ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น Avengers, Thor, Sherlock, Maze Runner [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : Shot Fic HiddlesWorth : In Valentine #2

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 57




    In Valentine #2

    Couple : Chris x Tom, HiddlesWorth

    Rate : PG

     

     

     ผมกำลังนั่งอยู่ในสวนหย่อมของมหาวิทยาลัย วันวาเลนไทน์ผ่านไปได้สามวันแล้ว แต่บรรยากาศแบบวาเลนไทน์ๆ ก็ยังคงลอยอยู่รอบๆ ตัวให้สัมผัสได้ ผมยิ้มให้กับความหวานที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ลิ้มรสความหวานนั้นด้วยตัวเองแต่ผมก็รับรู้ถึงความสุขที่มาจากความหวานนั้นได้


    ผมรักวาเลนไทน์ครับ รักในบรรยากาศสีชมพูที่เจือจางไปด้วยความรักที่ผู้คนต่างมอบให้กัน


    รักในความสดใสที่มาจากรอยยิ้มของคู่หนุ่มสาวที่อยู่รอบๆ ตัวผม


    ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ฉลองแบบคนอื่นๆ เขา แต่ผมก็ยังคงมีรอยยิ้ม ผมยังคงยิ้มได้ในวันที่เหงาแสนเหงาแบบนี้


    ถึงแม้ว่าผมจะอดคิดไม่ได้ว่า


    ถ้าหากผมไม่ได้เลิกกับเธอไปในคืนก่อนวาเลนไทน์แค่คืนเดียว อะไรๆ มันก็อาจจะดีกว่านี้

     






    วันวาเลนไทน์ปีนี้สำหรับผมดูเหมือนจะแย่กว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา มันจบลงโดยที่ไม่ได้มีคู่เดท ไม่มีการฉลอง ไม่มีการบอกรัก ไม่มีเซ็กซ์


    เพราะผมดันเลิกกับแฟนก่อนวันวาเลน์ไทน์ไปแค่คืนเดียว


    แต่ผมก็ไม่ได้เศร้าอะไรกับมันมากมายนะ จริงๆ แล้ว คริส แฮมเวิร์ธ ไม่เคยเสียใจกับการเลิกรากับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลยด้วยซ้ำ


    โอเค มันอาจจะมีใจหายบ้าง เซ็งบ้าง และเสียความรู้สึกบ้างกับบางคนที่ผมออกจะแคร์มากเป็นพิเศษ แต่มันกลับไม่เคยมีเลยซักครั้งที่ผมต้องร้องให้ฟูมฟาย หรือรู้สึกเสียอกเสียใจอะไรอย่างที่คนอกหักปกติเขาเป็นกัน


    จะว่าไปแล้วมันก็น่าแปลกนะ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้รักผู้หญิงพวกนั้นจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้


    แล้วถ้าผมไม่ได้รักพวกเธอจริงๆแล้วความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไงล่ะ?


    ความรักที่ควรจะทำให้ คริส แฮมเวิร์ธ เสียสติได้มันจะเป็นแบบไหนนะ?


    แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้พบกับมันซักที


    คิดถึงตรงนี้แล้วผมก็ต้องส่ายหัวน้อยๆ ก่อนที่จะยิ้มขำๆ ให้กับตัวเองเมื่ออยู่ๆ ก็นึกถึงภาพใบหน้าสวยๆ กับสายตาเหวี่ยงๆ ของใครบางคนขึ้นมา


    คนที่ไม่น่าจะเข้ามาอยู่ในความคิดของผมในตอนนี้


    โดยเฉพาะในเวลาที่ผมถามคำถามนั้นกับตัวเอง?


    แปลก ที่อยู่ดีๆ ผมนึกถึงหมอนั่นขึ้นมา แต่ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ พอนึกถึงหน้าเหวี่ยงๆ นั่นแล้ว ทำไมผมถึงหุบยิ้มไม่ได้วะ?


    ความคิดที่ทำให้ผมต้องหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า นั่งมองมันอยู่อย่างนั้นพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าป่านนี้เจ้าของสร้อยจะอารมณ์เสียมากแค่ไหนถ้ารู้ว่ามันหายไปแบบนี้


    คิ้วบางๆ นั่นคงจะผูกกันเป็นโบว์ พอๆ กับนัยน์ตาเฉี่ยวที่คงจะเหวี่ยงจนทำให้ใครซักคนต้องมีอันได้ปวดหัวแน่ๆ  แล้วปากสวยๆ ก็คงจะร้องโวยวายไปทั่วอย่างที่เจ้าตัวถนัด


    ผมยิ้มขำๆ ให้กับความคิดของตัวเองทั้งๆ ที่ก็ยังแปลกใจว่าปกติก็ไม่ใช่พวกที่จะใส่ใจจดจำคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียวแบบนี้ แต่ทำไมผมกลับจำรายละเอียดทุกอย่างของเจ้าของสร้อยเส้นนี้ได้ก็ไม่รู้


    ผมนี่ท่าจะประสาทขึ้นทุกวันแฮะ


     

     




    “คริส นายมานั่งเหม่ออะไรคนเดียวตรงนี้เนี่ย?”


    เสียงทักนุ่มๆ ทักขึ้น ทำให้ผมต้องเก็บสร้อยลงในกระเป๋าเหมือนเดิม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนทัก


    ศาตราจารย์มาร์ติน อาจารย์และญาติห่างๆ ของผมนั่นเอง


    เดินมาพร้อมกับแฟนหน้าอัลปาก้าที่ดูจะไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ซักเท่าไหร่


    ว่าแต่ ไอ้คู่นี้มันเป็นแฟนกันแน่เหรอวะ? ออกจะดูแปลกๆ อยู่นะที่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยดันมากินลูกศิษย์ตัวเองแบบนี้ แถมไอ้ลูกศิษย์คนนั้นดันเป็นผู้ชายเหมือนกันซะอีก


    หรือว่าไอ้หมอนี่มันจะเป็นฝ่ายกินอาจารย์ของเขามากกว่าวะ?


    มาร์ตินยิ่งเป็นพวกโมเอ้น่าจับกดอยู่ด้วย


    ผมสะบัดความคิดไร้สาระออกจากหัว ก่อนจะหัวเราะนิดๆ แล้วส่งคำตอบไปให้


    “จะเหม่ออะไรมันก็เรื่องของผมน่า ว่าแต่อาจารย์เหอะวาเลนไทน์เป็นไงบ้าง?”


    “แน่ใจหรอว่าจะให้เล่าน่ะ?” เสียงกวนๆ ของไอ้คนอีกคนตอบกลับมาทำให้ผมแทบสะอึก


    นั่นสินะ อย่าให้มันเล่าดีกว่าถ้ายังไม่อยากเป็นประสาทตายไปตรงนี้จริงๆ เหอๆ


    “ฉันซื้อของมาฝากนายด้วยนะ” เสียงใสๆ ของมาร์ติน ที่พูดขึ้นทำให้ผมต้องยิ้มกว้าง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่คนพูดนิดๆ ให้คนที่มองอยู่ต้องส่งสายตาอาฆาตเล่นๆ


    “ขอบคุณครับ น่ารักสมกับเป็นอาจารย์จริงๆ” คนถูกชมว่าน่ารักหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะยื่นถุงของฝากส่งให้ผม ในขณะที่เบเนดิกต์ อ้อ! ผมยังไม่ได้บอกสินะว่าแฟนมาร์ตินชื่อเบเนดิกต์น่ะ แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้หมอนั่นกำลังแผ่รังสีอำมหิตใส่ผมไม่ยั้งเลยล่ะ ฮ่าๆ


    “เออ จริงสิคริส คือฉันเข้าไปเล่นเกมส์ในเว็ปไซด์นึงแล้วบังเอิญว่าได้รางวัลมา” ประโยคบอกเล่าจากคนเป็นญาติทำให้ผมต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างขอคำอธิบาย


    “อืม แล้ว?”


    “รางวัลมันคือตั๋วแพ็คเกจเที่ยวประเทศไทยฟรีน่ะสิ มีที่พักให้ด้วย แต่มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าฉันไม่ติดงาน และนายก็รู้ว่าพวกฉันสองคนก็เพิ่งจะกลับจากไปเที่ยวมา จะให้ไปอีกรอบติดๆ กันมันก็ยังไงอยู่” คำอธิบายจากมาร์ตินทำให้ผมต้องพยักหน้ารับรู้ มันก็จริงอย่างที่เขาพูด คนเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วัน จะให้ไปอีกรอบก็คงเหนื่อยตาย


    แต่เรื่องนี้มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับผมตรงไหนนี่?...


    อย่าบอกนะว่าสองคนนี้จะยกตั๋วเครื่องบินไปกลับอะไรนั่นให้ผมน่ะ?


    “แต่จะทิ้งก็น่าเสียดายอยู่ ฉันก็เลยเสนอให้เบนยกแพ็คเกจนั่นให้นาย”


    นั่นไงผิดจากที่คิดไว้ซะที่ไหนกัน


    แต่ได้ไปเที่ยวฟรีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ช่วงนี้ยิ่งเหงาๆ อยู่ด้วย คนเพิ่งจะอกหัก (?) อย่างผมถ้าได้ไปเจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ บ้าง มันคงทำให้โรคขาดความรักกำเริบน้อยลงล่ะมั้ง?


    ผมยิ้มให้คู่รักสองคนตรงหน้านิดๆ ก่อนจะตัดสินใจถามรายละเอียด


    “แล้วผมต้องไปคนเดียว?”


    “รางวัลมันเป็นแพ็คเกจคู่น่ะ”


    “เป็นคู่?” แล้วผมจะไปหาคู่จากที่ไหนไปด้วยล่ะเนี่ย?


    “อีกใบนึงฉันกะว่าจะให้เพื่อนฉันน่ะ” เบเนดิกต์เอ่ยคำพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทั้งๆ ที่สายตาก็ยังคงจ้องเขม่งอยู่ที่ไหล่ของมาร์ตินที่ยังมีมือของผมโอบอยู่ “ถ้านายจะไม่ว่าอะไรที่ต้องไปกับเขาน่ะนะ”


    “ถามแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักชัวร์”


    “แต่ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ ฉันแค่เสียดายตั๋วน่ะ แค่ไม่อยากทิ้ง” คำพูดที่ทำให้ผมต้องมุ่นหัวคิ้วนิดๆ


    อืม เที่ยวประเทศไทยมันก็น่าสนใจอยู่หรอกนะ แต่จะให้ไปกับใครก็ไม่รู้นี่ก็คงต้องคิดหนักอยู่แฮะ


    แต่อยู่ที่นี่ก็คงได้แต่นั่งแหง็กไปวันๆ คนเดียว เปลี่ยนที่นั่งแหง็กบ้างก็อาจจะดีไปอีกแบบ


    “แล้วคนคนนั้นเขามีปัญหาอะไรรึเปล่าล่ะ?”


    “โอ๊ย ไม่มีๆ รับรองได้ เพราะช่วงนี้หมอนั่นกำลังแพ้วาเลนไทน์ขั้นรุนแรง เห็นบอกว่าอยากจะหนีไปอยู่ในที่ที่ไม่มีคนรู้จักมาเดินควงแฟนให้เห็นจะแย่ ฮ่าๆ” คำพูดติดจะขำๆ ที่ทำให้ผมอดที่จะหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้


    “ท่าทางจะเป็นคนที่น่าสนใจดีนะ”


    “เป็นคนแบบที่เรียกว่ามีคนเดียวในโลกเลยล่ะ”


    คำพูดที่ทำให้ผมต้องเลิกคิ้วมองหน้าอัลปาก้าของคนพูด ก่อนที่ผมจะพยักหน้าน้อยๆ อย่างที่ตัดสินใจได้แล้ว


    “เอางั้นก็เอา ตกลงว่าฉันไป”

     

     

     



    TBC.

     

    **************************************************************************************


    ตอนที่สองมาแล้วค่ะ ^0^

    มาเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีกแฮะ ไม่คิดว่าพาร์ทของพี่คริสจะแปลงง่ายกว่าพาร์ทของพี่ทอม ฮ่าๆ

     

    เหมือนเดิมและเช่นเคยค่ะ

    มันคือฟิคที่แปลงมาจากคู่อื่นอีกที นิสัยของตัวละครก็เลยออกมาแปลกๆ ไปนิด ก็จงอย่าได้ใส่ใจเด้อ

    อ่านเอาฮา อ่านเอาสนุกดีกว่าเนอะ แหะๆ

     

    ส่วนฟิคธอร์กิ ตอนนี้ไอวิชมีพล็อต shot Fic อยู่ในหัวประมาณ 2-3 เรื่อง

    ถ้ามีเวลาและอินเนอร์ก็คงได้เขียนนะเจ้าคะ T^T

     

    แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ

    ไอวิชรักคนอ่านน้าา ^3^

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×