คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Shot Fic Thor x Loki : Kiss.
Shot Fiction : Kiss
Couple : Thorki
Rate : PG (?)
Note : เรื่องนี้โลกิอายุประมาณ 15 ปีของมนุษย์นะคะ ส่วนธอร์ก็โตกว่านิดหน่อย น่าจะซัก 17-18 มั้ง เอาเป็นว่ายังใสๆ วัยขบเผาะกันอยู่แล้วกันเนอะ ฮ่าๆ
“ธอร์”
“หือ?”
“สอนข้าจูบหน่อยสิ”
“ได้สิ… ห๊ะ! เจ้าว่ายังไงนะ????!!!”
องค์ชายคนโตแห่งแอสการ์ดแทบร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะหันขวับกลับมามองหน้าสวยๆ ของน้องชายตัวแสบที่กำลังตีหน้านิ่งมองเขาอยู่ ราวกับเรื่องที่เพิ่งพูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่พี่น้องคู่ไหนๆ ก็ทำกันอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าก็แค่อยากรู้ว่าไอ้จูบนี่มันดียังไง ใครต่อใครถึงได้ชอบกันนัก”
โลกิ เจ้าชายน้อยในวัยสิบหกผู้ที่ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์จูบครั้งแรกเอ่ยคำอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มันกลับเป็นคำอธิบายที่ทำให้พี่ชายผู้มากประสบการณ์กว่าถึงกับต้องอ้าปากค้างอย่างไปต่อไม่ถูก
“เอ่อ… ไอ้ใครต่อใครที่เจ้าว่านี่หมายถึงใครล่ะ?”
“ก็คนทั่วๆ ไป ถ้ายกตัวอย่างง่ายหน่อยก็อย่างแฟนดรัล อย่างเจ้า แล้วก็อย่างผู้หญิงทั้งหลายของพวกเจ้านั่นแหละ”
“…”
“…”
ธอร์ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองน้องชายอย่างนึกหาคำพูดไม่ออก จะบอกว่าพี่น้องเค้าไม่มาทำอะไรกันแบบนี้ คนตรงหน้านี่ก็คงไม่ยอมฟังแน่ๆ แต่ถ้าจะบอกว่าไม่อยากสอน เจ้าคนเอาแต่ใจก็คงจะ…
“แต่ถ้าเจ้าไม่อยากสอนก็ไม่เป็นไรนะ ข้าไปให้คนอื่นสอนก็ได้”
ก็คงจะคิดอะไรพิเรนท์ๆ แบบนี้น่ะสิ!
“ไม่ได้!”
“แปลว่าเจ้าจะสอนข้าสินะ” คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มพรายอย่างผู้ชนะ ให้คนเป็นพี่ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างติดจะเหนื่อยใจ
“เจ้าจะไปเที่ยวขอให้ใครต่อใครสอนเจ้าจูบไม่ได้ โลกิ” นี่คงเป็นครั้งแรกที่คำพูดเชิงสั่งสอนได้ออกมาจากปากของคนเป็นพี่ที่ปกติมักจะเป็นฝ่ายถูกน้องสอนมากกว่า ซึ่งมันก็ทำให้โลกิต้องมุ่นหัวคิ้วขึ้นนิดอย่างติดจะขัดใจ
“ก็แค่จูบ จะอะไรกันนักหนา”
“มันไม่ใช่ แค่ นะ!”
“งั้นเจ้าก็สอนข้าสิ”
“ไว้โตขึ้นเจ้าก็รู้เองแหละน่า”
“ข้าโตมากพอแล้ว”
“ไม่มีคนโตแล้วที่ไหนเค้ามาขอให้คนอื่นสอนเรื่องจูบหรอกนะโลกิ”
“ข้าไปหาแฟนดรัลน่าจะได้เรื่องกว่าสินะ”
พูดจบก็หมุนตัวจะเดินหนี ให้คนเป็นพี่แทบถลาเข้าไปฉุดข้อมือรั้งคนดื้อเอาไว้ ธอร์จับข้อมือเล็กๆ นั้นแน่นอย่างที่กลัวเหลือเกินว่าน้องชายของเขาจะไปทำอะไรบ้าๆ อย่างที่บอกจริงๆ (ซึ่งแน่นอนว่าโลกิกล้าทำแบบนั้นแน่ๆ) สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างจนปัญญา
“โอเค ข้าสอน ข้าสอน”
คำตอบที่ทำให้คนเป็นน้องต้องยิ้มกว้าง หันกลับมามองหน้าพี่ชายด้วยสายตาพราวระยับ อย่างที่ธอร์เห็นแล้วก็นึกอยากจะจับมาตีก้นซะให้เข็ด (ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าเขาไม่เคยชนะโลกิได้เลยซักครั้งล่ะก็นะ)
“สอนสิ”
คำเร่งที่ทำให้ต้องถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ก่อนที่ธอร์จะขยับเดินเข้าไปใกล้…
“หลับตาก่อน”
“ทำไมต้องหลับตา?”
“มันเป็น เอ่อ… เป็นคล้ายๆ ธรรมเนียมในการจูบน่ะ”
“แล้วถ้าข้าไม่อยากหลับล่ะ?”
“ไหนเจ้าบอกจะให้ข้าสอนไง นี่ข้ากำลังสอนเจ้าอยู่นะ”
โลกิเบ้ปากให้กับคำพูดนั้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี…
ใบหน้างดงามของเจ้าชายองค์เล็กกำลังหลับตาพริ้ม รอคอยบทเรียนจากพี่ชาย ในขณะที่สีหน้าของคนเป็นพี่กลับกำลังเจือไปด้วยรอยเคร่งขรึมอย่างที่น้อยครั้งนักจะมีให้เห็น ธอร์เอื้อมมือประคองใบหน้าของน้อยชายแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่เบายิ่งกว่า…
“สัญญากับข้าก่อนว่าถ้าข้าสอนแล้ว เจ้าจะไม่ไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนอีก” ถ้อยกระซิบที่ทำให้คนฟังต้องขมวดคิ้วขึ้นนิดอย่างติดจะไม่เข้าใจ
“แล้วทำไมข้าต้องสัญญาด้วยล่ะ?”
“ถ้าไม่สัญญาข้าก็ไม่สอน”
“…”
“…”
“ก็ได้ ข้าสัญญา”
รับปากออกไปทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น ให้คนมองต้องขยับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้…
ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนริมฝีปากบางแผ่วเบา สัมผัสที่เบาดุจปีกของผีเสื้อหากแต่ก็ไม่ได้เกินเลยมากไปกว่านั้น ริมฝีปากของพี่ชายเพียงแค่แตะเบาๆ อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ ผละออกห่าง…
และเมื่อสัมผัสอุ่นๆ นั้นหายไปแล้ว โลกิถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง…
“แค่นี้?”
ลืมตาขึ้นอีกครั้ง… พร้อมกับเอ่ยคำถามที่ทำให้ธอร์รู้สึกอยากจะยกเท้าขึ้นเตะตัวเองมันซะตรงนี้!
“ที่ข้าเคยเห็นเจ้าจูบกับนางกำนัลมันไม่ใช่แบบนี้นี่?”
จะบ้าตาย!
เป็นครั้งแรกที่ธอร์รู้สึกว่าอยากจะจับน้อยชายตัวดีเขย่าๆ แล้วถามนักว่า อะไรมันทำให้เจ้าเป็นเด็กแก่แดดแบบนี้เนี่ยโลกิ?!!
“เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ด้วย” โลกิน้อยยังคงบ่นกระปอดกระแปดโดยที่ไม่คิดจะสนใจสีหน้าที่ราวกับคนอยากจะร้องไห้ของพี่ชายเลยซักนิด “ข้าไปหาแฟนดรัลดี…”
“ไม่ได้!”
“ธอร์!” คนไม่เคยถูกขัดใจยกมือขึ้นกอดอกอย่างขัดใจเป็นที่สุด ให้คนเป็นพี่ชายต้องรีบหาข้ออ้างก่อนที่คนตรงหน้าจะแสดงอภินิหารอะไรออกมาให้เขาต้องปวดหัวอีก
“เมื่อกี้มันเป็นแค่บทเรียนแรกไง”
“บทเรียนแรก?”
“อ่าฮะ การเรียนการสอนมันก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทีละขั้นสิ จริงมั๊ย?”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังหลอกข้าอยู่ล่ะ?” โลกิน้อยหรี่ตามองพี่ชายตัวโตที่ปกติไม่ค่อยจะมีสมองซักเท่าไหร่นัก แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ดูมากเล่ห์จนเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดนักก็ไม่รู้
“แล้วเคยมีใครหลอกเจ้าได้รึเปล่าล่ะ?” คำถามที่ทำให้คนที่เคยแต่หลอกคนอื่นต้องยักไหล่นิดๆ
“งั้นก็รีบสอนขั้นต่อไปซะสิ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“ไม่ต้องค่อยนักก็ได้ ข้าเป็นคนหัวเร็วอยู่แล้ว” ธอร์ถอนหายใจหนักๆ เป็นรอบที่พัน ก่อนจะยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างที่แม้แต่โลกิก็ยังต้องมุ่นหัวคิ้วด้วยความแปลกใจ
“บอกว่าวันหลังก็คือวันหลัง ไม่มีข้อแม้ทั้งนั้น และระหว่างรอข้าสอน ก็ห้ามเจ้าไปขอให้คนอื่นสอนแทนข้าเด็ดขาด ด้วย เข้าใจไหม?!”
“ทำไมวันนี้ข้าถึงรู้สึกเกลียดขี้หน้าเจ้าจัง”
“โลกิ!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างโปร่งของเจ้าชายน้อยแห่งแอสการ์ดกำลังก้าวไปตามโถงทางเดินของพระราชวังอันกว้างใหญ่ ทางเดินที่ทอดยาวตรงไปยังประตูบานใหญ่ของห้องบรรทมของเทพแห่งสายฟ้า
ห้องที่โลกิไม่เคยนึกอยากจะเข้ามาเลยสักนิด
ความคิดที่ทำให้ต้องเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าไปหยุดลงหน้าประตูบานใหญ่ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องมาทวงหนังสือคืนล่ะก็ เขาก็ไม่คิดจะมาที่นี่หรอกนะ ห้องที่รกอย่างกับรังหนู มองไปทางไหนก็เจอแต่อาวุธ แถมยังเหม็นกลิ่นเหงื่อของไอ้พี่บ้านั่นอีก เห็นก็มีแต่พวกนางกำนัลนั่นแหละที่ดูจะอยากเข้ามาในห้องนี้กันนักหนา ไม่รู้ว่าแม่ผู้หญิงพวกนั้นพิศวาสเข้าไปได้ยังไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดแปลกๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะปัดความหงุดหงิดนั้นออกไปจากหัว ก่อนจะยกมือผลักประตูเข้าไปในห้อง
ผลักประตูเข้าไปในห้อง… เพื่อที่จะพบกับภาพของพี่ชายที่กำลังจูบอยู่กับสตรีนางหนึ่งอย่างเร่าร้อน
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
ความคิดที่ทำให้โลกิหงุดหงิดจนต้องแกล้งกระแทกประตูปิดตามหลังดังโครม จนคนสองคนที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียงต้องชะงักกึก ก่อนที่ธอร์จะหันมาเบิกตากว้างมองน้องชายผู้เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“เอ่อ… โลกิ”
“ข้ามาเอาหนังสือของข้าคืน”
“…”
“…”
คนเป็นพี่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ (ที่โลกิอยากจะเติมคำขยายว่า “อย่างโง่ๆ” เข้าไปด้วย) ก่อนที่ธอร์จะกระแอมไอนิดๆ แล้วหันไปออกคำสั่งกับหญิงสาวที่ดูจะยังตั้งสติไม่ได้
“เจ้าออกไปก่อนไป” ผู้ถูกสั่งพยักหน้ารับเร็วๆ เก็บผ้าเก็บผ่อนของตัวเองให้เข้าที่ แล้วหันไปก้มหน้าก้มตาถอนสายบัวเพื่อถวายบังคมแด่เจ้าชายองค์เล็ก ก่อนจะรีบรุดออกจากห้องไป
ทิ้งไว้ก็แต่สองพี่น้องที่ยังคงยืนจ้องตากันอยู่อย่างนั้น…
“ข้ามาทวงหนังสือที่เจ้ายืมมาเมื่ออาทิตย์ก่อน”
“…”
ธอร์ยังคงมองน้องชายตัวเองนิ่ง นึกอยากสอนนักว่า ก่อนเข้าห้องคนอื่นควรจะเคาะประตูขออนุญาตก่อนทุกครั้ง แต่ดูจากสถานการณ์และสายตาเย็นๆ ของคนตรงหน้าในตอนนี้แล้ว…
ทำตามที่เจ้าตัวต้องการคงจะดีที่สุดล่ะนะ
ความคิดที่ทำให้ธอร์ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือต้นเหตุมาส่งให้คนตัวเล็กกว่า มือเรียวยื่นมารับหนังสือเอาไว้ แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะหันหลังเดินออกไปจากห้องเลยสักนิด
“…”
“…”
ความเงียบโรยตัวอยู่รอบๆ ห้อง ให้ธอร์เริ่มจะอึดอัดกับสายตาเรียบๆ ของน้องชายที่ยังคงจ้องเขานิ่ง บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยอ่านใจโลกิได้เลยซักครั้ง ไม่รู้ว่าภายใต้ดวงตาสีเขียวคู่นี้กำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรอยู่กันแน่
“เจ้ายังมีธุรอะไรอีกไหมโลกิ?” ส่งคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ายอมแพ้ ให้ผู้ชนะค่อยๆ ระบายยิ้มบางๆ อย่างที่ทำให้คนมองรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วนะ นับตั้งแต่วันที่เจ้าสัญญาว่าจะสอนข้าจูบ”
“นี่เจ้ายังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกเหรอเนี่ย?!”
“แล้วทำไมข้าต้องลืมด้วยล่ะ?”
“โลกิ” ธอร์แทบครางออกมาอย่างจนใจ อยากจะร้องไห้ให้กับความดื้อรั้นของน้องชายยิ่งนัก “เจ้าเป็นอะไรนักหนากับไอ้เรื่องจูบเนี่ย?!”
“ข้าก็แค่อยากรู้ แค่ครั้งเดียว แค่รู้ว่ามันเป็นยังไงแล้วก็จบน่า ข้าไม่ใช่พวกมักมากอย่างเจ้าหรอกนะ”
คำพูดกับน้ำเสียงอวดดีที่ทำให้ธอร์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าสบมองกับดวงตาสีเขียวคู่รั้นตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ ระบายยิ้มบางเบาแล้วเดินเข้าไปใกล้น้องชาย
“แน่ใจแล้วหรือโลกิ ที่พูดแบบนั้นออกมาน่ะ?”
“…”
“ไม่มีใครที่เคยจูบแล้วจะไม่อยากจูบอีกหรอกนะ”
“ก็ข้านี่ไง”
“งั้นข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าเจ้าคิดผิด”
จบคำมือใหญ่ก็รั้งเอวเล็กๆ นั้นเข้ามาจนชิดตัว ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะก้มลงไปความหาความหวานล้ำจากริมฝีปากของผู้ที่เป็นน้องชาย เริ่มจากการไล้เลียเบาๆ ค่อยๆ ละเลียดชิมกลีบปากนั้นทีละนิด ก่อนจะขบเม้มให้ริมฝีปากไร้เดียงสาเผยอออก เปิดโอกาสให้คนเอาเปรียบได้รุกล้ำเข้าไปกอบโกยรสหวานจากเรียวลิ้นเล็ก
สัมผัสอุ่นร้อนที่ราวกับกำลังแผดเผาให้โลกิค่อยๆ หมดเรี่ยวแรง หนังสือเล่มใหญ่ในมือหล่นร่วงลงไปอยู่บนพื้น ก่อนที่มือเล็กๆ นั้นจะเปลี่ยนมาเกาะเอวพี่ชายเอาไว้แน่น ในหัวขาวโพลนราวกับสติที่เคยมีอยู่ได้หายไปพร้อมๆ กับสัมผัสอุ่นชื้นที่ได้รับ แม้แต่ลมหายใจก็ราวกับว่ากำลังถูกไอ้พี่ชายงี่เง่านี่สูบไปจนหมด ให้รู้สึกหมดแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่หากไม่ติดว่ามีอ้อมแขนแข็งๆ ที่ยังคอยรั้งเอวของเขาเอาไว้
แล้วพี่ชายก็ค่อยๆ ผละใบหน้าออกห่าง…
ผละออกห่าง… เพื่อที่จะประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง!
เรียวลิ้นอุ่นยังคงกอดเกี่ยวเอาความหวานอย่างที่ไม่เว้นจังหวะให้ผู้ถูกกระทำได้ตั้งตัวเลยสักนิด สัมผัสที่ทั้งหยอกเย้า ทั้งสั่งสอน ให้ผู้ที่ไม่เคยได้รู้จักกับมันได้แต่โอนอ่อนผ่อนตาม หลายครั้งที่ลิ้นเล็กๆ นั้นพยายามที่จะตอบโต้กลับอย่างไร้เดียงสา หากแต่ก็ถูกพี่ชายกำราบด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า
และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ ที่แผ่นหลังของโลกิสัมผัสกับเตียงกว้าง...
ริมฝีปากของพี่ชายยังคงประกบลงมาซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สัมผัสอุ่นร้อนนั้นช่วงชิงเอาลมหายใจของเขาไป ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงมือใหญ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในสาบเสื้อ ลูบไล้ไปตามเอวคอด… ทิ้งสัมผัสจากปลายนิ้วที่ราวกับประจุไฟฟ้าที่ทำให้สติที่มีอยู่ค่อยๆ ลางเลือน
แต่ก่อนที่มันจะลางเลือนลงไปจริงๆ โลกิก็รวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่ ผลักไปที่อกคนเอาเปรียบจนสุดแรง
การกระทำที่เรียกสติของคนลืมตัวให้กลับมาอีกครั้ง…
“เจ้า… เจ้าจะฆ่าข้ารึไงกัน!”
เสียงกึ่งหอบกึ่งตะคอกของน้องชาย ในขณะที่คนถูกตะคอกกลับเพียงแค่นิ่งเงียบ…
ร่างสูงใหญ่ยังคงคร่อมอยู่บนร่างโปร่งบางที่นอนแผ่อยู่กับเตียง ดวงตาสีฟ้ายังคงทอดมองใบหน้าแดงก่ำของน้องชายอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นไล้ไปตามริมฝีปากที่บวมเจ่อจนดูน่าขัน
“สัญญากับข้า ว่าเจ้าจะไม่ไปทำแบบนี้กับใคร... นอกจากคนที่เจ้ารัก”
คำพูดเห็นแก่ตัวที่ทำให้โลกินึกอยากจะผลักให้คนพูดกระเด็นออกไปซักร้อยเมตร ถ้าไม่ติดว่ายังหมดแรงอยู่ และถ้าไม่ติดตรงประกายอ่อนโยนในดวงตาสีฟ้าๆ ที่มันกำลังทอดมองเขาอยู่ในตอนนี้ล่ะก็นะ
“ทีเจ้ายังเที่ยวจูบกับใครต่อใครไปเรื่อย”
ประโยคตอบโต้กับอาการหลบตาที่ทำให้ธอร์ต้องระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะจับใบหน้าสวยๆ นั้นให้หันมามองกันอีกครั้ง
“แต่ข้าไม่เคยทำแบบนี้กับใครนะ”
พูดจบก็เคลื่อนริมฝีปากขึ้นไปประทับลงบนหน้าผากมน เลื่อนลงมาจุมพิตที่เปลือกตาบาง สัมผัสปลายจมูกรั้น ก่อนจะมาจบลงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง
…หากแต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เมื่อธอร์เพียงแค่ทิ้งสัมผัสไว้แค่นั้น แตะแผ่วเบาเพียงเพื่อให้คนตรงหน้าได้รับรู้ถึงความอบอุ่นของมัน...
และเมื่อผละตัวออกห่างอีกครั้ง ก็ต้องพบกับภาพใบหน้างดงามที่กำลังหลับตาพริ้ม ให้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ธอร์ยังคงมองน้องชายอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่ร่างสง่าจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวเดินไปก้มเก็บหนังสือเล่มใหญ่ แล้วหันกลับมายื่นส่งมันให้กับคนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง
“หนังสือของเจ้า”
เสียงทุ้มๆ ที่ปลุกให้คนที่ยังตกอยู่ในภวังค์ต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกิลุกขึ้นมองหน้าพี่ชายอย่างติดจะงงๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับหนังสือมาไว้ราวกับยังคงจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก
“แล้วก็กลับห้องของเจ้าไปได้แล้ว”
และนั่นก็เป็นประโยคที่เรียกสติของโลกิให้กลับมาเด่นชัดอีกครั้ง
ดวงตาสีเขียวตวัดมองคนเป็นพี่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเอ่ยคำพูดต่อประโยคด้วยน้ำเสียงจิกกัด
“เจ้าไล่คนที่จูบกับเจ้าออกจากห้องแบบนี้ทุกคนเลยสินะ”
“ไม่หรอกโลกิ ข้าไม่ได้ไล่ทุกคน”
“…”
“แต่เจ้ามันเป็นตัวอันตราย อยู่ห่างๆ เจ้าไว้ข้าคงจะปลอดภัยที่สุด”
“ธอร์!”
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะกวนประสาทที่ทำให้คนเป็นน้องต้องกัดฟังกรอด ก่อนจะเดินตึงตังไปกระชากประตูห้องเปิดออก แล้วกระแทกปิดตามหลังเสียงดังโครม
ภาพที่ทำให้ธอร์ต้องส่ายหัวยิ้มๆ…
…และเมื่อตัวอันตรายออกจากห้องไปแล้ว ร่างสูงๆ ก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงอย่างหมดแรงทันที มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าลูบตาอย่างพยายามเรียกสติของตนกลับคืนมา ในขณะที่ในใจก็นึกอยากจะเอาโยเนียร์ทุบหัวตัวเองแรงๆ ซักสิบครั้ง
เพราะถ้าเมื่อกี้โลกิไม่ผลักเขาออก เขาเองก็ไม่อยากจะนึกต่อว่ามันจะไปจบลงตรงไหน…
…ความคิดที่ทำให้ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างจนใจ
ถ้าโลกิยังไม่เลิกทำตัววุ่นวายแบบนี้อยู่ล่ะก็ มันก็คงจะมีซักวันที่เขาคงต้องหมดความอดทนลงไปจริงๆ…
End?
*********************************************************************************************
ฟิคธอร์กิแบบมุ้งมิ้งงงงงง >//////<
เป็นฟิคที่ได้ไอเดียมาจากการเสพแฟนอาร์ตค่ะ
บังเอิญไปเจอแฟนอาร์ตที่ธอร์กับกิน้อยลองจุ๊บกันครั้งแรก
เราก็เลยคิดว่า เออ ถ้ามันเป็นฟิคจูบแรกของโลกิ มันก็คงจะน่ารักดีเนอะ
มันก็เลยออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้แล~
ธอร์กิเนี่ย เป็นคู่ที่มีแต่เรื่องราวดราม่าและความเจ็บปวดก็จริงนะ
แต่เราก็ชอบเห็นธอร์กิในแบบที่มีแต่รอยยิ้มและความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบเด็กๆ มากกว่าธอร์กิที่มีแต่หยาดน้ำตานะ :)
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันนะคะ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ไอวิชรักคนอ่านน้าา ^3^
ความคิดเห็น