ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เรื่องปวดหัว 70 %
  “เอาสร้อยของข้าคืนมา”เจนไนพูดขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าชายโอรัส เวลาเพียงชั่วครูก็มีทหารมากมายมายืนล้อมเขาไว้ แต่เขากับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งมองตรงไปยังเจ้าชายด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
  “บังอาจ!”เสียงหนึ่งดังขึ้น “อย่างเจ้าจะมีสร้อยคอที่ทำมาจากพวกพรายได้อย่างไรกัน”
  “เอาสร้อยของข้าคืนมา” เจนไนย้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่น
  “เจ้าคือหญิงสาวคนนั้นล่ะซิ ข้าขอประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่าหญิงสาวคนนี้คือคนที่ข้าจะเข้าพิธีอภิเษกด้วย” เจ้าชายตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ดังก้องไปทั่ว
  “ไม่ได้! เจ้าทำเกินไปแล้วนะโอรัส เจ้าก็รู้ว่าต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเฟย่า” ฟาโรห์ตรัสด้วยน้ำเสียงที่กริ้วจัด
  “นี่พวกท่าน เอา ”เจนไนพูดยังไม่ทันจบ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นสายตาของผู้ที่กำลังทะเลาะกันอยู่มองมา
  “ก็ได้”เจนไนบ่นอุบอิบ
  “โอรัส เจ้าคิดยังไงที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับผู้หญิงคนนี้” ฟาโรห์ตรัสถามเจ้าชายโอรัส “มีผู้หญิงที่ไหนกันที่ริแต่ตัวเป็นชาย และแสดงท่าทีเช่นนี้”
  “แต่กระหม่อมรักนาง”
  “งั้น ก็ให้นางเป็นแค่สนม”ฟาโรห์ยื่นคำขาด
  “เดี๋ยวๆนี่พวกท่านคงล้อล่นกันใช่ไหม ที่จะให้ผมเป็นนางสนม”เจนไนพูดยิ้มๆ
  “กษัตริย์ไม่เคยพูดล้อเล่น”เมื่อได้ยินดังนั้นเจนไนก็หุบยิ้มในทันที
  “เออ ตอนนี้พวกท่านว่างกันแล้วใช่มะ คืนสร้อยคอให้ผมได้ยัง”เจนไนพูดด้วยสายตาอ้อนวอน
  “ไม่ จนกว่าเราจะได้เข้าพิธีอภิเษกด้วยกัน”เจ้าชายโอรัสตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เฉียบขาด
  “งั้นผมว่า วันหลังผมค่อยมาเอาสร้อยคอคืนดีกว่า”เมื่อพูดจบเจนไนก็วิ่งสุดชีวิตไปที่ประตู เพื่อออกจากปราสาทหลังนั้น “ทหารจับตัวนางมาให้ได้”
  หลังจากทีวิ่งออกมาไกลพอสมควรเจนไนก็หยุดนั่งพักในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง โดยที่เขาไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีคนสี่คนที่ตามเขาเข้ามา
  “องค์หญิง”เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาหันไปมอง
  “อะไรนะ เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไร”เจนไนถาม
  “เมื่อครู่ กระหม่อมเรียกพระองค์ว่าองค์หญิง”ชายที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มกล่าว
  “วันนี้ฉันคงบ้าแน่ๆ เมื่อกี้ก็มีคนอยากแต่งงานด้วย ตอนนี้ยังมีคนมาบอกว่าเป็นองค์หญิงอีก เฮ้อ อยากบ้าโว้ย”เจนไนตะโกน แล้วก็ต้องเงียบเมื่อนึกได้ว่ากำลังหลบทหารที่ตามล่าอยู่
  “ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงคิดว่าฉันเป็นคนที่พวกนายตามหาล่ะ”เจนไนถาม
  “เพราะท่านเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้น”ชายคนเดิมตอบ
  แล้วนายจะแน่ใจได้ไงว่าฉันไม่ได้ไปขโมยมาจากคนอื่น หรือว่าแอบอ้างเป็นเจ้าของ”เจนไนพูดและดูสีหน้าของชายสี่คนนั้น
  “แต่ข้ากลับคิดว่าเจ้าเป็นเจ้าของๆสิ่งนั้นแน่”ชายผมสีน้ำตาลท่าทางเป็นกันเองกล่าว “และดูท่ามันน่าจะเป็นของสำคัญมากด้วย ถึงทำให้นายกล้าทำอย่างนั้น”
  “อืม ใช่”ชายที่เรียกเขาว่าเจ้าหญิงพูดเหมือนนึกอะไรออก พูดแล้วเขาก็ดึงแขนซ้ายของเจนไนไปดู และค่อยๆแกะผ้าที่เขาอุตส่าห์พันไว้บนรอยสักประหลาดออก “นี่ไงคือ หลักฐานกระหม่อม ที่บ่งบอกว่าเป็นพระองค์”
  “แล้วตอนนี้มันกำลังขยายตัวอยู่ ใช่รึเปล่า”เจนไนพยักหน้าแทนคำตอบ
  “ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องรีบกันแล้ว”
  “รีบอะไร?”เจนไนถาม
  “จะช้ามิได้กระหม่อมถ้าหากรอยสักนี้กลืนกินไปทั่วทั้งพระวรกาย  พระองค์ก็จะทรงสิ้นพระชนม์”ชายผู้นั้นพูด และถ้ามองจากดวงตาก็จะรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นั้นมิได้โกหก
  “นายล้อเล่นใช่มะ”เจนไนถามด้วยสายตาละห้อย
  “อย่าทรงกลัวไปเลยกระหม่อม ยังพอมีทางแก้”ชายผู้นั้นพูด ทำให้เจนไนใจชื้นขึ้นมาหน่อย “เราคงต้องรีบกันแล้ว ก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้”
  “เออ ฉันขอไปหาเพื่อนๆก่อนได้รึเปล่า ”เจนไนถาม “เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม”
  “ถ้าเป็นพระประสงค์ก็ย่อมได้”ชายผู้นั้นพูด
_______________
  “เจนไน!”เซรีพูดเมื่อเห็นหน้าเขา ทำให้คาซาฟกับไรอันที่กำลังเก็บของหันมามอง
  ”รีบหนีออกจากเมืองนี้ก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”คาซาฟพูด
  “ฉันจะมาบอกลา”เจนไนพูดด้วยเสียงที่เบา
  “เมื่อกี้นายว่าๆอะไรนะ” เสียงที่ดังของคาซาฟ ทำให้เซรีทำของหลุดจากมือ
   
  “ฉันบอกว่าจะมาบอกลา”เจนไนพูดโดยไม่กล้าสบตาทั้ง 3 “มีคนบอกว่าฉันกำลังจะตาย ฉัน..”
  “แล้วนายก็เชื่อ”คาซาฟพูดด้วยน้ำเสียงโกธรๆ
  “มันมีเหตุผลให้ต้องเชื่อแต่ว่า มันก็มีทางแก้อยู่” เจนไนพูด “ฉันเลยต้องไปกับพวกเขา เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะช่วยได้”เมื่อพูดจบเจนไน ก็หลบไปยืนข้างๆให้ทั้ง 3 เห็นคนที่เขาพูดถึง
  “ไรอัน ”ชายที่เรียกเขาว่าองค์หญิงพูด
  “ท่าน ท่านมาทำอะไรที่นี่”ไรอันถามด้วยสีหน้าตกใจ
  “ข้าควรเป็นฝ่ายที่ถามเจ้ามากกว่านะ ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่ไรอัน!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่มีอำนาจ ผิดกับก่อนหน้านี้ที่พูดกับเจนไนเลย
  “ข้า ข้ามาช่วยเจ้าหญิงอลิเธีย”ไรอันพูด
  “แต่ข้าจำได้นะว่าข้าไม่ได้สั่งเจ้าให้ทำ”ชายผู้นั้นพูด
  “เอาเถอะ ฉันคิดว่าพวกเราควรรีบเก็บของกันก่อนดีกว่านะ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”เจนไนพูดอย่างหวาดๆ
  “แล้วตอนนี้เจ้าหญิงอลิเธียทรงอยู่ที่ไหน”ชายผู้นั้นถามไรอัน โดยที่ไม่ต้องตอบร่างของผู้ที่กำลังถูกกล่าวถึงก็เดินมา
  “ถวายบังคมพะยะค่ะ”ชายคนนั้นทำความเคารพหญิงสาวในทันที
  “ไม่ต้องมากพิธี หรอกท่านแอล” เจ้าหญิงอลิเธียตรัส “ท่านมาทำอะไรที่นี่”
  “เออ คือ”
  สถานะการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจนไนหมดความอดทน เลยพูดว่า “นี่จะคุยกันอีก    นานมะ รีบไปกันได้แล้ว” หลังจากที่เจนไนพูดไม่นานนักรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัว
 
  ทุกๆปีชาวเมืองจะรู้ว่าถ้าหากถึงวันพระราชสมภพของเจ้าชายโอรัสเมื่อไหร่ ไม่นานนักก็จะมาสายฝนโปรยปรายลงมา แล้วปีนี้ก็เป็นดังเคย ครืนๆเสียงฟ้าร้องคำรามบอกผู้คนว่าฝนแรกแห่งปีกำลังจะตก และไม่นานนักหลังจากที่ฟ้าร้อง ฝนเม็ดแรกก็ล่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
  สายฝนแรกแห่งปีทำให้ชาวเมืองหลายคนต่างออกมารับน้ำฝนกัน แม่น้ำสายหลักของเมืองก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
  “บังอาจ!”เสียงหนึ่งดังขึ้น “อย่างเจ้าจะมีสร้อยคอที่ทำมาจากพวกพรายได้อย่างไรกัน”
  “เอาสร้อยของข้าคืนมา” เจนไนย้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่น
  “เจ้าคือหญิงสาวคนนั้นล่ะซิ ข้าขอประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่าหญิงสาวคนนี้คือคนที่ข้าจะเข้าพิธีอภิเษกด้วย” เจ้าชายตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ดังก้องไปทั่ว
  “ไม่ได้! เจ้าทำเกินไปแล้วนะโอรัส เจ้าก็รู้ว่าต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเฟย่า” ฟาโรห์ตรัสด้วยน้ำเสียงที่กริ้วจัด
  “นี่พวกท่าน เอา ”เจนไนพูดยังไม่ทันจบ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นสายตาของผู้ที่กำลังทะเลาะกันอยู่มองมา
  “ก็ได้”เจนไนบ่นอุบอิบ
  “โอรัส เจ้าคิดยังไงที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับผู้หญิงคนนี้” ฟาโรห์ตรัสถามเจ้าชายโอรัส “มีผู้หญิงที่ไหนกันที่ริแต่ตัวเป็นชาย และแสดงท่าทีเช่นนี้”
  “แต่กระหม่อมรักนาง”
  “งั้น ก็ให้นางเป็นแค่สนม”ฟาโรห์ยื่นคำขาด
  “เดี๋ยวๆนี่พวกท่านคงล้อล่นกันใช่ไหม ที่จะให้ผมเป็นนางสนม”เจนไนพูดยิ้มๆ
  “กษัตริย์ไม่เคยพูดล้อเล่น”เมื่อได้ยินดังนั้นเจนไนก็หุบยิ้มในทันที
  “เออ ตอนนี้พวกท่านว่างกันแล้วใช่มะ คืนสร้อยคอให้ผมได้ยัง”เจนไนพูดด้วยสายตาอ้อนวอน
  “ไม่ จนกว่าเราจะได้เข้าพิธีอภิเษกด้วยกัน”เจ้าชายโอรัสตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เฉียบขาด
  “งั้นผมว่า วันหลังผมค่อยมาเอาสร้อยคอคืนดีกว่า”เมื่อพูดจบเจนไนก็วิ่งสุดชีวิตไปที่ประตู เพื่อออกจากปราสาทหลังนั้น “ทหารจับตัวนางมาให้ได้”
  หลังจากทีวิ่งออกมาไกลพอสมควรเจนไนก็หยุดนั่งพักในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง โดยที่เขาไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีคนสี่คนที่ตามเขาเข้ามา
  “องค์หญิง”เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาหันไปมอง
  “อะไรนะ เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไร”เจนไนถาม
  “เมื่อครู่ กระหม่อมเรียกพระองค์ว่าองค์หญิง”ชายที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มกล่าว
  “วันนี้ฉันคงบ้าแน่ๆ เมื่อกี้ก็มีคนอยากแต่งงานด้วย ตอนนี้ยังมีคนมาบอกว่าเป็นองค์หญิงอีก เฮ้อ อยากบ้าโว้ย”เจนไนตะโกน แล้วก็ต้องเงียบเมื่อนึกได้ว่ากำลังหลบทหารที่ตามล่าอยู่
  “ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงคิดว่าฉันเป็นคนที่พวกนายตามหาล่ะ”เจนไนถาม
  “เพราะท่านเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้น”ชายคนเดิมตอบ
  แล้วนายจะแน่ใจได้ไงว่าฉันไม่ได้ไปขโมยมาจากคนอื่น หรือว่าแอบอ้างเป็นเจ้าของ”เจนไนพูดและดูสีหน้าของชายสี่คนนั้น
  “แต่ข้ากลับคิดว่าเจ้าเป็นเจ้าของๆสิ่งนั้นแน่”ชายผมสีน้ำตาลท่าทางเป็นกันเองกล่าว “และดูท่ามันน่าจะเป็นของสำคัญมากด้วย ถึงทำให้นายกล้าทำอย่างนั้น”
  “อืม ใช่”ชายที่เรียกเขาว่าเจ้าหญิงพูดเหมือนนึกอะไรออก พูดแล้วเขาก็ดึงแขนซ้ายของเจนไนไปดู และค่อยๆแกะผ้าที่เขาอุตส่าห์พันไว้บนรอยสักประหลาดออก “นี่ไงคือ หลักฐานกระหม่อม ที่บ่งบอกว่าเป็นพระองค์”
  “แล้วตอนนี้มันกำลังขยายตัวอยู่ ใช่รึเปล่า”เจนไนพยักหน้าแทนคำตอบ
  “ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องรีบกันแล้ว”
  “รีบอะไร?”เจนไนถาม
  “จะช้ามิได้กระหม่อมถ้าหากรอยสักนี้กลืนกินไปทั่วทั้งพระวรกาย  พระองค์ก็จะทรงสิ้นพระชนม์”ชายผู้นั้นพูด และถ้ามองจากดวงตาก็จะรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นั้นมิได้โกหก
  “นายล้อเล่นใช่มะ”เจนไนถามด้วยสายตาละห้อย
  “อย่าทรงกลัวไปเลยกระหม่อม ยังพอมีทางแก้”ชายผู้นั้นพูด ทำให้เจนไนใจชื้นขึ้นมาหน่อย “เราคงต้องรีบกันแล้ว ก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้”
  “เออ ฉันขอไปหาเพื่อนๆก่อนได้รึเปล่า ”เจนไนถาม “เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม”
  “ถ้าเป็นพระประสงค์ก็ย่อมได้”ชายผู้นั้นพูด
_______________
  “เจนไน!”เซรีพูดเมื่อเห็นหน้าเขา ทำให้คาซาฟกับไรอันที่กำลังเก็บของหันมามอง
  ”รีบหนีออกจากเมืองนี้ก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”คาซาฟพูด
  “ฉันจะมาบอกลา”เจนไนพูดด้วยเสียงที่เบา
  “เมื่อกี้นายว่าๆอะไรนะ” เสียงที่ดังของคาซาฟ ทำให้เซรีทำของหลุดจากมือ
   
  “ฉันบอกว่าจะมาบอกลา”เจนไนพูดโดยไม่กล้าสบตาทั้ง 3 “มีคนบอกว่าฉันกำลังจะตาย ฉัน..”
  “แล้วนายก็เชื่อ”คาซาฟพูดด้วยน้ำเสียงโกธรๆ
  “มันมีเหตุผลให้ต้องเชื่อแต่ว่า มันก็มีทางแก้อยู่” เจนไนพูด “ฉันเลยต้องไปกับพวกเขา เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะช่วยได้”เมื่อพูดจบเจนไน ก็หลบไปยืนข้างๆให้ทั้ง 3 เห็นคนที่เขาพูดถึง
  “ไรอัน ”ชายที่เรียกเขาว่าองค์หญิงพูด
  “ท่าน ท่านมาทำอะไรที่นี่”ไรอันถามด้วยสีหน้าตกใจ
  “ข้าควรเป็นฝ่ายที่ถามเจ้ามากกว่านะ ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่ไรอัน!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่มีอำนาจ ผิดกับก่อนหน้านี้ที่พูดกับเจนไนเลย
  “ข้า ข้ามาช่วยเจ้าหญิงอลิเธีย”ไรอันพูด
  “แต่ข้าจำได้นะว่าข้าไม่ได้สั่งเจ้าให้ทำ”ชายผู้นั้นพูด
  “เอาเถอะ ฉันคิดว่าพวกเราควรรีบเก็บของกันก่อนดีกว่านะ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”เจนไนพูดอย่างหวาดๆ
  “แล้วตอนนี้เจ้าหญิงอลิเธียทรงอยู่ที่ไหน”ชายผู้นั้นถามไรอัน โดยที่ไม่ต้องตอบร่างของผู้ที่กำลังถูกกล่าวถึงก็เดินมา
  “ถวายบังคมพะยะค่ะ”ชายคนนั้นทำความเคารพหญิงสาวในทันที
  “ไม่ต้องมากพิธี หรอกท่านแอล” เจ้าหญิงอลิเธียตรัส “ท่านมาทำอะไรที่นี่”
  “เออ คือ”
  สถานะการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจนไนหมดความอดทน เลยพูดว่า “นี่จะคุยกันอีก    นานมะ รีบไปกันได้แล้ว” หลังจากที่เจนไนพูดไม่นานนักรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัว
 
  ทุกๆปีชาวเมืองจะรู้ว่าถ้าหากถึงวันพระราชสมภพของเจ้าชายโอรัสเมื่อไหร่ ไม่นานนักก็จะมาสายฝนโปรยปรายลงมา แล้วปีนี้ก็เป็นดังเคย ครืนๆเสียงฟ้าร้องคำรามบอกผู้คนว่าฝนแรกแห่งปีกำลังจะตก และไม่นานนักหลังจากที่ฟ้าร้อง ฝนเม็ดแรกก็ล่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
  สายฝนแรกแห่งปีทำให้ชาวเมืองหลายคนต่างออกมารับน้ำฝนกัน แม่น้ำสายหลักของเมืองก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น