คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Shot Fic HiddlesWorth : In Valentine #3
“มาร์ติน สรุปว่าเพื่อนของเบเนดิกต์คนนั้นมาถึงสนามบินรึยังเนี่ย?” เสียทุ้มๆ กรอกลงไปในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก บนหลังสะพายกระเป๋าเป้อย่างที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังจะเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง ในขณะที่ขายาวๆ ก็ก้าวเร็วๆ อย่างเร่งรีบ
“ใช่ ผมอยู่สนามบินแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะไปหานายคนนั้นที่ไหนน่ะสิ” ปากก็คุยโทรศัพท์ไปเรื่อย สายตาก็คอยมองหาคนที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ “ดี ให้เบเนดิกต์โทรถามเขาเดี๋ยวนี้เลย ว่าตกลงเขาอยู่ไหนกันแน่? ผมจะได้ไปหะ…”
ปึ๊ก!!!
พูดยังไม่จบประโยคดีก็มีอันต้องหยุดพูดไปเมื่ออยู่ๆ ก็มีร่างผอมๆ ของใครบางคนเดินมาชนจนแทบล้ม แต่ก่อนที่จะได้พูดตำหนิออกไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นพบกับใบหน้าสวยๆ ที่กำลังเบิกตากว้าง
“นาย!!”
“คุณหมี!” น้ำเสียงติดจะอย่างอึ้งๆ นัยน์ตาคู่สีเขียวเบิกกว้าง แต่ก่อนที่ปากบางๆ นั้นจะได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาซะก่อน ให้คนตัวผอมต้องชักสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากดปุ่มรับ แล้วตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังแรงๆ อย่างตั้งใจให้เป้ใบเขื่องที่ตนสะพายอยู่กระแทกโดนคู่กรณีเต็มรัก ริมฝีปากสวยยกยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์แล้วก้าวฉับๆ จากมา
การกระทำที่ทำให้คนถูกประทุษร้ายต้องลงไปนั่งกุมท้องจุกเพราะแรงกระแทกจากระเป๋าเป้ใบโตที่ใหญ่กว่าตัวคนสะพายเองซะอีก
“เฮ้นาย! ชนละ…”
“RRRRRRRRR!!! RRRRRRR!!!”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!” ยังไม่ทันได้ตะโกนเรียกคนชนแล้วหนีให้กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง โทรศัพท์มือถือก็ดันลั่นขึ้นมาซะก่อน ให้เขาต้องสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกดรับสายจากคนเป็นญาติ
“ว่าไงครับ สรุปหมอนั่นมาถึงรึยัง?”
ส่งคำถามออกไปก่อนที่เสียงจากปลายสายจะตอบกลับมาให้ใบหน้าเข้มต้องขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกรอกสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างเอือมๆ
”สนามบินคนเยอะยังกับหนอนแล้วผมจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าคนตัวผอมๆ คนไหนคือหมอนั่น?” มุ่นหัวคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวนะ ผู้ชายหน้าสวยๆ ตัวผอมๆ งั้นเหรอ?!”
“…”
“อย่าบอกนะว่า….”
In Valentine #3
Couple : Chris x Tom, HiddlesWorth
Rate : PG
Tom’s Part.
“ฮัลโหล เบนเหรอ?”
ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างติดจะหงุดหงิดนิดๆ หลังจากที่บังเอิญไปเจอกับหมียักษ์เป็นครั้งที่สองในชีวิต ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมผมต้องซวยมาเจอหมอนั่นด้วย เจอกันสองครั้งหมอนั่นก็เดินมาชนผมทั้งสองครั้ง
สายตาสั้นรึไงกัน?
[“อ่าฮะ แล้วนายถึงสนามบินรึยังเนี่ย?”] เสียงทุ้มๆ ของเพื่อนสนิทลอดมาตามสาย ให้ผมได้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เอาเถอะ ไหนๆ วันนี้ก็จะไปเที่ยวทั้งที ผมเลิกคิดถึงคนไร้มารยาทแล้วไปทัวร์ประเทศไทย (ฟรี) ให้สบายใจดีกว่า
“ถึงแล้ว แล้วคนที่จะไปกับฉันล่ะมาถึงรึยัง?”
[“ถึงตั้งนานแล้ว เขาก็กำลังตามหานายอยู่เหมือนกัน”]
“อ้าวเหรอ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ตรงไหนของสนามบินล่ะ?”
[“คงอยู่แถวๆ นั้นแหละ นายพยายามมองหาคนตัวสูงๆ หน้าหล่อๆ แล้วกัน เดี๋ยวก็เจอเองแหละ”]
“คนตัวสูงๆ หน้าหล่อๆ?” ผมถึงกับต้องขมวดคิ้วกับคำอธิบายของเบน ก่อนจะวางสายไปแล้วสอดส่ายสายตาหาคนที่มีลักษณะแบบนั้น
อืม…ตัวสูงๆ งั้นเหรอ?
สนามบินนี่มันเป็นศูนย์รวมคนตัวสูงรึไงกันนะ? มองไปทางไหนก็มีแต่คนตัวสูงๆ กันหมด นี่ขนาดผมเป็นคนตัวสูงแล้วนะ คนพวกนี้ก็ยังจะสูงไล่เลี่ยกับผมให้หายากเข้าไปอีก
ตัวเลือกเยอะไป… ตัวสูงตัดทิ้ง
งั้นก็คนหน้าหล่อๆ?...
อืม…
หน้าหล่อๆ นี่ไม่ค่อยมีแฮะ ที่ยืนอยู่แถวนี้ก็มีแค่ผมคนเดียว อืม…
“โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน”
เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านหลังเรียกให้ผมต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องผงะเมื่อหันไปเจอกับหน้าหล่อๆ ของหมียักษ์ที่ผมเพิ่งจะเดินหนีมาเมื่อกี้ ความตกใจทำให้ผมลืมคิดไปด้วยซ้ำว่าหมอนี่ไปรู้จักชื่อผมได้ยังไง รู้ตัวอีกทีผมก็หันหลังกลับจะเดินออกมาแล้ว
แต่แค่ผมก้าวขาออกไปก้าวแรกเท่านั้นก็มีอันแทบหงายหลัง เพราะหมีบ้านี่ดันคว้าเป้ที่ผมสะพายอยู่ข้างหลังเอาไว้ ผมเลยอยู่ในสภาพที่ต้องดิ้นอยู่กับที่เพราะไปไหนไม่ได้
“จะหนีไปไหน?”
“ปล่อยฉันนะ!”
“นายช่วยหยุดดิ้นแล้วคุยกันดีๆ ก่อนได้มั๊ยเนี่ย?” คำพูดที่ทำให้ผมหยุดชะงักกึก ก่อนจะเหลียวไปมองคนพูด
“…”
“…”
“ไม่!”
แล้วผมก็เริ่มต้นดิ้นอีกครั้ง แต่ก็นั่งแหละตราบใดที่หมอนี่ยังจับเป้ผมเอาไว้อย่างเหนียวแน่นแบบนี้ ตราบนั้นผมก็ทำได้แค่ดิ้นอยู่กับที่เท่านั้นแหละ
ให้ตายสิ!
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
“ปล่อยแน่ ถ้านายจะหยุดโวยวายซักทีน่ะ”
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย?!” นายหมียักษ์ยืนมองผมอยู่ซักพักก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดเสียงดุๆ
“โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน” เสียงเรียกชื่อดุๆ ทำให้ผมต้องหยุดดิ้นก่อนจะค่อยๆ เอี้ยวคอกลับมามองหน้าคนพูดที่กำลังจ้องผมเขม็ง
น่ากลัวชะมัด…
นี่ผมจะถูกหมีตะปบตายมั๊ย?
“โอเค”
“…”
“โอเค ไม่หนีแล้วก็ได้ มีอะไรจะคุยก็คุยมาสิ” ชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ตอบเสียงอ่อยๆ อย่างที่รู้ตัวว่ายังไงก็คงต้องเป็นฝ่ายแพ้ ก็หมอนี่ตัวใหญ่ขนาดนั้นผมจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ?
“ตกลงว่าจะคุยกันดีๆ แล้วใช่มั๊ย?”
“อ่าฮะ” คำตอบของผมทำให้หมียักษ์ที่จ้องผมเขม็งค่อยๆ อมยิ้มขำ
รอยยิ้มที่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่ามันทำให้หน้าผมร้อนวูบวาบแปลกๆ
“ฉันบอกว่าจะคุยแล้ว นายก็ปล่อยซักทีสิ”
หมียักษ์ยิ้มกว้างขึ้นไปอีกก่อนที่จะยอมปล่อยมือออกจากกระเป๋าผมดีๆ แล้วผมก็หันกลับไปเผชิญกับหน้าหล่อๆ นั่นอีกครั้ง
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา หรือว่านายจะมาขอโทษที่เดินชนฉันตั้งสองครั้งกันล่ะ?”
“ฉันเนี่ยนะเดินไปชนนาย?”
“ใช่”
“โอเค ช่างเรื่องนั้นมันเถอะ ที่ฉันจะคุยกับนายก็คือ ฉันจะบอกว่าฉันคือ คริส แฮมเวิร์ธ”
“แล้ว?” ผมเลิกคิ้วนิดๆ อย่างที่ไม่เข้าใจว่าหมอนี่จะมาบอกชื่อเสียงเรียงนามกับผมทำไม
“แล้วถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ นายคือ โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน ใช่มั๊ย?”
“ก็ อืม นายเข้าใจถูก” ผมพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นไปอีก “ว่าแต่นายรู้จักชื่อฉันได้ไง?”
“นี่เบเนดิกต์ไม่ได้บอกนายรึไงว่าคนที่จะไปไทยกับนายชื่ออะไรน่ะ?”
“บอกสิ แต่ฉันแค่ไม่ได้จำ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายไม่?...”
แล้วความเข้าใจบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวผมอย่างที่ทำให้ผมแทบจะเบิกตากว้าง
“นี่อย่า…อย่าบอกนะว่า….”
หมียักษ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้างให้ผมช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าเนิบๆ พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมแทบอยากจะขว้างกระเป๋าเป้ใส่หน้าซะเดี๋ยวนั้น
“ใช่ ฉันคือคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับนายนับจากวันนี้ไปยังไงล่ะทอม”
“…”
“…”
“ไม่มีทาง!”
ผมพูดแค่นั้นก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินหนีออกมา ให้ผมไปเที่ยวประเทศไทยกับหมียักษ์เนี่ยนะ?!
ไม่มีทาง ไม่มีวัน ไม่ ไม่ ไม่ และไม่เด็ดขาด!
“เฮ้ เดี่ยวก่อนสิ นั่นนายจะไปไหนน่ะ?” เสียงทุ้มๆ ตะโกนไล่หลังมาในขณะที่ผมพยายามเดินจ้ำอ้าวให้เร็วที่สุด
“ก็กลับบ้านน่ะสิ”
“เฮ้ย จะบ้าเหรอ? ถ้านายกลับฉันก็ไปไทยไม่ได้สิ”
“เรื่องของนายสิ ให้ไปกับนาย สู้ฉันนั่งทนกับบรรยากาศวิ้งค์ๆ อยู่ที่บ้านดีกว่า”
“นี่นายกลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?”
คำพูดที่ทำให้ผมถึงกับหยุดเดินกึก ก่อนจะหันขวับมามองหน้าหมีๆ ของคนพูด
“เมื่อกี้นายว่าใครกลัวนะ?”
“แล้วคนกล้าที่ไหนเค้าจะหันหลังเดินหนีฉับๆ แบบนั้นล่ะ?” เขายังคงพูดยิ้มๆ มองมาที่ผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าสบายๆ แล้วพูดต่อ “แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ ก็ถ้านายจะกลัวฉันขนาดนั้นล่ะก็ จะกลับบ้านไปฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
“นาย….” ผมได้แต่กัดฟันกรอดยืนมองหน้าคนพูดอย่างที่ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาต่อปากต่อคำ สุดท้ายก็ได้แต่สาวเท้ายาวๆ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหมอนั่นอีกครั้ง เล่นเกมจ้องตากันอยู่ซักพักก่อนที่ผมจะตัดสินใจประกาศเสียงดังลั่น
“ตกลง! ฉันไป”
“ก็แค่นั้นแหละ” คำพูดกวนๆ จากไอ้คนที่กวนบาทาได้น่าถีบที่สุดในโลก ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ อย่างหงุดหงิด ในขณะที่จ้องตาสีฟ้าๆ นั่นด้วยความแค้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Chris’s Part.
ประเทศไทยนี่มันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ
ตอนนี้ผมคริส แฮมเวิร์ธ และนายตัวแสบอีกคนเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วเรียบร้อย และผมก็พาตัวเองเข้ามานอนเกลือกกลิ้งบนเตียงของโรงแรมหรูในพัทยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน พอเหลือบตาไปมองคนตัวเล็กอีกคนบนเตียงข้างๆ ก็ต้องพบกับสายตาเรียบๆ ที่มองตอบกลับมา จนผมอดที่จะพลิกตัวนอนตะแคงข้างแล้วยักคิ้วกวนๆ ส่งให้ไม่ได้ แล้วคนหน้าสวยก็เบือนหน้าหนีไปอีกด้าน ก่อนจะยกโทรศัพท์ของโรงแรมที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาโทรสั่งอาหาร
“อย่าลืมสั่งผัดไทยด้วยล่ะ”
“อยากกินนายก็โทรสั่งเองสิ”
“นี่ คุณโธมัส ฮิดเดิลส์ตัน คร้าบ อยู่ห้องเดียวกันจะแยกกันสั่งทำไมให้พนักงานเขางงล่ะครับ? วานให้สั่งเผื่อแค่นี้อย่าทำเป็นแล้งน้ำใจไปหน่อยเลยน่า” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ ให้คนฟังแทบจะหน้าหงิกไปถนัด แต่ก็ยอมสั่งผัดไทยให้ตามที่ผมบอกโดยดี
“อ้อ เอาน้ำแตงโมปั่นด้วยนะ”
“นี่นาย!”
ฮ่าๆ แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆ เนอะ คุณว่ามั๊ย?
แล้วมื้อค่ำก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะความหิวของทั้งผมและคนตัวเล็ก เห็นตัวผอมๆ แบบนี้อย่าดูถูกนะครับ คนอะไรกินยังกับยัด แม้แต่ผัดไทยที่ผมเป็นคนบอกให้สั่งขึ้นมากินหมอนี่ก็ยังแย่งผมกินจนแทบหมดจาน แล้วยังไม่นับสารพัดอาหารไทยที่เจ้าตัวกวาดลงท้องเรียบ เล่นเอาผมแทบจะอ้าปากค้าง พอกินเสร็จก็มานั่งปากเจ่อพร้อมๆ กับอาการบ่นโวยวายว่าเผ็ดซะจนหูผมแทบชา
แล้วตอนซดน้ำต้มยำกุ้งโฮกๆ นั่นทำไมไม่ยักบ่นวะ?
คนอะไรมารู้ตัวว่ามันเผ็ดก็หลังจากกินไปแล้วหมดชามเบ่อเริ่ม
ผมนั่งมองคนตัวเล็กกว่าขำๆ กับภาพที่เจ้าตัวนั่งแลบลิ้นหน้าแดงปากเจ่อ ในขณะที่มือเรียวก็ยกขึ้นพัดๆ อย่างที่คงหวังว่ามันจะช่วยให้อาการเผ็ดดีขึ้นได้
แล้วมันจะช่วยได้มั๊ยล่ะนั่นน่ะ?
ความคิดที่ทำให้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหยิบโค้กจากตู้เย็นเล็กแล้วโยนส่งให้คนเผ็ดที่แทบจะคว้าไว้ไม่ทัน ทอมเลิกคิ้วมองผมนิดๆ ก่อนจะเปิดประป๋องโค้กแล้วยกขึ้นดื่มอึกๆ
“ฉันต้องขอบใจมั๊ย?” ประโยคที่ทำให้ผมถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
อาบน้ำดีกว่า ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะต่อปากต่อคำด้วยเท่าไหร่ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าผมรังแกคนเผ็ดอีก
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเจ้าของห้องอีกคนนอนหลับไปแล้วทั้งๆ ที่ยังใส่ชุดเดิมอยู่อย่างนั้น ภาพที่ทำให้ผมอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ นี่คงจะเหนื่อยมากล่ะสิท่าถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้
แล้วดูท่านอนเข้าสิ นอนแบบนี้ตื่นมาคงได้โวยวายเพราะคอตกหมอนอีกแน่ๆ
“คนอะไรจะนอนก็ไม่อาบน้ำก่อน”
ผมส่ายหัวน้อยๆ กับนิสัยเด็กๆ ของคนหลับ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปจัดท่านอนให้ใหม่ ทำให้คนหลับระบายยิ้มน้อยๆ อย่างที่บ่งบอกว่าคงกำลังหลับสบาย
“ยังมาทำเป็นยิ้มดีอีก” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนหลับ ผมเลยได้แต่ยิ้มขำๆ คนเดียว ก่อนจะหยิบผ้ามาห่มให้อย่างเบามือ
“นอนห่มผ้าด้วยจะได้ไม่ป่วย รู้มั๊ย?”
“…”
“ฝันดีนะครับคุณโธมัส แล้วพรุ่งนี้ก็อย่าเหวี่ยงให้มันมากนักล่ะ คนมองเค้าเหนื่อยแทน”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Tom’s Part.
ทะเล!
ทะเล ครับ ทะเลๆๆๆๆ
ตอนนี้ผมกับคุณหมียักษ์กำลังเดินอยู่บนชายหาดสีขาวของโรงแรมที่ผมพักอยู่ ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าให้ผมอารมณ์ดีจนต้องหันไปส่งยิ้มกว้างให้คนตัวใหญ่ข้างๆ แต่พอเห็นหน้าหล่อๆ นั่นส่งยิ้มตาหยีกลับมาผมก็ต้องหุบยิ้มฉับ ก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่นแล้วเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงบนเปลที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเล่น
“นายชอบทะเลเหรอ?” เสียงทุ้มๆ จากคนที่เดินมานั่งลงบนเปลตัวข้างๆ เรียกให้ผมต้องหันหน้าไปมอง
“อืม”
ถึงจะตอบแบบขอไปที แต่จริงๆ แล้วผมชอบทะเลมากเลยล่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวทะเลเท่าไหร่นัก พอได้มาเห็นหาดขาวๆ น้ำใสๆ แบบนี้แล้วมันอดตื่นเต้นไม่ได้แฮะ
“ที่นี่เป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมน้ำก็เลยใสเพราะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเล่น แต่ถ้าอยากจะดูทะเลสวยๆ น้ำใสกว่านี้ในพัทยาล่ะก็ ต้องไปเกาะล้าน” คำพูดรู้ดีจากคนที่ไม่น่าจะรู้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“เกาะล้านเหรอ?”
“อืม ที่นั่นน้ำใสมากเลยนะ หาดก็ใหญ่กว่านี้เยอะเลย” คุณหมียักษ์พูดยิ้มๆ ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างอดตื่นเต้นตามไม่ได้
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ”
“แล้วนายรู้ได้ไง? เคยไปเหรอ?”
“ไม่อ่ะ”
“เหอๆ”
“ฮ่าๆ ก็มาร์ตินเป็นอาจารย์สอนวิชาสังคมศาสตร์นี่ ฉันที่เป็นญาติแล้วก็เป็นลูกศิษย์จะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน จริงมั๊ย?”
“มาร์ติน?... แฟนเบน?”
“อืม”
อ้อ จริงสินะ ก่อนจะมาเบนบอกผมว่าผมต้องมากับญาติของมาร์ตินแฟนหมอนั่นนี่ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็ได้มาเที่ยวฟรีแบบนี้ใครจะไม่อยากมาล่ะ? แต่ใครจะไปคิดว่าผมต้องมาติดแหง็กกับคุณหมียักษ์แบบนี้กัน?
ความคิดที่ทำให้ผมต้องหันไปพิจารณาใบหน้าของไอ้คนข้างๆ ที่ตอนนี้หันไปสนใจเกลียวคลื่นกับทะเลแล้วเรียบร้อย
จะว่าไปคุณหมีนี่ก็หน้าตาดีใช้ได้แฮะ…
ตัวสูงๆ ตาสีฟ้า เวลายิ้มทีนี่สาวๆ คนได้กรี๊ดกันเกรียวกราว
…แต่ไม่น่าเป็นตัวซวยเลย
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆ นัยน์ตาสีฟ้าๆ ของคนที่ถูกแอบมองอยู่ก็หันมามองผมซะอย่างนั้น ทำให้ผมต้องทำเป็นเสมองไปทางอื่นแทน
“นายแอบมองฉันอยู่เหรอ?”
“เปล่า”
“เปล่า?” คุณหมียักษ์ยังคงพูดยิ้มๆ ให้ผมรู้สึกร้อนๆ ที่หน้าอย่างที่รู้ตัวว่าหน้าผมมันต้องแดงอยู่แน่ๆ
“มาร์ตินเป็นคนดีมั๊ย?” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูดเอาดื้อๆ จนคนข้างๆ ต้องขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถามแบบงงๆ
“หา?” หมอนั่นทำหน้างงๆ อยู่ซักพัก ก่อนจะชะงักไปนิดแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เปลี่ยนเรื่องพูดแบบนี้แสดงว่านายแอบมองฉันจริงๆ ด้วย” คำพูดที่เรียกอุณหภูมิบนใบหน้าของผมให้พุ่งสูงขึ้นไปอีกอย่างยากที่จะควบคุม
ให้ตายสิ! ผมเกลียดหมอนี่!
“ฉะ…ฉันก็แค่อยากรู้ว่าคนที่เป็นแฟนเพื่อนฉันนิสัยเป็นยังไงต่างหาก ไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องอะไร”
“เหรอ?”
“ใช่”
“หึหึ…”
“แล้วสรุปนายจะตอบคำถามฉันมั๊ยเนี่ย?” นายหมีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันมาส่งคำถามให้ผม
“แล้วนายไม่เคยเจอมาร์ตินเลยรึไง?”
“เคยเจอกันสองครั้งมั้ง แต่ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ แล้วสรุปว่ามาร์ตินอะไรนั่นน่ะ เป็นคนดีมั๊ย? หมอนั่นทำยังไงถึงได้ทำให้คนขวางโลกแบบเบนตกหลุมรักเข้าไปได้?” คำถามที่ทำให้คนถูกถามจ้องหน้าผมนิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ยังคงแต้มบนใบหน้าเกือบหล่อนั่น ก่อนจะเอ่ยปากพูดประโยคที่ทำเอาผมแทบอ้าปากค้าง
“นายมาถามว่ามาร์ตินเป็นคนดีมั๊ยกับญาติของหมอนั่นเนี่ยนะ? แล้วนายคิดว่าคำตอบที่ออกมามันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะทอม?”
เอ่อ… นั่นสิ จะมีใครที่ไหนมานั่งบอกว่าญาติของตัวเองเป็นคนเลวได้ล่ะ?
สรุปว่าผมโง่หรือผมโง่กันแน่เนี่ยที่ถามออกไปแบบนั้น?... เฮ้อ
“ฮ่าๆ เอาน่า อย่าคิดมากเลย มาร์ตินไว้ใจได้น่า” คำพูดที่ทำให้ผมต้องตวัดตาไปมองคนพูดอย่างติดจะหงุดหงิดนิดๆ
“ก็นายเป็นญาติหมอนั่น ก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้วนี่”
“เริ่มฉลาด”
“ฉันก็ฉลาดอยู่แล้วล่ะ”
“ฮ่าๆ สรุปว่านายอยากลองไปเที่ยวเกาะล้านดูมั๊ย?”
“เกาะล้านเกี่ยวอะไรกับมาร์ติน?”
“ก็ถ้าเถียงกันเรื่องมาร์ตินวันนี้ทั้งวันก็คงเถียงกันไม่จบน่ะสิ คุยเรื่องเกาะล้านน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ ว่าไง เราสองคนลองไปกันดูมั๊ย?” หมียักษ์พูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด แต่ผมกลับไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สิ่งที่ทำให้ผมต้องนิ่งไป กลับเป็นคำพูดของเขาต่างหาก
‘เราสองคน’…งั้นเหรอ?
ทำไมมันถึงได้ฟังแล้วรู้สึกดีแปลกๆ นะ?
ผมค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองเกลียวคลื่นของทะเลตรงหน้า สายลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้าทำให้อดจะยิ้มออกมาไม่ได้
ทะเลที่นี่ก็ว่าสวยแล้ว…
แล้วทะเลที่น้ำใสกว่านี้ ชายหาดใหญ่กว่านี้จะสวยซักแค่ไหนกันนะ?...
“แล้วนายอย่าพาฉันไปหลงทางล่ะ คุณพ่อหมี”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงน่า”
*****************************************************************************
โน้ตตัวใหญ่ๆ อีกรอบว่า…
ฟิคเรื่องนี้เคยเป็นฟิคคู่อื่นมาก่อนนะคะ
เพราะงั้นถ้านิสัยพี่ทอมจะออกมาแตกต่างจากตัวจริงมากๆ ก็ได้โปรดให้อภัยคนเขียนด้วยเถอะ TT^TT
อาจจะมีคำถามว่า มาเที่ยวไทยทั้งที ทำไมถึงมาแค่พัทยา?
คำตอบก็คือ… เพราะไอวิชรู้จักแต่พัทยาค่ะ TT[]TT #โดนทุกคนตบ
ยังไงก็หวังว่าทุกคนจะชอบฟิคเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านค่ะ
ไอวิชรักคนอ่านน้าา ^3^
ความคิดเห็น