ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The seven diamonds

    ลำดับตอนที่ #2 : หายนะครั้งใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 49


    วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 3258

    เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีคนหนึ่งสะดุ้งตื่น  เหงื่อออกราวกับอาบน้ำ  นี่เป็นครั้งที่หกในเดือนนี้แล้วที่เขาฝันถึงพ่อของเขา  ชายที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวนั่นคือพ่อของเขาเองที่ชื่อบิล สปีริต ต่อสู้กับรีมัส บอลคาริกที่อยู่ในชุดคลุมสีดำ ฝันของเขาคือภาพการต่อสู้ที่ถ่ายมาจากกล้องวงจรปิด  ในห้องไดมอนด์ ตึกโรบอตคอนโทรล

    เรื่องของเรื่องก็คือมีตำนานที่เล่าขานกันมาว่าเพชรทั้งสามเม็ดที่เก็บอยู่ที่ตึกโรบอตคอนโทรล ในป้อมปืนหน้าด่านของเมืองเว็บปอนส์ ซิตี้  และในพระราชวังของเมืองฮิวเมน ทาวน์นั้น  ใครที่สามารถยึดครองได้ก็จะสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้  รีมัสจึงเข้าไปในตึกโรบอตคอนโทรลในเมืองโรบอตทาวน์เมืองที่มีแต่หุ่นยนต์เพื่อจะไปขโมยเพชรมาพร้อมกับโซนิค  สวอร์ดดาบคู่ใจของเขา

    หากแต่บิลเกิดรู้เรื่องเข้า จึงต้องเข้าไปจัดการ เหตุผลที่ต้องเป็นเขาก็คือมีเพียงสองคนในโลกเท่านั้นที่มีโซนิค สวอร์ดก็คือรีมัสและบิล

    แต่บิลกลับต่อสู้แพ้ ทำให้วิล สปีริตต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุสิบปี

    แม่ของวิลรู้ว่าบิลเสียชีวิต จึงฆ่าตัวตายตาม  ทำให้วิลต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย กำพร้าพ่อ กำพร้าแม่

    หากแต่พ่อแม่ของเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อ สโตน พาลินได้รับเขามาเลี้ยงในบ้านของเขา และดูแลเป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นเพื่อนสนิทของเขาอีกสองคนที่ชื่อคาลัน  พาดเนอร์และสมายล์  สโตเลนก็อยู่ที่บ้านนี้ด้วยเหมือนกัน

    วิลลุกขึ้นมาดูนาฬิกา  เขาเป็นเด็กสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร  มีดวงตาสีฟ้า  ผมสีดำ  หน้าตาหล่อเหลา

    เพิ่งตีสอง วิลคิดในใจ จากนั้นก็ลุกออกมาจากเตียงเพื่อหาน้ำดื่มในห้องครัว

    ก่อนที่จะออกจากห้องนอนของเขา  เขาก็มองอาวุธคู่ใจนั่นก็คือปืนเลเซอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจ  อาวุธของทุกคนในเมืองนี้เมืองฆ่าอะไรได้ก็ตามค่าประสบการณ์ที่ติดอยู่ที่ปืนก็จะเพิ่มขึ้น แล้วพอถึงระดับหนึ่งก็จะอัพเกรดกลายเป็นอาวุธอีกอย่าง  ซึ่งคนที่ทำได้ถึงสูงสุดในประวัติศาสตร์ก็คือบิลและรีมัสที่อัพเกรดอาวุธห่วยๆแบบปืนเลเซอร์ที่มีอยู่กลายเป็นโซนิค สวอร์ดได้  แล้วมีเพียงเมืองเดียวที่มีอาวุธแบบนี้ก็คือเมืองฮิวเมน  ทาวน์เมืองที่วิลอาศัยอยู่

    ยันไม่ทันที่จะออกจากห้องสัญญาณเตือนภัยก็ดังไปทั่วเมือง

    "โปรดทราบ โปรดทราบ กองทัพหุ่นยนต์เดอะ แอนท์บุกเมือง"

    วิลพุ่งไปหยิบปืนเลเซอร์ขึ้นมาทันที  แล้วออกจากห้องไปเคาะประตูห้องข้างๆ

    "สโตน! ตื่นเร็ว"วิลตะโกนด้วยน้ำเสียงดีใจ

    ข่าวที่ว่าหุ่นยนต์บุกเมืองนั้นไม่ได้ทำให้ทุกคนหวาดผวาเพราะว่าหุ่นยนต์พวกนี้ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย ทุกคนต้องการที่จะไปสู้กับมันเพื่อทำให้อาวุธของตัวเองอัพเกรด

    เด็กทั้งสี่ออกจากบ้านของตระกูลพาลินแล้ววิ่งไปที่ด้านหน้าของเมือง

    ที่ด้านหน้าเมืองมีป้อมไว้ให้สำหรับยิงอยู่ถึงสิบสองป้อมแล้วมีกำแพงเชื่อมระหว่างป้อมด้วย ป้อมพวกนี้สูงประมาณยี่สิบเมตร  พวกเขาวิ่งเข้าป้อมที่อยู่ตรงกลางพอดี

    "อาวุธฉันอัพเกรดแล้วโว้ย"พวกเขาได้ยินเสียงจากข้างบนขณะที่ตัวเองกำลังเดินขึ้นบันได

    พวกเขาขึ้นมาถึงชั้นบนสุด  อาวุธของพวกเขาคือปืนเลเซอร์ซึ่งเป็นปืนต้นฉบับยังไม่ได้อัพเกรดอะไรเลย  แม้ว่าจะสู้กับกองทัพหุ่นยนต์มาเกือบสิบครั้งแล้วก็ตาม

    "วันนี้ฉันจะทำให้มันอัพเกรดให้ได้"สโตนพูดอย่างกระหาย

    กองทัพหุ่นยนต์พวกนี้มาจากเมืองโรบอต ทาวน์เมืองที่รีมัสเป็นประมุขอยู่นั่นเอง  เขาส่งกองทัพพวกนี้มาเพื่อที่จะขโมยเพชรเม็ดสุดท้ายที่อยู่ในพระราชวัง  เมืองโรบอต ทาวน์นั้นใหญ่กว่าเมืองฮิวเมน ทาวน์

    ประมาณห้าเท่าได้และทั้งโลกก็เหลือเพียงสองเมืองนี้เท่านั้นเนื่องจากเมืองอื่นถูกกองทัพหุ่นยนต์เข้ายึดครองหมดแล้ว  รวมทั้งเมืองที่มีเพชรสีเหลือง ทำให้ตอนนี้รีมัสขาดเพชรเม็ดเดียว คือเพชรสีแดงในเมืองนี้เอง

    "ค่าประสบการณ์ขึ้นช้าจัง"สมายล์บ่นเมื่อเธอมั่นใจว่าฆ่าหุ่นยนต์ไปมากกว่าร้อยตัวแล้ว

    กองทัพเดอะ แอนท์มาเพื่อให้ฆ่าโดยเฉพาะเพราะปืนกลที่ติดอยู่ที่แขนขวาของมันยิงไม่โดนคนในป้อมเลยแม้ว่าจะมีเป็นแสนๆตัวก็ตาม

    "โกงนี่หว่า"สโตนพูดเมื่อเห็นชายคนหนึ่งในป้อมอื่นยิงธันเดอร์ บอมลงไปซึ่งจะเป็นลูกระเบิดไฟฟ้า พอระเบิดแล้วหุ่นยนต์ก็จะถูกช๊อตแล้วก็ช๊อตต่อๆกันไปถ้าหุ่นยนต์ตัวที่ถูกช๊อตไปโดนอีกตัวหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้ตายทั้งสนามแล้วก็ได้ค่าประสบการณ์อย่างล้นหลาม

    "อย่าบ่นไปหน่อยเลย"คาลันบอก

    ผ่านไปเกือบสิบนาทีอาวุธของวิลและคาลันก็อัพเกรดขึ้นจนได้  ปืนเลเซอร์ของเขาเปลี่ยนเป็นปืนฟาส์ด  เลเซอร์แทนซึ่งเมือกดไกค้างเลเซอร์ก็จะยิงออกไปเรื่อยๆจนกว่าจะปล่อยไก

    อีกไม่ถึงหนึ่งนาทีของสโตนและสมายล์ก็อัพเกรดเป็นแบบของเขาเช่นกัน

    "แจ๋ว!"สโตนร้องอย่างดีใจ หน้าตาของสโตนนั้นถือว่าปกติผิดกับวิลและคาลันที่หน้าตาหล่อเหลา สโตนมีดวงตาสีเขียวใส ขี้เล่น และไม่ค่อยเกรงใจใคร  ผิดกับคาลันที่เงียบครึม  มีเหตุผล

    สมายล์เป็นคนที่ไว้ผมสีดำยาว  หน้าตาสวย จิตใจกล้าหาญ  รวมทั้งร่างกายก็แข็งแรง  มีสัดส่วนได้รูปร่าง

    วิลมองอาวุธที่อัพเกรดมาอย่างปลื้มใจ  ในตอนที่เขาอายุห้าขวบ พ่อเขาได้ทำพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งคนที่มีโซนิค สวอร์ดเท่านั้นถึงจะทำได้  นั่นก็คือเวทมนตร์ที่เอาไว้ปกป้องตัวของวิลและเพื่อนของเขา  โดยเขาและเพื่อนจะถูกใครฆ่าตายไม่ได้เด็ดขาด  ทางเดียวที่ตายได้คือต้องหมดอายุขัยเท่านั้น

    ทันไดนั้นเอง  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น!

    ตึง!

    ทุกคนรู้สึกว่าแผ่นดินไหวเล็กน้อย

    ตึง!

    ทุกคนหยุดการโจมตีกองทัพเดอะ  แอนท์และสนใจสิ่งที่น่าประหลาดนี้

    ตึง!

    และแล้วทุกคนก็ได้เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียง  ทำให้อ้าปากค้างไปตามๆกัน

                    มันคือหุ่นยนต์ตัวสูงประมาณป้อมปราการ  หัวของมันเป็นสีเทาคล้ายหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่จับคว่ำลงติดกับลำตัว  เพียงแต่ใหญ่กว่าหม้อข้าวสิบเท่า  ตัวมันก็เป็นสีเทามีตัวหนังสือสีน้ำเงินมหึมาเขียนไว้ว่า ออล์  ดิสทอย  ในมือข้างขวามีปืนสีเขียวเข้ม กระบอกยาวประมาณสิบเมตร

    ทุกคนเปลี่ยนเป้าหมายจากกองทัพเดอะ  แอนท์ไปเป็นหุ่นยนต์ออล์  ดิสทอยแทน แต่ไม่ว่าจะยิงขนาดไหนมันก็ไม่สะทกสะท้าน

    "ลองชิมธันเดอร์ บอมหน่อยดีกว่า"ชายคนที่มีธันเดอร์ บอมคำรามแล้วยิงใส่ทันที

    ลูกระเบิดขนาดเท่าลูกฟุตบอลหนังที่ไว้สำหรับเตะในการแข่งขันบอลโลกพุ่งไปหาออล์  ดิสทอย  มันหันมามองและก่อนที่จะถึงตัวมัน  มันก็ยกมือข้างที่ว่างเปล่าขึ้นแล้วรับธันเดอร์  บอมไว้อย่างง่ายดาย  ธันเดอร์ บอมก็ไม่ระเบิด  มันค่อยๆกำธันเดอร์ บอมลูกนั้น แล้วค่อยๆออกแรงบีบธันเดอร์ บอม  จนกระทั่ง.....

    บึ้ม!!!

    ธันเดอร์  บอมลูกนั้นระเบิดคามือของออล์  ดิสทอย  ประจุไฟฟ้ากระจายจายไปรอบๆตัวมัน  แต่ดูเหมือนตัวมันจะทำด้วยฉนวนไฟฟ้า ทำให้ไม่สามารถช๊อตมันได้เลย

    ประชาชนทุกคนเริ่มขวัญเสียเมื่อเห็นความเก่งกาจของออล์  ดิสทอยอาวุธใหม่ล่าสุดของรีมัส

    ทันใดนั้นเอง ออล์ ดิสทอยก็ยกปืนสีเขียวของมันขึ้นมาเล็งที่ป้อมปราการอันกลางสุด ซึ่งก็คือที่อยู่ของวิลและพรรคพวกนั่นเอง พอเห็นทุกคนที่อยู่ในป้อมก็วิ่งหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น  วิลทำท่าจะวิ่งไปแต่คาลันท้วงไว้ว่า

    "อย่าไป ถ้าไปป้อมปราการระเบิดแน่"

    "แล้วถ้าเราไม่ไปมันจะไม่ระเบิดหรือไง!"วิลคำราม

    "ใช่ เพราะเรามีเวทมนตร์ป้องกันอยู่"

    "แต่...."วิลทำท่าจะเถียง เพราะไม่เห็นทางรอดได้ แต่เขาก็ไว้ใจเวทมนตร์ตัวนี้มาก จึงเงียบไป สมายล์จับมือเขา

    "เราต้องรอดอยู่แล้ว ถ้าไม่รอดก็ตายด้วยกัน"สมายล์เอ่ยทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    สมายล์ปล่อยมือเขา แล้วทุกคนก็ตั้งใจดูหุ่นยนต์ตัวนั้น มันมองมาที่ป้อมปืนเขาแล้วเตรียมตัวที่จะยิง ซึ่งถ้ายิงมา เขาและพรรคพวกก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

    พวกเขาจ้องตามัน มันจ้องตอบแต่ตามันไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น แน่นอนมันเป็นหุ่นยนต์ จะให้มีความรู้สึกได้อย่างไรกัน

    และแล้ว  นิ้วมันก็กดลงไปที่ไก!

    ตูม!!

    มิสซายล์ลูกเท่าบ้านพุ่งตรงมาทางพวกเขา  ทุกคนยกปืนขึ้นยิงมิสซายล์ลูกนั้นอย่างบ้าคลั่ง  คาลันนับถอยหลังเวลาที่มิสซายล์ลูกนั้นจะถึงป้อม

     "ห้า......"

    พวกเขาไม่มีเวลาพอที่จะวิ่งลงได้แล้ว  ทางเดียวคือสู้จนตัวตาย

    "สี่......"

    พวกเขายังยิงมิสซายล์อย่างบ้าคลั่ง  ทั้งที่มันไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

    "สาม......"

    พวกเขาเริ่มสงสัยว่าเวทมนตร์จะใช้ได้จริงหรือเปล่า

                   

    "สอง......"

    ความหวังพวกเขามลายหายไปหมดสิ้น

    "หนึ่ง......"

    พวกเขาหลับตาลง ทั้งที่นิ้วยังคงยิงปืนต่อไป

    และ........

    ปาฏิหารย์เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น  วิลได้ยิงโดนชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งของมิสซายล์ที่เปราะบางที่สุด  ทำให้ชิ้นส่วนนั้นหลุดไป  แล้วมิสซายล์ก็หันเปลี่ยนทิศไป  ทั้งที่เกือบชนป้อมปราการที่พวกเขาอยู่ไปไม่ถึงห้าเซนติเมตร!

    พวกเขายิ้มอย่างโล่งอก สมายล์โผกอดวิลโดยไม่รู้ตัว  ทำให้วิลเกือบล้มลงไป  แต่พอทั้งสองรู้ตัว  ทั้งสองก็เบนหน้าหนี  หน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ

    "จูบกันเลยสิ"สโตนหัวเราะร่า ขณะที่คาลันนั้นยิ้มน้อยๆ

    หากแต่การเปลี่ยนทิศของมิสซายล์นั้นไม่ได้ดีขึ้นเลย มันเปลี่ยนจากป้อมหนึ่งไปอีกป้อมหนึ่งที่อยู่ทางด้านขวาสุด พวกเขามัวแต่ดีใจจนไม่ได้สังเกต  และแล้ว.....

    ตูม!!!

    ป้อมด้านขวาสุดระเบิดดังสนั่นก้องกังวานไปเป็นกิโล  ทำให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่  ซึ่งใหญ่พอที่ทำให้กองทัพเดอะ แอนท์ที่เหลือไหลทะลักเข้ามาในเมืองราวกับน้ำทะลักออกมาจากเขื่อนที่พัง แม้จะมีไฟสีแดงส้มที่ร้อนระอุลุกโชนขวางกั้นอยู่  แต่ดูเหมือนว่าตัวมันกันไฟได้  มันมีประมาณหนึ่งหมื่นตัว  ประชาชนที่อยู่ในป้อมตายเรียบไม่มีเหลือ  ส่วนประชาชนคนอื่นๆก็ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆกัน  ประชาชนที่อยู่ในป้อมที่เหลือไม่กล้าลงมา  เพราะกองทัพเดอะ แอนท์ได้ยึดครองพื้นที่ไว้  แม้มันจะยิงปืนกลของมันไม่โดนคนในป้อม  แต่เมื่ออยู่ในที่ราบ  โอกาสที่จะรอดจากวิถีกระสุนของมันมีเพียงสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น

    "ไม่นะ..."สโตนคราง

    "ฉันไม่ปล่อยให้แกรอดไปได้หรอก!"ชายที่มีธันเดอร์ บอมคำรามอย่างโกรธแค้น ก่อนที่จะเล็งไปที่กองทัพเดอะ แอนท์ข้างล่างเพื่อเคลียร์พื้นที่จะได้ลงจากป้อมได้  หากแต่เขาหารู้ไม่ว่าออล์  ดิสทอยก็เล็งปืนมาที่ป้อมของเขาเช่นกัน

    ชายผู้นั้นกำลังจะกดไก  แต่เขาก็ได้ยินเสียงมิสไซล์พุ่งมาหาเขา  เขาหันไปมองอย่างหมดหวัง  เมื่อเห็นมิสไซล์พุ่งมา  ในใจของเขาที่มีอยู่ตอนนี้มีอยู่คำเดียวคือคำว่า "แลกกัน"

    "ไปลงนรกซะเถอะ!"

    ปัง!!!

    ตูม!!!

    เสียงระเบิดของป้อมครั้งที่สองดังก้องทั่วบริเวณอีกครั้ง  ท้องฟ้าที่มืดมิดในตอนตีสามกลับสว่างไสวเพราะไฟจากการทำลายล้าง  ขณะที่กองทัพเดอะ  แอนท์ก็ถูกช็อตจากธันเดอร์  บอมไม่มีเหลือแม้แต่ตัวเดียว  ทำให้ได้ค่าประสบการณ์อย่างล้นหลาม  แต่อาวุธและเจ้าของได้ถูกเผาไหม้อยู่ในกองไฟแห่งการทำลายล้างแล้ว

    ประชาชนทุกคนวิ่งลงจากป้อม รวมทั้งพวกวิลด้วย เมื่อเห็นว่าออล์ ดิสทอยเตรียมยิงมิสไซล์ลูกที่สาม

    พวกของวิลมาปรึกษากันที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้ๆป้อม

    "เดี๋ยวพวกเราทุกคนวิ่งไปที่พระราชวังนะ"คาลันบอก

    "ทำไมละ"สโตนถาม

    "ก็เพราะว่า....  ระวัง!!"

    ป้อมอีกหนึ่งป้อมระเบิดไปขณะที่คาลันก็กวักมือเรียกให้ทุกคนวิ่งตามเขาไปที่พระราชวัง ประชาชนที่เหลือก็วิ่งไปที่พระราชวังด้วย เหมือนกับว่านั่นเป็นทางรอดทางเดียวเท่านั้น

    ออล์ ดิสทอยเริ่มเดินอย่างช้าๆเข้ามาทางช่องโหว่  แต่ละก้าวของมันที่ลงหนักหน่วงจนทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว  แล้วมันก็เริ่มทำลายบ้าน  ตึก  สิ่งก่อสร้างทุกอย่างด้วยปืนอันทรงพลังของมัน

    ตูม!!

    ตูม!!

    ตูม!!

    เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวซ้ำแล้วซ้ำอีกพร้อมกับเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องของประชาชนที่ถูกเผาอย่างทรมาน  พวกของวิลใกล้จะมาถึงพระราชวังแล้วแต่มีบางอย่างที่พวกเขานึกขึ้นได้

    "พ่อแม่ฉัน...."สโตนกระซิบ แล้วไม่รอช้าทั้งสี่ก็วิ่งไปที่บ้านพาลินทันที พอไปถึงสิ่งที่เขาเห็นคือ ซากบ้านที่ดำเป็นตอตะโก

    "พ่อ!แม่!"สโตนตะโกน  น้ำตาไหลพรากราวกับสายน้ำ  แล้วจะวิ่งเข้าไปในซากบ้าน  แต่วิลกับคาลันช่วยกันดึงไว้

    "มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว"คาลันกระซิบ เขาและเพื่อนก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าสโตนเลย

    "ไปเถอะ มันผ่านไปแล้วก็แล้วไปเถอะ ยังไงเราก็ยังมีชีวิตอยู่ อย่าใช้เวลาให้สูญเปล่าไปกับการเศร้าโศกเลย"วิลปลอบแต่น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาไม่น้อยเลยเลยทีเดียว

    แล้วทั้งสี่ก็วิ่งออกจากซากบ้านแล้วไปที่พระราชวัง  พอไปถึงพวกเขาก็เจอประชาชนส่วนมากออกันอยู่ที่หน้าพระราชวัง  แต่ประชาชนที่เหลือก็น้อยจนนับจำนวนได้แล้ว  พวกวิลเข้าไปรวมกับฝูงชน ทั้งหมดหน้าตาตื่นตระหนกสุดขีด ออล์ ดิสทอยเดินทำลายล้างตึกราบ้านช่องไม่มีเหลือหากแต่ไม่มีท่าทีว่าจะเข้าใกล้พระราชวัง

    "ทำไม...."

    "เพราะว่ามันทำลายพระราชวังไม่ได้ ถ้าทำลายเพชรจะถูกทำลายไปด้วย"คาลันตอบอย่างรู้ทัน

    "เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหากกษัตริย์หน่อยนะ"วิลพูดแล้วเดินเข้าไปก่อนที่ทุกคนจะถามว่าจะเข้าไปทำไม

    วิลเดินมาถึงห้องประชุมแล้วเปิดประตูเข้าไป  เพราะรู้ว่ากษัตริย์ต้องอยู่ในนี้อย่างแน่นอน

    ในห้องมีโทรทัศน์ติดอยู่บนฝาผนังเต็มไปหมด  หากแต่มีจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ติดอยู่จอเดียวบนผนังด้านหนึ่ง  ตรงกลางห้องมีโต๊ะประชุมยาวห้าสิบที่นั่งมีคนประมาณห้าคนนั่งอยู่  ในจอส่วนมากมีภาพเมืองที่ถูกทำลายจากถ่ายทอดจากดาวเทียมประจำเมือง  ดาวเทียมซีซีอุส  ซึ่งตอนนี้ทั้งเมืองสี่งก่อสร้างที่เหลือเพียงสี่งเดียวก็คือพระราชวัง

    "ใคร"ชายคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้เขาถาม

    "ผมเอง วิล"

    "มีอะไร"ชายคนนั้นหมุนเก้าอี้หันมา มีดวงตาสีดำมัน อายุประมาณสามสิบปี ไม่เตี้ยไม่สูงอยู่ในชุดคลุมสีขาว

    "ทำไมท่านกษัตริย์ถึงไม่ไปพูดอะไรก็ได้ที่ปลอบใจประชาชนบ้าง ท่านก็เห็นว่าประชาชนขวัญเสียขนาดไหน"วิลต่อว่า แต่ก่อนที่จะตอบบนจอขนาดยักษ์ก็มีตัวหนังสือสีแดงขึ้นว่า "คุณมีข้อความมา"

    "เปิดสิ"กษัตริย์สั่งชายคนที่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นกดรีโมทที่อยู่ในมือทำให้บนจอปรากฏหน้าของชายคนหนึ่ง

    "สวัสดี  โทมัส"ชายในจอพูด

    "แกต้องการอะไร รีมัส"กษัตริย์ถาม

    "เห็นผลงานชิ้นใหม่ของผมแล้วใช่ไหม หุ่นยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด หุ่นยนต์ออล์ ดิสทอย"

    "เชอะ! ถึงแกจะทำลายเมืองได้แต่แกก็ขโมยเพชรไม่ได้หรอก"

    "แต่ผมก็มีอาวุธที่จะขโมยเหมือนกัน"รีมัสบอกแล้วพูดกับไมค์ที่อยู่ข้างๆว่า "ออล์ ดิสทอยไปที่หน้าพระราชวัง"

    "ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกมีอาวุธอะไร ขนาดตัวแกเองยังไม่กล้ามาบุกด้วยตนเองเลย"

    "ฉันไม่อยากเสียแรงไปเปล่าๆ"

    "ไม่ใช่ว่าแกกล้วใครอยู่หรอกเหรอ"กษัตริย์โทมัสพูดแล้วรีมัสก็เริ่มหน้าบูดทันที

    "ฉันมีโซนิค สวอร์ดอยู่ฉันจะกลัวคนอื่นไปทำไม"รีมัสคำราม

    "นั่นนะสินะ โซนิค สวอร์ดอันทรงพลังเพียงแค่ตวัดครั้งเดียวทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวก็ถูกทำลายภายในพริบตา แต่แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมแกถึงไม่กล้ามาบุก"กษัตริย์โทมัสพูดเสียงเยาะเย้ย 

    "ฉันไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น!"

    "แล้วเด็กชายอายุสิบแปดปีที่ชื่อวิล สปีริตล่ะ!"เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวทำเอาวิลถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก  ขณะที่รีมัสมีสีหน้าเหมือนถูกคำสบถอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยิน

    "แก!"

    "ทำไม!"

    จากนั้นรีมัสก็หันไปพูดกับไมค์ที่อยู่ข้างๆว่า

    "ปล่อยกองทัพเดอะ ติฟ"แล้วก็หันหน้ามาหากษัตริย์โทมัสอีกครั้ง

    "แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!"รีมัสคำรามอย่างโกรธแค้นจากนั้นจอก็ดับลงเหลือแต่สีดำที่มืดสนิท

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×