คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Shot Fiction The Maze Runner [minewt AU] : Just an ordinary night (?)
Shot Fiction : Just an ordinary night (?)
Couple : Minho x Newt, minewt (AU)
Note : ฟิคเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน โปรเจคฟิค 5 คำ ของไอวิชค่ะ โดยมีโจทย์ว่า ไรเตอร์ต้องใช้คำ 5 คำ คือ 1.ถุงยาง(อนามัย) 2.ปลา 3.พุง 4.ไหมแย็บแผล และ 5.น้ำหอม มาเขียนลงในฟิคของตัวเองให้จบภายในจำนวน 5 หน้ากระดาษ A4 (ตัวอักษร Cordai New 14) โดยไม่ได้กำหนดลำดับในการกล่าวถึงคำเหล่านี้ค่ะ
ปล.สกรีมฟิคในทวิตเตอร์ อย่าลืมติดแท็ค #ฟิคห้าคำ นะเจ้าคะ ^3^
เที่ยงคืนสิบนาที
กล่องถุงยางอนามัยพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งถูกวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน ให้เภสัชกรที่อยู่ในชุดกราวด์ด้านในเคาน์เตอร์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกค้าเล็กน้อย ดวงตาสีดำสบกับดวงตาสีน้ำตาลของลูกค้าประจำเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหยิบถุงยางอนามัยและเงินที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาทำการคิดเงิน และเมื่อเขาจัดการทอนเงินและหยิบสินค้าใส่ถุงส่งให้แล้ว คนเป็นลูกค้าก็หันหลังเดินออกไปจากร้านในทันที
ก็เหมือนๆ กับทุกวัน…
ความคิดที่ทำให้มินโฮต้องยกยิ้มในขณะที่มองตามแผ่นหลังบางๆ ที่กำลังเดินออกจากร้านไป
มินโฮเป็นเภสัชกรในร้านยาชื่อดังอย่าง Boots ซึ่งสาขาที่เขาทำงานอยู่ก็เป็นสาขาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เขาเลยต้องอยู่กะดึกแบบนี้เป็นประจำ และเพราะว่าเป็นกะดึกถึงได้ไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก แต่ในความเงียบเหงาของช่วงเวลากลางคืนแบบนี้ ก็ยังมีลูกค้าประจำอย่างผู้ชายคนเมื่อกี้ที่เข้ามาซื้อของในร้านแทบทุกคืน
ขนมขบเคี้ยว โค้ก (ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณจะสงสัยว่าทำไมร้านยาถึงมีของพวกนี้ขายอยู่ด้วย ตอนเข้ามาทำงานแรกๆ มินโฮก็สงสัยเหมือนกันว่าเรียนจบเภสัชมา ทำไม (กู) ต้องมานั่งขายโค้กด้วยวะ?! แต่เมื่อหาคำตอบไม่ได้ก็ต้องทำใจให้ชินกับการขายของทุกอย่างในร้านล่ะนะ) ยาแก้อาการแฮ้งค์ ถุงยางอนามัย ไปจนถึงอุปกรณ์ทำแผล… ทุกๆ คืนคนคนนั้นจะเดินเข้ามาหยิบของที่ต้องการ เดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วก็เดินออกไปจากร้าน
ไม่มีคำพูด ไม่มีคำถาม ไม่มีรายการสินค้าอื่นนอกเหนือจากของพวกนี้ด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ใบหน้าเรียบเฉยกับการขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ไม่ได้สื่ออารมณ์ใดๆ ของเจ้าตัว เป็นลูกค้าประจำนิสัยแปลกๆ ที่ทำให้มินโฮคิดว่าน่าสนใจมากกว่าลูกค้าคนอื่นๆ นิดหน่อย
แค่นิดหน่อยจริงๆ…
ความคิดที่ทำให้ต้องส่ายหัวขำๆ ก่อนจะกลับไปตั้งใจทำงานของตัวเองต่ออีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
สี่ทุ่มของอีกวันถัดมา
“ที่นี่ไม่มีไหมเย็บแผลขาย?”
ประโยคคำถามสำเนียงบริทิชถูกส่งให้กับเภสัชกรในเคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่างอยู่… เสียงที่ทำให้มินโฮที่เพิ่งเลิกงานเพราะวันนี้ไม่ได้มีเวรอยู่ดึกต้องชะงักขาที่กำลังจะเดินออกจากประตูร้าน ดวงตาสีดำหันไปมองคนต้นเสียงด้วยความสนใจ ร่างสูงโปร่งของลูกค้าประจำของเขากำลังยืนคุยอยู่กับเภสัชกรอีกคนที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาก็คือใบหน้าที่เคยเรียบเฉยไร้อารมณ์กลับมีแววครุกรุ่นอยู่ในดวงตาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่มีไหมเย็บแผล ทั้งๆ ที่ที่นี่เป็นร้านขายยาเนี่ยนะ?”
“เอ่อ… ต้องขอโทษจริงๆ ครับ แต่ที่ร้านเราขายเฉพาะสินค้าประเภทยา ไม่ได้ขายอุปกรณ์ด้านการแพทย์ด้วยครับ”
คำตอบที่ทำให้คนฟังทำสีหน้ายุ่งยากใจอยู่ซักพัก แม้คิ้วเรียวจะยังขมวดมุ่นแต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ารับอย่างจำนน ก่อนจะเดินผ่านมินโฮออกจากร้านไป… ภาพที่ทำให้มินโฮได้แต่มองตามอย่างงๆ ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วมองเพื่อนร่วมงานหน้าเคาน์เตอร์ที่ทำเพียงแค่ยักไหล่ตอบกลับมาเท่านั้น
มินโฮสาวเท้าเร็วๆ เดินไปตามถนนด้วยความเคยชิน เวลาสี่ทุ่มในมหานครนิวยอร์กไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนัก ตามท้องถนนก็ยังคงมีรถราวิ่งอยู่ บนทางเท้าก็ยังคงมีคนเดินอยู่หนาตา แต่ถึงอย่างนั้นเส้นทางที่ตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ของเขามันก็เงียบและเปลี่ยวใช้ได้อยู่เหมือนกัน แล้วขาที่กำลังก้าวเดินก็ต้องชะงักอยู่กับที่ เมื่ออยู่ๆ ก็มีวัตถุบางอย่างจ่อเข้ามาที่เอวของเขาจากด้านหลัง
“อย่าเอะอะ อย่าโวยวาย ไม่งั้นฉันยิงพุงแตกแน่”
สัมผัสจากปลายกระบอกปืนที่มาพร้อมกับน้ำเสียงแผ่วเบาที่กระซิบเป็นคำขู่
เสียงขู่สำเนียงแบบอังกฤษจ๋าที่แม้จะเคยได้ยินแค่ครั้งเดียวเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่มินโฮก็จำมันได้ดี
และมันก็แปลกที่พอจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร มันก็กลับลดความน่ากลัวของคำขู่นั่นลงไปได้มากกว่าครึ่ง…
ความคิดที่ทำให้มินโฮต้องสะกดยิ้ม ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่มันคงจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะมานึกขำ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยกมือขึ้นสองข้างอย่างที่บอกถึงการยอมแพ้
“ยกมือทำบ้าอะไร เดี๋ยวคนอื่นก็ผิดสังเกตกันหมดหรอก!”
“อ้าว! ก็คุณเอาปืนจ่อเอวผมอยู่” คำตอบที่ได้รับการถอนหายใจตอบกลับมาอย่างที่ทำให้มินโฮแทบจะหลุดขำออกมาจริงๆ
ท่าทางเขาจะบ้าจริงๆ แฮะ โดนปืนจ่อเอวอยู่แบบนี้ยังจะมีอารมณ์มานึกเอ็นดูคู่กรณี
“เอามือลง” คำสั่งเสียงเครียดที่มินโฮยอมทำตามแต่โดยดี แม้จะยังไม่ได้หันกลับไปมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วขึ้นนิดกับคำถามต่อมา “นายเป็นเภสัชใช่มั๊ย?”
“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ มาซื้อยากับผมแทบทุกวันไม่ใช่เหรอ”
“ดี ที่ห้องนายมีอุปกรณ์เย็บแผลรึเปล่า?”
คำถามที่ทำให้มินโฮต้องนึกถึงกล่องเครื่องมือแพทย์ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องตัวเอง โทมัสเพื่อนสนิท (ที่ทำอาชีพหมอ) ของเขาลืมเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก่อนที่หมอนั่นจะขี้เกียจกลับมาเอาแล้วบอกว่ายกให้เขาเอาไว้ใช้ได้เลย
“ถ้าตอบว่าไม่มีคุณจะเชื่อมั๊ย?”
“แน่นอนว่าไม่”
งั้นทีหลังก็อย่าถามคำถามที่มีคำตอบในใจอยู่แล้วสิวะ…
.
.
.
.
.
.
.
ร่างสูงโปร่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ของคนที่เพิ่งจะถูกเขาข่มขู่ให้พามาที่นี่ ดวงตาสีน้ำตาลมองสำรวจไปรอบกายด้วยความระแวดระวัง บนโต๊ะทำงานห่างออกไปไม่ไกลมีขวดโหลที่เลี้ยงปลาทองตัวอ้วนเอาไว้ เสื้อผ้าที่เหมือนเพิ่งจะซักแห้งเสร็จแต่ยังไม่ได้รับการพับเก็บกองสุมกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ขวดเบียร์เปล่าสองสามขวดล้มกลิ้งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขานั่งอยู่นัก
ก็เหมือนกับห้องผู้ชายโสดทั่วๆ ไป
ความคิดที่ทำให้คลายความระแวงลงไปได้บ้าง แต่ยังไม่ทันจบความคิดดีนัก ร่างโปร่งก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยแล้วคว้าปือขึ้นจ่อหน้าของคนที่เดินมาจากด้านหลัง
“เฮ้ ใจเย็นพวก”
“โทษที”
เอ่ยคำขอโทษสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ววางปืนลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ให้คนเป็นเจ้าของห้องต้องยกยิ้มแห้งๆ ส่งให้ ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ แล้ววางกล่องเครื่องมือแพทย์ลงข้างๆ ปืนของเขาอีกที
“แล้ว?”
คำถามจากคนเป็นเภสัชกรที่ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตนออก เผยให้เห็นแผลที่แขนซ้าย เลือดสีแดงยังคงไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผลที่ถูกพันเอาไว้ลวกๆ
“เย็บแผลให้ฉัน”
“เฮ้! ผมเป็นเภสัชนะ ไม่ใช่หมอ!”
“ก็เหมือนกันล่ะน่า”
“ไม่เหมือนเว้ย!”
“ไม่เหมือนยังไง?”
“เภสัชมีหน้าที่ดูแลเรื่องยาของคนไข้ ห้ามทำอะไรคนไข้ แม้แต่ตรวจเลือดวัดน้ำตาลยังผิดกฎหมายเลย ขนาดสั่งยาเองผมยังไม่มีสิทธิ์ทำเลยนะคุณ”
“ไม่ต้องไปสนใจกฎหมายปลวกนั่นหรอกน่า!” คำตอบที่ทำให้มินโฮแทบยกมือกุมขมับ
แล้วเขาจะไปเย็บแผลเป็นได้ยังไงล่ะวะ?!
“เอางี้ ให้ผมโทรเรียกเพื่อนที่เป็นหมอมาดีกว่า”
“ไม่ได้!”
เสียงตะคอกจากคนเจ็บที่ตอนนี้หน้าเริ่มจะซีดลงเรื่อยๆ เพราะพิษบาดแผลที่เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด ดวงตาสีน้ำตาลจ้องหน้ามินโฮอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้มินโฮต้องชะงักไป
“ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น”
“…”
“…”
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณไว้ใจผมได้ล่ะ?”
และนั่นก็เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบใดๆ ถูกส่งกลับมา
มินโฮกำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่บาดแผลที่เขากำลังเย็บอยู่ มันเป็นการทำผิดจรรยาบรรณครั้งแรกในชีวิตของเขา และก็เป็นการผิดจรรยาบรรณแบบที่โคตรปลวกเลยด้วย ถึงเขาจะคิดว่าฝีมือการเย็บของตัวเองก็ไม่ได้เลวเกวอะไรนักก็เถอะ
“ฝีมือใช้ได้นี่” คำชมจากคนเจ็บที่ตอนนี้กำลังยกบรั่นดี (ที่บังคับให้มินโฮไปหามาให้) ขึ้นดื่มอึกๆ ราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับไอ้การถูกเย็บสดนี่เลยซักนิด
“ดีที่เป็นแค่แผลถูกยิงถากๆ ถ้าแผลหนักกว่านี้ผมว่าคุณคงได้อาการหนักลงเพราะฝีมือผมแน่ๆ” คำตอบที่ทำให้คนเจ็บยกยิ้มขำ ก่อนจะก้มลงมองมือใหญ่ที่กำลังผูกปมไหมเย็บแผลเป็นครั้งสุดท้าย
“จะไม่ถามเหรอว่าฉันไปทำอะไรมาถึงได้ถูกยิงแบบนี้”
“ถามไปคุณก็ไม่ตอบอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”
“ฉลาดนี่”
มินโฮใช้กรรไกรตัดไหมที่เหลือทิ้ง ก่อนจะวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงแล้วเงยขึ้นสบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขายกยิ้มกวนๆ ส่งให้หนึ่งครั้ง ก่อนจะต่อประโยคสนทนาด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง
“คุณอาจจะเป็น FBI CIA สายลับ หน่วยชิลด์”
“…”
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นแค่วัยรุ่นเลือดร้อนธรรมดาๆ”
คำพูดยั่วยุที่ทำให้คนฟังระบายยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก…
ใบหน้าดูดีจนติดไปทางสวยค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อในแบบคนเอเชีย ดวงตาสองคู่สบมองกันอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่คนเจ็บจะก้มกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู
“หรือไม่อีกที… ก็อาจจะเป็นนักฆ่าซักคน”
ประโยคกระซิบที่ควรจะทำให้คนฟังต้องกลัว แต่มินโฮกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยซักนิด
อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงกระซิบที่เหมือนเด็กซนๆ ที่อยากแกล้งคนอื่นมากกว่าจะข่มขู่ อาจจะเป็นเพราะเวลาสองชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันกับประโยคสนทนาสั้นๆ ที่มันทำให้คนคนนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกเลยซักนิด
หรืออาจจะเป็นเพราะกลิ่นเย้ายวนของน้ำหอมที่ติดอยู่บนซอกคอขาว ที่มันทำให้มินโฮนึกถึงอย่างอื่นมากกว่าเรื่องที่เจ้าตัวกำลังพูดถึงอยู่…
“ดูเหมือนว่านายจะไม่กลัวเลยนะ” คำถามที่ไม่ได้มีแววแปลกใจอยู่ในน้ำเสียงอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนที่คนถามจะยกยิ้มน้อยๆ เอื้อมมือคว้าปืนของตัวเองมาไว้แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คุณจะไปแล้วเหรอ?”
“นายควรจะดีใจที่ฉันไปได้ซักทีนะ”
มินโฮลุกขึ้นยืนตาม ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างของคนที่ทำท่าว่าจะเดินออกไปจากห้อง… การกระทำที่ทำให้คนมองต้องขมวดคิ้วส่งเป็นคำถามอย่างติดจะไม่เข้าใจ
“หรือว่าเปลี่ยนใจจะจับฉันส่งให้ตำรวจแล้ว?” ส่งคำถามอย่างที่รู้ว่าไม่ใช่ ให้คนถูกถามต้องส่ายหัวขำๆ
“เปล่า ผมแค่สงสัยว่าทำไมถึงไม่ได้รับคำขอบคุณเลยน่ะ”
“นายทำเพราะไม่อยากโดนยิงไส้ทะลักไม่ใช่รึไง ยังมีหน้ามาทวงบุญคุณอีก”
“แต่ผมก็อุตส่าห์ยอมผิดจรรยาบรรณวิชาชีพตัวเองเลยนะเว้ยครับ”
“…”
“…”
“…”
“อย่างน้อยก็น่าจะบอกชื่อกันหน่อยก็ยังดี…”
คำพูดที่ทำให้คนฟังเหลือบตาขึ้นฟ้าอย่างติดจะระอา ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินไปหยุดลงตรงหน้าคนพูด ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย มองใบหน้านั้นอยู่ซักพัก แล้วมือเรียวก็ยกขึ้นโน้มคอของคนตรงหน้าลงมาประกบจูบ…
จูบรวดเร็วที่แทบไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว
จูบแผ่วเบาที่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ผละออกห่าง…
“แล้วเจอกันที่ร้านนะ คุณเภสัช”
พูดจบก็ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนจะหมุนตัวกลับ แล้วเดินเปิดประตูออกจากห้องไป
ไม่คิดจะรับผิดชอบความรู้สึกของผู้ถูกกระทำที่โดนทิ้งไว้ข้างหลังเลยซักนิด…
End.
*****************************************************************************
จบแบบอึนๆ T[]T
ขอบคุณข้อมูลเรื่องจรรยาบรรณของเภสัชกรและรายการสินค้าในร้าน Boots จากคุณเพื่อนบังเกิดเกล้าค่ะ
ฟิคเรื่องนี้ตั้งใจว่าจะเขียนให้มันอ่าน แต่ก็ดันไม่ค่อยกล้าส่งให้มันอ่านซะงั้น เอาเป็นว่าผิดพลาดประการใด เพื่อนก็ขออภัยนะคะ TT^TT
ส่วนคนอ่านที่น่ารักของไอวิช ใครอ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไงก็ติชมกันได้เลยนะคะ
ไอวิชยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำค่ะ ^0^
รักคนอ่านมาก
ไอวิช
ปล.ฟิคเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปรเจคฟิค 5 คำ ที่ไอวิชเขียนร่วมกับเพื่อนๆ ค่ะ สามารถเข้าไปหาฟิคเรื่องอื่นๆ ในโปรเจคอ่านได้จากแท็ค #ฟิคห้าคำ ในทวิตเตอร์เลยเน้อ
ความคิดเห็น