คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Shot Fic Thor x Loki : Overprotective brother?
ชี้แจงก่อนอ่าน : เหตุการณ์ในเรื่อง เราเขียนให้เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่สองพี่น้องยังไม่รู้ว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ เด้อ เอาง่ายๆ คือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหนัง Thor 1 นั่นแล
Shot Fic Thor x Loki : Overprotective brother?
"จะมาสู่ขอโลกิ?!!!"
เสียงของเทพสายฟ้าตะโกนก้องจนพระนางฟริก้าแทบสะดุ้ง เช่นเดียวกับคิงโอดินที่ถึงกับต้องขมวดคิ้วมองโอรสองค์โตที่เริ่มจะควันออกหูทันทีที่ท่านตรัสว่าลูกชายคนเดียวของท่านดยุคอินส์ต้องการจะสู่ขอโลกิไปเป็นชายา
"ข้าไม่ยอมเด็ดขาด!"
"แล้วทำไมท่านต้องไม่ยอมด้วยล่ะธอร์?"
น้ำเสียงสงบของผู้เป็นประเด็นสนทนาเอ่ยถาม ให้โอดินต้องเบือนพระเนตรหันไปมองใบหน้างดงามที่กำลังแย้มรอยยิ้มซุกซน ราวกับกำลังสนุกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
"เจ้าพูดอย่างกับว่าอยากแต่งกับหมอนั่น?!"
"ข้าจะอยากแต่งหรือไม่อยากแต่งมันก็เรื่องของข้า เจ้าต่างหากที่แปลกคน เที่ยวมาปฏิเสธแทนคนอื่นเค้าได้ยังไง?” น้ำเสียงราบเรียบส่งประโยคจิกกัดที่ทำให้ธอร์ต้องอ้าปากค้าง พยายามคิดหาคำมาโต้เถียง แต่ก็นึกไม่ออก ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ราวกับขำนักขำหนาของคนตรงหน้าก็ยิ่งโมโหจนควันแทบออกหู
"อย่าเล่นบทพี่ชายหวงน้องเลยน่าธอร์ มันไม่เข้ากับท่านเลยซักนิด"
"โลกิ!"
"อ่ะแฮ่ม!"
เสียงกระแอมไอจากผู้มีอำนาจสูงสุดดังขัดจังหวะการทะเลาะกันของสองพี่น้อง ราวกับพยายามจะบอกว่ายังมีพ่อกับแม่ที่นั่งหัวโด่ เอ่อ.. นั่งอยู่ตรงนี้อีกสองคน
"อันที่จริงเรื่องนี้ข้าก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร" ตรัสพร้อมๆ กับหันไปมองราชินีข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะเบือนกลับมาจ้องหน้าโอรสองค์เล็กอีกครั้ง "คนที่ต้องตัดสินใจก็คงจะต้องเป็นเจ้า โลกิ แต่ถ้ารับปากไปมันก็จะถือเป็นการกระชับสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะมีการคิดก่อกบฏจากฝ่ายนั้น"
"..."
"หรือถ้ามี โลกิก็คงจะพอเป็นหูเป็นตาให้ได้บ้าง"
"มีกบฏก็ปราบไปสิ จะกลัวอะไรกับแค่ขุนนางตระกูลเล็กๆ แบบนั้น"
"ขุนนางตระกูลเล็กๆ ที่เจ้าว่าน่ะ มีกำลังทหารอยู่ใต้ปกครองกว่าห้าร้อยนาย และยังเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีพรรคพวกสนับสนุนทางการเมืองอยู่อีกหลายตระกูลนะธอร์"
ธอร์กัดฟันกรอดกับคำอธิบาย สมองพยายามคิดหาเหตุผลคัดค้าน ก่อนจะตะโกนลั่นเมื่อนึกเหตุผลที่พอจะใช้เป็นข้ออ้างได้
"แต่โลกิเป็นบุรุษเพศ และหมอนั่นก็เป็นบุรุษเหมือนกัน!"
"ข้าไม่ถือเรื่องนั้นนะ"
"โลกิ!!!"
แม้จะตะโกนจนท้องพระโรงแทบสะเทือน แต่คนตัวเล็กกว่าก็เอาแต่หัวเราะอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องตลกนักหนา
ภาพที่ทำให้พระนางฟริกก้าต้องส่ายพระพักตร์อย่างติดจะปลงๆ กับนิสัยแบบเด็กๆ ของโอรสทั้งสอง
"สรุปว่าเจ้ามีความเห็นว่ายังไงโลกิ?"
โลกิเลิกคิ้วมองหน้าท่านแม่ยิ้มๆ ก่อนจะเบือนไปมองพระพักตร์ของผู้เป็นราชา และมาจบลงที่ดวงตาสีฟ้าของคนเป็นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"เอาเป็นว่าข้าของเวลาคิดซักสองสามวันก็แล้วกันท่านแม่"
ธอร์เร่งสาวเท้าก้าวให้ทันน้องชายตัวดีที่หลังจากออกมาจากท้องพระโรงก็เอาแต่เดินฉับๆ ฮัมเพลงสบายอารมณ์ ไม่สนใจหรือไม่คิดจะหันมาคุยกับเขาเลยซักคำ
"ข้าไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับไอ้ขุนนางนั่นหรอกนะ" โลกิเพียงแค่หันมาเลิกคิ้วมองหน้าคนพูด ก่อนจะยักไหล่นิดๆ แล้วสาวเท้าเดินต่อราวกับคนข้างๆ เป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
"โลกิ! นี่เจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่กันแน่?!"
คำถามที่ทำให้คนถูกถามต้องหยุดเดิน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างที่บอกว่าเริ่มรำคาญกับการตามตื้อของพี่ชายไร้สมอง
"เจ้านั่นแหละคิดอะไรอยู่กันแน่?"
"ข้า?"
"ใช่ เจ้านั่นแหละ" พูดไปก็จ้องหน้าโง่ๆ ของพี่ชายตัวเองไป ก่อนจะถามคำถามสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเข้มๆ "คนที่ต้องแต่งงานน่ะมันข้านะ ไม่ใช่เจ้า เจ้าจะโวยวายอะไรนักหนาธอร์?"
คำถามที่ทำให้ธอร์ต้องอ้าปากค้าง...
ธอร์ชะงักอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะเริ่มถามตัวเองบ้าง...
นั่นสิ ทำไมเขาต้องไม่พอใจที่มีคนมาขอโลกิแต่งงานด้วย?
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ไม่พอใจ แต่มันทำให้เขาหงุดหงิด โมโหจนนึกอยากกระชากคอไอ้หมอนั่นมาทุ่มลงดินด้วยซ้ำไป
...แล้วทำไมเขาต้องโมโห?
และเพราะว่าคิดไม่ออกสุดท้ายก็เลยทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ จะพูดก็พูดไม่ออก จะไม่พูดก็ดันมีดวงตาสีเขียวๆ จ้องเขม่งคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้อีก
"เพราะว่า..."
"..."
"เพราะ..."
"..."
"เพราะ... เพราะเจ้าเป็นน้องข้า!"
"หือ?"
"เพราะเจ้าเป็นน้องข้า แต่ดันจะมาแต่งงานออกเรือนตัดหน้าข้าที่เป็นพี่ชาย มันถูกต้องซะที่ไหน?!"
คำตอบที่ทำให้คนฟังถึงกับต้องสบถในใจ
ดวงตาสีเขียวเหลือบมองขึ้นฟ้าอย่างระอา ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินหนีไอ้พี่ปัญญาอ่อน
สมองเจ้ามันคิดได้แค่นี้สินะ?
โง่สมกับเป็นธอร์จริงๆ ให้ตายเถอะ!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"สู้กับธอร์?"
โลกิขมวดคิ้วขึ้นนิดกับสิ่งที่ได้ยิน ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากการคาดเดาของเขาซักเท่าไหร่นัก
คนอย่างธอร์น่ะ เคยใช้สมองตัดสินปัญหากับเค้าซะที่ไหน...
ความคิดที่ทำให้นึกขำจนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา จนหญิงสาวที่นำข่าวมาบอกถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซิฟยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะเอ่ยคำอธิบายสถานการณ์ที่เธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้านี่อยากรู้รึเปล่า
"ธอร์ท้าสู้กับแฮร์เรียต ยื่นข้อเสนอว่าถ้าเอาชนะเขาได้ ธอร์ก็จะอนุญาตให้หมอนั่นสู่ขอเจ้า"
"แฮร์เรียต?"
"ก็ลูกชายดยุคนั่นไง แฮร์เรียต อินส์ ให้ตายเถอะโลกิ! นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของคนที่มาสู่ขอเจ้าน่ะ?!" คำต่อว่าที่ทำให้โลกิได้แต่ยักไหล่ไม่แคร์ ก่อนจะเปลี่ยนไปถามในเรื่องที่ตนสนใจมากกว่า
"แล้วถ้าธอร์ชนะล่ะ?"
"แฮร์เรียตก็ต้องล้มเลิกการสู่ขอครั้งนี้ และต้องไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก"
"ไร้สาระ"
"ข้าก็ว่างั้น"
โลกิพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับแล้วเดินห่างออกมา และนั่นก็ทำให้ซิฟต้องขมวดคิ้วมุ่น
"นั่นเจ้าจะไปไหน?"
"อ่านหนังสือ"
"แล้วเจ้าไม่คิดจะไปดูพี่ชายเจ้าสู้บ้างเลยรึ?" คนถูกถามหันกลับมาเลิกคิ้วมองคนถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะส่งคำตอบที่ทำให้ซิฟต้องสบถออกมาดังๆ
"เจ้าก็ยังบอกเลยว่ามันไร้สาระ"
เสียงแตรสัญญาณสิ้นสุดการแข่งขันดังลั่นไปทั้งพระราชวังแห่งแอสการ์ด โลกิเลิกคิ้วขึ้นนิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือเพื่อที่จะพบว่าตอนนี้ตะวันเริ่มจะคล้อยต่ำลงแล้ว
นี่ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเลยหรือ?...
การรับรู้ที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วอย่างติดจะแปลกใจ ปกติธอร์ไม่ต้องใช้เวลาสู้กับใครนานนักหรอก แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหมอนั่นก็ล้มคู่ต่อสู่ให้คางเหลืองได้แล้ว แต่ครั้งนี้กลับปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมง?...
หรือธอร์จะมือตก?
และก็ไม่ต้องสงสัยนานเมื่ออยู่ๆ ประตูห้องนอนก็เปิดผางอย่างที่คนเปิดไม่คิดจะเคาะมันก่อนเลยด้วยซ้ำ
ความไร้มารยาทที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร
"ก็ถ้าเจ้าไม่คิดจะเคาะประตูซักหน่อยล่ะก็นะ..."
คำพูดยังไม่จบประโยคดีโลกิก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อหันมาพบกับภาพของคนไร้มารยาทที่ตอนนี้แทบจะยืนโงนเงน ใบหน้าแขนขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ คราบเลือดที่มุมปาก เส้นผมสีทองก็แทบจะถูกย้อมไปด้วยสีของฝุ่น
...แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาสีฟ้าก็ยังฉายประกายกล้า ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายชนะการต่อสู้อย่างแน่นอน โลกิชะงักกับภาพที่เห็นชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขำแล้วส่งคำทัก
"สะบักสะบอมมาเลยนะ"
"แต่ข้าก็ชนะมาน่า" เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างอย่างที่ไม่ได้กลัวว่ามันจะเปื้อนเลยซักนิด
"เพราะข้ายื่นคำขาดว่า ถ้าแพ้ข้าหมอนั่นต้องไสหัวไปให้พ้น และอย่ามาให้เจ้าเห็นหน้าอีก หมอนั่นเลยสู้ยิบตา ไม่คิดว่าจะอึดขนาดนี้" คำอธิบายที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาสีเขียวจ้องเขม่งไปยังคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยแววไม่พอใจ
"ใครอนุญาตให้เจ้ายื่นข้อเสนอโง่ๆ แบบนั้น? นี่ถ้าเจ้าแพ้ ข้าไม่ต้องไปเป็นชายาลูกชายดยุคนั่นจริงๆ เลยเรอะ?!"
"ข้าไม่แพ้หรอกน่า"
"ด้วยสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?! บางทีข้าก็สงสัยว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกันธอร์?"
"ข้าก็ไม่ได้มั่นใจมากมายอะไรขนาดนั้น"
"..."
"แต่ข้าแค่แพ้ไม่ได้..."
ดวงตาสีฟ้าหันมาสบกับดวงตาสีเขียวของน้องชายที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่เสียงทุ้มๆ จะเอ่ยต่ออีกประโยค
"อีกอย่าง ข้าแค่บอกว่าถ้าข้าแพ้ข้าจะอนุญาตให้หมอนั่นสู่ขอเจ้า แต่ข้าไม่ได้บอกซักหน่อยว่าข้าจะยกเจ้าให้แต่งกับมันน่ะ" คำอธิบายที่ทำให้โลกิหลุดหัวเราะขำ
"ไม่น่าเชื่อว่าความคิดที่ฟังดูฉลาดๆ แบบนี้ จะออกมาจากหัวของเจ้าได้นะธอร์"
"เลิกด่าว่าข้าโง่ซักทีน่า"
"ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะใสๆ ยังคงดังอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยิบอ่างน้ำกับผ้าสีขาวมานั่งลงข้างๆ คนบาดเจ็บ โลกิใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้คนที่นอนแผ่หราอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่งดีๆ
เขาค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าของพี่ชาย ดวงตาสีเขียวจดจ่ออยู่กับแผลเล็กแผลน้อยเหล่านั้นจนไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของคนที่กำลังมองตนอยู่เลย
"โลกิ"
"ว่าไง?" หันไปหยิบผ้าชุบน้ำอย่างไม่ได้ใส่ใจฟังซักเท่าไหร่นัก แต่ก่อนจะได้ซับผ้าลงบนบาดแผลอีกครั้ง มือเรียวก็ต้องชะงักค้างเมื่อถูกมือของธอร์ยื่นมากุมเอาไว้
...การกระทำที่ทำให้โลกิต้องเลิกคิ้วมองหน้าพี่ชายของตนอย่างขอคำอธิบาย
"ถ้าข้าแพ้เจ้าจะยอมแต่งงานกับไอ้ลูกดยุคนั่นรึเปล่า?"
"แล้วเจ้าอยากให้ข้าแต่งรึเปล่าล่ะ?"
"ไม่!"
โลกิยกยิ้มขำกับอาการควันออกหูของคนที่โตแต่ตัวตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจน้อยๆ แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
"แล้วทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าแต่งล่ะ?"
"เพราะ..."
"ถ้าบอกว่าเพราะข้าแย่งเจ้าออกเรือนก่อน ข้าจะสาปเจ้าให้เป็นหิน!"
ธอร์อ้าปากค้างกับคำขู่นั้น ตั้งสติคิดหาคำตอบอยู่ซักพัก ก่อนจะทำคอตกอย่างที่บอกว่ายอมแพ้
"ข้ารอฟังอยู่" คำเร่งที่ทำให้คนถูกเร่งต้องหลุดหัวเราะขำ
ธอร์สบมองกับดวงตาสีเขียวคู่ตรงหน้า มือใหญ่ยังคงกุมมือบางๆ นั้นเอาไว้แน่น แล้วมืออีกข้างก็เอื้อมจับใบหน้าของน้องชายแผ่วเบา...
"เพราะข้าหวงเจ้า..."
"..."
"ไม่ใช่แค่ไอ้ลูกชายดยุคนั่นหรอก แต่ไม่ว่าจะกับใครข้าก็ไม่อยากให้เจ้าแต่งด้วยทั้งนั้น"
"..."
"ข้าหวงเจ้า... โลกิ"
เสียงทุ้มเอ่ยคำอธิบายที่ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรง แต่เทพแห่งการโกหกก็เก่งมากพอที่จะไม่แสดงอาการดีใจออกมาให้คนตรงหน้าได้เห็น ใบหน้างดงามเพียงแค่ระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดต่อประโยค
"เป็นเหตุผลที่ฟังเข้าท่ากว่าครั้งแรกนะ"
ธอร์หัวเราะให้กับคำประชดนั้น ก่อนจะดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดเอาไว้อย่างหมั่นเขี้ยว
"ฮ่าๆ ข้ารักเจ้า น้องชายข้า"
End.
*****************************************************************************************
สวัสดีปีใหม่ (?) ค่ะ ^0^
ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคธอร์กิเรื่องที่สองของไอวิช
อาจจะมึนๆ อึนๆ ไปบ้างก็ต้องขออภัยนะเจ้าคะ ฮ่าๆ
เพราะเป็นฟิคชั่ววูบที่จิ้มในไอโฟนสองชั่วโมงจบ มันเลยสั้นมาก และหาสาระใดๆ ไม่ได้
เอาไว้แก้ตัวใหม่เรื่องหน้า (ยังจะมีอีกเรอะ?) แล้วกันเนอะ 555555
แล้วเจอกันใหม่ถ้ามีโอกาสค่ะ
ไอวิชรักคนอ่านเสมอนะ :)
ปล.อย่าได้ใส่ใจกับชื่อเรื่อง เพราะไอวิชคิดไม่ออก เลยตั้งชื่อมั่วๆ ไปงั้นแหละค่ะ T^T
ปปล.อย่าได้ใส่ใจกับชื่อและนามสกุลของดยุคและลูกชายดยุค เพราะไอวิชคิดไม่ออก เลยตั้งมั่วๆ ไปเช่นกันค่ะ TT^TT
ความคิดเห็น