ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจนไน ธิดาแห่งพราย

    ลำดับตอนที่ #6 : เรื่องปวดหัว 70 %

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 48


       “เอาสร้อยของข้าคืนมา”เจนไนพูดขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าชายโอรัส เวลาเพียงชั่วครูก็มีทหารมากมายมายืนล้อมเขาไว้ แต่เขากับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งมองตรงไปยังเจ้าชายด้วยสายตาที่เคร่งขรึม



       “บังอาจ!”เสียงหนึ่งดังขึ้น “อย่างเจ้าจะมีสร้อยคอที่ทำมาจากพวกพรายได้อย่างไรกัน”



       “เอาสร้อยของข้าคืนมา” เจนไนย้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่น



       “เจ้าคือหญิงสาวคนนั้นล่ะซิ ข้าขอประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่าหญิงสาวคนนี้คือคนที่ข้าจะเข้าพิธีอภิเษกด้วย” เจ้าชายตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ดังก้องไปทั่ว



       “ไม่ได้! เจ้าทำเกินไปแล้วนะโอรัส เจ้าก็รู้ว่าต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเฟย่า” ฟาโรห์ตรัสด้วยน้ำเสียงที่กริ้วจัด



       “นี่พวกท่าน เอา…”เจนไนพูดยังไม่ทันจบ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นสายตาของผู้ที่กำลังทะเลาะกันอยู่มองมา



       “ก็ได้”เจนไนบ่นอุบอิบ



       “โอรัส เจ้าคิดยังไงที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับผู้หญิงคนนี้” ฟาโรห์ตรัสถามเจ้าชายโอรัส “มีผู้หญิงที่ไหนกันที่ริแต่ตัวเป็นชาย และแสดงท่าทีเช่นนี้”



       “แต่กระหม่อมรักนาง”



       “งั้น ก็ให้นางเป็นแค่สนม”ฟาโรห์ยื่นคำขาด



       “เดี๋ยวๆนี่พวกท่านคงล้อล่นกันใช่ไหม ที่จะให้ผมเป็นนางสนม”เจนไนพูดยิ้มๆ



       “กษัตริย์ไม่เคยพูดล้อเล่น”เมื่อได้ยินดังนั้นเจนไนก็หุบยิ้มในทันที



       “เออ…ตอนนี้พวกท่านว่างกันแล้วใช่มะ คืนสร้อยคอให้ผมได้ยัง”เจนไนพูดด้วยสายตาอ้อนวอน



       “ไม่ จนกว่าเราจะได้เข้าพิธีอภิเษกด้วยกัน”เจ้าชายโอรัสตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เฉียบขาด



       “งั้นผมว่า…วันหลังผมค่อยมาเอาสร้อยคอคืนดีกว่า”เมื่อพูดจบเจนไนก็วิ่งสุดชีวิตไปที่ประตู เพื่อออกจากปราสาทหลังนั้น “ทหารจับตัวนางมาให้ได้”



       หลังจากทีวิ่งออกมาไกลพอสมควรเจนไนก็หยุดนั่งพักในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง โดยที่เขาไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีคนสี่คนที่ตามเขาเข้ามา



       “องค์หญิง”เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาหันไปมอง



       “อะไรนะ เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไร”เจนไนถาม



       “เมื่อครู่ กระหม่อมเรียกพระองค์ว่าองค์หญิง”ชายที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มกล่าว



       “วันนี้ฉันคงบ้าแน่ๆ เมื่อกี้ก็มีคนอยากแต่งงานด้วย ตอนนี้ยังมีคนมาบอกว่าเป็นองค์หญิงอีก เฮ้อ…อยากบ้าโว้ย”เจนไนตะโกน แล้วก็ต้องเงียบเมื่อนึกได้ว่ากำลังหลบทหารที่ตามล่าอยู่



       “ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงคิดว่าฉันเป็นคนที่พวกนายตามหาล่ะ”เจนไนถาม



       “เพราะท่านเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้น”ชายคนเดิมตอบ



       แล้วนายจะแน่ใจได้ไงว่าฉันไม่ได้ไปขโมยมาจากคนอื่น หรือว่าแอบอ้างเป็นเจ้าของ”เจนไนพูดและดูสีหน้าของชายสี่คนนั้น



       “แต่ข้ากลับคิดว่าเจ้าเป็นเจ้าของๆสิ่งนั้นแน่”ชายผมสีน้ำตาลท่าทางเป็นกันเองกล่าว “และดูท่ามันน่าจะเป็นของสำคัญมากด้วย ถึงทำให้นายกล้าทำอย่างนั้น”



       “อืม…ใช่”ชายที่เรียกเขาว่าเจ้าหญิงพูดเหมือนนึกอะไรออก พูดแล้วเขาก็ดึงแขนซ้ายของเจนไนไปดู และค่อยๆแกะผ้าที่เขาอุตส่าห์พันไว้บนรอยสักประหลาดออก “นี่ไงคือ หลักฐานกระหม่อม ที่บ่งบอกว่าเป็นพระองค์”



       “แล้วตอนนี้มันกำลังขยายตัวอยู่ ใช่รึเปล่า”เจนไนพยักหน้าแทนคำตอบ



       “ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องรีบกันแล้ว”



       “รีบอะไร?”เจนไนถาม



       “จะช้ามิได้กระหม่อมถ้าหากรอยสักนี้กลืนกินไปทั่วทั้งพระวรกาย  พระองค์ก็จะทรงสิ้นพระชนม์”ชายผู้นั้นพูด และถ้ามองจากดวงตาก็จะรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นั้นมิได้โกหก



       “นายล้อเล่นใช่มะ”เจนไนถามด้วยสายตาละห้อย



       “อย่าทรงกลัวไปเลยกระหม่อม ยังพอมีทางแก้”ชายผู้นั้นพูด ทำให้เจนไนใจชื้นขึ้นมาหน่อย “เราคงต้องรีบกันแล้ว ก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้”



       “เออ…ฉันขอไปหาเพื่อนๆก่อนได้รึเปล่า…”เจนไนถาม “เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม”



       “ถ้าเป็นพระประสงค์ก็ย่อมได้”ชายผู้นั้นพูด



    _______________



       “เจนไน!”เซรีพูดเมื่อเห็นหน้าเขา ทำให้คาซาฟกับไรอันที่กำลังเก็บของหันมามอง



       ”รีบหนีออกจากเมืองนี้ก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”คาซาฟพูด



       “ฉันจะมาบอกลา”เจนไนพูดด้วยเสียงที่เบา



       “เมื่อกี้นายว่าๆอะไรนะ” เสียงที่ดังของคาซาฟ ทำให้เซรีทำของหลุดจากมือ

        

       “ฉันบอกว่าจะมาบอกลา”เจนไนพูดโดยไม่กล้าสบตาทั้ง 3 “มีคนบอกว่าฉันกำลังจะตาย ฉัน..”



       “แล้วนายก็เชื่อ”คาซาฟพูดด้วยน้ำเสียงโกธรๆ



       “มันมีเหตุผลให้ต้องเชื่อแต่ว่า…มันก็มีทางแก้อยู่” เจนไนพูด “ฉันเลยต้องไปกับพวกเขา เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะช่วยได้”เมื่อพูดจบเจนไน ก็หลบไปยืนข้างๆให้ทั้ง 3 เห็นคนที่เขาพูดถึง



       “ไรอัน…”ชายที่เรียกเขาว่าองค์หญิงพูด



       “ท่าน…ท่านมาทำอะไรที่นี่”ไรอันถามด้วยสีหน้าตกใจ



       “ข้าควรเป็นฝ่ายที่ถามเจ้ามากกว่านะ ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่ไรอัน!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่มีอำนาจ ผิดกับก่อนหน้านี้ที่พูดกับเจนไนเลย



       “ข้า…ข้ามาช่วยเจ้าหญิงอลิเธีย”ไรอันพูด



       “แต่ข้าจำได้นะว่าข้าไม่ได้สั่งเจ้าให้ทำ”ชายผู้นั้นพูด



       “เอาเถอะ ฉันคิดว่าพวกเราควรรีบเก็บของกันก่อนดีกว่านะ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”เจนไนพูดอย่างหวาดๆ



       “แล้วตอนนี้เจ้าหญิงอลิเธียทรงอยู่ที่ไหน”ชายผู้นั้นถามไรอัน โดยที่ไม่ต้องตอบร่างของผู้ที่กำลังถูกกล่าวถึงก็เดินมา



       “ถวายบังคมพะยะค่ะ”ชายคนนั้นทำความเคารพหญิงสาวในทันที



       “ไม่ต้องมากพิธี หรอกท่านแอล” เจ้าหญิงอลิเธียตรัส “ท่านมาทำอะไรที่นี่”



       “เออ…คือ”



       สถานะการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจนไนหมดความอดทน เลยพูดว่า “นี่จะคุยกันอีก     นานมะ รีบไปกันได้แล้ว” หลังจากที่เจนไนพูดไม่นานนักรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัว

      

      ทุกๆปีชาวเมืองจะรู้ว่าถ้าหากถึงวันพระราชสมภพของเจ้าชายโอรัสเมื่อไหร่ ไม่นานนักก็จะมาสายฝนโปรยปรายลงมา แล้วปีนี้ก็เป็นดังเคย ครืนๆเสียงฟ้าร้องคำรามบอกผู้คนว่าฝนแรกแห่งปีกำลังจะตก และไม่นานนักหลังจากที่ฟ้าร้อง ฝนเม็ดแรกก็ล่วงหล่นลงจากฟากฟ้า



       สายฝนแรกแห่งปีทำให้ชาวเมืองหลายคนต่างออกมารับน้ำฝนกัน แม่น้ำสายหลักของเมืองก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×