ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น Avengers, Thor, Sherlock, Maze Runner [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : Shot Fic HiddlesWorth : In Valentine #3

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57










    “มาร์ติน สรุปว่าเพื่อนของเบเนดิกต์คนนั้นมาถึงสนามบินรึยังเนี่ย?” เสียทุ้มๆ กรอกลงไปในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก บนหลังสะพายกระเป๋าเป้อย่างที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังจะเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง ในขณะที่ขายาวๆ ก็ก้าวเร็วๆ อย่างเร่งรีบ


    “ใช่ ผมอยู่สนามบินแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะไปหานายคนนั้นที่ไหนน่ะสิ” ปากก็คุยโทรศัพท์ไปเรื่อย สายตาก็คอยมองหาคนที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ “ดี ให้เบเนดิกต์โทรถามเขาเดี๋ยวนี้เลย ว่าตกลงเขาอยู่ไหนกันแน่? ผมจะได้ไปหะ


    ปึ๊ก!!!


    พูดยังไม่จบประโยคดีก็มีอันต้องหยุดพูดไปเมื่ออยู่ๆ ก็มีร่างผอมๆ ของใครบางคนเดินมาชนจนแทบล้ม แต่ก่อนที่จะได้พูดตำหนิออกไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นพบกับใบหน้าสวยๆ ที่กำลังเบิกตากว้าง


     “นาย!!


    “คุณหมี!” น้ำเสียงติดจะอย่างอึ้งๆ นัยน์ตาคู่สีเขียวเบิกกว้าง แต่ก่อนที่ปากบางๆ นั้นจะได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาซะก่อน ให้คนตัวผอมต้องชักสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากดปุ่มรับ แล้วตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังแรงๆ อย่างตั้งใจให้เป้ใบเขื่องที่ตนสะพายอยู่กระแทกโดนคู่กรณีเต็มรัก ริมฝีปากสวยยกยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์แล้วก้าวฉับๆ จากมา


    การกระทำที่ทำให้คนถูกประทุษร้ายต้องลงไปนั่งกุมท้องจุกเพราะแรงกระแทกจากระเป๋าเป้ใบโตที่ใหญ่กว่าตัวคนสะพายเองซะอีก


    “เฮ้นาย! ชนละ


    RRRRRRRRR!!! RRRRRRR!!!


    “ให้มันได้อย่างนี้สิ!” ยังไม่ทันได้ตะโกนเรียกคนชนแล้วหนีให้กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง โทรศัพท์มือถือก็ดันลั่นขึ้นมาซะก่อน ให้เขาต้องสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกดรับสายจากคนเป็นญาติ


    “ว่าไงครับ สรุปหมอนั่นมาถึงรึยัง?”


    ส่งคำถามออกไปก่อนที่เสียงจากปลายสายจะตอบกลับมาให้ใบหน้าเข้มต้องขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกรอกสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างเอือมๆ


    ”สนามบินคนเยอะยังกับหนอนแล้วผมจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าคนตัวผอมๆ คนไหนคือหมอนั่น?” มุ่นหัวคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวนะ ผู้ชายหน้าสวยๆ ตัวผอมๆ งั้นเหรอ?!



    “อย่าบอกนะว่า….


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    In Valentine #3

    Couple : Chris x Tom, HiddlesWorth

    Rate : PG

     

     


    Tom’s Part.

     

    “ฮัลโหล เบนเหรอ?”


    ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างติดจะหงุดหงิดนิดๆ หลังจากที่บังเอิญไปเจอกับหมียักษ์เป็นครั้งที่สองในชีวิต ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมผมต้องซวยมาเจอหมอนั่นด้วย เจอกันสองครั้งหมอนั่นก็เดินมาชนผมทั้งสองครั้ง


    สายตาสั้นรึไงกัน?


    [“อ่าฮะ แล้วนายถึงสนามบินรึยังเนี่ย?”] เสียงทุ้มๆ ของเพื่อนสนิทลอดมาตามสาย ให้ผมได้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เอาเถอะ ไหนๆ วันนี้ก็จะไปเที่ยวทั้งที ผมเลิกคิดถึงคนไร้มารยาทแล้วไปทัวร์ประเทศไทย (ฟรี) ให้สบายใจดีกว่า


    “ถึงแล้ว แล้วคนที่จะไปกับฉันล่ะมาถึงรึยัง?”


    [“ถึงตั้งนานแล้ว เขาก็กำลังตามหานายอยู่เหมือนกัน”]


    “อ้าวเหรอ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ตรงไหนของสนามบินล่ะ?”


    [“คงอยู่แถวๆ นั้นแหละ นายพยายามมองหาคนตัวสูงๆ หน้าหล่อๆ แล้วกัน เดี๋ยวก็เจอเองแหละ”]


    “คนตัวสูงๆ หน้าหล่อๆ?” ผมถึงกับต้องขมวดคิ้วกับคำอธิบายของเบน ก่อนจะวางสายไปแล้วสอดส่ายสายตาหาคนที่มีลักษณะแบบนั้น


    อืมตัวสูงๆ งั้นเหรอ?


    สนามบินนี่มันเป็นศูนย์รวมคนตัวสูงรึไงกันนะ? มองไปทางไหนก็มีแต่คนตัวสูงๆ กันหมด นี่ขนาดผมเป็นคนตัวสูงแล้วนะ คนพวกนี้ก็ยังจะสูงไล่เลี่ยกับผมให้หายากเข้าไปอีก


    ตัวเลือกเยอะไปตัวสูงตัดทิ้ง


    งั้นก็คนหน้าหล่อๆ?...


    อืม


    หน้าหล่อๆ นี่ไม่ค่อยมีแฮะ ที่ยืนอยู่แถวนี้ก็มีแค่ผมคนเดียว อืม


    “โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน”


    เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านหลังเรียกให้ผมต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องผงะเมื่อหันไปเจอกับหน้าหล่อๆ ของหมียักษ์ที่ผมเพิ่งจะเดินหนีมาเมื่อกี้ ความตกใจทำให้ผมลืมคิดไปด้วยซ้ำว่าหมอนี่ไปรู้จักชื่อผมได้ยังไง รู้ตัวอีกทีผมก็หันหลังกลับจะเดินออกมาแล้ว


    แต่แค่ผมก้าวขาออกไปก้าวแรกเท่านั้นก็มีอันแทบหงายหลัง เพราะหมีบ้านี่ดันคว้าเป้ที่ผมสะพายอยู่ข้างหลังเอาไว้ ผมเลยอยู่ในสภาพที่ต้องดิ้นอยู่กับที่เพราะไปไหนไม่ได้


    “จะหนีไปไหน?”


    “ปล่อยฉันนะ!


    “นายช่วยหยุดดิ้นแล้วคุยกันดีๆ ก่อนได้มั๊ยเนี่ย?” คำพูดที่ทำให้ผมหยุดชะงักกึก ก่อนจะเหลียวไปมองคนพูด




    “ไม่!


    แล้วผมก็เริ่มต้นดิ้นอีกครั้ง แต่ก็นั่งแหละตราบใดที่หมอนี่ยังจับเป้ผมเอาไว้อย่างเหนียวแน่นแบบนี้ ตราบนั้นผมก็ทำได้แค่ดิ้นอยู่กับที่เท่านั้นแหละ


    ให้ตายสิ!


    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!


    “ปล่อยแน่ ถ้านายจะหยุดโวยวายซักทีน่ะ”


    “แล้วทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย?!” นายหมียักษ์ยืนมองผมอยู่ซักพักก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดเสียงดุๆ


    “โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน” เสียงเรียกชื่อดุๆ ทำให้ผมต้องหยุดดิ้นก่อนจะค่อยๆ เอี้ยวคอกลับมามองหน้าคนพูดที่กำลังจ้องผมเขม็ง


    น่ากลัวชะมัด


    นี่ผมจะถูกหมีตะปบตายมั๊ย?


    “โอเค”



    “โอเค ไม่หนีแล้วก็ได้ มีอะไรจะคุยก็คุยมาสิ” ชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ตอบเสียงอ่อยๆ อย่างที่รู้ตัวว่ายังไงก็คงต้องเป็นฝ่ายแพ้ ก็หมอนี่ตัวใหญ่ขนาดนั้นผมจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ?


    “ตกลงว่าจะคุยกันดีๆ แล้วใช่มั๊ย?”


    “อ่าฮะ” คำตอบของผมทำให้หมียักษ์ที่จ้องผมเขม็งค่อยๆ อมยิ้มขำ


    รอยยิ้มที่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่ามันทำให้หน้าผมร้อนวูบวาบแปลกๆ


    “ฉันบอกว่าจะคุยแล้ว นายก็ปล่อยซักทีสิ”


    หมียักษ์ยิ้มกว้างขึ้นไปอีกก่อนที่จะยอมปล่อยมือออกจากกระเป๋าผมดีๆ แล้วผมก็หันกลับไปเผชิญกับหน้าหล่อๆ นั่นอีกครั้ง


    “มีอะไรจะพูดก็พูดมา หรือว่านายจะมาขอโทษที่เดินชนฉันตั้งสองครั้งกันล่ะ?”


    “ฉันเนี่ยนะเดินไปชนนาย?”


    “ใช่”


    “โอเค ช่างเรื่องนั้นมันเถอะ ที่ฉันจะคุยกับนายก็คือ ฉันจะบอกว่าฉันคือ คริส แฮมเวิร์ธ”


    “แล้ว?” ผมเลิกคิ้วนิดๆ อย่างที่ไม่เข้าใจว่าหมอนี่จะมาบอกชื่อเสียงเรียงนามกับผมทำไม


     “แล้วถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ นายคือ โธมัส ฮิดเดิลส์ตัน ใช่มั๊ย?”


    “ก็ อืม นายเข้าใจถูก” ผมพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นไปอีก “ว่าแต่นายรู้จักชื่อฉันได้ไง?”


    “นี่เบเนดิกต์ไม่ได้บอกนายรึไงว่าคนที่จะไปไทยกับนายชื่ออะไรน่ะ?”


    “บอกสิ แต่ฉันแค่ไม่ได้จำ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายไม่?...


    แล้วความเข้าใจบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวผมอย่างที่ทำให้ผมแทบจะเบิกตากว้าง


    “นี่อย่าอย่าบอกนะว่า….


    หมียักษ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้างให้ผมช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าเนิบๆ พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมแทบอยากจะขว้างกระเป๋าเป้ใส่หน้าซะเดี๋ยวนั้น


    “ใช่ ฉันคือคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับนายนับจากวันนี้ไปยังไงล่ะทอม”




    “ไม่มีทาง!


    ผมพูดแค่นั้นก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินหนีออกมา ให้ผมไปเที่ยวประเทศไทยกับหมียักษ์เนี่ยนะ?!


    ไม่มีทาง ไม่มีวัน ไม่ ไม่ ไม่ และไม่เด็ดขาด!


    “เฮ้ เดี่ยวก่อนสิ นั่นนายจะไปไหนน่ะ?” เสียงทุ้มๆ ตะโกนไล่หลังมาในขณะที่ผมพยายามเดินจ้ำอ้าวให้เร็วที่สุด


    “ก็กลับบ้านน่ะสิ”


    “เฮ้ย จะบ้าเหรอ? ถ้านายกลับฉันก็ไปไทยไม่ได้สิ”


    “เรื่องของนายสิ ให้ไปกับนาย สู้ฉันนั่งทนกับบรรยากาศวิ้งค์ๆ อยู่ที่บ้านดีกว่า”


    “นี่นายกลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?”


    คำพูดที่ทำให้ผมถึงกับหยุดเดินกึก ก่อนจะหันขวับมามองหน้าหมีๆ ของคนพูด


     “เมื่อกี้นายว่าใครกลัวนะ?”


    “แล้วคนกล้าที่ไหนเค้าจะหันหลังเดินหนีฉับๆ แบบนั้นล่ะ?” เขายังคงพูดยิ้มๆ มองมาที่ผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าสบายๆ แล้วพูดต่อ “แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ ก็ถ้านายจะกลัวฉันขนาดนั้นล่ะก็ จะกลับบ้านไปฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”


    “นาย….” ผมได้แต่กัดฟันกรอดยืนมองหน้าคนพูดอย่างที่ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาต่อปากต่อคำ สุดท้ายก็ได้แต่สาวเท้ายาวๆ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหมอนั่นอีกครั้ง เล่นเกมจ้องตากันอยู่ซักพักก่อนที่ผมจะตัดสินใจประกาศเสียงดังลั่น


    “ตกลง! ฉันไป”


    “ก็แค่นั้นแหละ” คำพูดกวนๆ จากไอ้คนที่กวนบาทาได้น่าถีบที่สุดในโลก ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ อย่างหงุดหงิด ในขณะที่จ้องตาสีฟ้าๆ นั่นด้วยความแค้น


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     


    Chris’s Part.

     

    ประเทศไทยนี่มันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ


    ตอนนี้ผมคริส แฮมเวิร์ธ และนายตัวแสบอีกคนเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วเรียบร้อย และผมก็พาตัวเองเข้ามานอนเกลือกกลิ้งบนเตียงของโรงแรมหรูในพัทยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน พอเหลือบตาไปมองคนตัวเล็กอีกคนบนเตียงข้างๆ ก็ต้องพบกับสายตาเรียบๆ ที่มองตอบกลับมา จนผมอดที่จะพลิกตัวนอนตะแคงข้างแล้วยักคิ้วกวนๆ ส่งให้ไม่ได้ แล้วคนหน้าสวยก็เบือนหน้าหนีไปอีกด้าน ก่อนจะยกโทรศัพท์ของโรงแรมที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาโทรสั่งอาหาร


    “อย่าลืมสั่งผัดไทยด้วยล่ะ”


    “อยากกินนายก็โทรสั่งเองสิ”


    “นี่ คุณโธมัส ฮิดเดิลส์ตัน คร้าบ อยู่ห้องเดียวกันจะแยกกันสั่งทำไมให้พนักงานเขางงล่ะครับ? วานให้สั่งเผื่อแค่นี้อย่าทำเป็นแล้งน้ำใจไปหน่อยเลยน่า” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ ให้คนฟังแทบจะหน้าหงิกไปถนัด แต่ก็ยอมสั่งผัดไทยให้ตามที่ผมบอกโดยดี


    “อ้อ เอาน้ำแตงโมปั่นด้วยนะ”


    “นี่นาย!


    ฮ่าๆ แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆ เนอะ คุณว่ามั๊ย?

     

     



    แล้วมื้อค่ำก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะความหิวของทั้งผมและคนตัวเล็ก เห็นตัวผอมๆ แบบนี้อย่าดูถูกนะครับ คนอะไรกินยังกับยัด แม้แต่ผัดไทยที่ผมเป็นคนบอกให้สั่งขึ้นมากินหมอนี่ก็ยังแย่งผมกินจนแทบหมดจาน แล้วยังไม่นับสารพัดอาหารไทยที่เจ้าตัวกวาดลงท้องเรียบ เล่นเอาผมแทบจะอ้าปากค้าง พอกินเสร็จก็มานั่งปากเจ่อพร้อมๆ กับอาการบ่นโวยวายว่าเผ็ดซะจนหูผมแทบชา


    แล้วตอนซดน้ำต้มยำกุ้งโฮกๆ นั่นทำไมไม่ยักบ่นวะ?


    คนอะไรมารู้ตัวว่ามันเผ็ดก็หลังจากกินไปแล้วหมดชามเบ่อเริ่ม


    ผมนั่งมองคนตัวเล็กกว่าขำๆ กับภาพที่เจ้าตัวนั่งแลบลิ้นหน้าแดงปากเจ่อ ในขณะที่มือเรียวก็ยกขึ้นพัดๆ อย่างที่คงหวังว่ามันจะช่วยให้อาการเผ็ดดีขึ้นได้


    แล้วมันจะช่วยได้มั๊ยล่ะนั่นน่ะ?


    ความคิดที่ทำให้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหยิบโค้กจากตู้เย็นเล็กแล้วโยนส่งให้คนเผ็ดที่แทบจะคว้าไว้ไม่ทัน ทอมเลิกคิ้วมองผมนิดๆ ก่อนจะเปิดประป๋องโค้กแล้วยกขึ้นดื่มอึกๆ


    “ฉันต้องขอบใจมั๊ย?” ประโยคที่ทำให้ผมถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


    อาบน้ำดีกว่า ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะต่อปากต่อคำด้วยเท่าไหร่ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าผมรังแกคนเผ็ดอีก


     


    ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเจ้าของห้องอีกคนนอนหลับไปแล้วทั้งๆ ที่ยังใส่ชุดเดิมอยู่อย่างนั้น ภาพที่ทำให้ผมอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ นี่คงจะเหนื่อยมากล่ะสิท่าถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้


    แล้วดูท่านอนเข้าสิ นอนแบบนี้ตื่นมาคงได้โวยวายเพราะคอตกหมอนอีกแน่ๆ


    “คนอะไรจะนอนก็ไม่อาบน้ำก่อน”


    ผมส่ายหัวน้อยๆ กับนิสัยเด็กๆ ของคนหลับ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปจัดท่านอนให้ใหม่ ทำให้คนหลับระบายยิ้มน้อยๆ อย่างที่บ่งบอกว่าคงกำลังหลับสบาย


    “ยังมาทำเป็นยิ้มดีอีก” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนหลับ ผมเลยได้แต่ยิ้มขำๆ คนเดียว ก่อนจะหยิบผ้ามาห่มให้อย่างเบามือ


    “นอนห่มผ้าด้วยจะได้ไม่ป่วย รู้มั๊ย?”



    “ฝันดีนะครับคุณโธมัส แล้วพรุ่งนี้ก็อย่าเหวี่ยงให้มันมากนักล่ะ คนมองเค้าเหนื่อยแทน”


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    Tom’s Part.

     

    ทะเล!


    ทะเล ครับ ทะเลๆๆๆๆ


    ตอนนี้ผมกับคุณหมียักษ์กำลังเดินอยู่บนชายหาดสีขาวของโรงแรมที่ผมพักอยู่ ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าให้ผมอารมณ์ดีจนต้องหันไปส่งยิ้มกว้างให้คนตัวใหญ่ข้างๆ แต่พอเห็นหน้าหล่อๆ นั่นส่งยิ้มตาหยีกลับมาผมก็ต้องหุบยิ้มฉับ ก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่นแล้วเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงบนเปลที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเล่น


    “นายชอบทะเลเหรอ?” เสียงทุ้มๆ จากคนที่เดินมานั่งลงบนเปลตัวข้างๆ เรียกให้ผมต้องหันหน้าไปมอง


    “อืม”


    ถึงจะตอบแบบขอไปที แต่จริงๆ แล้วผมชอบทะเลมากเลยล่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวทะเลเท่าไหร่นัก พอได้มาเห็นหาดขาวๆ น้ำใสๆ แบบนี้แล้วมันอดตื่นเต้นไม่ได้แฮะ


    “ที่นี่เป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมน้ำก็เลยใสเพราะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเล่น แต่ถ้าอยากจะดูทะเลสวยๆ น้ำใสกว่านี้ในพัทยาล่ะก็ ต้องไปเกาะล้าน” คำพูดรู้ดีจากคนที่ไม่น่าจะรู้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเอ่ยถาม


    “เกาะล้านเหรอ?”


    “อืม ที่นั่นน้ำใสมากเลยนะ หาดก็ใหญ่กว่านี้เยอะเลย” คุณหมียักษ์พูดยิ้มๆ ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างอดตื่นเต้นตามไม่ได้


    “จริงเหรอ?”


    “จริงสิ”


    “แล้วนายรู้ได้ไง? เคยไปเหรอ?”


    “ไม่อ่ะ”


    “เหอๆ”


    “ฮ่าๆ ก็มาร์ตินเป็นอาจารย์สอนวิชาสังคมศาสตร์นี่ ฉันที่เป็นญาติแล้วก็เป็นลูกศิษย์จะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน จริงมั๊ย?”


    “มาร์ติน?... แฟนเบน?”


    “อืม”


    อ้อ จริงสินะ ก่อนจะมาเบนบอกผมว่าผมต้องมากับญาติของมาร์ตินแฟนหมอนั่นนี่ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็ได้มาเที่ยวฟรีแบบนี้ใครจะไม่อยากมาล่ะ? แต่ใครจะไปคิดว่าผมต้องมาติดแหง็กกับคุณหมียักษ์แบบนี้กัน?


    ความคิดที่ทำให้ผมต้องหันไปพิจารณาใบหน้าของไอ้คนข้างๆ ที่ตอนนี้หันไปสนใจเกลียวคลื่นกับทะเลแล้วเรียบร้อย


    จะว่าไปคุณหมีนี่ก็หน้าตาดีใช้ได้แฮะ


    ตัวสูงๆ ตาสีฟ้า เวลายิ้มทีนี่สาวๆ คนได้กรี๊ดกันเกรียวกราว


    แต่ไม่น่าเป็นตัวซวยเลย


    แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆ นัยน์ตาสีฟ้าๆ ของคนที่ถูกแอบมองอยู่ก็หันมามองผมซะอย่างนั้น ทำให้ผมต้องทำเป็นเสมองไปทางอื่นแทน


    “นายแอบมองฉันอยู่เหรอ?”


    “เปล่า”


    “เปล่า?” คุณหมียักษ์ยังคงพูดยิ้มๆ ให้ผมรู้สึกร้อนๆ ที่หน้าอย่างที่รู้ตัวว่าหน้าผมมันต้องแดงอยู่แน่ๆ


    “มาร์ตินเป็นคนดีมั๊ย?” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูดเอาดื้อๆ จนคนข้างๆ ต้องขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถามแบบงงๆ


    “หา?” หมอนั่นทำหน้างงๆ อยู่ซักพัก ก่อนจะชะงักไปนิดแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์


    “เปลี่ยนเรื่องพูดแบบนี้แสดงว่านายแอบมองฉันจริงๆ ด้วย” คำพูดที่เรียกอุณหภูมิบนใบหน้าของผมให้พุ่งสูงขึ้นไปอีกอย่างยากที่จะควบคุม


    ให้ตายสิ! ผมเกลียดหมอนี่!


    “ฉะฉันก็แค่อยากรู้ว่าคนที่เป็นแฟนเพื่อนฉันนิสัยเป็นยังไงต่างหาก ไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องอะไร”


    “เหรอ?”


    “ใช่”


    “หึหึ


    “แล้วสรุปนายจะตอบคำถามฉันมั๊ยเนี่ย?” นายหมีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันมาส่งคำถามให้ผม


    “แล้วนายไม่เคยเจอมาร์ตินเลยรึไง?”


    “เคยเจอกันสองครั้งมั้ง แต่ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ แล้วสรุปว่ามาร์ตินอะไรนั่นน่ะ เป็นคนดีมั๊ย? หมอนั่นทำยังไงถึงได้ทำให้คนขวางโลกแบบเบนตกหลุมรักเข้าไปได้?” คำถามที่ทำให้คนถูกถามจ้องหน้าผมนิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ยังคงแต้มบนใบหน้าเกือบหล่อนั่น ก่อนจะเอ่ยปากพูดประโยคที่ทำเอาผมแทบอ้าปากค้าง


    “นายมาถามว่ามาร์ตินเป็นคนดีมั๊ยกับญาติของหมอนั่นเนี่ยนะ? แล้วนายคิดว่าคำตอบที่ออกมามันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะทอม?”


    เอ่อนั่นสิ จะมีใครที่ไหนมานั่งบอกว่าญาติของตัวเองเป็นคนเลวได้ล่ะ?


    สรุปว่าผมโง่หรือผมโง่กันแน่เนี่ยที่ถามออกไปแบบนั้น?... เฮ้อ


    “ฮ่าๆ เอาน่า อย่าคิดมากเลย มาร์ตินไว้ใจได้น่า” คำพูดที่ทำให้ผมต้องตวัดตาไปมองคนพูดอย่างติดจะหงุดหงิดนิดๆ


    “ก็นายเป็นญาติหมอนั่น ก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้วนี่”


    “เริ่มฉลาด”


    “ฉันก็ฉลาดอยู่แล้วล่ะ”


    “ฮ่าๆ สรุปว่านายอยากลองไปเที่ยวเกาะล้านดูมั๊ย?”


    “เกาะล้านเกี่ยวอะไรกับมาร์ติน?”


    “ก็ถ้าเถียงกันเรื่องมาร์ตินวันนี้ทั้งวันก็คงเถียงกันไม่จบน่ะสิ คุยเรื่องเกาะล้านน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ ว่าไง เราสองคนลองไปกันดูมั๊ย?” หมียักษ์พูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด แต่ผมกลับไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สิ่งที่ทำให้ผมต้องนิ่งไป กลับเป็นคำพูดของเขาต่างหาก


    เราสองคน’…งั้นเหรอ?


    ทำไมมันถึงได้ฟังแล้วรู้สึกดีแปลกๆ นะ?


    ผมค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองเกลียวคลื่นของทะเลตรงหน้า สายลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้าทำให้อดจะยิ้มออกมาไม่ได้


    ทะเลที่นี่ก็ว่าสวยแล้ว


    แล้วทะเลที่น้ำใสกว่านี้ ชายหาดใหญ่กว่านี้จะสวยซักแค่ไหนกันนะ?...


    “แล้วนายอย่าพาฉันไปหลงทางล่ะ คุณพ่อหมี”


    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงน่า”



     



    *****************************************************************************

     



    โน้ตตัวใหญ่ๆ อีกรอบว่า

     

    ฟิคเรื่องนี้เคยเป็นฟิคคู่อื่นมาก่อนนะคะ

    เพราะงั้นถ้านิสัยพี่ทอมจะออกมาแตกต่างจากตัวจริงมากๆ ก็ได้โปรดให้อภัยคนเขียนด้วยเถอะ TT^TT

     

    อาจจะมีคำถามว่า มาเที่ยวไทยทั้งที ทำไมถึงมาแค่พัทยา?

    คำตอบก็คือเพราะไอวิชรู้จักแต่พัทยาค่ะ TT[]TT #โดนทุกคนตบ

     

    ยังไงก็หวังว่าทุกคนจะชอบฟิคเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านค่ะ

    ไอวิชรักคนอ่านน้าา ^3^

     

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×