อเมริกาเหนือ - อเมริกาเหนือ นิยาย อเมริกาเหนือ : Dek-D.com - Writer

    อเมริกาเหนือ

    ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอเมริกาเหนือ (ทำเพื่อส่งอาจารย์โดยเฉพาะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    8,962

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    8.96K

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.ย. 51 / 12:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ความรู่ที่วไปเกี่ยวกับทวีปอเมริกาเหนือ

    จัดทำโดย
    1.เด็กหญิง ธารารัตน์  แสนแก้ว  เลขที่ 23
    2.เด็กหญิงฮัสนะห์   เปาะเยะ     เลขที่ 47
    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ทวีปเอมริกาเหนือ
      พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกาเหนือโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องราวของผู้อพยพจากดินแดนและประเทศต่างๆ จากทวีปยุโรปที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนแห่งใหม่และรวมตัวกันต่อตั้งเป็นประเทศขึ้นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถสรุปได้ดังนี้
      เมื่อโคลัมบัสได้เดินทางบนทวีปอเมริกาครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1492 นั้น   เขาไม่ทราบว่าได้พบดินแดนใหม่   แต่คิดว่าดินแดนที่พบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย   ความเชื่อนี้ได้รับการสืบทอดต่อเนื่องมาจนกระทั่งโคลัมบัสเสียชีวิต จนกระทั่งได้มีผู้ที่ตระหนักว่า ดินแดนที่โคลัมบัสพบนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย แต่เป็นโลกใหม่ คือ อเมริโก เวสปุซชี นักเดินเรือชาวอังกฤษ ซึ่งต่อมาจึงได้ตั้งชื่อโลกใหม่ว่า อเมริกา เพื่อเป็นเกียรติแก่อเมริโก เวสปุซชี การพบโลกใหม่นี้ทำให้ชาวยุโรปค้นพบว่าทวีปอเมริกามีทรัพยากรที่มีค่ามากมาย โดยเฉพาะแร่เงินและทองคำ ทำให้มีนักสำรวจและนักผจญภัยชาวสเปนเดินทางเข้ามายังทวีปอเมริกามากขึ้นเพื่อแสวงโชคลาภ พร้อมมีทั้งการปราบปรามชาวอินเดียน ชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่ทวีปเอมริกาอย่างหนัก เช่น ปี ค.ศ.1519 สเปนได้ส่งเฮอร์นันโด คอร์เตช เข้ายึดครองกรุงแม็กซิโกนครหลวงของจักรวรรดิแอซเตกในอเริกาเหนือ หลังจากนั้นปี ค.ศ.1933 สเปนก็สามารถครอบครองดินแดนทั้งในละตินอเมริกาและอเมริกาใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งในช่วงเวลาคริสต์ศักราชที่ 16 นี้สเปนได้ขนทองคำและแร่เงิน  รวมทั้งทรัพยากรที่มีค่ากลับมายังประเทศตน ส่งผลให้ประเทศร่ำรวยจนเป็นประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ทำให้ชาติยุโรปอื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน เป็นต้น ต่างตื่นตัวที่จะสำรวจใฃโลกใหม่และจับจองดินแดนต่างๆ เป็นอาณานิคม เพื่อแสวงหาความมั่นคั่งจากดินแดนต่างๆเหล่านั้น
       

      ลักษณะภูมิประเทศ

                ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือมีความหลากหลาย เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับ อิทธิพลจากแรงกระทำภายนอกและภายในเปลือกโลก เช่น การชนกันของแผ่นเปลือกโลกระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและทางทวีปอเมริกาเหนือ ทำให้เกิดแนวเทือกเขาทางตะวันตกของทวีป และการกระทำของธารน้ำแข็งทางตอนเหนือ                              
      ทำให้เกิดชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่ง ที่เรียกว่า ฟยอร์ด(Fjord) เป็นต้น
               ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาแบ่งได้4เขต ดังนี้


       
               2.เขตที่ราบภายในทวีป เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมบริเวณที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่ด้านตะวันออกของเทือกเขารอกกีไปจรดอ่าวฮัดสันทางด้านเหนือของทวีป และบริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาแอปปาเลเชียน ไปจรดกับที่ราบชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเม็กซิโกทางตอนใต้ของทวีป ภายในที่ราบมีแม่น้ำสำคัญหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำแมกเคนซี แม่น้ำซัสแคตเชวัน แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ แม่น้ำมิสซิสซิปปี และแม่น้ำริโอแกรนด์ นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบและหนองน้ำจำนวนมากที่เกิดจากอิทธิพลของธารน้ำแข็ง ได้แก่ ทะเลสาบอีรี ทะเลสาบออนแทริโอ ทะเลสาบฮูรอน ทะเลสาบมิชิแกน และทะเลสาบสุพีเรีย ซึ่งทะเลสาบทั้ง 5 รวมเรียกว่า ทะเลสาบเกรตเลกส์(Great Lakes) ที่ราบลุ่มทะเลสาบทั้ง5 (Great Lakes Lowland) ที่เหมาะแก่การเพาะปลุกและการขรส่งทางน้ำ จึงประชากรอาศัยหนาแน่น ทะเลสาบสุพีเรียได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ประมาณ 82,414 ตารงกิโลเมตร และตรงทางเชื่อมระหว่างทะเลสาบอีรีกับทะเลสาบออนแทริโอ มีน้ำตกขนาดใหญ่มากชื่อว่า น้ำตกไนแอการา โดยพลังน้ำตกแห่งนี้สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมาก

                3.เทือกเขาภาคตะวันออก บริเวณภาคตะวันตกของทวีปอเมริกาจะมีเทือกเขาที่มีความสูงไม่มากนักขนานไปกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก คือ เทือกเขาแอปปาเลเชีย ที่มีอาณาเขตตั้งแต่เกาะนิวฟันต์แลนด์ของแคนาดามาถึงภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เทือกเขาแห่งนี้เป็นเทือกเขาหินเก่าที่ผ่านการกัดกร่อนมายาวนาน

                4.เขตเทือกเขาฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก  มีอาณาเขตทางทิศเหนือนับจากด้านตะวันออกของเทือกเขาแอปปาเลเชียนลงไปทางทิศตะวันออกของมหาสมุทรอแตแลนติก ลักษณะภูมิประเทศเขตนี้จะมีลักษณะแคบทางตอนเหนือและค่อยๆขยายกว้างออกไปทางใต้จนบรรจบกับที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีที่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก
            
       
       
       
      ลักษณะภูมิอากาศ

              ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือ

                1.ละติจูด ทวีปอมริกาเหนือตั้งอยู่ที่ละติจูด 8-82 องศาเหนือ จึงทำให้ทวีปอเมริกาเหนือมีภูมิอากาศทุกประเภท ตั้งแต่เขตร้อนชื้นถึงหนาวเย็นแบบขั้วโลก
                2.ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปอเมริกาเหนือจะมีความแตกต่างกันตามช่วงละติจูดกล่าวคือ ตั้งและติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใต้จะเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือที่นำความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของทวีป ตั้งแต่ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ส่วนดินแดนที่อยู่ตอนเหนือของทวีปตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือขึ้นไปจะเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ที่นำความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่ฝั่งตะวันตกของแคนาดาและรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา

               3.กระแสน้ำในมหาสมุทร ซึ่งกะแสน้ำที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือมี 4 สาย คือ
                       3.1กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา
                       3.2 กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้พบกับกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม บริเวณชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา ซึ่งเป็นบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นพบกับกระแสน้ำเย็นจึงเป็นแหล่งปลาชุกชุม
                       3.3 กระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนีย ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้ทำให้ชายฝั่งมีถุมิอากาศเย็นและแห้ง
                       3.4 กระแสน้ำอุ่นอะแลสกา ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของรัฐอะแลสกาทางช่องแคบแบริง ทำชายฝั่งมีภูมิอากาศอบอุ่น

               4.ทิศทางของเทือกเขาเทือกเขาในทวีปอเมริกาเหนือจะทอดยาวจากเหนือไปใต้และอยู่ใกล้ชายฝั่งตะวันออก   จึงขวางกั้นความชุ่มชื้นที่ลมประจำตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรแปซิฟิก   ทำพื้นที่หลังเขาหรือพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีกตะวันตกของทวีปมีอากาศแห้งแล้ง   แตกต่างจากซีกตะวันออกที่ไม่มีเทือกเขากั้นบังลม

               5.ความห่างไกลจากทะเล   เนื่องจากตอนเหนือของทวีปมีเนื้อที่กว้างขวางมาก   ดังนั้นบริเวณตอนในทวีปจึงอยู่ห่างไกลจากทะเลและได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรเพียงเล็กน้อย   ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณตอนกลางขอไปทางทิศตะวันตกของแคนาดาและสหรัฐอเมริกามีภูมิอากาศข่อนข้างแห้งแล้ง   และมีทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทรายเป็นบริเวณกว้าง

             6.พายุเฮอร์ริเคนและทอร์นาโด พายุเฮอร์ริ เคนเป็นพายุเมืองร้อนที่เกิดในทะเลแคริบเบียนและอ่าวเม็กซิโก โดยเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกหรือทิศเหนือเข้าสู่ชายฝั่งประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ทำให้ฝนตกหนักและมีคลื่นลมแรงในทะเล ส่วนพายุทอร์นาโดเป็นพายุที่เกิดในบริเวณที่ราบภาคกลางของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ ถือเป็นพายุประจำถิ่นของสหรัฐอเมริกาที่มีกำลังแรงมาก สามารถทำลายบ้านเรือนได้ พายุนี้เกิดขึ้นประมาณปีละ 140-150 ครั้ง และเกิดขึ้นบ่อยในรัฐแคนซันซัส โอคลาโฮมา และเทกซัส
             

       
      ภูมิอากาศทวีปของเอมริกาเหนือ

           ทวีปของอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณเส้นศูนย์สูตรไปทางซีกโลกเหนือจนถึงขั้วโลกเหนือ จึงทำให้ปรากฏลักษณะภูมิอากาศตั้งแต่ร้อนไปถึงหนาวเย็น และแห้งแล้งแบบทะเลทรายจนถึงฝนตกชุก ปัจจัยที่ทำให้เกิดความหลากหลายของภูมิอากาศในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ อิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็น อิทธิพลของกระแสอากาศ ที่ตั้งตามละติจูด ระยะห่างจากทะเล และการวางตัวของแนวเทือกเขา
            
             ลักษณะของภูมิอากาศของทวีปอเมริกกาเหนือหากจำแนกตามปริมาณความชื้นและพิสัยของอุณหภูมิสามารถจำแนกได้ดังนี้

              1.ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น   เป็นเขตที่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนสูงกว่า18องศาเซลเซียส สาเหตุที่ฝนตกชุกเนื่องจากอยู่ในละติจูดต่ำและได้รับอิทธิพลจากลมสินค้า พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้เขตร้อน ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่ในบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง บางส่วนของหมู่เกาะอินดิสตะวันตก

               2.ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน เป็นเขตที่มีอุณหภูมิสูงตลอดปีทั้งปี มีฝนตกในฤดูร้อนและมีฤดูแล้งสลับยาวนาน พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้าที่เรียกว่า สะวันนา ลักษณะภูมิอากาศแถบนี้พบบริเวณชายฝั่งของอเมริกากลางและชายฝั่งตอนใต้หมู่เกาะอินดิสตะวันตก

               3.ภูมิอากาศแบบทะเลทราย เป็นเขตที่มีความแห้งแล้งตลอดปีและมีอุณหภูมิสูงมากในเวลากลางวัน พืชพรรณธรรมชาติเจริญเติบโตน้อย จะมีก็พวกไม้ตะบองเพชร ไม้ประเภทมีหนาม ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณของประเทศเม็กซิโกและชายฝั่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา

               4.ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าทะเทรายเลทราย มีฝนตกน้อย ปริมาณน้ำฝนอยู่ระหว่าง 250-500 มิลลิเมตรต่อปี ลักษณะอากาศแบบนี้ถ้าพื้นที่อยู่ในละติจูดต่ำมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 18  องศาเซลเซียส ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่บริเวณร้อนทางตะวันออกของเทือกเขารอกกีและแนวเทือกเขาตะวันตกของทวีปที่ราบต่างๆในแนวเหนือใต้ไปตามขอบทวีป

              5.ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน  ในช่วงฤดูร้อนอากาศแจ่มใส   มีแสงแดดมาก   ในฤดูหนาวจะมีฝนตก       พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นทุ่งหญ้าสลับป่าไม้พุ่มเตี้ยๆ ที่เรียกว่า ป่าแคระ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ชายฝั่งของแซนแฟรนซิสโกและทางตะวันออกของรัฐวอชิงตันและแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา

             6.ภูมิอากาศแบบอบอุ่น เป็นเขตที่มีอากาศแบบอบอุ่น   อุณหภูมิปานกลาง ฝนตกตลอดปี และไม่มีฤดูแล้ง พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้ผลัดใบหรือป่าผสม ลักษณะภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น พบบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีแกละชายฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา

              7.ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก  เป็นเขตที่มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นหรือค่อนข้างหนาวเย็น ไม่มีฤดูแล้งเด่นชัดและมีฝนตกสม่ำเสมอตลอดทั้งปีพืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าดิบชื้นเขตอบอุ่น ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา

              8.ภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีป เป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นมากในฤดูหนาวความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวมีมาก เพราะได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรไม่มากนัก พืชธรรมชาติมีทั้งป่าไม้ผลัดใบชนิดใบกว้างและป่าไม้ที่ไม่ผลัดใบที่มีใบแหลม หรือป่าสนผสมป่าไม้ผลัดใบ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและทางตอนใต้ของแคนาดา ตามแนวของทะเลสาบเกรตเลกส์

              9.ภูมิอากาศแบบเขตหนาว   เป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นมากและค่อนข้างยาวนาน มีหิมะตกหลายเดือน พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าสน ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดา และพื้นที่ภาคใต้ของรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา 

             10.ภูมิอากาศแบบทุนดรา เป็นเขตที่มีฤดูหนาวเย็นและยาวนาน มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ฤดูร้อนมีระยะสั้นมาก ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่ในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกและเกาะกรีนแลนด์

              11.ภูมิอากาศแบบทุ่งน้ำแข็ง เป็นบริเวณที่มีพื้นที่ดินมีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าจุดเยือกแข็งทุกกเดือน ไม่มีพืชพรรณธรรมชาติขึ้น ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้จะอยู่ในบริเวณเขาภูเขาสูงและที่สูง เช่น เทือกเขารอกกี เป็นต้น

             12.ภูมิอากาศแบบเทือกเขาสูง เป็นเขตภูมิอากาศที่พบบริเวณเทือกเขาสูง ซึ่งมีอุณหภูมิแตกต่างกันตามระดับความสูงของพื้นที่ยอดเขาสูงอาจมีอากาศหนาวเย็นมากจนเหมือนภูมิอากาศแบบขั้วโลกก็ได้ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้จะอยู่ในบริเวณเขตภูเขาสูง เช่นเทือกเขารอกกี เป็นต้น

                  แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้

              1.แม่น้ำมิสซิสซิปปี เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือและมีแควต่างๆ เป็นจำนวนมาก แควที่สำคัญ ได้แก่ มิสซูรี อาร์คันซอ และโอไฮโอ ที่ก่อให้เกิดที่ราบลุ่มอันอุดมสมบรูณ์ มีประชากรอาศัยอาศัยอยู่หนาแน่น แม่น้ำมิสซิสซิปปีมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาทางตะวันตก ไหลผ่านที่ราบภาคกลางลงสู่อ่าวเม็กซิโก จึงเป็นเส้นทางคมนาคม ขนส่งที่สำคัญและเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ

              2.แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ เป็นแม่น้ำสำคัญของแคนาดาเป็นแม่น้ำที่ไหลจากทะเลสาบเกรตเลกส์ ผ่านแคนาดาและไปออกมหาสมุทรแอตแลนติก ปากแม่น้ำมีลักษณะกว้างมากจึงเหมาะต่อการเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าจากทะเลสาบเกรตเลกส์ออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แต่เนื่องจากแม่น้ำสายนี้มีแก่งน้ำตกขวางลำน้ำหลายแห่งจึงมีการขุดลอกร่องน้ำให้ลึก ขยายทางน้ำเพื่อให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านเข้าออกได้ และเรียกเส้นทางนี้ว่า เซนต์ลิว์เรนซ์ซีเวย์ ( St. Lawrence Seaway


      ทัพยากรธรรมชาติ


               ทรัพยากรธรรมชาติของทวีปอเมริกาเหนือมีความอุดมสมบรูณ์มากกว่าทวีปอื่นๆ เนื่องจากทวีปอเมริกาเหนือมีพื้นถ่านกว้างใหญ่และภูมิประเทศมีความกลาหลาย จึงไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจากพื้นที่อื่นๆมาพัฒนาประเทศ ทรัพยากรที่สำคัญ มีดังนี้

               1.ทรัพยากรป่าไม้ ทวีปอเมริกาเหนือมีพื้นที่ป่าไม้ปกคลุมทั่วไปและมีความอุดมสมบรูณ์ โดยส่วนใหญ่ป่าไม้จะอยู่ในแถบประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา บางส่วนของเม็กซิโกและคิวบา ไม้ที่สำคัญ เช่น ฮิกคอรี ปอบลาร์ ลาร์ช เป็นต้น
             2.ทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงาน   ที่สำคัญ มีดังนี้
                   -ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติชนิดนี้ถือว่ามีปริมาณมากในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งประเทศที่มีมาก ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา บางส่วนของเม็กซิโก
                         - ทองคำ พบมากในรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน และนิการากัว
                         -ทองแดง พบมากในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก
                         - นิเกิล พบมากในประเทศคิวบาและสาธารณรัฐโดมินิกัน
                         - แร่เงิน พบมากในนิการากัวและเม็กซิโก
                         -ไฟฟ้าพลังน้ำ แหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สำคัญอยู่ทางตะวันตกของประเทศแคนาดา รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา และปานามา
              3.ทรัพยากรธรรมชาติ ในอดีตทวีปอเมริกาเหนือมีสัตว์ป่าจำนวนมาก แต่ปัจจุบันทวีปอเมริกาเหนือมีสัตว์ป่าปริมาณลดลง เนื่องจากการบุกรุกทำลายป่าและการล่าสัตว์ สัตว์ป่าที่สำคัญได้แก่ ตัวมิงค์ เออร์มัน จระเข้ นกชนิดต่างๆ วัวป่าไซบันและกวางมูส

      ลักษณะทางสังคม

               1.ประชากร ในทวีปอเมริกาเหนือมีประชากรราว 500 ล้านคนเศษ (พ..2548) นับเป็นทวีปที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีความหนาแน่โดยเฉลี่ยประชากร 22 คนต่อตารางกิโลเมตร (พ..2548) นับว่ายังมีปะชากรค่อนข้างเบาบาง อย่างไรก็ตาม บริเวณส่วนต่างๆของทวีปยังมีประชากรกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ พื้นที่ซึ่งมีประชากรอาศัยหนาแน่นในทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้
                       1.1บริเวณที่ราบและชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นที่ราบกว้างขวางและอยู่ติดชายฝั่งของทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก มีเมืองสำคัญ ได้แก่ นิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. ออตตาวา ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน โทรอนโต ชิคาโก เป็นต้น
                       1.2.บริเวณชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา แถบเมืองลอสแองเจลีส แซนแฟรนซิสโก ดิเอโก
                       1.3บริเวณอเมริกากลางของหมู่เกาะอินดิสตะวันตก แถบเมืองเม็กซิโกซิตี ฮาวานา และซานโตโดมิงโก

               2.เชื้อชาติ ประชากรในทวีปอเมริกาเหนือประกอบด้วย 5 เชื้อชาติ ได้แก่
                        2.1 กลุ่มคนพื้นเมือง จะอาศัยในทวีปอเมริกาเหนือก่อนที่ชาวยุโรปจะเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ได้แก่
                              1) พวกอินเดียน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอเมริกาอินเดียน พวกอินเดียนจะมีผิวสีน้ำตาล ผมและนัยน์ตาสีดำ โหนกแก้มสูง และจมูกค่อนข้างโด่ง ปัจจุบันพวกอินเดียนยังมีอยู่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไม่มากนัก โดยทางการจัดสรรที่อยู่ให้ ส่วนในเม็กซิโกและอเมริกากลางยังมีคนเชื้อสายอินเดียนอาศัยเป็นจำนวนมาก
                              2.) พวกเอสกิโม มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเชื้อชาติมองโกลอยด์ในเอเชียตอนเหนือมาก คือมีผิวสีเหลือง ผมและนัยน์ตาสีดำ หนังตาชั้นเดียว ปัจจุบันมีอยู่เฉพาะบริเวณตอนเหนือของแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
                        2.2 กลุ่มเชื้อสายยุโรป จะสืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรปซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ ชาวสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส และชาวยุโรปอื่นๆ ปัจจุบันเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดของทวีปนี้ โดยชนกลุ่มนี้จัดเป็นเชื้อชาติคอเคซอยด์ คือ มีผิวขาว ผมหยักศกเป็นลอน จมูกโด่งซึ่งพวกผิวขาวนี้เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
                       2.3 กลุ่มเชื้อสายแอฟฟริกันนิโกร เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากแอฟริกันนิโกร ที่ถูกนำเป็นทาสและแรงงานในไร่นาของชาวยุโปในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคม ปัจจุบันกลุ่มเชื้อสายนี้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกว่า อเมริกันนิโกร
                       2.4 กลุ่มเชื้อสายชาวเอเชีย เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชาวเอเชียที่อพยพเข้าไปอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือภายหลังที่ชาวยุโรปเข้าไปตั้งถิ่นฐานแล้ว ปัจจุบันมีอยู่ไม่มากนักและอาศัยกระจัดกระจายตามเมืองใหญ่ๆของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เกาหลี อินเดีย เวียดนาม ลาว กัมพูชา
                        2.5 กลุ่มคนเลือดผสม  เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากการผสมระหว่างชนต่างเชื้อชาติ ได้แก่
                                -พวกมูแลตโต   เป็นเลือดผสมระหว่างชนผิวขาวกับนิโกร
                                -พวกเมสติโซ   เป็นเลือดผสมระหว่างชนผิวขาวกับอินเดียน 
                       -พวกแซมโป   เป็นเลือดผสมระหว่างนิโกรกับอินเดียน
              3.เขตวัฒนธรรม   ทวีปอเมริกาเหนือมีคนต่างเชื้อชาติและวัฒนธรรมเข้าไปอาศัยในพื้นที่ต่างๆของทวีป   ทำให้สามารถจำแนกเป็นเขตวัฒนธรรมของทวีปเป็น 2 เขต ด้วยกัน คือ
                    3.1 เขตวัฒนธรรมแองโกลอเมริกา  เป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลจากอังกฤษเป็นส่วนใหญ่   ซึ่งคำว่าแองโกลมีความหมายว่าอังกฤษ ทั้งนี้โดยสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ต่อมามีชาวอังกฤษเข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นวัฒนธรรมด้านภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีจึงได้รับการสืบทอดมา วัฒนธรรมส่วนใหญ่จึงอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
                           3.2 เขตวัฒนธรรมลาตินอเมริกัน   เป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลจากสเปนและโปรตุเกสเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ภาษาสเปนและภาษาโปรตุเกสเป็นตระกูลในภาษาละติน วัฒนธรรมนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเม็กซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตอะวันตก
            
                 
      4.ภาษา มีการใช้ภาษาในแต่ละกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ดังนี้
       
                            4.1 ภาษาอังกฤษ   เป็นภาษาทางการในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เช่น จาเมกา โดมินิกัน บาฮามาส บาร์เบโดส เกรนาดา บาร์บูดา แซนต์ลูเซีย เป็นต้น
                             4.2 ภาษาฝรั่งเศส   เป็นภาษาทางการในประเทศแคนาดาและประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส คือ เฮติ รวมทั้งเป็นภาษาที่สองในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นทางการ เช่น โดมินิกัน เกรนาดา เป็นต้น
                             4.3 ภาษาสเปน เป็นภาษาทางการของประเทศเม็กซิโกและประเทศต่างๆในอเมริกากลาง รวมทั้งคิวบาและโดมินิกันในหมู่เกาะอินดิสตะวันตก
                              4.4 ภาษาอื่นๆ เป็นภาของชนกลุ่มน้อยในทวีปนี้ ที่สำคัญ ได้แก่ ภาษาเอสกิโมและภาษาละติน

              5.ศาสนา ประชากรในทวีปอเมริกาเหนือส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์มากกว่านิกายโรวันแคโทลิก ส่วนประเทศอื่นๆ ในกลุ่มละตินอเมริกัน รวมทั้งประชาชนในเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อนจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นอกจากนี้ยังนี้ยังมีศาสนาอื่นๆ แต่ไม่มากนัก ได้แก่ ศาสนายิว ศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนา และผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆเลย

      ลักษณะทางเศรษฐกิจ 
              ลักษณะทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้

                    1.การเพาะปลูก ทวีปอเมริกาจะมีความแตกต่างในกลุ่มประเทศ กล่าวคือ การเพาะปลูกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เกษตรกรส่วนใหญ่จะทำไร่นาในแปลงขนาดใหญ่ที่มีการใช้เครื่องทุ่นแรงและวิธีการทันสมัยที่ลงทุนมาก ส่วนในเม็กซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตะวันตกจะมีการเกษตรปะปนกันคือ เป็นไร่ขนาดใหญ่ มีการลงทุนมากกับเกษตรซึ่งทำกันในแปลงเล็กๆแบบยังชีพ ดดยพืชที่ใช้เพาะปลูกในทวีปอเมริกาเหนือที่สำคัญมีดังนี้
                      
                  
      1.1 ข้าวโพด   เปนพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา โดยผลิตมากเป็นอันดับ1ของโลก ปลูกมากบริเวณที่ราบภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณทะเลสาบทั้ง
      5
                         1.2 ข้าวสาลี   ปลูกมากที่สหรัฐอเมริกาและภาคกลางของแคนดา โดยปลูกเป็นไร่ขนาดใหญ่และถือเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีที่สำคัญที่สุดในโลก
                          1.3 ฝ้าย เป็นพืชเศรษฐกิจที่ส่งไปขายยังทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ โดยบริเวณภาคใต้และภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา   แถบลุ่มน้ำมิสซิสซิปปี   นอกจากนี้ยังปลุกที่ประเทศเม็กซิโกและแถบอเมริกากลาง
                           1.4   ผัก ผลไม้ ยาสูบ   ผักและผลไม้ปลุกมากบริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา  โดยส่งไปจำหน่ายตามเมืองใหญ่ๆ   ในสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนมาก ส่วนยาสูบจะปลูกมากบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ในรัฐเวอร์จิเนีย นอร์ทแคโลไรนา เคนทักกี และจอร์เจีย
                2.การเลี้ยงสัตว์   สัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันมากในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ โคเนื้อ โคนม สุกรและแกะ ส่วนใหญ่เลี้ยงกันในภาคตะวันตกของแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่ราบสูงและอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก
                3. การประมง แหล่งสำคัญได้แก่ เขตน้ำตื้นชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนด์ติกของเกาะนิวฟันด์แลนด์ เรียกว่า  แกรนด์แบงค์ นอกจากนี้พบตามแถบทะเลแคริบเบียนและชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
                 4. การทำอุตสาหกรรม  อุตสาหกรรมในทวีปอเมริกาเหนือส่วนใหญ่มีความเจริญก้าวหน้ามากเมื่อเทียบกับทวีปต่างๆ ทั้งนี้เพราะทวีปอเมริกาเหนือมีทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งเสริมการอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ กิจกรรมอุตสาหกรรมที่อุดมสมบูรณ์ กิจกรรมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การถลุงเหล็ก กลั่นน้ำมัน ผลิตเครื่องจักรเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ของทวีปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยสหรัฐอเมริกามีแหล่งอุตสาหกรรมบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณเมืองชิคาโกไปจนถึงเมืองบอสตัน แคนาดามีแหล่งอุตสาหกรรมอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น เมืองมอนทรีออล โทรอนโต เป็นต้น ส่วนเม็กซิโก แหล่งอุตสาหกรรมอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี สินค้าส่งออกที่สำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ เช่น เครื่องบิน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ รถยนต์ประเภทต่างๆ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
              5. การบริการ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยการค้าระหว่างประเทศ การธนาคาร การท่องเที่ยว โรงแรม และงานบริการต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี เพราะเป็นตลาดการค้าและมีสินค้าที่มีหลากหลายซึ่งจะตั้งราคาสูงและแพงให้เลือก


      สถานที่ที่สำคัญของอเมริกาเหนือ

      แกรนด์แคนยอน
      เป็นภูเขาหินทรายแดงที่สึกกร่อนโดยธรรมชาติ เป็นภูเขาที่มีลานกว้าง  มีหน้าผาสลับซับซ้อนมากมายแต่ไม่มีต้นไม้สีเขียว เป็นธรรมชาติที่แปลกตามาก  ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริการัฐแอริโซนา และผู้ที่ค้นพบก็คือ  พันเอกจอห์นบลิว  โพเวล  เป็นผู้สำรวจชาวยุโรป ในปัจจุบันก็ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง


      ตึกรัฐสภาอเมริกาเหนือ
       ตึกรัฐสภาแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวมีลักษณะเป็นโดมสูง 268 ฟุต  ยาว 750 ฟุต  กว้าง 375 ฟุต  ภายในใช้หินอ่อนและแกะสลักลวดลายเสาสร้างแบบกรีก มีภาพสีน้ำมันที่เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม  และเป็นตึกรัฐสภาที่สวยงามเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วย


      น้ำตกไนแองการา
      เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากทะเลสาบอีรีลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ  น้ำตกได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนฝั่งขวาของเกาะอเมริกาเป็นรูปโค้งวงเดือนสูง 167 ฟุต และอีกส่วนฝั่งซ้ายของเกาะแคนาดาเป็นน้ำตกรูปเกือกม้าสูง 158 ฟุต น้ำตกไนแองการานี้ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในโลกและมีจุดชมวิวที่สวยงาม ซึ่งในปัจจุบันน้ำตกแห่งนี้ก็ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศ

      พีระมิดเม็กซิโก
      ตั้งอยู่ที่เมืองเตเออตีวากันประเทศเม็กซิโก สร้างขึ้นโดยชนเผ่าพื้นเมืองโบราณของอเมริกาชื่อ ตอลเตค เพื่อบูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายพีระมิดอียิปต์สร้างด้วยอิฐและปูนขาวเป็นชั้นๆ  สูง 216 ฟุตฐานกว้างด้านละ 721 ฟุต และได้มีความเชื่อกันว่าภายในพีระมิดได้บรรจุอัฐิของกษัตริย์ของชาวตอลเตค ในปัจจุบันนี้ชนเผ่านี้ได้สาบสูญไปหมดแล้วเหลือไว้เพียงแต่โบราณสถานที่สำคัญที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชนเผ่าทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาค้นคว้ากันต่อไป


      น้ำพุเยลโลว์สโตน
      เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มหัศจรรย์และสวยงาม ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งน้ำพุจะพุ่งขึ้นสูงถึง 250 ฟุต  ทำให้เป็นน้ำพุที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันสหรัฐอเมริกาได้จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและอนุรักษ์ป่าไม้ของประเทศ


      หอดูดาวพาโลมาร์
       เป็นหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดของโลกตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ยอดเขาพาโลมาร์อยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่พร้อมเลนส์ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 นิ้ว ขนาดลำกล้องยาว 60 ฟุต ซึ่งได้เป็นศูนย์รวมของนักดาราศาสตร์ที่ใช้ในการทดลองเกี่ยวกับอวกาศในเรื่องต่างๆและใช้สำรวจดวงดาวต่างๆ ซึ่งได้เป็นต้นแบบในการสร้างหอดูดาวขนาดใหญ่ต่อไป


      เทพีสันติภาพ
       ตั้งอยู่บนเกาะเบคโล  อ่าวนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา  หล่อด้วยโลหะสำริด  สูงประมาณ150 ฟุต เป็นอนุสาวรีย์รูปเทพีคลุมผ้า  มือซ้ายถือหนังสือ  มือขวาถือประทีปชูขึ้น ภายในอนุสาวรีย์กลวงมีบันได 162 ขั้น สร้างโดยประชาชนชาวฝรั่งเศสเพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่ชาวอเมริกันผู้แสวงหาเสรีภาพและยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ข้างบนสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของมหานครนิวยอร์กและอ่าว ซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกลและนับเป็นงานสร้างที่มหัศจรรย์อีกแห่งของโลก


      อนุสาวรีย์4ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา
      ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์ดาโกตา  ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นงานแกะสลักภูเขาขนาดใหญ่  บริเวณชะง่อนหน้าผาของเทือกเขารัชมอร์ โดยสลักเป็นรูปใบหน้าอดีต 4 ประธานาธิบดีของอเมริกา  ได้แก่  จอร์ช วอชิงตันโทมัส เจฟเฟอร์สัน  อับราฮัม ลินคอล์น  และเธียร์เดอร์ไรส เวลต์ โดยประติมากรเอกชาวสหรัฐชื่อ  กูตสัน เบอร์กลัมเมื่อปี  ค.ศ. 1927  นับเป็นงานประติมากรรมชิ้นเอกของโลกอีกชิ้นงานหนึ่ง และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคปัจจุบันอีกด้วย


      ฮอลลีวู้ดเมืองมายา
      ตั้งอยู่เมืองลอสแองเจลิส  ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์รวมความบันเทิงในการผลิตภาพยนตร์แหล่งรวมดาราชั้นนำมากมาย มีโรงถ่ายทำภาพยนตร์ชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของโลกเป็นเมืองที่ใครๆใฝ่ฝันที่จะได้เข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองลอสแองเจลิส  มีป้ายคำว่า  HOLLYWOOD ขนาดใหญ่ติดอยู่บนภูเขาสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลและจะสว่างไสวตอนกลางคืน


      คลองปานามา
      สถานที่ตั้ง คอคอดระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ประเทศปานามา
      ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
              คลองปานามาเป็นคลองขุดตัดคอคอดระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ในประเทศปานามาให้มีทางเดินเรือทางลัดจากมหาสมุทรอัตลันติคไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้สะดวกและรวดเร็ว ผู้เริ่มขุดคลองนี้คือ เฟอร์ดินัน เดอ ลสเซปส์ วิศกรผู้ขุดคลองสุเอซนั่นเองแต่เขาทำไปได้ไม่สำเร็จต้องล้มเลิกไป รัฐบาลอเมริกันจึงเข้าดำเนินการรับช่วงต่อและขุดสำเร็จเมื่อ พ.ศ. 2457 เป็นคลองยาว 50 3/4 ไมล์ มีส่วนกว้าง 300-400 ฟุต ลึก 35-40 ฟุต สิ้นเงินค่าสร้าง 700,000,000 ปอนด์ ช่วยย่นระยะทางในการต้องอ้อมแหลมสุดของอเมริกาถึง 6,700 ไมล์ แต่ที่แปลกไปกว่าคลองสุเอซก็คือ คลองนี้ขุดขึ้นไปบนที่สูง ผ่านทะเลสาบหลายแห่ง จึงต้องทำประตูระบายน้ำไว้เป็นตอน ๆ เพื่อยกระดับเรือให้สูงขึ้นจนเสมอระดับน้ำในทะเลสาบ แล้วไปลงทางอีกด้านหนึ่งด้วยการลดระดับน้ำให้ต่ำลงไปจนเทียบเท่ากับระดับน้ำทะเล จัดเป็นคลองเดินเรือนานาชนิดที่สำคัญมากคลองหนึ่ง

      หอคอยปีศาจ
      สถานที่ตั้ง มลรัฐไวโอมิง ประเทศ สหรัฐอเมริกา
      ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้   
              หอคอยปีศาจในมลรัฐไวโอมิง เป็นชื่อเรียกหินที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวดินเป็นรูปหน้าตัดตอนบนคล้าย ๆ กับตอของต้นไม้ใหญ่มหึมา ตอหินนี้เกิดขึ้นเพราะอำนาจหินละลายของภูเขาไฟ เมื่อมันจับตัวเย็นลง และถูกอำนาจความร้อนและแสงแดดลมและฝนพัดซะกร่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นชั้นของหินในด้านตั้งได้ชัดเจน และมีลักษณะแปลกประหลาดมาก ชั้นของหินเหล่านี้แตกหักแล้วทำให้คงรูปเป็นเหลี่ยมขึ้นโดยรอบ จนเกือบไม่น่าเชื่อเลยว่าธรรมชาติจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้เช่นนี้






       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×