮียจะส่งข้อความหาผมทำซากไรวะ?” ผมเลิกคิ้วสูง
พลางยกมือเกาแก้มตัวเองไปด้วยงุนงง
ไอ้เราก็คิดว่าเฮียมีธุระด่วน
ที่แท้ก็ตามหาสาวนี่เอง
“ก็มึงเรียนคณะเดียวกับเจนนิ”
“เจนคือใคร?”
“เฮ้อ...ถ้ามึงไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างเลย ถ้างั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มึงจะไม่รู้จักสาว ๆ คนไหนเลย เออ ว่าแต่นั่นซองอะไรวะ?”
เฮียถอนใจที่จะบอกเรื่องเจนให้ผมรู้จัก แล้วพูดเปลี่ยนเรื่องพร้อมชี้มายังตรงหน้าอกด้านซ้ายของผม
ตนเองก็ก้มหน้าลงมองตามนิ้วอัตโนมัติ ก่อนจะหยิบสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“อ้อ ลืมไปเลย
นี่เหรอ มีคนฝากให้เฮียน่ะ” มันเป็นซองจดหมายที่พะพายให้นะ
เมื่อกี้นี้ผมรีบร้อนลงจากชั้นเรียน ผมเลยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ นี่ดีที่เฮียบอก ไม่อย่างนั้นผมคงลืมไปแล้ว
หรือไม่ก็เผลอทำตกแน่ ๆ
“ใครฝากมา?!”
ทำไมเฮียต้องทำเสียงเข้มวะ
ทำเองผมสะดุ้งเลยนะ
“เธอบอกว่าพอเฮียเปิดดู
เฮียก็จะรู้เองแหละ” ผมยื่นซองสีขาวให้ เฮียก็กระชากรับแล้วไม่รีรอเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในทันที
ระหว่างนั้นผมก็เหลือบมองดูด้วยเพราะความอยากรู้
นี่ไม่ใช่ว่าผมเป็นประเภทขี้เสือกอะไรนะ
แค่ไหน ๆ เจ้าตัวก็เปิดออกมาดูต่อหน้าต่อตาผมเองแล้วไง
และแล้วปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ด้านในมันมีแต่ธนบัตรแบงก์พันจำนวนหนึ่ง
ซึ่งน่าจะหลายหมื่นเชียวล่ะ
“นี่เฮียไปยืมเงินพะพายมาเหรอ?”
ทำไมผมรู้สึกเหมือนตนเองจะลืมอะไรไปนะ หากแต่แล้ววินาทีต่อมาเมื่อผมนึกออก
ผมก็หน้าเหวอทันทีเลยว่ะ พะพายไม่ต้องการให้ผมบอกเฮียนี่หว่า แต่ทว่าการที่เฮียเปิดซองดูแล้ว
เจ้าตัวคงจะรู้แล้วล่ะว่าใครฝากมาให้ ผมคิดในใจ พร้อมกับพยักหน้าใส่เล็กน้อย
ทำความเข้าใจเองเออเอง
“กูสาบานเลยนะว่ากูจะไปลากยัยนั่นจับกดแม่ง
ไม่ให้ได้ลุกออกจากเตียงนอนทั้งคืนเลยคอยดู!” เฮียกดเสียงต่ำ
พลางกัดฟันกรอกเหมือนแค้นใจมาตั้งแต่ชาติปานก่อนไม่มีผิด
ทำไมท่าทางเฮียดูแค้นเบอร์นั้นวะ
ผมงง?
“เฮียไม่เห็นต้องพูดจาเหมือนโกรธพะพายขนาดนี้เลยนะ
หรือว่าเป็นพะพายต่างหากล่ะที่ยืมเงินเฮีย แล้วคืนไม่ครบ?”
“ไม่ใช่เว้ย!”
[จบบรรยายพิเศษ :: วาโย]
ปกติลีโอจะมีอะไรกับสาวแค่แปบเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าเฮียพูดงี้ แสดงว่าพะพายจะโดนหนักค่ะ ฮ่า ๆๆ
ซึ่งด้าขอบอกเลยว่า NC ฉากนั้นมันรุนแรงกว่าเรื่องของวาโยอีกค่ะ
ปล.นาน ๆ ทีมาอัป ขอกำลังใจหน่อยนะคะ ><
ความคิดเห็น