รักแรกของฉันเกิดขึ้นวันที่ฝนตก *~
รักครั้งแรกของฉันเริ่มขึ้นในฤดูฝน และเวลาที่ฉันเห็นสายฝนเริ่มโปรยปรายมาเมื่อใดนั้น ฉันก็อดคิดถึงตอนนั้นและอมยิ้มคนเดียวไม่ได้ ..
ผู้เข้าชมรวม
265
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ซ่า...
ฝนที่ตกโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง ทำให้ฉันที่จะคิดถึงวันนั้นไม่ได้..
วันที่ฉันกับเขาเจอกันครั้งแรก
ตอนนั้นฉันอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5
“ใบชาๆ” เสียงเรียกของจิ๊บเพื่อนสนิทของฉัน ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาจากสหกรณ์โรงเรียนที่อยู่ทางขวามือของฉัน
“อะไรเหรอ”
“ดูสิ ฝนตั้งเค้าจะตกแล้วนะ ใบชายังจะไปเรียนพิเศษอยู่เหรอ”
“ต้องไปสิ เราจะสอบมหาวิทยาลัยแล้วนะ ถ้าไม่ขยันตอนนี้แล้วจะขยันตอนไหนล่ะเนี่ย”
“แต่ว่า..เราขี้เกียจไปอ่ะ ยิ่งอากาศแบบนี้เราอยากกลับบ้านไปนอนยังไงก็ไม่รู้ อิอิ”
“อืม..ตามใจสิ เรียนไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เรามีใบชาช่วยติวอยู่แล้ว ใช่เปล่า” จิ๊บทำตาหวานใส่ฉัน
“อืม..ก็ได้”
ซ่า...
“อุ้ยฝนตก ไปใต้อาคารกันเถอะ”
ฉันกับจิ๊บรีบวิ่งเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว สักพักก็เริ่มมีนักเรียนคนอื่นๆวิ่งเขามา
“ใบชา ดูกลุ่มนั้นสิ” จิ๊บกระซิบฉันให้ดูผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เสื้อผ้าเปลื้อนโคลนกำลังเดินมาหลบ
“นั่นเป็นเด็กห้องหนึ่งนี่นา” ฉันกระซิบตอบจิ๊บ เพราะฉันจำได้ว่ากลุ่มนี้เป็นเด็กที่อยู่ห้องคิงของโรงเรียนที่ชอบเล่นฟุตบอลอยู่สนามที่ฉันต้องเดินผ่านหลังเลิกเรียนเป็นประจำ
“พวกเค้ามองมาทางพวกเราด้วยล่ะ”
“ก็แหง๋น่ะสิจิ๊บ ก็พวกเรากำลังซุบซิบเรื่องพวกเค้าอยู่นี่นา คนเราก็ต้องมีเซนต์บ้างสิเวลาถูกใครสักคนมองอ่ะ”
บทสนทนาของพวกเราก็จบลงแค่นี้ เพราะหนึ่งในกลุ่มนั้นเดินมายืนข้างๆฉัน
พวกเขาคุยกันเรืองอะไรนั้นฉันไม่อาจรู้ได้ เพราะฝนตกหนักมาก แต่ที่ฉันสามารถรับรู้และสัมผัสได้ก็คือ คนเริ่มเบียดเข้ามาข้างในมากขึ้น และฉันกับเขาก็ใกล้กันมากขึ้น
ตอนนั้นหัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้นเพราะมือของฉันที่จับสายกระเป๋าที่อยู่ข้างตัวนั้นไปแตะกับมือของเขาโดยบังเอิญ..
ตึก ตึก ตึก...
ฉันรีบดึงมือกลับมาทันที ตอนนั้นฉันกลัวมาก กลัวว่าการใกล้กันเพียงเท่านี้จะทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจของฉัน
เขาหันมามองฉันนิดหน่อยแต่ฉันนั้นก้มหน้าตลอด ส่วนจิ๊บนั้นกำลังยืนคุยกับเพื่อนต่างห้องตรงเสาต้นที่ห่างออกไปประมาณ3เมตร
สักพัก...ฝนหยุดตก ฉันเห็นขาของเขายังไม่ขยับไปไหนทั้งๆที่คนส่วนใหญ่ก็ทยอยออกไปแล้ว
“เฮ้ย...ไอ้ติน ไปเรียนได้แล้ว”
ชื่อ “ติน” เหรอเนี่ย ฉันบันทึกลงในกล่องความทรงจำอย่างรวดเร็ว
แล้วเขาก็วิ่งออกไปโดยไม่ทันที่จะได้ยินประโยคที่จิ๊บเรียกชื่อของฉัน
“ใบชา...ยังไม่ไปอีก เดี๋ยวสายนะ” จิ๊บบอกฉัน
“อื้อ..กำลังจะไปแล้ว บะบายนะ”
“จ้า..ขี่รถดีๆนะ”
ฉันเดินไปเอารถจักรยานที่จอดอยู่โรงรถ โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนที่อยู่ต่างจังหวัดที่อนุญาตให้นำรถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์มาโรงเรียนได้ ส่วนรถยนต์นั้นไม่อนุญาตให้นำมาใช้
ฉันปั่นจักรยานไปตามถนนที่คุ้นเคยจนกระทั่งไปถึงที่เรียนพอเศษ
และใครบางคนที่ทำให้ฉันใจเต้นก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
หรือว่าเค้าเรียนคอร์สนี้ด้วยนะ ฉันถามตัวเอง เพราะฉันนั่งหน้าสุดและมาก่อนเพื่อนเสมอ ฉันจึงไม่เคยสังเกตว่าที่ข้างหลังนั้นมีใครนั่งเรียนอยู่บ้าง
ฉันเข้าไปนั่งเรียนด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ นี่หรือเปล่านะที่เรียนว่าอาการตกหลุมรัก
แต่พอเริ่มเข้าสู่บทเรียนสมาธิของฉันก็กลับคืนมา แต่ว่าสมาธิของฉันก็แทบกระเจิดกระเจิงเมื่อเขายกมือถามอาจารย์แล้วนักเรียนส่วนใหญ่ก็หันไปมองเขา รวมทั้งฉันด้วย
หลังจากเรียนเสร็จ ฉันรู้สึกว่าวันนี้เวลาผ่านไปเร็วมาก ฉันเดินออกมาเอารถจักรยานที่จอดไว้
ระหว่างทางที่ฉันเดินออกมานั้น ฉันรู้สึกประหม่าเหมือนมีคนสักยี่สิบคนกำลังมองฉันอยู่ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เพื่อนๆส่วนใหญ่กำลังยืนคุยกันอยู่
“ใบชา..” เสียงใครสักคนเรียกฉัน พอฉันหันไป เธอคือเพื่อนคนเดียวที่ฉันรู้จักที่อยู่ห้องเดียวกับติน
“เราได้ยินมาว่าเธอtopเคมีเหรอ”
เท่านั้นแหละ ความสนใจของเพื่อนๆก็พุ่งตรงมาที่ฉันทันที
“อืม..มันบังเอิญน่ะแก้ว”
“แหม๋ ถล่มตัวอีกแล้วนะ เราก็เห็นชื่อของเธอติดบอร์ดเป็นประจำเลย อย่างนี้ไม่เรียกว่าบังเอิญแล้วล่ะ”
“^.^ ขอบคุณจ้า”
“แล้วใบชาจะเรียนต่ออะไรเหรอ”
“เราไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องดูคะแนนก่อน แต่เราคิดว่าเราคงเรียนสายวิทย์สุขภาพนี่แหละ” ฉันพูดเขินๆ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหลายๆคนกำลังรอฟังคำตอบของฉันอยู่ เพราะตอนนี้พวกเราอยู่มอปลายกันแล้ว หลายๆคนคงจะอยากรู้ว่าเพื่อนคนนั้นอยากเรียนอะไร เราต้องแข่งขันกับใครบ้าง
“อืม..โชคดีนะ”
“แก้วก็เหมือนกันนะจ๊ะ”
พอฉันเดินมาถึงรถ
“เอ่อ...ใบชา”
“คะ” ฉันหันไป
“มีคนเค้าฝากมาขอเบอร์โทรอ่ะ”
เพื่อนผู้หญิงที่ฉันไม่เคยคุยด้วยเดินเข้ามาหาฉัน
“เอ่อ...จะเอาไปทำไมเหรอ” ฉันถาม
“ก็คงปรึกษาเรื่องเรียนมั้งนะ”
“อืม..ได้สิ 0117835XX”
หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยได้รับโทรศัพท์เบลอแปลกๆเลย ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนที่ฉันรู้จักเท่านั้นโทรมา แล้วใครกันนะที่ขอเบอร์โทรศัพท์ของฉันไป
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เวลาฉันเดินผ่านอู๋ทีไรฉันมักจะเขินจนเพื่อนๆในกลุ่มชอบแซวว่าทำไมชอบเค้าแล้วไม่ยอมไปบอก ฉันคิดว่าฉันจะเก็บความประทับใจนี้เอาไว้ในความทรงจำของฉัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกชอบคนๆหนึ่ง ได้สนใจว่าเค้าเรียนเป็นยังไง บ้านอยู่ที่ไหน ชอบทำกิจกรรมอะไร รู้สึกเขินเวลาที่เค้ามองไปทางอื่นแล้วเผลอสบตากับฉันพอดี ฉันรู้สึกว่าโลกของฉันเป็นสีชมพูทีเดียวแหละ แม้ว่าจะเป็นการชอบเค้าข้างเดียวก็ตาม
หลังพิธีจบการศึกษา
ฉันสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองล้านนา ส่วนตินสอบติดที่คณะทันตแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยที่ให้เสรีภาพทุกตารางนิ้ว
ก่อนวันที่ฉันจะเดินทาง...
กว่าจะรักเท่าวันนี้ กว่าจะมีคนมาเข้าใจต้องใช้เวลา ใช้เพียงมองตากันเมื่อไร~
เสียงเรียกเข้าเพลง “กว่าจะรัก” ที่ฉันและเพื่อนๆพร้อมใจกันใช้หลังจบการศึกษาดังขึ้น
เบอร์ที่ฉันไม่รู้จักโชว์ขึ้นอยู่หน้าจอ
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหลใบชา นี่เราตินนะ”
ตึก ตึก ตึก..ใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
“อื้อ...มีอะไรเหรอติน”
“คือเราอยากจะบอกใบชาว่า เรานี่แหละที่ให้เพื่อนไปขอเบอร์โทรศัพท์ของใบชา แต่ว่าเราไม่กล้าโทรไป”
“ตินเห็นเราเป็นยักษ์เหรอเนี่ย เลยไม่กล้าโทรมาหาเรา แล้วนี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วนะเนี่ย” คิกๆ ฉันพูดติดตลก
“เปล่านะ..เรากลัวรบกวนเวลาอ่านหนังสือของใบชาอ่ะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็สอบเสร็จกันหมดแล้วใช่ป่ะ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราก็คุยกันได้แล้ว”
“อื้อ..” ตอนนี้หน้าของฉันมีแต่รอยยิ้มเต็มไปหมด เพราะคนที่ฉันสงสัยมานานที่แท้ก็คือคนที่ฉันแอบชอบอยู่นั่นเอง แม้ว่าตอนนั้นฉันจะอดหวังลึกๆไม่ได้ว่าคนๆนั้นอาจจะเป็นติน แต่ฉันคิดว่ามันมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆเพราะเวลาที่ฉันกับตินสบตากันทีไร ฉันเป็นคนหลบตาก่อนทุกครั้งไป
“แล้วใบชาสอบได้ที่ไหนเหรอ”
“อ๋อ..เราติดเภสัชฯที่เชียงใหม่อ่ะ ตินล่ะ” แม้ฉันจะรู้อยู่แล้วว่าตินสอบติดที่ไหน (เพราะฉันติดตามข่าวของตินเสมอ อิอิ)แต่ฉันก็ถามออกไป
“ว๊า..ไกลจัง เราติดทันตะฯธรรมศาสตร์อ่ะ แล้วใบชาจะไปเชียงใหม่วันไหนเหรอ”
“พรุ่งนี้แล้ว”
“....ว๊า...”
“.....มีอะไรเหรอ.....”
“เราว่าจะชวนใบชาไปกินไอศกรีมอ่ะ”
“ว๊า อดกิน”
“นั่นสิ...แล้วใบชาชอบไอศกรีมรสอะไรเหรอ”
“รสวนิลาอ่ะ”
บลาๆๆ
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันกับตินคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ เห็นอะไรก็หยิบมาเป็นหัวข้อที่จะพูดขึ้นมาได้
สุดท้ายก่อนที่จะวางสายไป..
“เอ่อ..ใบชา”
“อะไรเหรอ
“เราขอเป็นเพื่อนกับใบชาได้หรือเปล่า”
“อื้อ..ได้สิ”
“งั้นคืนนี้ฝันดีนะ”
“ตินก็ฝันดีเหมือนกันนะ”
แล้วฉันก็วางสายไปด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เวลาหนึ่งปีกว่าๆที่ฉันได้แต่แอบมองตินอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปคุยหรือทักทายด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงนั้น ทำให้วันนี้..วันที่ฉันได้คุยกับตินเป็นวันที่ฉันรู้สึกมีความสุข และรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่มีค่ามากสำหรับฉัน ฉันแทบจะจำทุกคำทุกประโยคที่ตินพูดได้จนขึ้นใจ
ฉันเขียนบันทึกลงในไดอารี่เล่มสีชมพูของฉันและเวลาที่ฉันเปิดอ่านทีไร ฉันจะรู้สึกว่าหัวใจของฉันพองโตทุกครั้งเลย
รักครั้งแรกของฉันคือรักที่ไม่มีการครอบครอง แม้จะไม่สมหวังแต่ก็เป็นรักที่สวยงาม และเป็นรักที่ฉันจะเก็บเอาไว้ในความทรงจำตลอดไป รักครั้งแรกสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับตัวฉัน ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนมาอยู่ในห้วงความคิดของฉันเวลาฉันเหงา ไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนทำให้ฉันยิ้มออกมาทันทีทั้งๆที่ตอนนั้นฉันอยู่ในช่วงไม่สบอารมณ์นัก และฉันไม่เคยคิดว่า ผู้ชายที่ทำให้ฉันใจเต้นได้ขนาดนี้จะเป็นเขา...
รักครั้งแรกของฉันเริ่มขึ้นในฤดูฝน และเวลาที่ฉันเห็นสายฝนเริ่มโปรยปรายมาเมื่อใดนั้น ฉันก็อดคิดถึงตอนนั้นและอมยิ้มคนเดียวไม่ได้ ..
ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน คนที่ฉันคิดถึงอยู่ทุกวัน ก็ใครคนนั้นฉันเรียกว่าเธอ
ความรักหน้าตาประมาณไหน ความรักจะใจดีแบบเธอไหม เก็บซ่อนความรักไม่ใกล้ไม่ไกล หน้าอกข้างซ้ายตรงใจของเธอ ..
จบบริบูรณ์...
...........................
ส่งท้าย..
ไดอารี่ของใบชา วันที่ 10 พฤษภาคม 2550 * ~
คุยกับตินครั้งแรกทางโทรศัพท์ มีความสุขมาก >___<
ใจเต้นตู๊มๆ ยังกะกลองวงโยแน่ะ กลัวว่าตินจะได้ยินมาก แล้วตินจะได้ยินได้ยังไงเนี่ยยัยบ๊อง -..-
ตินถามว่าเราสอบได้ที่ไหนด้วยแหละ กรี้ดๆ เค้าสนใจเราหรือเปล่าเนี่ย อิอิ =P
เราแอบบ่นอยู่ในใจอยู่นะเนี่ยว่าทำไมธรรมศาตร์ถึงไม่มีเภสัชฯ ไม่อย่างนั้นเราจะได้เลือกไปแล้ว ฮ่าๆๆ
แหม๋ๆ ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะยัยใบชา
ตินชอบไอศกรีมรสชอคโกแลต เพราะว่าตินผิวขาว เลยอยากผิวดำเลยต้องกินชอคโกแลตเยอะๆ เราคิดว่ามันไม่เกี่ยวนะเราก็เลยหัวเราะออกไป ตินเลยหัวเราะออกมา แต่ยังไม่วายที่จะยืนยันเหตุผลเดิม เราก็เลยพูดออกไปว่า กินเยอะๆระวังเป็นฟันผุ ตินเลยบอกไม่กลัวเพราะตัวเองเป็นหมอฟัน รักษาตัวเองได้ เราก็เลยถามไปว่า ตินจะขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็เอาเครื่องมือมางัดฟันตัวเองรึไง แค่นั้นแหละ ฮากันทั้งคู่เลย เราหัวเราะจนท้องแข็ง เราคิดว่าตินก็คงเป็นเหมือนกัน คุยกันไปได้สักพักเราเริ่มหิวน้ำ แต่เราก็ไม่กล้าบอกติน กลัวขาดช่วงเวลาคุย ฮ่าๆๆ
สักแป๊บ ตินเลยบอกเราว่า ขอตัวดื่มน้ำแป๊บนะ เท่านั้นแหละ เราก็ถือโอกาสดื่มน้ำไปพร้อมตินเลย อิอิ
คุยกันต่อแป๊บนึง จิ๊กจกดันไต่อยู่บนพนังที่ปะทะกับสายตาเราตรงๆ เราตกใจนิดๆเลยเผลออุทานไป ตินเลยถามว่าเป็นอะไรเราเลยเล่าให้ตินฟัง ตินเลยบอกให้เราจับกินซะ ฮ่าๆๆ เราเลยบอกไปว่าเราไม่นิยม แต่ตินคงทำบ่อยล่ะสิ ตินเลยบอกเราว่า รู้ได้ไงแล้วยังทำเสียงแบบตกใจนิดๆด้วยนะแต่เราก็รู้ว่าแกล้งทำแน่ๆ เราทั้งคู่ก็เลยขำอีกครั้ง เรารู้สึกว่าที่เราหิวน้ำเนี่ยไม่ใช่เพราะเราคุยกันเยอะ (แต่ก็เยอะอยู่นะ อิอิ) แต่เพราะเรามัวแต่หัวเราะกันมากกว่า
ก่อนวางสายไป ตินขอเราเป็นเพื่อนด้วย กรี้ดๆ >__< คุยกันมาตั้งนานเพิ่งขอเป็นเพื่อน ตินนะติน
.........................................
ที่ร้านไอเบอร์รี่ เชียงใหม่
“อ่านอะไรอยู่เหรอใบชา”
“อ่านบันทึกนิดหน่อยอ่ะ”
“บันทึกอะไรอ่ะ มาร์คอ่านด้วยสิ”
“ไม่ได้ๆ ความลับ”
“ความลับเยอะจัง แฟนเราเนี่ย”
“พี่คะขอชอคโกแลตค่ะ”
“ใบชาไม่เบื่อบ้างรึไงน๊า กินแต่ชอคโกแลตเนี่ย”
“ไม่เคยเบื่อเลยล่ะ...^.^”
ผลงานอื่นๆ ของ ไอเนะกิจัง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ไอเนะกิจัง
ความคิดเห็น