ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เนมฟาฮาร์ (The story of Namfahr)

    ลำดับตอนที่ #4 : สารจากแดนไกล

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 49


     

       …วันรุ่งขึ้นเจ้าชายได้มีคำสั่งให้นายทหารคนหนึ่งสืบประวัติของโรเจอร์ และได้ความมาว่า “คนที่ฝ่าบาทให้หม่อมฉันไปสืบหานั้นเป็นคนต่างถิ่น มาถึงเมืองได้แค่สองวันก็ติดคุกพะยะคะเมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าชายก็ถามต่อว่า แล้วเขาติดคุกด้วยข้อหาอะไรกัน

       

        ชายผู้นี้ได้ไปมีเรื่องมีราวกับหลานชายของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายพะยะค่ะ แล้วยัง...เออ มีข่าวลือที่ว่าชายผู้นั้นเป็นปีศาจอีกด้วยทหารคนนั้นตอบ

     

        เจ้าชายคิดอะไรบางอย่างในใจก่อนที่จะสั่งออกไปว่าเจ้าจงนำคำสั่งเราไป ให้ปล่อยตัวชายผู้นั้นพรุ่งนี้

     

        แต่มันอาจจะไม่เป็นการดีนะพะยะคะ เพราะมันอาจ…”นายทหารคนนั้นพูด

     

        เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วทำตามที่เราบอกก็พอ

     

        คำสั่งที่เจ้าชายคารอสทรงมีพระกระแสรับสั่งออกไป ไม่ถึงชั่วโมงก็รู้ถึงหูท่านเสนาบดี ซึ่งก็เป็นดังคาดท่านเสนาบดีมาขอเข้าเฝ้าพระองค์ในทันที

     

       ตัวข้าพระองค์ไม่เคยยุ่งกับเรื่องของพระองค์ แต่พระองค์ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรผู้มีตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นฝ่ายพูดก่อน

     

        เปล่าเราไม่ได้อยากจะหาเรื่องกับท่าน เพียงแต่เราแค่ไม่อยากเห็นท่านถูกชาวเมืองตำหนิได้ว่า ผู้ใหญ่ไปยุ่งเรื่องของเด็ก เจ้าชายพูด แต่ไม่ทันที่เสนาบดีจะได้โต้ตอบอะไรก็มีนายทหารผู้หนึ่งเข้ามาตามทั้งสองคนไปที่ท้องพระโรง

     

        ณ ท้องพระโรง ที่นั้นก็ได้มีเหล่าขุนนางและเหล่าทหารมากมายรออยู่หน้าห้องประชุม ทำให้ทั้งสองรีบเข้าไปในที่ประชุมทันที

     

        เมื่อทุกคนมาประชุมกันพร้อมหน้าแล้ว อากอนกษัตริย์แห่งโนสไอเรสก็กล่าวว่า ได้มีสารลับที่สำคัญมาส่งมาจากอาณาจักรนาราเชีย แจ้งว่าตอนนี้ศิลาเลือดได้หายไปแล้ว จำเป็นต้องใช้อาวุธทั้ง 6 อีกครั้งดังนั้นจึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังทุกๆอาณาจักรให้ส่งตัวแทนไปยังโรงแรมโฟร์เบีย เมืองแชนเดียร์ ทางตอนใต้ของเฟอกัลดาส ภายใน 10 วัน ”

     

        ทุกท่านมีความเห็นกันว่าอย่างบ้างอากอนผู้เป็นกษัตริย์ถามความคิดเห็น

     

        เสนาบดีฝ่ายซ้ายได้โอกาสจึงกล่าวว่า ภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ หม่อมฉันเสนอให้เจ้าชายคารอสเป็นตัวแทนของเมืองเราพะยะคะ

     

        ว่าไงล่ะ…”เสนาบดีฝ่ายซ้ายถามแล้วยิ้มเยาะ

     

        ตกลงเราจะไปเจ้าชายคารอสตอบอย่างมั่นใจ

     

        ดี คารอสลูกของเราจะเป็นตัวแทนไป พวกท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง”อากอนถาม ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

     

        “เมื่อทุกคนเห็นด้วยแล้ว เราก็ขอจบการประชุมเท่านี้

     

        หลังจากที่พระราชสารได้ประกาศไปทั่วทั้งเมืองแล้วก็มีคนมากมายที่เตรียมตัวเดินทาง แต่สำหรับเจ้าชายคารอสแล้วกลับเป็นเรื่องที่ทำให้กังวลใจมาก

     

        และเมื่อความมืดคลืบคลานมาอีกครั้ง เจ้าชายก็เสด็จตามเส้นทางเดิมที่ทอดตรงไปยังคุกใต้ดิน เพื่อจะไปพบโรเจอร์ตามสัญญา แต่คืนนี้ด้วยความว้าวุ่นที่เจ้าชายมีทำให้เกือบถูกจับได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามทรงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด และไปพบโรเจอร์พร้อมทั้งอาหารได้ตามสัญญา

     

        ข้านึกว่าท่านจะไม่มาตามสัญญาเสียแล้วโรเจอร์พูดพร้อมกับรับอาหารเข้าไปกิน ขณะที่กิน โรเจอร์ก็พูดว่า

     

        ข้าชื่อโรเจอร์ เมื่อวานที่ท่านบอกว่าเข้ามาเพราะว่าอยากรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร ข้าว่าท่านต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย กะอีกแค่เสียงที่ได้ยินก็ต้องมาให้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น

      

        …โรเจอร์นายอย่าเรียกฉันว่าท่านเลย พูดแบบเพื่อนธรรมดาที่เรียกกันก็ได้ ฉันชื่อว่าคารอสเจ้าชายตรัส

     

        โรเจอร์เห็นว่าคารอสมีสีหน้าเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจเลยถามออกไปว่า นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะได้ช่วย เพราะวันพรุ่งนี้ฉันก็จะออกจากคุกแล้ว

     

        จริงสิ ดีเลยงั้นนายเดินทางไปกับฉันได้ไหม ฉันต้องออกไปตามหาเดพาโต้” คารอสเงียบไป ก่อนจะพูดต่อว่า โรเจอร์ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับนายว่าที่จริงแล้ว ฉันเป็น...”

        

        ยังไม่ทันที่คารอสจะพูดจบโรเจอร์ก็พูดแทรกขึ้นว่า ได้สิ เดพาโต้… อืม…ใช่อาวุธที่ใช้ในการต่อสู้กับกองทัพปีศาจรึเปล่า แล้วว่าแต่ว่าเจ้าจะไปหาไอ้ของที่ว่าที่ไหนล่ะ

     

        ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดนะมันคงจะเป็นที่แชงกรีฟามั้ง

     

    พรึด!!

    โรเจอร์สำลักน้ำที่เพิ่งดื่ม

     

        “เป็นอะไรรึเปล่า”

     

        แค็กๆ มะ…ไม่เป็นไร เจ้าพูดต่อไปเหอะ

     

        จากจุดที่นัดพบคือเมืองแชนเดียร์ ซึ่งเท่าที่ฉันรู้ๆก็คือ มันเป็นปากทางเข้าของแชนเดียรา ตามตำนานก็กล่าวเอาไว้ว่า เป็นเมืองที่มีแต่ความสงบสุข ผู้คนอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความขัดแย้ง เป็นอาณาจักรลึกลับที่รวมสรรพความรู้ทั้งมวล โดยกษัตริย์มีหน้าที่อย่าเดียวคือปกป้องความรู้ทั้งมวล เมื่อโลกปกคลุมไปด้วยความโลภและความชั่วคารอสพูด

     

       โรเจอร์แถบจะกั้นหัวเราะไม่ไหวกับสิ่งที่คารอสพูด เพราะว่าที่นั้นคือเมืองของเขาเองและพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ลี้ลับ ตามที่พวกมนุษย์เข้าใจด้วย พวกเขาเป็นเพียงชนเผ่าหนึ่งที่เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่ปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมและมีหน้าที่ปกป้องความรู้ต่างๆไม่ให้ไปตกอยู่ในมือคนชั่วเท่านั้นเอง

     

       …แต่เรื่องพวกนั้น มันได้กลายเป็นอดีตไปแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว

     

        มีเรื่องที่ให้เขาข้องใจอย่างมากก็คือ ทำไมอาวุธพวกนั้นถึงไปเกี่ยวข้องกับเมืองเขาได้ ซึ่งตามปกติชนเผ่าของเขามักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชนเผ่าอื่น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

        มันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าไม่ใช่เหรอ แล้วเจ้าจะไปทำไม!?

     

        “…”

     

       “แต่เอาเถอะข้าจะช่วยเจ้าเอง” โรเจอร์กล่าว “เออ...แล้วเมื่อกี้เจ้าจะพูดว่าเป็นอะไรนะ ยังพูดไม่จบเลยนี่

     

        ปะ…เปล่าไม่มีอะไร พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าที่หน้าประตูเมืองนะคารอสพูดพร้อมกับจากไป

     

    -------------------

      

        ณ ใจกลางเมืองนาราเชีย มหานครเมืองหลวงแห่งทวยเทพ ได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหญิงเอเรียสผู้ศิริโฉมได้หายตัวไป ทหาร ข้าหลวง และนางกำนัลตามหาตัวเจ้าหญิงให้วุ่นไปหมดจนกระทั่งได้เจอจดหมายที่เจ้าหญิงทิ้งไว้ให้ จึงได้นำไปถวายให้พระราชาทอดพระเนตร

     

        ในจดหมายมีใจความว่า เสด็จพ่อไม่ต้องส่งทหารตามหาลูกนะพระเจ้าคะ เพราะลูกจะออกเดินทางไปตามหาอาวุธเหล่านั้นด้วยตัวเอง และถ้าหากเสด็จพ่อส่งทหารออกตามหาลูกและนำตัวลูกกลับ ลูกจะหนีเสด็จพ่อไปและไม่กลับมาให้เห็นอีกเลย ดูแลสุขภาพด้วยนะเพคะเสด็จพ่อ จากเจ้าหญิงเอเรียส

     

        หลังจากออกจากพระราชวังองค์หญิงก็แปลงกายเป็นชายโดยใช้นามว่า มีเทีย และได้หาผู้ที่จะนำทางไปยังเมืองแชงกรีฟา

     

        หลังจากที่ถามหลายๆคน ก็ได้มีชายคนหนึ่งคนแนะนำให้เข้าไปที่ร้านเบียร์ ฟรอน ที่นั้นเป็นแหล่งรวมของหลายๆอย่างที่ผิดกฎหมาย ในบางครั้งก็มีการค้าหรือติดต่อธุรกิจการจ้างฆ่า ซึ่งอาจจะเรียกง่ายๆว่า ตลาดมืดนั้นเอง ชายคนนั้นบอกว่า เขาอาจจะหาผู้นำทางได้ที่นั้น

     

        เมื่อไปถึงมีเทียมองตึกเก่าๆด้วยความสมเพช ตัวตึกทำจากวัสดุที่เป็นไม้ ซึ่งในตอนนี้ดูโทรมมาก บริเวณร้านและตึกรามบ้านช่องแถวนั้นมีร่องรอยของการต่อสู้มากมายอย่างเห็นได้ชัด

     

       ฉันต้องเข้าไปจริงๆหรอเนี่ยมีเทียรำพึงกับตัวเอง ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าไป

     

        เมื่อเข้าไปสภาพในร้านก็ไม่ได้แตกต่างไปจากร้านเบียร์ที่เก่าๆและธรรมดาๆร้านหนึ่งเลย แต่ที่เห็นจะต่างไปก็ตรงที่มีความรู้สึกเหมือนถูกคุกคามตลอดเวลาจากสายตาคนในร้านที่จ้องมองมา เจ้าหญิงในนามของมีเทียได้เข้าถามทุกคนดูแต่ไม่มีใครสามารถพาไปได้ จนกระทั่งได้พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมร้านที่จองมองเขาอยู่ตลอดเวลา

     

        “เจ้าต้องการอะไร”มีเทียเดินไปที่โต๊ะและถามถึงจุดประสงค์ของชายผู้นั้น

     

        “เปล่านี่…”ชายผู้นั้นปฎิเสธ

     

        “แล้วเจ้ามองข้าทำไม”

     

        “หรือเจ้าคิดว่าข้าจะทำเรื่องแบบนั้นกับเจ้า” ชายคนนั้นพูดพลางมองไปที่ใบหน้าของมีเทีย “นั่งลง!!

     

        “เจ้าถามหาคนนำทางไปที่แชงกรีฟาทำไม”ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้น

     

        “ข้าต้องการตามหาบางสิ่งจากที่นั้น” มีเทียพูด “บางสิ่งที่…สำคัญมาก”

     

        “แล้วค่าตอบแทนล่ะ”

     

        “ไม่อั้น แต่…เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”มีเทียยื่นเงื่อนไข

     

        “ได้ ตกลง…” ชายผู้นั้นโยนเหรียญจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะเป็นค่าบรั่นดี และเดินตามเด็กหนุ่มผู้เป็นนายจ้างของเขาออกไปนอกร้าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×