คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การกลับมาของผู้ชายคนนั้น
“ไงจ้ะ นิศาน้องรัก” เสียงหวานใสของพี่สาวร่วมบิดาดังจากด้านหลังก็ทำให้ผู้ถูกเรียกถอนหายใจเสียงดัง จะให้ช่วยอะไรล่ะคราวนี้
“คะ” ญานิศาหันไปทางพี่สาวที่นั่งเบียดบนที่เท้าแขนของโซฟาตัวยาว ที่มีเยอะก็ไม่นั่ง
“คือว่าเพื่อนของนัจเค้าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วอยากจะไปเที่ยวจ้ะ แบบพวกดูหนังฟังเพลงซึ่งนัจก็ไม่ถนัดแล้วก็มีคิวถ่ายละครที่พัทยาด้วย นิศาไปแทนนัจหน่อยสิ” ญานัจฉราโอบน้องสาวร่วมบิดาอย่างเอาใจ ซึ่งไม่ว่าใครในครอบครัวเห็นสายตาอ้อนวอนก็ต้องใจอ่อนทันที
“แล้วภัทรล่ะ” แต่หล่อนก็ต้องถามถึงน้องสาวร่วมบิดาอีกคนเผื่อจะได้ลากไปด้วย ยัยภัทรไม่เคยขัดใจพี่ๆ ได้หรอก
“พาน้ำไปหาหมอจ้ะ ไม่รู้เป็นอะไรหน้าก็ซีด กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ น่ากลัวว่าจะเป็นโรคกระเพาะซะด้วย”
“นีรล่ะ” คนถูกชวนยังไม่ยอมแพ้ พี่สาวตัวดีเริ่มเปลี่ยนท่านั่งมานั่งอีกข้างหนึ่ง
“นีรไปซื้อของแต่งสวน นะนิศา ช่วยนัจหน่อยสิ” นัจขอร้องถึงขนาดนี้ นิศาจะปฏิเสธได้อย่างไร
“โอเค นิศาไม่เคยปฏิเสธนัจได้สักที” คนขอร้องยิ้มแฉ่งแล้วก็อธิบายต่อด้วยท่าทางกระตือรือล้น
“เค้าชื่อรัฏฐพิชญ์ อัครปรีชากุล ใจเย็น เป็นผู้ใหญ่ อารมณ์ดี...” ก่อนที่ญานัจฉราจะได้ร่ายคุณงามความดีต่อ น้องสาวก็สวนขึ้นมาบ้าง
“เอ๊ะ ผู้ชายเหรอ” แต่ในใจกลับมีอะไรมากกว่านั้น เมื่อคนที่พี่สาวกล่าวถึงคือคนรักเก่าคนเดียวของหล่อน นัจมีแผนอะไรรึเปล่า
“ใช่ แล้วก็เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของวงพิทักษ์กรุ๊ปด้วย อ้อ เค้าชอบดูหนังผี ฟังเพลงคลาสิก ชอบอาหารรสเผ็ดและจัด ไม่ชอบเข้าภัตตาคารหรูๆ อาหารข้างทางก็กินได้ แต่ต้องดูความสะอาดด้วยเพราะแค่กินอาหารอุ่นหลายๆ รอบก็ท้องเสียอย่างที่เราสองคนเป็น แล้วก็ที่สำคัญ เค้าชอบช๊อปปิ้ง ประวัติแค่นี้โอเคไหม” คนฟังทำตาปริบๆ ที่บอกมาทั้งหมดเนี่ยรู้แล้วทั้งนั้นเลย แต่เอ๊ะ ริวกลับมาจากฮ่องกงตั้งแต่เมื่อไร
“เอ่อ...” แล้วก็สะกิดใจ มันเริ่มแม่งๆ ยังไงแล้วนะ
“เดี๋ยวนัจจะให้ริว คือริวเป็นชื่อเล่นของเค้าน่ะ จะให้ริวถ่ายรูปนิศาให้ แล้วก็ไปดูวิวธรรมชาติสวยๆ นิศาก็เป็นนางแบบหน้ากล้องไป ท่าจะดีนะ”
“เหอะ นัจให้นิศาเป็นเพื่อนเที่ยวหรือแฟนล่ะ” แต่ไม่น่าพูดไปเลย เหมือนเปิดโอกาสให้ริวชัดๆ ส่วนญานัจฉราได้โอกาสก็รีบตอบ
“แฟนเหรอ ถ้านิศาอยากเป็นแฟนกับริว นัจจะสนับสนุน อยากได้เพื่อนคนนี้เป็นน้องเขยนานแล้วล่ะ เพราะพวกคนที่มาติดพันริวทำให้นัจรำคาญหลายคนแล้ว แม่ทันย่านางแบบนั่นน่ะ ริวก็บอกว่าหาทางเขี่ยให้หน่อย ฉะนั้นถ้านิศาต้องการ นัจจัดให้ได้นะ” เพียงเท่านั้นหล่อนก็ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพันละวัน แต่ในใจกลับเต้นระรัวเรียกร้องในสิ่งที่ปรารถนามากกว่านั้น
“ถ้าไม่มีปัญหาก็เจ็ดโมงวันเสาร์นี้ที่หน้าร้านอาหารฝรั่งเศสที่นัจมีหุ้นอยู่ ขอบใจมากจ้ะน้องรัก ราตรีสวัสดิ์” ญานัจฉราหอมแก้มหล่อนฟอดใหญ่ก่อนจะกระโดดเต้นแร้งเต้นกากลับห้องนอน
“ราตรีสวัสดิ์” ไปโรงพยาบาลกับน้ำยังจะดีกว่าอีก คิดแล้วก็ส่ายหน้า เอาน่า เพื่อพี่นัจ
“โอ้ย นี้มันจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ถ้านัจไม่ขอร้อง นิศากลับบ้านไปตั้งแต่สายห้านาทีแรกแล้ว” ร่างสูงโปร่งบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดใจ หน้ายุ่งคิ้วขมวดแบบคนขี้หงุดหงิด ญานิศาแต่งตัวอย่างเรียบๆ เพราะไม่ได้เข้าบริษัทหรือไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องหาแคทวอร์คมาปูให้ เสื้อยืดสีขาวคอกลมแขนยาวถึงข้อศอกลายผีเสื้อสีเขียวกลางหน้าอกที่ไม่เคยใช้ทำให้คนในบ้านที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง บวกกางเกงยีนส์สีดำที่ไม่เคยคิดจะหยิบมาใส่อีก หลายๆ คนจึงแซวว่าใครกันที่ปราบพยศหล่อนได้ แต่ในใจรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
นิศาใส่เสื้อแบบนั้นดูโป๊ไปหน่อยนะ ริวว่าเอาตัวนี้ดีกว่า น่ารักดีออก ในอดีตการแต่งตัวของหล่อนที่ดูเปรี้ยวก็เรียบร้อยได้เพราะการมีแฟนที่ชื่อรัฎฐพิชญ์ หลังจากที่คบกันมาเกือบ 5 ปี เมื่อรู้จักคุณหญิงจอมขวัญมารดาของเขาก็ถูกกีดกันและหาว่าหล่อนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า
นี่หรือ ญานิศา ก่อนที่หล่อนจะได้พูดอะไรคุณหญิงจอมขวัญนั่นก็ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากทิ้งท้ายไว้ เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้น่ะหรือที่จะเอามาเป็นลูกสะใภ้ ฝันไปเถอะ หลังจากนั้นรัฏฐพิชญก็ถูกส่งไปศึกษางานกับบิดาที่ฮ่องกง โดยที่หล่อนเข้าใจได้ดีว่าเป็นการกีดกัน
“มาช้ามาสายนี่เหรอนักธุรกิจ ไม่รู้รึไงว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง รู้อย่างนี้นิศากินสตอเบอร์รี่ชอร์ตเค้กได้อีกตั้ง 5 ชิ้น” คนห่วงกินก็ได้แต่บ่นต่อไป ในใจก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตไปเรื่อยๆ แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมา
ถ้าริวมาขอคืนดีกับนิศาล่ะ จะทำยังไงดี แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนสะกิดจากด้านหลัง โดย...ผู้ชายที่หล่อนไม่อยากเจอที่สุด รัฏฐพิชญ์แต่งตัวเหมือนเดิมกับที่สมัยยังคบกัน เสื้อทีเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้มดูสลัดคราบนักธุรกิจออกไปได้ และดูเหมือนนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ๆ มากกว่าชายหนุ่มอายุสามสิบ
“เอ่อ... ต้องขอโทษที่มาสาย” เมื่ออีกฝ่ายขอโทษมา ญานิศาก็ต้องเก็บความไม่พอใจเอาไว้เพราะยังไงก็ยังดีที่รู้จักมารยาท น้ำเสียงเฉยชาต่างจากนัยน์ตาพราวระยับอย่างเห็นได้ชัด การวางตัวก็ต่างจากเดิม ทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัด
“ใช่ ไม่ทราบว่ารับประทานอาการเช้ามารึยัง...คะ” แม้จะยกโทษให้ แต่ความขุ่นเคืองยังไม่หมดเพราะทำเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน หากก็ไม่ลืมใส่มารยาทลงไปด้วย
“เรียบร้อยแล้ว คิดว่าจะชวนไปซื้อของที่สยามกันแล้วก็ไปดูหนัง ตอนบ่ายๆ ก็ไปสวนรถไฟ ผมอยากถ่ายรูป แล้วตอนเย็นก็ไปกินข้าวบนเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ผมจะไปส่งถึงที่บ้านเองตกลงไหม...ครับ” นี่หรือ ให้นิศาพาเที่ยว พี่นัจต้องมีแผนอะไรแน่ๆ คอยดูนะ กลับไปจะซักฟอกให้หมดเปลือกเลย แล้วก็พยักหน้าไปแกนๆ ทำยังไงได้ เขาอยากเลี้ยงก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงิน
ตลอดเช้าที่คนข้างตัวสลับหน้าที่พาหล่อนตะลอนช๊อปปิ้งก็ทำให้บรรยากาศเดิมๆ หวนกลับมาอีก รัฏฐพิชญ์เป็นผู้ชายที่ซื้อของเก่งมาก ต่อราคาและวิจารณ์สินค้าอย่างไม่ไว้หน้าใคร (ยิ่งกว่าเมื่อก่อน) หล่อนคิดว่าหล่อนชำนาญเรื่องแบบนี้นะ แต่พอเจอผู้ชายคนนี้ยังต้องชิดซ้าย หลังจากซื้อของเสร็จทั้งหล่อนและชายหนุ่มหมดเงินไปหลายพันบาทเป็นที่สนุกสนาน แต่ก็ต้องแลกกับการหอบของพะรุงพะรัง สำหรับหล่อนจะเป็นพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างหูสร้อยคอ ส่วนคนที่มาด้วยกลับมีผ้าไหมทอมือสวยๆ หลายชิ้นที่หล่อนสงสัยนักหนาก็ได้รับคำตอบว่า เอาไปทำกรอบรูป ส่วนเสื้อผ้าก็มีเล็กน้อยถ้าเทียบกับอย่างอื่นแต่ถือว่ามากพอสมควร
ก่อนจะเข้าไปดูหนังก็แวะไปจิบน้ำชากาแฟที่ร้านคอฟฟี่ช็อปหน้าโรงหนัง ซึ่งทั้งคู่ก็สั่งเหมือนกันคือชาเขียวกับสตอเบอร์รี่ชอร์ตเค้ก ซ้ำยังบ่นถึงเค้กของญานัจฉราเหมือนกันอีก บรรยากาศการดูหนังของทั้งคู่ดูเงียบกว่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้คนในโรงจะเต็ม พอนักแสดงที่แต่งหน้าผีออกจอมาครั้งหนี่งคู่ของคนที่นั่งด้านหน้าก็สะดุ้งกอดกันแต่สำหรับคู่นี้กลับมองหน้ากันแล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจ คล้ายว่าผีปลอมแค่นี้จะกลัวอะไร
เรื่องอาหารเที่ยงก็ต้องเปลี่ยนโปรแกรมกะทันหันเนื่องจากสายตาเหยี่ยวของทั้งคู่เห็นเหมือนกันว่าทางร้านทำไม่สะอาด จึงต้องไปกินฟรีที่โรงแรมของฝ่ายชาย ญานิศาแอบแขวะในใจ เลี้ยงข้าวทั้งทีไม่เห็นลงทุนเลย แต่ก็ถูกใจเพราะต้มยำกุ้งถึงเครื่องถึงรสจริงๆ ตอนบ่ายก็ไปถ่ายรูปที่สวนรถไฟ จากที่หญิงสาวถูกถ่ายรูปโดยไม่ทันตั้งตัวและไม่อยาก วิญญาณนางแบบก็เข้าสิง และรู้มุมกล้องอย่างดี จนรัฏฐพิชญ์อดชมในใจไม่ได้
การล่องแม่น้ำเจ้าพระยาก็ถูกใจหล่อน ถึงแม้จะต้องไปกับคณะทัวร์ที่ไม่รู้จักก็ตาม สุดท้ายรัฏฐพิชญ์ก็ไปส่งหล่อนถึงบ้าน วันนี้หล่อนมีความสุขอย่างประหลาด คล้ายว่าความเงียบเหงาในหัวใจถูกเติมเต็มอีกครั้ง
“ไงยัยนิศา เมื่อวานสนุกไหม นี่ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว” ญานัจฉรามาปลุกน้องสาวแต่เช้ามืด โดยการเอาเค้กของโปรดมาล่อ “ตื่นสาย นัจไม่ลงครัวนะ”
“ก็นิดหน่อย นัจมีอะไรรึเปล่า นิศารู้นะ ว่าจะทำอะไร” สายตาของอีกฝ่ายแสดงพิรุธได้อย่างดีราวกับต้องการสื่อให้รู้ชัด ญานิศาบิดขี้เกียจก่อนจะลุกพรวด แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ญานัจฉราก็ช่วยเก็บที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็กวาดบรรดาเครื่องสำอางทั้งหลายบนโต๊ะเครื่องแป้งใส่ลงลิ้นชัก เสื้อผ้าในตู้ก็เลือกออกมาได้ดูเรียบร้อยกว่าปกติ ซึ่งญานิศาไม่ยอมใส่อีกเลยทั้งแต่เลิกกับแฟน จนกระทั่งเมื่อวานนี้
“นัจจะลงไปนวดแป้งก่อนนะ นิศารีบลงไปช่วยอบล่ะ” ว่าแล้วก็กระโดดโลดเต้นออกจากห้องไป ด้วยท่าทางมีความสุข เสียงซ่าของน้ำเริ่มเบาลงไปและมีเสียงพึมพำตามมา
“อย่าให้รู้นะ ว่าคิดจะให้นิศาคืนดีกับริว คุณหญิงนั่นคงจะยอมหรอก”
ญานิศายอมใส่เสื้อผ้าที่พี่สาวเลือกให้อย่างไม่เกี่ยงงอน เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเขียวลายทุ่งหญ้ามีดอกไม้ขึ้นลายตา ท้องฟ้าลายเมฆสีขาว กางเกงขาสั้นสีขาวยาวเพียงเข่า สวมเสื้อผ้ารีบร้อยก็หมุนหน้ากระจกบานใหญ่อีกสองสามรอบ แล้วก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีลงมาข้างล่าง เป็นภาพที่แปลกตาอย่างมากต่อผู้พบเห็น โดยเฉพาะคุณหญิงอรุณลักษณ์หรือแม่สี่ ภรรยาคนที่สี่ของบิดาถึงขนาดเป็นลมไปเลย
“นิศาจ้ะ น้ำตาลน่ะไม่ต้องใส่มาก เดี๋ยวเป็นเบาหวาน” ญานัจฉราเตือนทั้งรอยยิ้ม บรรดาคนรับใช้ที่ช่วยงานก็อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เอ๊ะ นิศาก็ใส่เท่าที่นัจบอกแล้วนะ ร้อยกรัมเป๊ะเลย” คนต้นเรื่องดูท่าจะยังไม่รู้อะไร คนอื่นๆ ส่ายหน้ากับความไม่รู้อะไรของหล่อน ส่วนญานัจฉราก็ได้แต่ตีหน้าตาย
“อ้าว ก็นัจไม่เห็นนี่นา เมื่อกี้นัจมองเห็นมดพอดีน่ะ ขึ้นยุ่บยับไปหมดเลย”
“ถ้าคันก็ไปทาแซมบัคสิ แต่นิศาไม่เห็นมีมดสักตัวเลย” ญานิศาตอบด้วยรอยยิ้มใสซื่อ แบบที่เห็นแล้วน่าหมั่นไส้
“ประทานโทษ มันเป็นมดยุคใหม่น่ะ มดล่องหน ขึ้นเฉพาะที่ ไม่ระบุเวลา”
“ค่ะคุณแม่”
ตกบ่ายญานิศาออกไปซื้อแป้งกับนีร ทั้งสองช่วยเลือกกันอย่างสนุกสนานจนคนขายแซวว่า จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้หรือคะ นีรก็รีบตอบแก้ตัวแต่น้องสาวที่ไม่สนใจอะไร คือนิศาน่ะ เค้าคลานตามผมออกมาตั้งแต่เกิดเลยนะครับ คนขายเลยหน้าแตกไปตามระเบียบ
เมื่อกลับถึงบ้านทั้งสองพี่น้องก็ต้องประหลาดใจที่วันนี้บรรดารถของพี่ชายร่วมบิดาทั้งหลายดูเหมือนจะมากผิดปกติ คล้ายกับมีเรื่องใหญ่ จึงทำให้ทั้งคู่เดินเข้าบ้านอย่างเร่งรีบ และเมื่อนับจำนวนรถก็เห็นว่ามาและอยู่กันครบทั้งยี่สิบเอ็ดคนหากรวมตัวหล่อนและนีรด้วย
อารมณ์ดีจากการซื้อของก็เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวแทบจะทันทีเมื่อเห็นรถของเพื่อนสนิท ฑิมพิกา ที่บอกว่าหากไม่มีธุระสำคัญจริงๆ จะไม่มาบ้านหล่อนเพราะความเกรงใจ ส่วนใหญ่เวลานัดเจอจะเป็นที่บ้านของฑิมพิกาหรือที่บริษัท
“นี่มันอะไรกันคะ”
แค่ก้าวเข้าไปในบ้าน บรรยากาศความเครียดก็พุ่งเข้าใส่หญิงสาวโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งกับน้องชาย มีญานัจฉรากับญานภัทรนั่งแนบข้าง และจันทรัสม์นั่งบนโซฟาฟากตรงกันข้าม บิดาผู้เป็นใหญ่ของบ้านนั่งตรงกลางและพี่น้องคนอื่นยืนเรียงรายล้อมโซฟากันเอาไว้
“ไม่มีอะไร ฉันกำลังจะกลับ” ฑิมพิกาเชิดลำคอระหงและตอบเสียงดังฟังชัด แต่ชลาสินธุ์ผู้เป็นน้องชายสวนกลับทันควัน
“ไม่ได้ ยังไม่เคลียร์กันเลย กลับไม่ได้” สายตาวาวโรจน์จากพี่สาวในเวลานี้ไม่ได้ทำให้กลัวแต่อย่างใด
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ใครก็ได้อธิบายให้นิศาเข้าใจหน่อยสิ” ญานิศาเริ่มจะอาละวาด “น้ำ นัจ ภัทร บอกนิศาหน่อย พี่รัสม์ล่ะ ตอบนิศาได้ไหม”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรด้วย เรื่องนี้ฉันพลาดเองก็ต้องแก้ไขเอง สินธุ์ กลับเดี๋ยวนี้ นี้คือคำสั่ง” ผู้ที่คาดว่าเป็นโจทก์ในครั้งนี้พูดเสียงดังและลุกพรวด นภทีป์พี่ชายคนโตของครอบครัวที่สุขุมอยู่เสมอกลับทำหน้าแปลกพิกล สายตาของจันทรัสม์ที่มองเพื่อนรักของญานิศาก็แปลกอย่างที่ไม่เคยเห็น
“แน่ใจนะ” เสียงนุ่มทุ้มของจันทรัสม์เรียกให้หญิงสาวที่กำลังหันหลังไปชะงักได้
“แน่ใจที่สุด ชีวิตของฉันไม่ใช่ของใครที่จะตัดสินแทน” น้ำเสียงบ่งบอกความเย็นชาปนเศร้าแบบที่ญานิศาไม่อยากจะเชื่อว่ามาจากผู้หญิงคนนี้ ก่อนที่จะได้ทำอะไรคิดอะไร หล่อนก็รู้สึกวูบไปทันที เสียงที่ได้เสียงสุดท้ายคงเป็นของญานัจฉรา
“นิศาเป็นอะไรไป พี่ทีพานิศากลับห้องเร็ว”
ความคิดเห็น