ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บุกปราสาท
อัสวานมารอหญิงสาวเป็นเวลานานแล้ว ก็ตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ดวงอาทิตย์ตอนนี้ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว อากาศเริ่มเย็นตัวลง แต่ในใจอัสวานกลับยิ่งร้อนรุ้ม
‘เมื่อไรจะมาเนี่ย’
  เมื่อเวลาผ่านไป 2ชั่วโมง เจนไนก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้ที่เจอเมื่อเช้า เจ้าชายอัสวานเข้าไปต่อว่าในทันที “ทำไมเจ้าถึงมาช้า”
  “ก็ฉันจะไปรู้ได้ไง ว่าไอ้ตอนเย็นของนายเนี่ยมันกี่โมงกันแน่ อันที่จริงฉันกระจะนอนต่ออีกซักหน่อยนะเนี่ย แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้ประตูวังเนี่ย มันด้านไหน”เจนไนพูด
  “แล้วทำไมเจ้าไม่ถามข้าก่อน”เด็กหนุ่มว่า
  เจนไนขี้เกียจเถียงต่อเลยพูดว่า “ไหนล่ะ ของๆฉัน” อัสวานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาบางสิ่ง แต่สิ่งที่เด็กชายหยิบออกมาหาใช่สิ่งที่เขาต้องการไม่ มันเป็นกระดาษสีน้ำตาลเนื้อหนาและหยาบจำนวนหนึ่ง อัสวาลค่อยๆเปิดมันออก ในนั้นเป็นรูปแผนผังของห้องๆหนึ่งและเส้นทางห้องต่างๆในวัง   
  “ข้าจะนำทางเจ้าไป แล้วเจ้าก็เข้าไปเอาของในห้องนี้เอง ส่วนข้าจะถ่วงเวลาพี่ชายไว้ให้ ถ้าได้ของแล้วก็ออกมาหาข้าที่ห้องนี้” ซีลิสเอานิ้วชี้ไปที่แผ่นที่”ตกลงตามนี้ถ้าพลาดเจ้าก็หาทางหนีเอาเองแล้วกัน”
  “เดี๋ยว แล้วนายถ่วงเวลาได้นานเท่าไร”เจนไนถาม
  “ครึ่งชั่วโมง ถ้ามากสุดก็ชั่วโมงหนึ่ง”อัสวานตอบ เจนไนพยักหน้ารับรู้และไม่ได้พูดอะไรอีก
  เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในเขตวัง ตลอดทางที่ผ่านเหล่าทหารก็จะทำความเคารพเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าของเจนไน มันทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ ซึ่งก็เป็นผลดีต่อเขามากที่มีคนเห็นว่าเขาเข้ามากับเด็กหนุ่มหากมีอะไรผิดพลาด และที่สำคัญมันทำให้เขารู้จำนวนทหาร ที่อยู่ตามจุดต่างๆที่เขาเดินผ่าน
  “ถวายบังคมพะยะคะองค์ชาย เสด็จอยู่ที่ไหนมา กระหม่อมตามหาทั่ววังเลย แล้วนั้นใครกันผู้ชายที่ตามเสด็จมาข้างหลัง”เจนไนละสายตาจากทหารยามที่อยู่ตามจุดต่างๆ และมองไปที่ต้นเสียงทำให้เขาเห็นชายสูงอายุคนหนึ่ง จากการแต่งกายของชายผู้นั้น ทำให้เจนไนรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาๆ
  “เขาเป็นสหายข้าเอง ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ข้าจะได้ไปหาเสด็จพี่”เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาพูดอย่างร้อนรนและรีบเดินไปในทันที ทำให้เจนไนงงกับการกระทำนั้นเป็นอย่างมาก
  เจนไนเดินตามอัสวานเข้าไปในประตูบานหนึ่งสิ่งที่อยู่ข้างหลังประตูนั้นสะกดสายตาของเขาไนไว้ สิ่งที่เขาเห็นคือซุ้มเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ทอดตัวยาวไปเลื่อยๆไปจนถึงบัลลังก์หินอ่อนที่แกะสลักอย่างสวยงาม “ตามข้ามาทางนี้” อัสวานพูด เมื่อไม่เห็นเจนไนตามมา
  “เจ้าคงเห็นแล้วล่ะสิ ว่าทำไมถึงไม่คู่ควรกับพี่ข้า”
  ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปตามทางเดินตรงยาว เมื่อถึงทางแยกทาง อัสวานก็เดินเลี้ยวไปทางซ้าย ที่มีบันไดหินอ่อนที่แกะสลักอย่างสวยงามทอดตัวขึ้นไปสู่ขั้นบน และเมื่อขึ้นบันไดไปขั้นที่ร้อยกว่า เจนไนก็ถามว่า “นี่เรากำลังจะไปห้องนอนพี่ชายนายใช่ปะ”
  อัสวานหยุดเดินและหันมามองเจนไนก่อนจะบอกว่า”เปล่าทางที่เจ้าต้องไปคือ ตอนที่ผ่านทางแยกทางนั้นเจ้าต้องไปทางขวา”
  “อะไรนะ ล้อเล่นใช่มะ”เจนไนร้อง
  “ข้าไม่ได้ล้อเล่น แต่เจ้าคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าพี่ข้าจะเดินจากห้องนอนมายังห้องทำงานได้ที่ไกลกันภายในเวลาไม่นาน ที่จริงมันมีเส้นทางที่เชื่อมต่อปราสาทปีกซ้ายและขวาอยู่ จากเส้นทางที่อยู่ติดกับห้องทำงานพี่ข้า แล้วก็เดินตามระเบียงทางตรงเชื่อมปีกปราสาททั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน”
  “เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย”เจนไนถอนใจอย่างโล่งอก
  “หวัดดี ท่านพี่”อัสวานพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาชายที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้พูด ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานซึ่งมีหนังสือ ราชโองการ และประการต่างๆวางอยู่เต็มไปหมด
  “ไงเจ้าตัวยุ่ง รู้รึเปล่าครูของเจ้ากำลังตามหาตัวอยู่”ชายคนนั้นพูดเสียงเข้ม
  “ข้ารู้แล้ว แต่ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับที่พี่เป็นการส่วนตัว”อัสวานพูด
  “ได้สิ พวกเจ้าออกไปก่อน”ชายผมดำคนนั้นหันไปบอกกับเหล่าทหารทำให้เจนไนได้โอกาสออกไปข้างนอก
  ‘ทางเดินที่อยู่ติดกับห้องทำงาน มันอยู่ตรงไหนวะเนี่ย’ เจนไนคิดพร้อมกับมองหาและในที่สุดเขาก็หามันเจอ เจนไนหลบพวกทหารและเดินเข้าไปในนั้น
  มันเส้นทางตรงที่มืด มีเพียงแสงสว่างสลัวๆจากคบเพลิงตามทางเดิน ที่ส่องทางเท่านั้น เจนไนเดินไปได้ซักพักก็เห็นแสงสว่างสุดทาง มันเป็นแสงอ่อนๆของอาทิตย์ยามเย็น เมื่อเจนไนไนเดินไปที่แสงสว่างนั้นก็พบกับระเบียงทางเดินหินที่ทอดตัวไปยังอีกฝั่งของปราสาท เมื่อเจนไนเดินข้ามระเบียงไปสุดทางก็เห็นทหารยามสองคนยืนอยู่ ทำไงดีเนี่ย เจนไนนั่งลงและเอาแผนที่มาเปิดดู
  ภายใต้แสงไฟที่สลัวๆของคบเพลิง เผยให้เห็นร่างของเจ้าหญิงเฟย่าผู้สิริโฉม ที่กำลังเดินไปยังปีกขวาของปราสาทเพื่อไปหาโอรัสพระเชษฐาพระองค์
  เจนไนปีนออกมาจากระเบียงตรงนั้น อ้อมตัวปราสาท และเข้าไปในนั้นได้ในที่สุด เมื่อเข้าไปในห้องเจนไนก็มองหาเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆของเขา
    “เจ้าชายโอรัสไม่อยู่ พะยะคะ”ทหารยามคนหนึ่งพูดเมื่อเจ้าหญิงตรัสถาม
    “ไม่เป็นไร ข้าจะเข้าไปรอเสด็จพี่ข้างใน”เจ้าหญิงพูดพร้อมกับเดินเข้าไปข้าง
    และในที่สุดเขาก็เจอมัน มันถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้ที่แกะสลักอย่างประณีต เจนไนก้าวเข้าไปเพื่อที่จะหยิบ แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ทำให้เขาตัดสินใจพุ่งตัวไปหามันในทันที แต่ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเจ้าหญิงเฟย่าเข้ามาและเห็นเข้า
    “ทหาร มีคนบุกรุก”เธอร้องขึ้น เจนไนรีบแหวกผ้าม่านและปีนออกไปนอกหน้าต่างทันที เมื่อทหารเข้ามาก็ทรงรับสั่งให้ตามไป
  เจนไนรีบปีนไปตามกำแพงปราสาทและวิ่งอย่างรวดเร็วไปบนหลังคาของปราสาทจนสามารถออกไปถึงกำแพงวังได้ แต่มันง่ายขนาดนั้นเพราะมีทหารจำนวนมากอยู่ทำให้เขาต้องสู้
  ควับ!! เสียงดาบที่แหวกอากาศ เมื่อเจนไนเอี้ยวตัวหลบคมดาบได้ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปและซัดฝ่ามือที่ท้ายทอยของชายคนนั้นในทันที
  ฉัวะ!! เสียงดาบที่เฉือนเข้าไปในเนื้อของเจนไนเรียกเลือดให้ไหลออกมาในทันที ด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยอำนวยทำให้เขาพลาดท่า เมื่อหันหลังกลับไปจะเล่นงานคนที่ฟันเขา
  เคร้ง!!เสียงโลหะที่เรียกว่าดาบกระทบกัน ดังมาจากข้างหลัง เจนไนไม่มีเวลาหันกลับไปดูได้แต่หันหลังชนกับคนผู้นั้นต่อไปโดยใช้มีดสั้นที่ซื้อมาเมื่อตอนเย็น
  ระวัง!! เจนไนร้องเมื่อเห็นทหารคนหนึ่งกำลังตวัดดาบมาที่ร่างของชายแปลกหน้าที่ช่วยเขาไว้
  แต่ก่อนที่นายทหารคนนั้นจะได้ตวัดดาบลงมา ก็ได้มีธนูลูกหนึ่งพุ่งตรงมาปักกลางหน้าอกของทหารคนนั้น พร้อมกับมีชายสวมชุดดำเข้ามาช่วยพวกเขาผ่าวงล้อมออกไป
  “เจ้าเข้าไปทำอะไรในนั้น” ชายผมส้มที่ช่วยเขาไว้ถาม เมื่อทั้ง 4 คนนั่งอยู่บนห้องพักห้องหนึ่ง
  “ฉันแค่เข้าไปเอาของนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง”เจนไนตอบ ในขณะที่หญิงสาวในกลุ่มที่ช่วยเข้าไว้ ทำแผลที่แขนให้อยู่
  “ขโมย!?”เซรีพูด
  “อ้อ...ที่แท้ก็หัวขโมยกระจอกๆนี่เอง”ชายชุดดำพูด
  “ใช่ แต่ของที่ฉันไปเอามันเป็นของๆฉัน”เจนไนพูด
  “ขโมยเขาพูดอย่างนี้เหมือนกันหมดรึเปล่าเนี่ยว่า ของที่ตัวเองไปขโมยมันเป็นของตัวเอง”ชายชุดดำพูด ตอนนี้เจนไนเริ่มมีน้ำโห
  “เอาเถอะๆ แล้วนายชื่ออะไร” ชายผมส้มพูด
  “ชั้น เจนไน เบลิส แล้วพวกนายล่ะ”เจนไนพูด
  “ข้าชื่อ คาซาฟ เนรอส ส่วนผู้หญิงคนนั้นชื่อว่า เซรีกา ไมเรียส และชายคนนั้นชื่อว่า ไรอัน ฟรอเรส”ชายผมส้มพูด และตอนนี้เจนไนพึ่งสังเกตเห็นว่าชายคนนี้ปิดตาด้วยผ้าสีดำ
  “เออ...แล้วว่าแต่พวกนายเถอะไปทำอะไรที่ข้างๆกำแพงวัง ทั้งๆที่ๆพักอยู่ไกลจากวังตั้งเยอะ”เจนไนถาม
  “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”ไรอันตวาดเจนไนเสียงดัง
  “ดีเหมือนกัน ได้ไม่ต้องรำบาก ไอ้เรากะจะบอกอะไรซักหน่อยเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่สร้อยแกะสลักจากไม้ ”จากที่เจนไนพูด เรียกความสนใจของชายที่ชื่อไรอันได้เป็นอย่างดี
  “เจ้ารู้อะไรก็พูดมา”ไรอันพูดในขณะที่มือตวัดดาบไปที่คอของเจนไน
  “ใจเย็นๆน่าฉันแค่เคยเห็นเธอในวังเท่านั้นเอง แล้วตอนนี้นายเอาดาบออกจากคอฉันได้ยัง”เจนไนโอดครวญ
  “แสดงว่าเป็นอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ว่าน้องเจ้าอยู่ในวัง แต่ว่าเราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไง”คาซาฟพูด
  “ฉันแผนมีแผนการดีๆจะเสนอไม่รู้พวกนายสนรึเปล่า”เจนไนพูดอย่างมีเล่ห์นัย
‘เมื่อไรจะมาเนี่ย’
  เมื่อเวลาผ่านไป 2ชั่วโมง เจนไนก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้ที่เจอเมื่อเช้า เจ้าชายอัสวานเข้าไปต่อว่าในทันที “ทำไมเจ้าถึงมาช้า”
  “ก็ฉันจะไปรู้ได้ไง ว่าไอ้ตอนเย็นของนายเนี่ยมันกี่โมงกันแน่ อันที่จริงฉันกระจะนอนต่ออีกซักหน่อยนะเนี่ย แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้ประตูวังเนี่ย มันด้านไหน”เจนไนพูด
  “แล้วทำไมเจ้าไม่ถามข้าก่อน”เด็กหนุ่มว่า
  เจนไนขี้เกียจเถียงต่อเลยพูดว่า “ไหนล่ะ ของๆฉัน” อัสวานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาบางสิ่ง แต่สิ่งที่เด็กชายหยิบออกมาหาใช่สิ่งที่เขาต้องการไม่ มันเป็นกระดาษสีน้ำตาลเนื้อหนาและหยาบจำนวนหนึ่ง อัสวาลค่อยๆเปิดมันออก ในนั้นเป็นรูปแผนผังของห้องๆหนึ่งและเส้นทางห้องต่างๆในวัง   
  “ข้าจะนำทางเจ้าไป แล้วเจ้าก็เข้าไปเอาของในห้องนี้เอง ส่วนข้าจะถ่วงเวลาพี่ชายไว้ให้ ถ้าได้ของแล้วก็ออกมาหาข้าที่ห้องนี้” ซีลิสเอานิ้วชี้ไปที่แผ่นที่”ตกลงตามนี้ถ้าพลาดเจ้าก็หาทางหนีเอาเองแล้วกัน”
  “เดี๋ยว แล้วนายถ่วงเวลาได้นานเท่าไร”เจนไนถาม
  “ครึ่งชั่วโมง ถ้ามากสุดก็ชั่วโมงหนึ่ง”อัสวานตอบ เจนไนพยักหน้ารับรู้และไม่ได้พูดอะไรอีก
  เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในเขตวัง ตลอดทางที่ผ่านเหล่าทหารก็จะทำความเคารพเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าของเจนไน มันทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ ซึ่งก็เป็นผลดีต่อเขามากที่มีคนเห็นว่าเขาเข้ามากับเด็กหนุ่มหากมีอะไรผิดพลาด และที่สำคัญมันทำให้เขารู้จำนวนทหาร ที่อยู่ตามจุดต่างๆที่เขาเดินผ่าน
  “ถวายบังคมพะยะคะองค์ชาย เสด็จอยู่ที่ไหนมา กระหม่อมตามหาทั่ววังเลย แล้วนั้นใครกันผู้ชายที่ตามเสด็จมาข้างหลัง”เจนไนละสายตาจากทหารยามที่อยู่ตามจุดต่างๆ และมองไปที่ต้นเสียงทำให้เขาเห็นชายสูงอายุคนหนึ่ง จากการแต่งกายของชายผู้นั้น ทำให้เจนไนรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาๆ
  “เขาเป็นสหายข้าเอง ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ข้าจะได้ไปหาเสด็จพี่”เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาพูดอย่างร้อนรนและรีบเดินไปในทันที ทำให้เจนไนงงกับการกระทำนั้นเป็นอย่างมาก
  เจนไนเดินตามอัสวานเข้าไปในประตูบานหนึ่งสิ่งที่อยู่ข้างหลังประตูนั้นสะกดสายตาของเขาไนไว้ สิ่งที่เขาเห็นคือซุ้มเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ทอดตัวยาวไปเลื่อยๆไปจนถึงบัลลังก์หินอ่อนที่แกะสลักอย่างสวยงาม “ตามข้ามาทางนี้” อัสวานพูด เมื่อไม่เห็นเจนไนตามมา
  “เจ้าคงเห็นแล้วล่ะสิ ว่าทำไมถึงไม่คู่ควรกับพี่ข้า”
  ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปตามทางเดินตรงยาว เมื่อถึงทางแยกทาง อัสวานก็เดินเลี้ยวไปทางซ้าย ที่มีบันไดหินอ่อนที่แกะสลักอย่างสวยงามทอดตัวขึ้นไปสู่ขั้นบน และเมื่อขึ้นบันไดไปขั้นที่ร้อยกว่า เจนไนก็ถามว่า “นี่เรากำลังจะไปห้องนอนพี่ชายนายใช่ปะ”
  อัสวานหยุดเดินและหันมามองเจนไนก่อนจะบอกว่า”เปล่าทางที่เจ้าต้องไปคือ ตอนที่ผ่านทางแยกทางนั้นเจ้าต้องไปทางขวา”
  “อะไรนะ ล้อเล่นใช่มะ”เจนไนร้อง
  “ข้าไม่ได้ล้อเล่น แต่เจ้าคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าพี่ข้าจะเดินจากห้องนอนมายังห้องทำงานได้ที่ไกลกันภายในเวลาไม่นาน ที่จริงมันมีเส้นทางที่เชื่อมต่อปราสาทปีกซ้ายและขวาอยู่ จากเส้นทางที่อยู่ติดกับห้องทำงานพี่ข้า แล้วก็เดินตามระเบียงทางตรงเชื่อมปีกปราสาททั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน”
  “เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย”เจนไนถอนใจอย่างโล่งอก
  “หวัดดี ท่านพี่”อัสวานพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาชายที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้พูด ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานซึ่งมีหนังสือ ราชโองการ และประการต่างๆวางอยู่เต็มไปหมด
  “ไงเจ้าตัวยุ่ง รู้รึเปล่าครูของเจ้ากำลังตามหาตัวอยู่”ชายคนนั้นพูดเสียงเข้ม
  “ข้ารู้แล้ว แต่ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับที่พี่เป็นการส่วนตัว”อัสวานพูด
  “ได้สิ พวกเจ้าออกไปก่อน”ชายผมดำคนนั้นหันไปบอกกับเหล่าทหารทำให้เจนไนได้โอกาสออกไปข้างนอก
  ‘ทางเดินที่อยู่ติดกับห้องทำงาน มันอยู่ตรงไหนวะเนี่ย’ เจนไนคิดพร้อมกับมองหาและในที่สุดเขาก็หามันเจอ เจนไนหลบพวกทหารและเดินเข้าไปในนั้น
  มันเส้นทางตรงที่มืด มีเพียงแสงสว่างสลัวๆจากคบเพลิงตามทางเดิน ที่ส่องทางเท่านั้น เจนไนเดินไปได้ซักพักก็เห็นแสงสว่างสุดทาง มันเป็นแสงอ่อนๆของอาทิตย์ยามเย็น เมื่อเจนไนไนเดินไปที่แสงสว่างนั้นก็พบกับระเบียงทางเดินหินที่ทอดตัวไปยังอีกฝั่งของปราสาท เมื่อเจนไนเดินข้ามระเบียงไปสุดทางก็เห็นทหารยามสองคนยืนอยู่ ทำไงดีเนี่ย เจนไนนั่งลงและเอาแผนที่มาเปิดดู
  ภายใต้แสงไฟที่สลัวๆของคบเพลิง เผยให้เห็นร่างของเจ้าหญิงเฟย่าผู้สิริโฉม ที่กำลังเดินไปยังปีกขวาของปราสาทเพื่อไปหาโอรัสพระเชษฐาพระองค์
  เจนไนปีนออกมาจากระเบียงตรงนั้น อ้อมตัวปราสาท และเข้าไปในนั้นได้ในที่สุด เมื่อเข้าไปในห้องเจนไนก็มองหาเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆของเขา
    “เจ้าชายโอรัสไม่อยู่ พะยะคะ”ทหารยามคนหนึ่งพูดเมื่อเจ้าหญิงตรัสถาม
    “ไม่เป็นไร ข้าจะเข้าไปรอเสด็จพี่ข้างใน”เจ้าหญิงพูดพร้อมกับเดินเข้าไปข้าง
    และในที่สุดเขาก็เจอมัน มันถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้ที่แกะสลักอย่างประณีต เจนไนก้าวเข้าไปเพื่อที่จะหยิบ แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ทำให้เขาตัดสินใจพุ่งตัวไปหามันในทันที แต่ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเจ้าหญิงเฟย่าเข้ามาและเห็นเข้า
    “ทหาร มีคนบุกรุก”เธอร้องขึ้น เจนไนรีบแหวกผ้าม่านและปีนออกไปนอกหน้าต่างทันที เมื่อทหารเข้ามาก็ทรงรับสั่งให้ตามไป
  เจนไนรีบปีนไปตามกำแพงปราสาทและวิ่งอย่างรวดเร็วไปบนหลังคาของปราสาทจนสามารถออกไปถึงกำแพงวังได้ แต่มันง่ายขนาดนั้นเพราะมีทหารจำนวนมากอยู่ทำให้เขาต้องสู้
  ควับ!! เสียงดาบที่แหวกอากาศ เมื่อเจนไนเอี้ยวตัวหลบคมดาบได้ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปและซัดฝ่ามือที่ท้ายทอยของชายคนนั้นในทันที
  ฉัวะ!! เสียงดาบที่เฉือนเข้าไปในเนื้อของเจนไนเรียกเลือดให้ไหลออกมาในทันที ด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยอำนวยทำให้เขาพลาดท่า เมื่อหันหลังกลับไปจะเล่นงานคนที่ฟันเขา
  เคร้ง!!เสียงโลหะที่เรียกว่าดาบกระทบกัน ดังมาจากข้างหลัง เจนไนไม่มีเวลาหันกลับไปดูได้แต่หันหลังชนกับคนผู้นั้นต่อไปโดยใช้มีดสั้นที่ซื้อมาเมื่อตอนเย็น
  ระวัง!! เจนไนร้องเมื่อเห็นทหารคนหนึ่งกำลังตวัดดาบมาที่ร่างของชายแปลกหน้าที่ช่วยเขาไว้
  แต่ก่อนที่นายทหารคนนั้นจะได้ตวัดดาบลงมา ก็ได้มีธนูลูกหนึ่งพุ่งตรงมาปักกลางหน้าอกของทหารคนนั้น พร้อมกับมีชายสวมชุดดำเข้ามาช่วยพวกเขาผ่าวงล้อมออกไป
  “เจ้าเข้าไปทำอะไรในนั้น” ชายผมส้มที่ช่วยเขาไว้ถาม เมื่อทั้ง 4 คนนั่งอยู่บนห้องพักห้องหนึ่ง
  “ฉันแค่เข้าไปเอาของนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง”เจนไนตอบ ในขณะที่หญิงสาวในกลุ่มที่ช่วยเข้าไว้ ทำแผลที่แขนให้อยู่
  “ขโมย!?”เซรีพูด
  “อ้อ...ที่แท้ก็หัวขโมยกระจอกๆนี่เอง”ชายชุดดำพูด
  “ใช่ แต่ของที่ฉันไปเอามันเป็นของๆฉัน”เจนไนพูด
  “ขโมยเขาพูดอย่างนี้เหมือนกันหมดรึเปล่าเนี่ยว่า ของที่ตัวเองไปขโมยมันเป็นของตัวเอง”ชายชุดดำพูด ตอนนี้เจนไนเริ่มมีน้ำโห
  “เอาเถอะๆ แล้วนายชื่ออะไร” ชายผมส้มพูด
  “ชั้น เจนไน เบลิส แล้วพวกนายล่ะ”เจนไนพูด
  “ข้าชื่อ คาซาฟ เนรอส ส่วนผู้หญิงคนนั้นชื่อว่า เซรีกา ไมเรียส และชายคนนั้นชื่อว่า ไรอัน ฟรอเรส”ชายผมส้มพูด และตอนนี้เจนไนพึ่งสังเกตเห็นว่าชายคนนี้ปิดตาด้วยผ้าสีดำ
  “เออ...แล้วว่าแต่พวกนายเถอะไปทำอะไรที่ข้างๆกำแพงวัง ทั้งๆที่ๆพักอยู่ไกลจากวังตั้งเยอะ”เจนไนถาม
  “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”ไรอันตวาดเจนไนเสียงดัง
  “ดีเหมือนกัน ได้ไม่ต้องรำบาก ไอ้เรากะจะบอกอะไรซักหน่อยเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่สร้อยแกะสลักจากไม้ ”จากที่เจนไนพูด เรียกความสนใจของชายที่ชื่อไรอันได้เป็นอย่างดี
  “เจ้ารู้อะไรก็พูดมา”ไรอันพูดในขณะที่มือตวัดดาบไปที่คอของเจนไน
  “ใจเย็นๆน่าฉันแค่เคยเห็นเธอในวังเท่านั้นเอง แล้วตอนนี้นายเอาดาบออกจากคอฉันได้ยัง”เจนไนโอดครวญ
  “แสดงว่าเป็นอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ว่าน้องเจ้าอยู่ในวัง แต่ว่าเราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไง”คาซาฟพูด
  “ฉันแผนมีแผนการดีๆจะเสนอไม่รู้พวกนายสนรึเปล่า”เจนไนพูดอย่างมีเล่ห์นัย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น