ทวีปเอมริกาเหนือ
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกาเหนือโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องราวของผู้อพยพจากดินแดนและประเทศต่างๆ จากทวีปยุโรปที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนแห่งใหม่และรวมตัวกันต่อตั้งเป็นประเทศขึ้นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถสรุปได้ดังนี้
เมื่อโคลัมบัสได้เดินทางบนทวีปอเมริกาครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1492 นั้น เขาไม่ทราบว่าได้พบดินแดนใหม่ แต่คิดว่าดินแดนที่พบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ความเชื่อนี้ได้รับการสืบทอดต่อเนื่องมาจนกระทั่งโคลัมบัสเสียชีวิต จนกระทั่งได้มีผู้ที่ตระหนักว่า ดินแดนที่โคลัมบัสพบนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย แต่เป็นโลกใหม่ คือ อเมริโก เวสปุซชี นักเดินเรือชาวอังกฤษ ซึ่งต่อมาจึงได้ตั้งชื่อโลกใหม่ว่า อเมริกา เพื่อเป็นเกียรติแก่อเมริโก เวสปุซชี การพบโลกใหม่นี้ทำให้ชาวยุโรปค้นพบว่าทวีปอเมริกามีทรัพยากรที่มีค่ามากมาย โดยเฉพาะแร่เงินและทองคำ ทำให้มีนักสำรวจและนักผจญภัยชาวสเปนเดินทางเข้ามายังทวีปอเมริกามากขึ้นเพื่อแสวงโชคลาภ พร้อมมีทั้งการปราบปรามชาวอินเดียน ชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่ทวีปเอมริกาอย่างหนัก เช่น ปี ค.ศ.1519 สเปนได้ส่งเฮอร์นันโด คอร์เตช เข้ายึดครองกรุงแม็กซิโกนครหลวงของจักรวรรดิแอซเตกในอเริกาเหนือ หลังจากนั้นปี ค.ศ.1933 สเปนก็สามารถครอบครองดินแดนทั้งในละตินอเมริกาและอเมริกาใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งในช่วงเวลาคริสต์ศักราชที่ 16 นี้สเปนได้ขนทองคำและแร่เงิน รวมทั้งทรัพยากรที่มีค่ากลับมายังประเทศตน ส่งผลให้ประเทศร่ำรวยจนเป็นประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ทำให้ชาติยุโรปอื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน เป็นต้น ต่างตื่นตัวที่จะสำรวจใฃโลกใหม่และจับจองดินแดนต่างๆ เป็นอาณานิคม เพื่อแสวงหาความมั่นคั่งจากดินแดนต่างๆเหล่านั้น
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือมีความหลากหลาย เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับ อิทธิพลจากแรงกระทำภายนอกและภายในเปลือกโลก เช่น การชนกันของแผ่นเปลือกโลกระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและทางทวีปอเมริกาเหนือ ทำให้เกิดแนวเทือกเขาทางตะวันตกของทวีป และการกระทำของธารน้ำแข็งทางตอนเหนือ
ทำให้เกิดชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่ง ที่เรียกว่า ฟยอร์ด(Fjord) เป็นต้น
ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาแบ่งได้4เขต ดังนี้
2.เขตที่ราบภายในทวีป เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมบริเวณที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่ด้านตะวันออกของเทือกเขารอกกีไปจรดอ่าวฮัดสันทางด้านเหนือของทวีป และบริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาแอปปาเลเชียน ไปจรดกับที่ราบชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเม็กซิโกทางตอนใต้ของทวีป ภายในที่ราบมีแม่น้ำสำคัญหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำแมกเคนซี แม่น้ำซัสแคตเชวัน แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ แม่น้ำมิสซิสซิปปี และแม่น้ำริโอแกรนด์ นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบและหนองน้ำจำนวนมากที่เกิดจากอิทธิพลของธารน้ำแข็ง ได้แก่ ทะเลสาบอีรี ทะเลสาบออนแทริโอ ทะเลสาบฮูรอน ทะเลสาบมิชิแกน และทะเลสาบสุพีเรีย ซึ่งทะเลสาบทั้ง 5 รวมเรียกว่า ทะเลสาบเกรตเลกส์(Great Lakes) ที่ราบลุ่มทะเลสาบทั้ง5 (Great Lakes Lowland) ที่เหมาะแก่การเพาะปลุกและการขรส่งทางน้ำ จึงประชากรอาศัยหนาแน่น ทะเลสาบสุพีเรียได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ประมาณ 82,414 ตารงกิโลเมตร และตรงทางเชื่อมระหว่างทะเลสาบอีรีกับทะเลสาบออนแทริโอ มีน้ำตกขนาดใหญ่มากชื่อว่า น้ำตกไนแอการา โดยพลังน้ำตกแห่งนี้สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมาก
3.เทือกเขาภาคตะวันออก บริเวณภาคตะวันตกของทวีปอเมริกาจะมีเทือกเขาที่มีความสูงไม่มากนักขนานไปกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก คือ เทือกเขาแอปปาเลเชีย ที่มีอาณาเขตตั้งแต่เกาะนิวฟันต์แลนด์ของแคนาดามาถึงภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เทือกเขาแห่งนี้เป็นเทือกเขาหินเก่าที่ผ่านการกัดกร่อนมายาวนาน
4.เขตเทือกเขาฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก มีอาณาเขตทางทิศเหนือนับจากด้านตะวันออกของเทือกเขาแอปปาเลเชียนลงไปทางทิศตะวันออกของมหาสมุทรอแตแลนติก ลักษณะภูมิประเทศเขตนี้จะมีลักษณะแคบทางตอนเหนือและค่อยๆขยายกว้างออกไปทางใต้จนบรรจบกับที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีที่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก
ลักษณะภูมิอากาศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือ
1.ละติจูด ทวีปอมริกาเหนือตั้งอยู่ที่ละติจูด 8-82 องศาเหนือ จึงทำให้ทวีปอเมริกาเหนือมีภูมิอากาศทุกประเภท ตั้งแต่เขตร้อนชื้นถึงหนาวเย็นแบบขั้วโลก
2.ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปอเมริกาเหนือจะมีความแตกต่างกันตามช่วงละติจูดกล่าวคือ ตั้งและติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใต้จะเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือที่นำความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของทวีป ตั้งแต่ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ส่วนดินแดนที่อยู่ตอนเหนือของทวีปตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือขึ้นไปจะเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ที่นำความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่ฝั่งตะวันตกของแคนาดาและรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา
3.กระแสน้ำในมหาสมุทร ซึ่งกะแสน้ำที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือมี 4 สาย คือ
3.1กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา
3.2 กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้พบกับกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม บริเวณชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา ซึ่งเป็นบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นพบกับกระแสน้ำเย็นจึงเป็นแหล่งปลาชุกชุม
3.3 กระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนีย ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้ทำให้ชายฝั่งมีถุมิอากาศเย็นและแห้ง
3.4 กระแสน้ำอุ่นอะแลสกา ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของรัฐอะแลสกาทางช่องแคบแบริง ทำชายฝั่งมีภูมิอากาศอบอุ่น
4.ทิศทางของเทือกเขาเทือกเขาในทวีปอเมริกาเหนือจะทอดยาวจากเหนือไปใต้และอยู่ใกล้ชายฝั่งตะวันออก จึงขวางกั้นความชุ่มชื้นที่ลมประจำตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรแปซิฟิก ทำพื้นที่หลังเขาหรือพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีกตะวันตกของทวีปมีอากาศแห้งแล้ง แตกต่างจากซีกตะวันออกที่ไม่มีเทือกเขากั้นบังลม
5.ความห่างไกลจากทะเล เนื่องจากตอนเหนือของทวีปมีเนื้อที่กว้างขวางมาก ดังนั้นบริเวณตอนในทวีปจึงอยู่ห่างไกลจากทะเลและได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรเพียงเล็กน้อย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณตอนกลางขอไปทางทิศตะวันตกของแคนาดาและสหรัฐอเมริกามีภูมิอากาศข่อนข้างแห้งแล้ง และมีทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทรายเป็นบริเวณกว้าง
6.พายุเฮอร์ริเคนและทอร์นาโด พายุเฮอร์ริ เคนเป็นพายุเมืองร้อนที่เกิดในทะเลแคริบเบียนและอ่าวเม็กซิโก โดยเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกหรือทิศเหนือเข้าสู่ชายฝั่งประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ทำให้ฝนตกหนักและมีคลื่นลมแรงในทะเล ส่วนพายุทอร์นาโดเป็นพายุที่เกิดในบริเวณที่ราบภาคกลางของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ ถือเป็นพายุประจำถิ่นของสหรัฐอเมริกาที่มีกำลังแรงมาก สามารถทำลายบ้านเรือนได้ พายุนี้เกิดขึ้นประมาณปีละ 140-150 ครั้ง และเกิดขึ้นบ่อยในรัฐแคนซันซัส โอคลาโฮมา และเทกซัส
ภูมิอากาศทวีปของเอมริกาเหนือ
ทวีปของอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณเส้นศูนย์สูตรไปทางซีกโลกเหนือจนถึงขั้วโลกเหนือ จึงทำให้ปรากฏลักษณะภูมิอากาศตั้งแต่ร้อนไปถึงหนาวเย็น และแห้งแล้งแบบทะเลทรายจนถึงฝนตกชุก ปัจจัยที่ทำให้เกิดความหลากหลายของภูมิอากาศในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ อิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็น อิทธิพลของกระแสอากาศ ที่ตั้งตามละติจูด ระยะห่างจากทะเล และการวางตัวของแนวเทือกเขา
ลักษณะของภูมิอากาศของทวีปอเมริกกาเหนือหากจำแนกตามปริมาณความชื้นและพิสัยของอุณหภูมิสามารถจำแนกได้ดังนี้
1.ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น เป็นเขตที่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนสูงกว่า18องศาเซลเซียส สาเหตุที่ฝนตกชุกเนื่องจากอยู่ในละติจูดต่ำและได้รับอิทธิพลจากลมสินค้า พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้เขตร้อน ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่ในบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง บางส่วนของหมู่เกาะอินดิสตะวันตก
2.ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน เป็นเขตที่มีอุณหภูมิสูงตลอดปีทั้งปี มีฝนตกในฤดูร้อนและมีฤดูแล้งสลับยาวนาน พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้าที่เรียกว่า สะวันนา ลักษณะภูมิอากาศแถบนี้พบบริเวณชายฝั่งของอเมริกากลางและชายฝั่งตอนใต้หมู่เกาะอินดิสตะวันตก
3.ภูมิอากาศแบบทะเลทราย เป็นเขตที่มีความแห้งแล้งตลอดปีและมีอุณหภูมิสูงมากในเวลากลางวัน พืชพรรณธรรมชาติเจริญเติบโตน้อย จะมีก็พวกไม้ตะบองเพชร ไม้ประเภทมีหนาม ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณของประเทศเม็กซิโกและชายฝั่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา
4.ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าทะเทรายเลทราย มีฝนตกน้อย ปริมาณน้ำฝนอยู่ระหว่าง 250-500 มิลลิเมตรต่อปี ลักษณะอากาศแบบนี้ถ้าพื้นที่อยู่ในละติจูดต่ำมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่บริเวณร้อนทางตะวันออกของเทือกเขารอกกีและแนวเทือกเขาตะวันตกของทวีปที่ราบต่างๆในแนวเหนือใต้ไปตามขอบทวีป
5.ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ในช่วงฤดูร้อนอากาศแจ่มใส มีแสงแดดมาก ในฤดูหนาวจะมีฝนตก พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นทุ่งหญ้าสลับป่าไม้พุ่มเตี้ยๆ ที่เรียกว่า ป่าแคระ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ชายฝั่งของแซนแฟรนซิสโกและทางตะวันออกของรัฐวอชิงตันและแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา
6.ภูมิอากาศแบบอบอุ่น เป็นเขตที่มีอากาศแบบอบอุ่น อุณหภูมิปานกลาง ฝนตกตลอดปี และไม่มีฤดูแล้ง พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้ผลัดใบหรือป่าผสม ลักษณะภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น พบบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีแกละชายฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
7.ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก เป็นเขตที่มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นหรือค่อนข้างหนาวเย็น ไม่มีฤดูแล้งเด่นชัดและมีฝนตกสม่ำเสมอตลอดทั้งปีพืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าดิบชื้นเขตอบอุ่น ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
8.ภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีป เป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นมากในฤดูหนาวความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวมีมาก เพราะได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรไม่มากนัก พืชธรรมชาติมีทั้งป่าไม้ผลัดใบชนิดใบกว้างและป่าไม้ที่ไม่ผลัดใบที่มีใบแหลม หรือป่าสนผสมป่าไม้ผลัดใบ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและทางตอนใต้ของแคนาดา ตามแนวของทะเลสาบเกรตเลกส์
9.ภูมิอากาศแบบเขตหนาว เป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็นมากและค่อนข้างยาวนาน มีหิมะตกหลายเดือน พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าสน ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้พบบริเวณส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดา และพื้นที่ภาคใต้ของรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา
10.ภูมิอากาศแบบทุนดรา เป็นเขตที่มีฤดูหนาวเย็นและยาวนาน มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ฤดูร้อนมีระยะสั้นมาก ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้อยู่ในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกและเกาะกรีนแลนด์
11.ภูมิอากาศแบบทุ่งน้ำแข็ง เป็นบริเวณที่มีพื้นที่ดินมีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าจุดเยือกแข็งทุกกเดือน ไม่มีพืชพรรณธรรมชาติขึ้น ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้จะอยู่ในบริเวณเขาภูเขาสูงและที่สูง เช่น เทือกเขารอกกี เป็นต้น
12.ภูมิอากาศแบบเทือกเขาสูง เป็นเขตภูมิอากาศที่พบบริเวณเทือกเขาสูง ซึ่งมีอุณหภูมิแตกต่างกันตามระดับความสูงของพื้นที่ยอดเขาสูงอาจมีอากาศหนาวเย็นมากจนเหมือนภูมิอากาศแบบขั้วโลกก็ได้ ลักษณะภูมิอากาศแบบนี้จะอยู่ในบริเวณเขตภูเขาสูง เช่นเทือกเขารอกกี เป็นต้น
แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้
1.แม่น้ำมิสซิสซิปปี เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือและมีแควต่างๆ เป็นจำนวนมาก แควที่สำคัญ ได้แก่ มิสซูรี อาร์คันซอ และโอไฮโอ ที่ก่อให้เกิดที่ราบลุ่มอันอุดมสมบรูณ์ มีประชากรอาศัยอาศัยอยู่หนาแน่น แม่น้ำมิสซิสซิปปีมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาทางตะวันตก ไหลผ่านที่ราบภาคกลางลงสู่อ่าวเม็กซิโก จึงเป็นเส้นทางคมนาคม ขนส่งที่สำคัญและเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ
2.แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ เป็นแม่น้ำสำคัญของแคนาดาเป็นแม่น้ำที่ไหลจากทะเลสาบเกรตเลกส์ ผ่านแคนาดาและไปออกมหาสมุทรแอตแลนติก ปากแม่น้ำมีลักษณะกว้างมากจึงเหมาะต่อการเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าจากทะเลสาบเกรตเลกส์ออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แต่เนื่องจากแม่น้ำสายนี้มีแก่งน้ำตกขวางลำน้ำหลายแห่งจึงมีการขุดลอกร่องน้ำให้ลึก ขยายทางน้ำเพื่อให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านเข้าออกได้ และเรียกเส้นทางนี้ว่า เซนต์ลิว์เรนซ์ซีเวย์ ( St. Lawrence Seaway )
ทัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติของทวีปอเมริกาเหนือมีความอุดมสมบรูณ์มากกว่าทวีปอื่นๆ เนื่องจากทวีปอเมริกาเหนือมีพื้นถ่านกว้างใหญ่และภูมิประเทศมีความกลาหลาย จึงไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจากพื้นที่อื่นๆมาพัฒนาประเทศ ทรัพยากรที่สำคัญ มีดังนี้
1.ทรัพยากรป่าไม้ ทวีปอเมริกาเหนือมีพื้นที่ป่าไม้ปกคลุมทั่วไปและมีความอุดมสมบรูณ์ โดยส่วนใหญ่ป่าไม้จะอยู่ในแถบประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา บางส่วนของเม็กซิโกและคิวบา ไม้ที่สำคัญ เช่น ฮิกคอรี ปอบลาร์ ลาร์ช เป็นต้น
2.ทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงาน ที่สำคัญ มีดังนี้
-ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติชนิดนี้ถือว่ามีปริมาณมากในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งประเทศที่มีมาก ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา บางส่วนของเม็กซิโก
- ทองคำ พบมากในรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน และนิการากัว
-ทองแดง พบมากในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก
- นิเกิล พบมากในประเทศคิวบาและสาธารณรัฐโดมินิกัน
- แร่เงิน พบมากในนิการากัวและเม็กซิโก
-ไฟฟ้าพลังน้ำ แหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สำคัญอยู่ทางตะวันตกของประเทศแคนาดา รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา และปานามา
3.ทรัพยากรธรรมชาติ ในอดีตทวีปอเมริกาเหนือมีสัตว์ป่าจำนวนมาก แต่ปัจจุบันทวีปอเมริกาเหนือมีสัตว์ป่าปริมาณลดลง เนื่องจากการบุกรุกทำลายป่าและการล่าสัตว์ สัตว์ป่าที่สำคัญได้แก่ ตัวมิงค์ เออร์มัน จระเข้ นกชนิดต่างๆ วัวป่าไซบันและกวางมูส
ลักษณะทางสังคม
1.ประชากร ในทวีปอเมริกาเหนือมีประชากรราว 500 ล้านคนเศษ (พ.ศ.2548) นับเป็นทวีปที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีความหนาแน่โดยเฉลี่ยประชากร 22 คนต่อตารางกิโลเมตร (พ.ศ.2548) นับว่ายังมีปะชากรค่อนข้างเบาบาง อย่างไรก็ตาม บริเวณส่วนต่างๆของทวีปยังมีประชากรกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ พื้นที่ซึ่งมีประชากรอาศัยหนาแน่นในทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้
1.1บริเวณที่ราบและชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นที่ราบกว้างขวางและอยู่ติดชายฝั่งของทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก มีเมืองสำคัญ ได้แก่ นิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. ออตตาวา ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน โทรอนโต ชิคาโก เป็นต้น
1.2.บริเวณชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา แถบเมืองลอสแองเจลีส แซนแฟรนซิสโก ดิเอโก
1.3บริเวณอเมริกากลางของหมู่เกาะอินดิสตะวันตก แถบเมืองเม็กซิโกซิตี ฮาวานา และซานโตโดมิงโก
2.เชื้อชาติ ประชากรในทวีปอเมริกาเหนือประกอบด้วย 5 เชื้อชาติ ได้แก่
2.1 กลุ่มคนพื้นเมือง จะอาศัยในทวีปอเมริกาเหนือก่อนที่ชาวยุโรปจะเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ได้แก่
1) พวกอินเดียน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอเมริกาอินเดียน พวกอินเดียนจะมีผิวสีน้ำตาล ผมและนัยน์ตาสีดำ โหนกแก้มสูง และจมูกค่อนข้างโด่ง ปัจจุบันพวกอินเดียนยังมีอยู่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไม่มากนัก โดยทางการจัดสรรที่อยู่ให้ ส่วนในเม็กซิโกและอเมริกากลางยังมีคนเชื้อสายอินเดียนอาศัยเป็นจำนวนมาก
2.) พวกเอสกิโม มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเชื้อชาติมองโกลอยด์ในเอเชียตอนเหนือมาก คือมีผิวสีเหลือง ผมและนัยน์ตาสีดำ หนังตาชั้นเดียว ปัจจุบันมีอยู่เฉพาะบริเวณตอนเหนือของแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
2.2 กลุ่มเชื้อสายยุโรป จะสืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรปซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ ชาวสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส และชาวยุโรปอื่นๆ ปัจจุบันเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดของทวีปนี้ โดยชนกลุ่มนี้จัดเป็นเชื้อชาติคอเคซอยด์ คือ มีผิวขาว ผมหยักศกเป็นลอน จมูกโด่งซึ่งพวกผิวขาวนี้เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
2.3 กลุ่มเชื้อสายแอฟฟริกันนิโกร เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากแอฟริกันนิโกร ที่ถูกนำเป็นทาสและแรงงานในไร่นาของชาวยุโปในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคม ปัจจุบันกลุ่มเชื้อสายนี้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกว่า อเมริกันนิโกร
2.4 กลุ่มเชื้อสายชาวเอเชีย เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชาวเอเชียที่อพยพเข้าไปอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือภายหลังที่ชาวยุโรปเข้าไปตั้งถิ่นฐานแล้ว ปัจจุบันมีอยู่ไม่มากนักและอาศัยกระจัดกระจายตามเมืองใหญ่ๆของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เกาหลี อินเดีย เวียดนาม ลาว กัมพูชา
2.5 กลุ่มคนเลือดผสม เป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากการผสมระหว่างชนต่างเชื้อชาติ ได้แก่
-พวกมูแลตโต เป็นเลือดผสมระหว่างชนผิวขาวกับนิโกร
-พวกเมสติโซ เป็นเลือดผสมระหว่างชนผิวขาวกับอินเดียน
-พวกแซมโป เป็นเลือดผสมระหว่างนิโกรกับอินเดียน
3.เขตวัฒนธรรม ทวีปอเมริกาเหนือมีคนต่างเชื้อชาติและวัฒนธรรมเข้าไปอาศัยในพื้นที่ต่างๆของทวีป ทำให้สามารถจำแนกเป็นเขตวัฒนธรรมของทวีปเป็น 2 เขต ด้วยกัน คือ
3.1 เขตวัฒนธรรมแองโกลอเมริกา เป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลจากอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคำว่าแองโกลมีความหมายว่าอังกฤษ ทั้งนี้โดยสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ต่อมามีชาวอังกฤษเข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นวัฒนธรรมด้านภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีจึงได้รับการสืบทอดมา วัฒนธรรมส่วนใหญ่จึงอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
3.2 เขตวัฒนธรรมลาตินอเมริกัน เป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลจากสเปนและโปรตุเกสเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ภาษาสเปนและภาษาโปรตุเกสเป็นตระกูลในภาษาละติน วัฒนธรรมนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเม็กซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตอะวันตก
4.ภาษา มีการใช้ภาษาในแต่ละกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ดังนี้
4.1 ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาทางการในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เช่น จาเมกา โดมินิกัน บาฮามาส บาร์เบโดส เกรนาดา บาร์บูดา แซนต์ลูเซีย เป็นต้น
4.2 ภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาทางการในประเทศแคนาดาและประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส คือ เฮติ รวมทั้งเป็นภาษาที่สองในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นทางการ เช่น โดมินิกัน เกรนาดา เป็นต้น
4.3 ภาษาสเปน เป็นภาษาทางการของประเทศเม็กซิโกและประเทศต่างๆในอเมริกากลาง รวมทั้งคิวบาและโดมินิกันในหมู่เกาะอินดิสตะวันตก
4.4 ภาษาอื่นๆ เป็นภาของชนกลุ่มน้อยในทวีปนี้ ที่สำคัญ ได้แก่ ภาษาเอสกิโมและภาษาละติน
5.ศาสนา ประชากรในทวีปอเมริกาเหนือส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์มากกว่านิกายโรวันแคโทลิก ส่วนประเทศอื่นๆ ในกลุ่มละตินอเมริกัน รวมทั้งประชาชนในเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อนจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นอกจากนี้ยังนี้ยังมีศาสนาอื่นๆ แต่ไม่มากนัก ได้แก่ ศาสนายิว ศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนา และผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆเลย
ลักษณะทางเศรษฐกิจ
ลักษณะทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้
1.การเพาะปลูก ทวีปอเมริกาจะมีความแตกต่างในกลุ่มประเทศ กล่าวคือ การเพาะปลูกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เกษตรกรส่วนใหญ่จะทำไร่นาในแปลงขนาดใหญ่ที่มีการใช้เครื่องทุ่นแรงและวิธีการทันสมัยที่ลงทุนมาก ส่วนในเม็กซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดิสตะวันตกจะมีการเกษตรปะปนกันคือ เป็นไร่ขนาดใหญ่ มีการลงทุนมากกับเกษตรซึ่งทำกันในแปลงเล็กๆแบบยังชีพ ดดยพืชที่ใช้เพาะปลูกในทวีปอเมริกาเหนือที่สำคัญมีดังนี้
1.1 ข้าวโพด เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา โดยผลิตมากเป็นอันดับ1ของโลก ปลูกมากบริเวณที่ราบภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณทะเลสาบทั้ง5
1.2 ข้าวสาลี ปลูกมากที่สหรัฐอเมริกาและภาคกลางของแคนดา โดยปลูกเป็นไร่ขนาดใหญ่และถือเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีที่สำคัญที่สุดในโลก
1.3 ฝ้าย เป็นพืชเศรษฐกิจที่ส่งไปขายยังทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ โดยบริเวณภาคใต้และภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา แถบลุ่มน้ำมิสซิสซิปปี นอกจากนี้ยังปลุกที่ประเทศเม็กซิโกและแถบอเมริกากลาง
1.4 ผัก ผลไม้ ยาสูบ ผักและผลไม้ปลุกมากบริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา โดยส่งไปจำหน่ายตามเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนมาก ส่วนยาสูบจะปลูกมากบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ในรัฐเวอร์จิเนีย นอร์ทแคโลไรนา เคนทักกี และจอร์เจีย
2.การเลี้ยงสัตว์ สัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันมากในทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่ โคเนื้อ โคนม สุกรและแกะ ส่วนใหญ่เลี้ยงกันในภาคตะวันตกของแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่ราบสูงและอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก
3. การประมง แหล่งสำคัญได้แก่ เขตน้ำตื้นชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนด์ติกของเกาะนิวฟันด์แลนด์ เรียกว่า แกรนด์แบงค์ นอกจากนี้พบตามแถบทะเลแคริบเบียนและชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
4. การทำอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมในทวีปอเมริกาเหนือส่วนใหญ่มีความเจริญก้าวหน้ามากเมื่อเทียบกับทวีปต่างๆ ทั้งนี้เพราะทวีปอเมริกาเหนือมีทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งเสริมการอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ กิจกรรมอุตสาหกรรมที่อุดมสมบูรณ์ กิจกรรมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การถลุงเหล็ก กลั่นน้ำมัน ผลิตเครื่องจักรเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ของทวีปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยสหรัฐอเมริกามีแหล่งอุตสาหกรรมบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณเมืองชิคาโกไปจนถึงเมืองบอสตัน แคนาดามีแหล่งอุตสาหกรรมอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น เมืองมอนทรีออล โทรอนโต เป็นต้น ส่วนเม็กซิโก แหล่งอุตสาหกรรมอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี สินค้าส่งออกที่สำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ เช่น เครื่องบิน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ รถยนต์ประเภทต่างๆ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
5. การบริการ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยการค้าระหว่างประเทศ การธนาคาร การท่องเที่ยว โรงแรม และงานบริการต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี เพราะเป็นตลาดการค้าและมีสินค้าที่มีหลากหลายซึ่งจะตั้งราคาสูงและแพงให้เลือก
สถานที่ที่สำคัญของอเมริกาเหนือ
แกรนด์แคนยอน
เป็นภูเขาหินทรายแดงที่สึกกร่อนโดยธรรมชาติ เป็นภูเขาที่มีลานกว้าง มีหน้าผาสลับซับซ้อนมากมายแต่ไม่มีต้นไม้สีเขียว เป็นธรรมชาติที่แปลกตามาก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริการัฐแอริโซนา และผู้ที่ค้นพบก็คือ พันเอกจอห์นบลิว โพเวล เป็นผู้สำรวจชาวยุโรป ในปัจจุบันก็ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ตึกรัฐสภาอเมริกาเหนือ
ตึกรัฐสภาแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวมีลักษณะเป็นโดมสูง 268 ฟุต ยาว 750 ฟุต กว้าง 375 ฟุต ภายในใช้หินอ่อนและแกะสลักลวดลายเสาสร้างแบบกรีก มีภาพสีน้ำมันที่เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และเป็นตึกรัฐสภาที่สวยงามเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วย
น้ำตกไนแองการา
เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากทะเลสาบอีรีลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ น้ำตกได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนฝั่งขวาของเกาะอเมริกาเป็นรูปโค้งวงเดือนสูง 167 ฟุต และอีกส่วนฝั่งซ้ายของเกาะแคนาดาเป็นน้ำตกรูปเกือกม้าสูง 158 ฟุต น้ำตกไนแองการานี้ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในโลกและมีจุดชมวิวที่สวยงาม ซึ่งในปัจจุบันน้ำตกแห่งนี้ก็ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศ
พีระมิดเม็กซิโก
ตั้งอยู่ที่เมืองเตเออตีวากันประเทศเม็กซิโก สร้างขึ้นโดยชนเผ่าพื้นเมืองโบราณของอเมริกาชื่อ ตอลเตค เพื่อบูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายพีระมิดอียิปต์สร้างด้วยอิฐและปูนขาวเป็นชั้นๆ สูง 216 ฟุตฐานกว้างด้านละ 721 ฟุต และได้มีความเชื่อกันว่าภายในพีระมิดได้บรรจุอัฐิของกษัตริย์ของชาวตอลเตค ในปัจจุบันนี้ชนเผ่านี้ได้สาบสูญไปหมดแล้วเหลือไว้เพียงแต่โบราณสถานที่สำคัญที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชนเผ่าทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
น้ำพุเยลโลว์สโตน
เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มหัศจรรย์และสวยงาม ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งน้ำพุจะพุ่งขึ้นสูงถึง 250 ฟุต ทำให้เป็นน้ำพุที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันสหรัฐอเมริกาได้จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและอนุรักษ์ป่าไม้ของประเทศ
หอดูดาวพาโลมาร์
เป็นหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดของโลกตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ยอดเขาพาโลมาร์อยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่พร้อมเลนส์ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 นิ้ว ขนาดลำกล้องยาว 60 ฟุต ซึ่งได้เป็นศูนย์รวมของนักดาราศาสตร์ที่ใช้ในการทดลองเกี่ยวกับอวกาศในเรื่องต่างๆและใช้สำรวจดวงดาวต่างๆ ซึ่งได้เป็นต้นแบบในการสร้างหอดูดาวขนาดใหญ่ต่อไป
เทพีสันติภาพ
ตั้งอยู่บนเกาะเบคโล อ่าวนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หล่อด้วยโลหะสำริด สูงประมาณ150 ฟุต เป็นอนุสาวรีย์รูปเทพีคลุมผ้า มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาถือประทีปชูขึ้น ภายในอนุสาวรีย์กลวงมีบันได 162 ขั้น สร้างโดยประชาชนชาวฝรั่งเศสเพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่ชาวอเมริกันผู้แสวงหาเสรีภาพและยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ข้างบนสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของมหานครนิวยอร์กและอ่าว ซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกลและนับเป็นงานสร้างที่มหัศจรรย์อีกแห่งของโลก
อนุสาวรีย์4ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา
ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์ดาโกตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นงานแกะสลักภูเขาขนาดใหญ่ บริเวณชะง่อนหน้าผาของเทือกเขารัชมอร์ โดยสลักเป็นรูปใบหน้าอดีต 4 ประธานาธิบดีของอเมริกา ได้แก่ จอร์ช วอชิงตันโทมัส เจฟเฟอร์สัน อับราฮัม ลินคอล์น และเธียร์เดอร์ไรส เวลต์ โดยประติมากรเอกชาวสหรัฐชื่อ กูตสัน เบอร์กลัมเมื่อปี ค.ศ. 1927 นับเป็นงานประติมากรรมชิ้นเอกของโลกอีกชิ้นงานหนึ่ง และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคปัจจุบันอีกด้วย
ฮอลลีวู้ดเมืองมายา
ตั้งอยู่เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์รวมความบันเทิงในการผลิตภาพยนตร์แหล่งรวมดาราชั้นนำมากมาย มีโรงถ่ายทำภาพยนตร์ชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของโลกเป็นเมืองที่ใครๆใฝ่ฝันที่จะได้เข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองลอสแองเจลิส มีป้ายคำว่า HOLLYWOOD ขนาดใหญ่ติดอยู่บนภูเขาสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลและจะสว่างไสวตอนกลางคืน
คลองปานามา
สถานที่ตั้ง คอคอดระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ประเทศปานามา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
คลองปานามาเป็นคลองขุดตัดคอคอดระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ในประเทศปานามาให้มีทางเดินเรือทางลัดจากมหาสมุทรอัตลันติคไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้สะดวกและรวดเร็ว ผู้เริ่มขุดคลองนี้คือ เฟอร์ดินัน เดอ ลสเซปส์ วิศกรผู้ขุดคลองสุเอซนั่นเองแต่เขาทำไปได้ไม่สำเร็จต้องล้มเลิกไป รัฐบาลอเมริกันจึงเข้าดำเนินการรับช่วงต่อและขุดสำเร็จเมื่อ พ.ศ. 2457 เป็นคลองยาว 50 3/4 ไมล์ มีส่วนกว้าง 300-400 ฟุต ลึก 35-40 ฟุต สิ้นเงินค่าสร้าง 700,000,000 ปอนด์ ช่วยย่นระยะทางในการต้องอ้อมแหลมสุดของอเมริกาถึง 6,700 ไมล์ แต่ที่แปลกไปกว่าคลองสุเอซก็คือ คลองนี้ขุดขึ้นไปบนที่สูง ผ่านทะเลสาบหลายแห่ง จึงต้องทำประตูระบายน้ำไว้เป็นตอน ๆ เพื่อยกระดับเรือให้สูงขึ้นจนเสมอระดับน้ำในทะเลสาบ แล้วไปลงทางอีกด้านหนึ่งด้วยการลดระดับน้ำให้ต่ำลงไปจนเทียบเท่ากับระดับน้ำทะเล จัดเป็นคลองเดินเรือนานาชนิดที่สำคัญมากคลองหนึ่ง
หอคอยปีศาจ
สถานที่ตั้ง มลรัฐไวโอมิง ประเทศ สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
หอคอยปีศาจในมลรัฐไวโอมิง เป็นชื่อเรียกหินที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวดินเป็นรูปหน้าตัดตอนบนคล้าย ๆ กับตอของต้นไม้ใหญ่มหึมา ตอหินนี้เกิดขึ้นเพราะอำนาจหินละลายของภูเขาไฟ เมื่อมันจับตัวเย็นลง และถูกอำนาจความร้อนและแสงแดดลมและฝนพัดซะกร่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นชั้นของหินในด้านตั้งได้ชัดเจน และมีลักษณะแปลกประหลาดมาก ชั้นของหินเหล่านี้แตกหักแล้วทำให้คงรูปเป็นเหลี่ยมขึ้นโดยรอบ จนเกือบไม่น่าเชื่อเลยว่าธรรมชาติจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้เช่นนี้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น