ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The seven diamonds

    ลำดับตอนที่ #3 : แผนการและตัวแทน

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 49


    สาเหตุที่วิลพูดต่อว่ากษัตริย์ได้เพราะว่าพ่อของวิลสนิทกับกษัตริย์มาก วิลจึงพูดกับกษัตริย์เหมือนกับประชาชนคนอื่นๆได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังให้ความเคารพต่อกษัตริย์มากเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่งของเขา

    วิลจะถามว่าทำไมรีมัสถึงกลัวเขา แต่พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าพระราชวังทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจทันที  เขาวิ่งออกจากห้องประชุมแล้วพุ่งไปที่หน้าพระราชวัง

    หุ่นยนต์ออล์ ดิสทอยกำลังเอาหน้าของมันลงมาติดพื้น โดยเอาคางติดพื้นไว้ แล้วค่อยๆอ้าปากออก  จากนั้นหุ่นยนต์ที่ตัวเล็กยิ่งกว่ามดก็ออกมาจากปากของมันราวกับสายน้ำ  ตัวของมันเป็นสีเงินมีขาสี่ขา  พวกมันกำลังวิ่งเข้าพระราชวัง  ขณะที่ประชาชนที่อยู่ข้างหน้าช่วยกันเหยียบ  แต่มันมีมากจนมันเล็ดลอดเข้าไปในพระราชวังได้อย่างไม่ยากเย็น

    วิลลงมารวมกลุ่มกับประชาชนแล้วช่วยเหยียบไปกับเขาด้วย  แต่พวกมันเข้าไปได้ประมาณพันตัวแล้ว  และภารกิจของมันคือ นำเพชรสีแดงออกมาให้กับหุ่นยนต์ออล์ ดิสทอย

    ในห้องประชุม โทมัสสั่งให้ลูกน้องกดปุ่มให้ดาวเทียมซีซีอุสสแกนจุดอ่อนของออล์ ดิสทอยโดยหารู้ไม่ว่ากองทัพเดอะ ติฟกำลังหาเพชรอยู่ทั่วพระราชวัง

    และแล้วพวกมันก็เจอห้องที่เก็บเพชรไว้จนได้  มันค่อยๆลอดช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นเข้าไปแล้วใช้ขาของมันช่วยกันหยิบเพชรที่เม็ดใหญ่กว่าตัวมันชูขึ้น

    "ท่านครับ จุดอ่อนของมันอยู่ที่เพดานปากมันครับ"ลูกน้องคนหนึ่งบอกโทมัส

    "บอกประชาชนทุกคน เร็ว"โทมัสสั่ง

    ในห้องเก็บเพชร  จู่ๆแสงสีฟ้าก็ปกคลุมเพชรไว้  ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเพชรได้  หุ่นยนต์เดอะ ติฟตัวอื่นๆที่ไม่ได้ชูเพชรไว้  วิ่งกลับไปหาหุ่นยนต์ออล์ ดิสทอย  ทันใดนั้นเองแสงสีฟ้าที่ปกคลุมเพชรก็หายไป  พร้อมกับเพชรที่หายไปด้วย

    "พวกเรา ช่วยกันยิงที่เพดานปากมัน!"ประชาชนทราบข่าวจากลำโพงขยายเสียงก็ตั้งท่าที่จะยิงทันที  แต่มีสิ่งหนึ่งหยุดพวกเขาไม่ให้ยิงไปเสียก่อน

    จู่ๆแสงสีฟ้าเท่าลูกบอลก็ปรากฏขึ้นในปากของออล์ ดิสทอย  หุ่นยนต์เดอะ ติฟพรูเข้าไปในปากของมัน พอเข้าไปหมด  แสงสีฟ้านั่นก็หายไปแล้วเพชรสีแดงก็ปรากฏขึ้นแทน

    "เฮ้ย นี่มันอะไรกัน"ประชาชนหลายคนร้องขึ้น

    มันค่อยๆยกห้วมันขึ้นพร้อมกับค่อยๆปิดปาก ไม่มีใครกล้าทำอะไรมัน เพราะกลัวว่าเพชรจะถูกทำลาย  ซึ่งถ้าถูกทำลายไม่ว่าจะเป็นเพชรเม็ดสีอะไรก็ตามโลกจะต้องถึงกาลอวสานอย่างแน่นอน  วิลเห็นมันกำลังจะขโมยเพชรไป  ไม่รอช้า  กระโดดเกาะปากมันไว้ทันที

    "วิล!"สมายล์ตะโกน

    เขาคลานเข้าไปในปากมัน ในนี้มีแต่ความมืด  แต่ถึงกระนั้นปากมันยังปิดไม่สนิทจึงมีแสงลอดเข้ามาได้บ้าง  เขาคว้าเพชรแล้วกำมันไว้แน่น  จากนั้นก็กระโดดออกจากปากมันซึ่งอยู่สูงกว่าพื้นประมาณสิบเมตร  เขาค่อยๆร่วงลงสู่พื้น โดยลืมนึกไปอย่างหนึ่งว่า  เวทมนตร์ป้องกันเขาจากการตายโดยการถูกฆ่าเท่านั้น  ถ้าเขากระโดดลงมาเองแบบนี้  เวทมนตร์ไม่สามารถป้องกันได้

    วิลพลิกตัวไปแล้วหันปืนไปที่เพดานปาก  ซึ่งปากของมันใกล้จะปิดสนิทแล้ว  เขาเล็งอยู่กลางอากาศ มืออีกข้างยังคงกำเพชรไว้แน่น แล้วลั่นไก

    ปัง!!!

    เลเซอร์สีส้มพุ่งแหวกอากาศ  ผ่านช่องที่ปากเกือบจะปิดสนิทเข้าไปได้อย่างพอดิบพอดี พอเข้าไปได้ ปากของมันก็ปิดสนิทพร้อมกับที่เลเซอร์เข้าไปโดนเพดานปากของมันพอดี

    ตูม!!!

    เสียงระเบิดดังเท่าแก๊สร้อยถังระเบิดพร้อมกันปะปนกับเสียงโห่ร้องอย่างดีใจของประชาชน  เพื่อนๆของวิลพุ่งมารับวิลไว้ วิลถึงพื้นโดยสวัสดิภาพแล้วโห่ร้องร่วมกับคนอื่นๆด้วย  เศษเหล็กนับพันชิ้นกระจายไปทั่วบริเวณ  สายไฟกว่าพันสายกระจายอยู่บนพื้นคล้ายกับรังไส้เดือนแตก  แล้วมีไส้เดือนนับพันมานอนตายอยู่  มีไฟลุกติดอยู่กับสายไฟและเศษเหล็ก ประชาชนส่วนหนึ่งช่วยกันจับวิลเหวี่ยงขึ้นฟ้าแล้วรับเขาไว้ จากนั้นก็แบกเขาไว้เหนือหัวของทุกคน แล้วเดินไปเดินมา  มันเป็นนาทีที่วิลดีใจที่สุดที่เขาได้ช่วยชีวิตทุกคนไว้และอาวุธเขาก็อัพเกรดด้วย มันเป็นนาทีที่เพื่อนของวิลรู้ว่าพวกเขาคบคนได้ไม่ผิด มันเป็นนาทีที่โทมัสยิ้มอย่างดีใจ แล้วพูดกับตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "สมแล้วที่เป็นลูกของบิล" มันเป็นนาทีที่ประชาชนทุกคนรู้ว่าผู้กล้าคนใหม่อยู่นี่แล้ว มันเป็นนาทีที่รีมัสขบกรามแน่นอย่างโกรธแค้น และมันเป็นนาทีที่บิลผู้ล่วงลับไปแล้วอยู่บนฟากฟ้ามองลงมาข้างล่างแล้วยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความภูมิใจในลูกของตนเอง

    "พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก"เสียงหนึ่งกระซิบอยู่ในใจของวิล วิลเงยหน้าขึ้นมองฟากฟ้าที่เริ่มสว่างในยามเช้า หยาดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าของเขา

    "ผมก็ภูมิใจในตัวพ่อมากเช่นกันครับ"

    "โปรดทราบ โปรดทราบ กษัตริย์เรียกทุกคนที่รอดชีวิตเข้าห้องประชุมในพระราชวัง"เสียงจากลำโพงที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆในพระราชวังดังขึ้น ประชาชนทุกคนจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมทันที

    เมื่อทุกคนเข้าห้องประชุม ประชาชนส่วนมากประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่เคยเข้าพระราชวังมาก่อน กษัตริย์เห็นดังนั้นจึงบอกว่า

    "ทำตัวตามสบายให้เหมือนบ้านของพวกคุณเอง เชิญนั่งลง จอห์นนับจำนวนซิ"

    ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเก้าอี้ที่กษัตริย์นั่งอยู่เริ่มเดินพร้อมกับปากที่ขมุบขมิบ ประชาชนคนอื่นๆยกเว้นวิล คาลัน สโตนและสมายล์ไม่กล้านั่งลงไปบนเก้าอี้ประชุม บางคนหันไปมองหน้ากันแล้วหันไปที่เก้าอี้ในใจคิดว่า "ที่นั่งของเราบนเก้าอี้หรือบนพื้นกันแน่"

    "เชิญนั่ง"โทมัสพูดดังขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าประชาชนทั้งหมดหูตึง "บนเก้าอี้นี้แหละ"

    มีเสียงพึมพำออกมาเป็นคำว่า "ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ"กันเล็กน้อยแล้วค่อยนั่งลง พร้อมกับจอห์นที่เดินไปถึงกษัตริย์แล้วรายงานจำนวนผู้รอดชีวิต

    "ชายสามสิบสี่คน หญิงสิบห้าคน รวมสี่สิบเก้าคนครับ"

    ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเหลือเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ไม่มีใครนั่ง เพราะมีเก้าอี้ทั้งหมดห้าสิบตัว

    "ผมขอให้ทุกคนตั้งใจฟังเรื่องที่ผมจะชี้แจงด้วย"กษัตริย์โทมัสกล่าว

    "อย่างแรก ผมขอแสดงความเสียใจกับทุกคนที่ต้องจากญาติหรือคนที่เรารักไป แต่อย่างนั่งเสียใจกับมัน เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ซ้ำยังทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆ อย่าคิดที่จะฆ่าตัวตายตามเขาไป ผมมั่นใจว่าคงไม่มีใครในผู้ที่จากไปแล้วต้องการให้เราตายไปอีกคน พวกเขาคงอยากเห็นเราอยู่ดีมีสุขเสียมากกว่า ผมรู้ว่ามันทำใจยาก แต่เราต้องทำใจให้ได้ เพื่อจะได้มีกำลังใจสู้ในวันข้างหน้า"เสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้นมาให้โทมัสได้ยิน ความประหม่าของประชาชนส่วนมากเริ่มหายไปบ้างแล้ว โทมัสให้เวลาพวกเขาทำใจสักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ

    "อย่างที่สอง เนื่องจากตอนนี้เมืองของเราไม่เหลืออะไรที่บ่งบอกว่าเป็นเมืองแล้ว ตึกราบ้านช่องถูกทำลายไปหมดสิ้น ผมจึงจะขอให้พวกคุณที่รอดชีวิตทั้งหมดพักอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เรามีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ไปจนถึงเครื่องคอมพิวเตอร์"มีเสียงซุบซิบเล็กน้อยดังขึ้น

    "และอย่างที่สามเราจะทำการโจมตีโรบอต ทาวน์"ทุกคนถึงกับอึ้ง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเมืองฮิวเมน ทาวน์เคยโจมตีโรบอต ทาวน์เพียงแค่ครั้งเดียว และครั้งนั้นเป็นครั้งที่บอกไว้ว่าไม่ควรไปโจมตีเมืองนั้นอีกเพราะยกทัพไปเกือบแสนคนแต่ยังไม่ทันทำลายป้อมปืนได้แม้แต่ป้อมเดียว ก็ตายเรียบไม่มีเหลือ ด้วยเหตุนี้เมืองฮิวเมน ทาวน์จึงกลายเป็นเมืองที่ตั้งรับไปโดยปริยาย และก็เป็นเมืองที่ตั้งรับได้แข็งเสียด้วย

    "จอห์น เปิดแผนผัง"แล้วภาพๆหนึ่งก็ปรากกฏขึ้นบนหน้าจอขนาดยักษ์ มันเป็นรูปที่มีตึกราบ้านช่องเต็มไปหมด มีถนนตัดผ่านหลายสาย พอจะดูออกว่ามันเป็นเมืองๆหนึ่ง

    โทมัสลุกขึ้นยืน ขอไม้ชี้จากจอห์นแล้วเอาไม้ไปชี้ที่ตึกหนึ่งที่อยู่ตรงกลางพร้อมกับพูดว่า

    "นี่คือภาพจากดาวเทียมซีซีอุส ในเมืองโรบอต ทาวน์ตึกที่ผมชี้อยู่คือโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้หุ่นยนต์ทุกตัวทำงาน ถ้าโรงไฟฟ้าระเบิด หุ่นยนต์ทั้งหมดก็ไม่ต่างกับรูปปั้น ตึกนี้มีทั้งหมดร้อยหกสิบแปดชั้น"แล้วภาพตึกนั้นก็ขยายใหญ่ให้เห็น เป็นตึกทรงสี่เหลี่ยมสูงเสียดฟ้า หน้าต่างทำด้วยกระจกทั้งหมด ไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่านี่คือโรงไฟฟ้า

    "โครงสร้างของตึกนี้แข็งแรงมาก และมีการป้องกันภัยอย่างแน่นหนา จุดเดียวที่จะระเบิดหมดทั้งตึกได้คือชั้นที่แปดสิบสี่ซึ่งเราจะต้องไประเบิดมันให้ได้"ประชาชนมองหน้ากันราวกับจะพูดว่า "ต้องใช้ปาฏิหารย์เท่านั้น"

    "ถึงแม้ว่าจะระเบิดโรงไฟฟ้าใหญ่นี้ได้แล้ว ยังมีโรงไฟฟ้าสำรองอยู่ใกล้ๆกัน"จากนั้นภาพก็ซูมออกเห็นตัวเมือง แล้วก็ซูมเข้าไปที่อีกตึกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆโรงไฟฟ้า มันมีลักษณะเหมือนกันทุกประการเพียงแต่เตี้ยกว่า

    "มันจะทำงานทันทีถ้าโรงไฟฟ้าใหญ่ระเบิด จุดตายของมันอยู่ที่ชั้นสามสิบเจ็ดจากทั้งตึกมีทั้งหมดเจ็ดสิบสี่ชั้น ดังนั้นเราจึงต้องระเบิดโรงไฟฟ้าสำรองนี้ก่อน แล้วค่อยไประเบิดโรงไฟฟ้าใหญ่"

    "ทีนี้ ขอให้ทุกคนตามจอห์นไปที่ห้องพักผ่อนยกเว้น... พวกเธอสี่คน"โทมัสพูดพลางชี้ไปที่พวกของวิล ทำให้ทั้งสี่เกิดสีหน้างงทันที

    "เพราะพวกเธอเป็นตัวแทนที่จะต้องไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง"

    "แต่... เรายังเด็กเกินไป"วิลเถียง

    "แต่พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องห่วงชีวิตตัวเอง เพราะพวกเธอตายไม่เป็น ขออย่างเดียวอย่าให้ถูกจับเป็นใช้ได้"โทมัสบอก

    "ทุกคน โปรดฟัง"โทมัสตะโกน ก่อนที่ประชาชนจะออกจากห้องไป "ตัวแทนที่จะไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ คือวิล สปีริต คาลัน พาดเนอร์ สโตน พาลินและสมายล์ สโตเลนจะออกเดินทางในวันมะรืนนี้ ขอให้ทุกคนมาส่งพวกเขาที่พระราชวังด้วย"แล้วเสียงซุบซิบก็เกิดขึ้นทันทีแต่ไม่ได้ดังพอที่จะจับความได้ พอออกจากห้องกันหมด โทมัสก็เริ่มอธิบายต่ออีกครั้ง

    "ก่อนที่จะเข้าไปในตัวเมือง จะมีป้อมปืนยิงอัตโนมัติโดยมันจะสแกนคนทุกคนที่เดินผ่านเข้าเมือง ถ้าคนๆนั้นมีข้อมูลในป้อมปืนว่าห้ามยิง ก็จะผ่านเข้าไปได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าไม่มีข้อมูลละก็...."

    "แต่เราก็ไม่ตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ"สโตนถาม

    "ไม่ตายน่ะก็ใช่อยู่หรอก แต่มันจะรู้ตัวก่อนแล้วเธอจะเข้าไปในนั้นคงไม่มีทางแล้ว"

    "แล้วจะทำยังไงล่ะครับ"คาลันถาม ขณะที่เพื่อนๆพยักหน้าราวกับจะพูดว่า "กำลังจะถามอยู่พอดี"

    "นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอต้องออกเดินทางวันมะรืนนี้ เพราะคนงานในพระราชวังกำลังสร้างชุดเหล็ก ซึ่งพวกเธอจะต้องเอาไปใส่ไว้ ป้อมปืนนี้จะมีข้อมูลอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นหุ่นยนต์สามารถเข้าเมืองได้ พอมันสแกนตัวพวกเธอแล้วก็จะบอกว่าเป็นหุ่นยนต์แล้วเข้าได้โดยปลอดภัย"

    "แน่ใจเหรอครับ ว่ามันจะไม่สแกนผ่านชุดเหล็กมา"คาลันถาม

    "ระบบการสแกนของมันไม่ละเอียดถึงขนาดนั้นหรอก"ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "พอเข้าไปได้จะต้องแบ่งเป็นสองสาย สายละสองคน พวกเธอไปจัดกันเอง สายแรกเข้าไปในโรงไฟฟ้าใหญ่ ส่วนสายสองเข้าไปในโรงไฟฟ้าสำรอง"

    "สายแรกเมื่อเข้าไปได้แล้วที่ชั้นแรกจะเป็นที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในโรงไฟฟ้าใหญ่ทั้งหมดโดยคอมพิวเตอร์ จะมีคนอยู่มากมายเธอต้องจัดการให้หมดก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่งจะกดสัญญาณเตือนภัยก่อนที่จะถูกจัดการ"ทั้งสี่หายใจกระตุก จัดการกับคนทั้งหมดหมายความว่าพวกเขาต้องฆ่าคนงั้นเหรอ ฆ่าหุ่นยนต์ยังพอว่าเพราะมันไม่มีชีวิต แต่ฆ่าคนนี่สิ

    "อาวุธที่เธอจะใช้คือระเบิดแก๊ส เมื่อโดนแล้วจะหลับ เพราะฉะนั้นจะต้องมีหน้ากากกันแก๊สไปด้วยเธอจะได้ไม่หลับ พอเสร็จแล้วให้คนหนึ่งในสองคนควบคุมคอมพิวเตอร์ไว้ เพราะชั้นที่แปดสิบสี่ต้องใช้รหัสเปิด แน่นอนว่าพวกเธอไม่มีรหัส พวกที่หลับอยู่คงไม่สามารถบอกได้ ต่อให้มันตื่นอยู่แล้วเราขู่มันคงจงรักภักดีแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต เพราะฉะนั้นดาวเทียมเราจึงสแกนรหัสมา"โทมัสหยิบกระดาษปึกหนึ่งที่ถูกเย็บไว้ขึ้นมาให้พวกเขา

    "นี่คือรหัสทั้งหมดสิบสองรหัส รหัสหนึ่งมีสามหน้า ในนี้มีเพียงรหัสเดียวที่สามารถเปิดชั้นแปดสิบสี่ได้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่ารหัสไหน เพราะดาวเทียมเราไม่ได้มีประสิทธิภาพถึงขนาดนั้น เธอจึงจะต้องสุ่มรหัสเอง ส่วนอีกคนหนึ่งให้ขึ้นลิฟต์ไป แล้วจะต้องไปต่อลิฟต์อีกตัวที่ชั้นห้าสิบสอง เพราะลิฟต์ตัวแรกไปได้ถึงแค่ชั้นห้าสิบสอง ที่ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย พอต่อลิฟต์เสร็จก็ให้ไปที่ชั้นแปดสิบสี่ ในชั้นนี้จะมีห้องอยู่ห้องเดียว ซึ่งพวกเธอต้องเข้าไปวางระเบิดในนั้น ห้องนี้ต้องใช้รหัสเปิดประตู แต่ทันทีที่เหยียบชั้นนี้ระบบป้องกันภัยอัตโนมัติจะทำงาน ก็คือไฟทำลายล้างมันต้องใช้เวลาห้านาทีในการชาด์จ ถ้าคนที่ไปยังไม่ได้เข้าห้องภายในห้าที ก็ต้องตายอย่างแน่นอน เพราะจะมีไฟลุกขึ้นทั้งชั้นด้วยความร้อนเก้าร้อยแปดสิบองศาเซลเซียส ไม่มีวิธีไหนปิดการทำงานของระบบป้องกันภัยนี้ได้ แต่พวกเธอไม่ต้องกังวลอยู่แล้วเพราะเธอตายไม่ได้ พอเข้าห้องโดยการพิมพ์รหัสแล้วก็วางระเบิดไว้ ระเบิดที่เราจะให้ไปคือระเบิดแบบกด พอวางเสร็จก็รีบออกมาจากตึกแล้วกดระเบิดซะ เท่านี้ก็...ตูม"โทมัสยิ้มให้พวกเขาน้อยๆขณะที่พวกเขากลืนน้ำลายดังเอื้อก

    "แล้วโรงไฟฟ้าสำรองล่ะครับ"วิลถาม

    "มันมีระบบเหมือนกับโรงไฟฟ้าใหญ่เกือบทุกอย่างเพียงแต่รหัสสั้นกว่าและไม่ต้องต่อลิฟต์ เข้าใจไหม"โทมัสบอก ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ

    "ดี งั้นวันนี้ก็ไปนอนได้แล้ว แม้ว่ามันจะเช้าแล้วก็เถอะ เก็บแรงไว้ ห้องพักอยู่ที่ชั้นสามนะ"ทั้งหมดลุกขึ้นแต่ก่อนที่จะออกจากห้อง วิลก็นึกขึ้นมาได้

    "ท่านครับ ตกลงว่าทำไมรีมัสถึงกลัวผมครับ ผมฆ่าเขาได้เหรอครับ"โทมัสมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การคิดหาคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าเป็นการคิดว่าจะบอกดีหรือไม่

    "ได้สิ ถ้าเธอมีวิธี"โทมัสตอบ

    ทั้งสี่เดินกลับมานั่งที่โต๊ะประชุมเพื่อฟังวิธีการ โทมัสจ้องหน้าพวกเขาราวกับจะอ่านจิตใจก่อนที่จะพูดว่า

    "เอาละ...อย่างแรกคือพวกเธอทั้งสี่คนสามารถฆ่าเขาได้เพราะเธอมีเวทมนตร์ แต่ไม่พอ พวกเธอสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ แค่เธอเดินเข้าไปใกล้เหยื่อในรัศมีห้าเมตรแล้วพูดชื่อของเขาต่อด้วยคำว่าจงตาย เท่านั้น เหยื่อก็จะตายภายในทันที"ทั้งสี่มองหน้ากัน อึ้งจนพูดไม่ออก

    "นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมรีมัสถึงต้องใช้หุ่นยนต์เป็นตัวบุก"โทมัสบอก แล้วมองหน้าทุกคน วิลถามคำถามที่เขาอยากจะถามตั้งแต่รู้ว่าตัวเองฆ่ารีมัสได้ขึ้นมา

    "ทำไมท่านถึงเพื่งมาบอกผมเอาตอนนี้ล่ะครับ"

    "ถ้าฉันบอกเธอตั้งแต่เด็ก เวลาเธอไม่พอใจใคร เธอก็จะฆ่าเขาเลยน่ะสิ"

    "ผมไม่เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว"วิลเถียง

    "เพราะเธอโตพอแล้ว เธอถึงพูดคำนี้ออกมาได้ ถ้าเธอนึกถึงตอนเด็ก ตอนที่พ่อแม่ยังต้องคอยอบรมสั่งสอน ตอนที่เธอยังมีการระงับอารมณ์ไม่พอ เธอแน่ใจหรือว่าจะไม่ฆ่าใคร"วิลเงียบไป

    "บางสิ่งบางอย่างควรรู้เมื่อถึงเวลาอันสมควร วิล"โทมัสพูด ทั้งสี่นั่งเงียบจนผ่านไปสักครู่หนึ่งโทมัสก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบว่า

    "ไปพักผ่อนได้แล้ว"

    ทั้งสี่ลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องประชุมมาสู่ห้องโถง ซึ่งเป็นห้องที่เพดานสูงมากและเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีโคมไฟติดเพดานอยู่ประมาณสามสิบดวงเห็นจะได้ พื้นที่ในห้องกว้างพอที่จะนำคนซักพันคนมายืนอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น และไม่มีสิ่งใดอยู่ในห้องโถงเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทางด้านตรงข้ามกับห้องโถงมีบันไดอยู่กับลิฟต์อีกสามตัว พวกเขาเดินขึ้นบันไดไปเพราะเห็นว่าแค่ชั้นสาม นิดเดียวก็คงถึงและไม่เหนื่อยนัก และก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ด้วย พอขึ้นมาถึงก็เจอทางเดินที่ยาวกว่าร้อยเมตร สองข้างทางมีแต่ห้องพัก เหมือนกับโรงแรม ทำให้พวกเขาเริ่มคิดถึงเตียงนอนและง่วงขึ้นมาทันที แม้ว่าจะเช้าแล้ว แต่การที่วิ่งหนีและการที่ฟังแผนการอันน่าปวดหัวทำให้พวกเขาเหนื่อยอย่างมาก พวกเขาพยายามหาห้องที่ว่าง จนในที่สุดพวกเขาก็เจอห้องที่ว่างอยู่ในสุดห้าห้องติดกันพอดี มีหมายเลขประจำห้องคือ 346 347 348 349และ350

    "นายจะเอาห้องไหน"วิลถามสโตน

    "เอาห้องไหนก็ได้ที่มันนอนได้แล้วกัน"สโตนตอบแล้วหาวหนึ่งที วิลมองหน้าคาลัน คาลันก็บอกว่า

    "ฉันก็เอาห้องไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา"และวิลก็ละสายตาจากคาลันไปมองที่สมายล์แทน

    "มัวแต่เกี่ยงกันอยู่นั่นแหละ งั้นฉันเอาห้อง347ก็ได้"สมายล์บอกแบบขอไปที แล้วเอามือไปแตะที่ลูกบิด เพื่อให้ลูกบิดทำการบันทึกลายนิ้วมือของเจ้าของห้อง เมื่อบันทึกเสร็จแล้ว คนที่จะเปิดห้องได้มีแต่เจ้าของห้องเท่านั้น เมื่อสมายล์เลือกได้คนอื่นก็เลือกได้ทันทีโดยสโตนเอาห้อง346 วิลเอาห้อง348และคาลันเอาห้อง349ส่วนห้อง350ก็ปล่อยให้ว่างไว้ วิลเปิดประตูเข้าไปหลังจากบันทึกลายนิ้วมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าไป สมายล์ก็เรียกเขา

    "วิล..."

    "หือ..."วิลหันไปมองเห็นสมายล์ยืนอยู่ที่ประตู คนอื่นๆเข้าไปในห้องหมดแล้ว

    "นอนหลับฝันดีนะ"แล้วเธอก็เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูทันที ปล่อยให้วิลหน้าแดงอยู่หน้าห้อง

    เมื่อได้สติ วิลก็เดินเข้าห้องพักของตัวเอง พอเห็นก็คิดว่าไม่ต่างจากโรงแรมระดับห้าดาวสักเท่าไหร่เลย ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำที่ใหญ่โตพอที่จะเอาเด็กสองคนไปวิ่งเล่นกันได้ พื้นปูกระเบื้องที่มันวับพอที่จะส่องแทนกระจกได้ มีทั้งอ่างอาบน้ำ และแบบยืนอาบ อ่างล้างหน้าก็ใหญ่พอที่จะเอาเด็กทารกลงไปได้ ข้างๆมีผ้าเช็ดตัวกว่าสิบผืน ขวดแชมพูสระผม สบู่ก้อน สบู่น้ำไปจนถึงครีมนวดผมวางเรียงกันเป็นแถว ทางด้านนอกพื้นปูด้วยพรมทั้งหมด เมื่อเดินลึกเข้าไปจะเป็นห้องครัวขนาดใหญ่ มีเคาน์เตอร์อยู่ในสุด ข้างๆก็มีตู้เย็นขนาดยักษ์ บนเคาน์เตอร์มีไมโครเวฟไปจนถึงตะแกรงปิ้งหมูปิ้ง ข้างบนเป็นเครื่องดูดควัน ทางด้านขวาเป็นห้องนอน ในห้องนอนมีเตียงขนาดใหญ่พอที่จะนำคนซักห้าคนนอนอยู่บนนั้นได้โดยไม่เบียดเสียดกัน ข้างๆมีตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อกว่าร้อยชุด ทุกลายทุกขนาดตั้งแต่เด็กทารกถึงคนชรา ปลายเตียงมีทีวีขนาดยักษ์ตั้งอยู่ เรียกได้ว่านี้คือบ้านสำเร็จรูปอย่างแท้จริง

    วิลอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำภายในเวลาเพียงสิบนาทีเพราะง่วงมาก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงที่แสนจะนุ่มแล้วผล็อยหลับไปด้วยความรวดเร็วเพราะความเหนื่อย

    กว่าจะตื่น ตะวันก็เริ่มคล้อยต่ำแล้ว วิลดูนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วเห็นว่ามันเป็นเวลาบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว จึงรีบไปล้างหน้าให้สดชื่น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปที่ห้อง347แล้วเคาะประตู

    "สมายล์ ตื่นยัง"วิลตะโกนผ่านประตูเข้าไป

    "ตื่นแล้ว เดี๋ยวนะ...."มีเสียงตอบกลับมา แล้วประตูก็เปิดออก สมายล์อยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูลายดอกไม้กับกางเกงยีน

    "ไปดูสโตนกับคาลันดีกว่าว่าตื่นหรือยัง"วิลบอก แล้วเขากับสมายล์ก็เดินไปที่ห้อง346 ซึ่งเป็นห้องที่สโตนอยู่ แต่ยังไม่ทันเคาะประตูถามพวกเขาก็รู้คำตอบแล้ว

    "คร้อก.......ฟี้"นี้คือเสียงตอบอันดังสนั่นมาถึงข้างนอก พวกเขาจึงเดินไปที่ห้อง349แล้วเคาะประตู

    "แป๊บหนึ่งนะ...."คาลันตอบหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วประตูก็เปิดออก และพวกเขาก็เห็นว่าคาลันกับวิลใส่ชุดเหมือนกันทุกประการ

    "ใจตรงกันจริงๆ"คาลันยิ้มน้อยๆ แล้วทุกคนก็เข้าไปในห้อง

    "สโตนละ...."คาลันถาม

    "ยังไม่ตื่น"วิลตอบ

    "งั้นเราก็ไปปลุกกันเถอะ"คาลันบอกแล้วก็เดินออกจากห้อง วิลกับสมายล์เดินตามออกไป คาลันเคาะประตูเบาๆ

    "สโตน"คาลันตะโกน แต่เสียงตอบยังคงเป็นเสียงกรน

    "ไม่ไหวเลย ขี้เซาชะมัด ช่วยกันทุบประตูเลยดีกว่า"คาลันบอก แล้วก็เอามือทั้งสองข้างเอามือทุบประตูอย่างแรงราวกับจะทำให้มันพังให้ได้ และด้วยความดังขนาดนี้ ใครไม่ตื่นก็คงจะเป็นพวกที่เสียชีวิตแล้วเท่านั้น

    "ตื่นได้แล้ว"คาลันตะโกน

    "ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว"เสียงสโตนตอบกลับมา "รอแป๊บหนึ่งนะ"

    ห้านาทีผ่านไป สโตนออกมาพร้อมเสื้อยืดสีเหลืองลายเสือกับกางเกงขายาวสีดำ

    "นอนเพลินไปหน่อย"สโตนบอก

    "เราไปเดินดูรอบๆพระราชวังกันดีไหม"สมายล์ถาม ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    สามทุ่ม ทั้งหมดกลับเข้าห้องของตัวเอง ทั้งวันหมดไปกับการนอนกับการเดินเล่น ดังนั้นจึงไม่มีใครง่วงมากนัก พวกเขาเลยนัดกันไปเล่นไพ่ที่ห้องคาลันตอนสี่ทุ่ม

    "กินอีกแล้ว"สโตนบ่นเมื่อเห็นคาลันชนะอีกรอบ ซึ่งเป็นรอบที่สิบเอ็ดติดต่อกันแล้ว

    "ช่วยไม่ได้ คนมันดวงดี"คาลันยิ้มน้อยๆแล้วเริ่มจัดไพ่อีกครั้ง

    วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน ค.ศ. 3258

    เที่ยงคืนครึ่งกว่าจะได้ไปนอน แต่วิลไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด เขาหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาดู มันอัพเกรดกลายมาเป็นปืนล็อค กันซึ่งเป็นปืนพกขนาดเล็กมีปุ่มกดล็อคอยู่ด้านข้าง เวลาใช้งานจะมีกล้องตัวจิ๋วติดอยู่ที่ปากกระบอกปืน ถ้ามีเป้าหมายอยู่ข้างหน้าแล้วเรากดปุ่มล็อค ทีนี้ไม่ว่าเป้าหมายจะวิ่งไปทางไหนเลเซอร์ที่ยิงออกไปก็จะพุ่งไปหาเป้าหมาย เรียกได้ว่าไม่มีทางพลาดเป้า และสามารถรัวได้ด้วย

    วิลตื่นมาในเวลาเกือบสิบโมงในวันรุ่งขึ้น แล้วใช้เวลาในวันนั้นไปอย่างไม่มีความหมาย เดินเล่น ดูทีวีและอะไรอีกหลายๆอย่างจนกระทั่งถึงสี่โมงเย็น เสียงจากลำโพงก็ดังขึ้นทั่วพระราชวัง

    "โปรดทราบวิล สปีริต คาลัน พาดเนอร์ สโตน พาลินและสมายล์ สโตเลนโปรดมาที่ห้องประชุม"

    ทั้งสี่ซึ่งตอนนี้อยู่ทางด้านหลังของพระราชวังก็เดินมาที่ห้องประชุม เมื่อมาถึงก็เห็นโทมัสนั่งอยู่แล้ว มีลูกน้องอยู่ข้างๆหนึ่งคน

    "ที่เรียกมาก็เพราะว่าจะบอกทางที่จะเดินทางให้"โทมัสพูดแต่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเดินไปทางไหน วิลจึงบอกว่า

    "ก็ต้องเดินไปที่ทางอ้อมตรงนั้นสิครับ"

    "เปล่า ถึงแม้ทางนั้นจะเป็นทางที่ปลอดภัย แต่มันเสียเวลา ฉันจะให้พวกเธอเดินไปตามทางตัด"ทุกคนอ้าปากค้าง

    "ท่านครับ คือ...."วิลทำท่าจะเถียงแต่โทมัสพูดขึ้นมาก่อน

    "ถ้าพวกเธอเดินไปตามทางอ้อมต้องใช้เวลาเกือบเดือน แต่เดินตามทางตัดใช้เวลาไม่ถึงวันหนึ่ง ถ้าเธอใช้เวลาเดินทางนาน รีมัสอาจจะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ได้แล้วมาบุกเราอีกครั้ง"

    "แต่ทางมันอันตรายมาก ท่านก็รู้ แล้วทางตัดนั่นมีเวทมนตร์ตัวหนึ่งที่ทำลายเวทมนตร์เรา เวทมนตร์เราไม่สามารถป้องกันเราได้ ท่านจะส่งเราไม่ตายหรือท่าน"วิลพูดอย่างมีอารมณ์

    "แต่เธอต้องผ่านมันไปให้ได้ ถ้ารีมัสสร้างหุ่นยนต์ออล์ ดิสทอยได้อีกแค่ตัวหรือสองตัวเพชรต้องตกเป็นของมันแน่ เราจะต้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"โทมัสพูดเรียบๆ

    "แต่ที่ทางตัดมันมีนักล่าพ่นไฟ ดรากูล กับเหวมรณะ น้อยคนนักที่จะผ่านไปได้"วิลเถียงอีก

    "งั้นพวกเธอก็ต้องเป็นคนส่วนน้อยแล้วละ"โทมัสยังคงพูดเรียบๆ

    คืนนั้น พวกเขาทั้งสี่แทบนอนไม่หลับ พรุ่งนี้พวกเขาต้องออกเดินทางแล้ว พวกเขากังวลเรื่องดรากูลมากกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น กังวลยิ่งกว่าการที่จะต้องเข้าไประเบิดตึกเสียอีก เพราะเวทมนตร์ยังคอยคุ้มกันได้ แต่บนทางตัดนี่สิ

    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน ค.ศ. 3258

    เจ็ดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ทั้งสี่ตื่นขึ้นมาด้วยความหดหู่ ความมั่นใจในตัวเองแทบจะไม่มีเลย โทมัสสั่งให้พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงครึ่ง พวกเขาขึ้นไปรับชุดเหล็กที่ชั้นแปด รับระเบิดสี่ลูกโดยเป็นระเบิดไว้ระเบิดตึกสองลูกและระเบิดไว้สำหรับป้องกันตัวอีกสองลูก วอคกี้-ทอคกี้คนละเครื่อง โดยไส่ไว้ในเป้ที่จะต้องสะพายไปตลอดการเดินทาง ชุดเหล็กสามารถพับเก็บได้ พวกเขาจึงพับเก็บไว้ในกระเป๋าเป้เขาอีกเช่นเดียวกัน แปดโมงเศษพวกเขาก็ออกมาหน้าพระราชวัง มีประชาชนอยู่กันเต็มไปหมด ทุกคนส่งหน้าที่ยิ้มแย้มมาให้พวกเขา พวกเขายิ้มแห้งๆตอบรับกลับไป แล้วเดินฝ่าฝูงชนออกไป และก่อนที่จะออกจากเมืองหรือพ้นจากซากปรักหักพังต่างๆ พวกเขาก็เจอโทมัสกับลูกน้องของเขาอีกคนหนึ่ง

    "ความหวังทุกคนอยู่ที่พวกเธอนะ"โทมัสพูดเบาๆ ทุกคนรู้สึกถูกกดดันอย่างแรง

    "พวกเราจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังครับ"วิลพูด แม้ว่าเขาจะไม่คิดเช่นนั้นเลยก็ตาม โทมัสพยักหน้าให้น้อยๆ แล้วทั้งสี่ก็เดินออกจากเมืองไป

    "ทำไมท่านต้องพูดกดดันเขาขนาดนั้นละครับ"ลูกน้องถามกษัตริย์

    "จอห์น สิ่งที่ทำได้ยาก จะทำให้สำเร็จต้องมีแรงกดดันเสมอแหละ"โทมัสตอบพลางมองทั้งสี่ที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

    ทั้งสี่ที่หิ้วความหวังของทุกคนเป็นเดิมพัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×