คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Shot Fic HiddlesWorth : In Valentine #1
In Valentine #1
Couple : Chris x Tom, HiddlesWorth
Rate : PG
ตอนนี้ผมกำลังเดินอยู่ในห้างดังกลางกรุงลอนดอน และกำลังแสบตากับสีชมพูวิ้งๆ และความเลี่ยนที่มันลอยอยู่ในบรรยากาศรอบๆ ตัว
ร้านค้าแทบทุกร้านประดับตกแต่งด้วยสีชมพูหรือไม่ก็รูปหัวใจ และดอกไม้สารพัดชนิดกับของอะไรต่อมิอะไรก็ตามที่มันจะแสดงออกมาได้ว่าคุณได้เข้ามาอยู่ในโลกของความรักเพื่อต้อนรับเทศกาลอันแสนน่ารักที่กำลังจะมาถึง
เทศกาลอันแสนน่ารัก….วาเลนไทน์
เหอะ! น่ารัก?
ไร้สาระล่ะสิไม่ว่า…ไม่รู้จะเห่ออะไรกันนักหนากับวันไร้สาระแบบนี้?
ใช่ พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้ว และมันก็เป็นเทศกาลที่ผมเกลียดแสนจะเกลียดที่สุดด้วย ให้ตายสิ!
ปฏิทินคงจะดูดีขึ้นเยอะในสายตาผมถ้าไม่มีวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี่ลอยเด่นหราอยู่
ผมว่าเทศกาลนี่มันก็เป็นแค่วันน้ำเน่าสากล ที่ใครๆ ก็พยายามออกมาแสดงให้ชาวโลกเห็นว่าความรักของฉันช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ก็เท่านั้นแหละ
ไม่เห็นจะมีอะไรดีที่ตรงไหน…
แล้วไอ้ที่บ่นๆ อยู่นี่อย่าเข้าใจผิดว่าผมหงุดหงิดเพราะอิจฉาชาวบ้านเขานะครับ
คนอย่างโทมัส ฮิดเดิลส์ตัน เนี่ยนะจะอิจฉาคนที่เขามีคู่กันน่ะ?...
…ไม่มีทาง
คนรัก?...ของแบบนั้นไม่เห็นจะจำเป็นที่ตรงไหน
อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีออก….
แล้วสายตาผมก็หันไปสะดุดกับคู่รักชายหญิงคู่หนึ่ง ชายหนุ่มกำลังติดกิ๊บสีชมพูที่เส้นผมยาวสลวยของหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน เมื่อติดเสร็จแล้วสายตาคมๆ นั้นก็จ้องหญิงสาวนิ่ง ในขณะที่หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหลบสายตาด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อเสมือนว่าโลกใบนี้มีพวกเขาอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น…..
เอาเข้าไป!
นี่ผมคิดผิดใช่มั๊ยเนี่ยที่เลือกออกมาเดินห้างแทนที่จะนั่งเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียวในวันแบบนี้
คิดว่าเจอคนเยอะๆ แล้วมันจะทำให้หายเหงาได้บ้าง แต่ที่ไหนได้ มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่บนโลกใบนี้คนเดียว…
ความรู้สึกแบบนี้มันเหงายิ่งกว่าเหงาซะอีก
แปลก… ทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าความรักมันก็แค่เรื่องไร้สาระ
ทั้งๆ ที่ก็คิดว่าแฟนไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต แต่ทำไมลึกๆ ในใจแล้ว ผมกลับยังอยากที่จะมีความรู้สึกแบบนั้นนะ?
ทำไมยังอยากที่จะมีใครซักคนอยู่ข้างๆ กายอย่างที่คนอื่นเขามีบ้าง?...
ถ้าหากว่าคนเราเมื่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ แล้วจะทำให้เกิดความเคยชินแล้วล่ะก็
…ความเคยชินนั้นมันคงเป็นอะไรที่เหงามากสำหรับผม
ไม่ว่าจะวันไหน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ฤดูกาลอะไร สำหรับผมแล้วความรู้สึกมันก็เหมือนๆ กันทุกวัน
มันคือความเหงาความเดียวดายที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันเลยซักนิด
นั่นสินะ…
…ผมอาจจะเป็นคนบาปที่ถูกสาปให้อยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ใครจะไปรู้?
ผมยังคงเดินซึบซับบรรยากาศวิ้งๆ ให้ตัวเองหงุดหงิดเล่นไปเรื่อยๆ หมั่นไส้คู่นั้นทีคู่โน้นที เออ ก็ดีไปอย่างแฮะ คิดซะว่าเป็นงานอดิเรก เดินหาคู่รักที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในลอนดอนเล่นๆ เอาไว้ทำเป็นสถิติชาติอังกฤษ
ความคิดที่ทำให้ผมต้องส่ายหัวยิ้มๆ แล้วร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่งก็ดึงความสนใจผมออกจากการแอบมองชาวบ้าน ไม่ใช่การแต่งร้านที่เน้นโทนสีชมพูนั้นจะโดดเด่นกว่าร้านอื่น ไม่ใช่ว่าคู่รักที่กำลังเลือกสร้อยอยู่หน้าร้านนั่นจะน่าหมั่นไส้กว่าคู่ไหนๆ
แต่สิ่งที่สะดุดตาของผมก็คือสร้อยเส้นหนึ่งต่างหาก มันเป็นสร้อยที่มีความยาวพอเหมาะ มีดีไซด์เรียบๆ ในแบบที่ผมชอบ จะว่าไปผมก็ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับใหม่มานานแล้วนะ… ความคิดที่ทำให้ผมต้องระบายยิ้มนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อมันมาไว้ในมือ
ปึ่ก!
“ชิท!”
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปพลาง พยายามใส่สร้อยเส้นใหม่ไปพลางนั้น ก็มีมนุษย์หน้าหมีคนหนึ่งเดินดุ่มๆ มาชนจนผมแทบกระเด็น
“เดินไม่มองทางรึไง?!”
คนอะไรตัวโตอย่างกับหมี เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ แถมยังใส่แว่นดำอย่างกับพวกมาเฟียอีก ทั้งๆ ที่นี่มันกลางห้าง!
“เฮ้ ถ้าเข้าใจไม่ผิด ฉันว่ามันเป็นนายมากกว่านะ ที่เดินไม่ดูทางจนมาชนฉันเนี่ย”
“งั้นนายก็เข้าใจผิด เพราะงั้น ขอโทษฉันมาซะ” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่หมียักษ์กลับถอนหายใจหนึ่งทีอย่างติดจะหน่ายๆ
“งั้นฉันขอโทษก็แล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยปัดอย่างขอไปที ก่อนจะยักไหล่นิดๆ แล้วทิ้งประโยคสุดท้าย
“หวังว่านายคงจะพอใจแล้วนะ”
“…”
“งั้นฉันขอตัวล่ะ ไม่อยากจะเสียเวลากับเด็ก”
“นายว่าใครเด็ก?” ก่อนที่เขาจะเดินหนีผมก็คว้าแขนเอาไว้ซะก่อน
มีสิทธิ์อะไรมาว่าผมเด็ก ทั้งๆ ที่ดูๆ ไปผมเองต่างหากที่น่าจะอายุมากกว่าน่ะ!
“ฉันไม่ได้ว่าใครเจาะจงนะ และถ้านายยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่เด็ก ก็ไม่ควรที่จะเดือดร้อน หรือมาทำนิสัยเด็กๆ อะไรแถวนี้” พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง แถมด้วยการยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้
รอยยิ้มที่มันทำให้ผมโกรธ…
โกรธมาก!
“โว้ยยยย!”
และเพราะว่าเถียงไม่ออกก็เลยต้องใช้วิธีนี้! ผมกระทืบเท้าลงบนเท้าของมนุษย์หมียักษ์จนสุดแรง และรีบวิ่งหนีออกมาให้เร็วที่สุดอย่างไม่คิดที่จะหันกลับไปมองอีก
ได้ยินก็แต่เสียงร้องเพราะความเจ็บของหมอนั่นที่ดังอยู่ข้างหลัง…
ฮ่าๆ สะใจชะมัด!
จะว่าไปแล้ววันนี้มันวันซวยอะไรของผมกันนะ?
ผมไม่น่ามาเดินที่นี่เลยจริงๆ นอกจากจะมาเห็นบรรยากาศที่มันแสลงใจแบบนี้แล้ว ยังต้องมาเจอกับคนกวนโอ๊ยอีก
เฮ้อ… นายมันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ทอม ฮิดเดิลส์ตัน
แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็ยังได้สร้อยเส้นใหม่กลับบ้านนี่นะ คิดแล้วก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นจับที่อกของตัวเองอย่างหวังว่าจะได้พบกับสร้อยที่ห้อยคออยู่ แต่แล้วผมก็ต้องชะงักกึกเมื่อรับรู้ว่า…
สร้อยเส้นนั้นมันไม่ได้อยู่บนคอของผม?
“เฮ้ย! หายไปไหนเนี่ย?!”
แล้วภาพเหตุการณ์ที่เดินชนกับหมียักษ์นั่นก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง จนผมต้องยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองแรงๆ อย่างเจ็บใจที่สุด
ให้ตายสิ!
ตอนนั้นผมยังใส่สร้อยไม่เสร็จเลย สงสัยจะหล่นตอนที่เดินชนกับหมอนั่นแน่ๆ แล้วก็มัวแต่ต่อปากต่อคำจนลืมไปเลย…
จะกลับไปหาก็คงจะเจอยาก และถึงจะหาเจอก็คงเจอแต่ซากที่ถูกคนเหยียบนั่นแหละ…
สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หงุดหงินจนต้องตะโกนระบายอารมณ์ออกมา
“วันนี้มันวันอะไรเนี่ย?!”
“วันก่อนวันวาเลนไทน์ยังไงล่ะคะ” เสียงตอบจากพี่สาวคนหนึ่งที่ยืนขายของอยู่ในร้านขายตุ๊กตาข้างๆ
“สนใจตุ๊กตาหมีสำหรับคู่รักมั๊ยคะ? ถ้าซื้อไปให้แฟนนะคะ รับรอง ว่าแฟนคุณจะต้องดีใจมากแน่ๆ เลย โฮะๆๆๆ”
เอ่อ… ผมรู้แล้วครับว่าวันนี้มันวันก่อนวาเลนไทน์ แต่ไม่ต้องตอกย้ำกันถึงขนาดนั้นก็ได้…
แล้วไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นผมจะเอาไปทำไม? คนจะให้ยังไม่มีเลย เผลอๆ คงจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำมั้งนั่นน่ะ จะโฆษณาจะขายอะไรให้ใครก็หัดดูคนบ้างสิครับคุณ
ให้ตายสิ ไอ้เทศกาลบ้าๆ นี่ มันทำให้คนเป็นบ้ากันไปหมดเลยรึไงนะ?
แล้วพี่สาวขายตุ๊กตาก็ยังคงพูดๆๆ โฆษณาสินค้าของตัวเองต่อไปไม่หยุด โดยที่ไม่ได้ดูเลยซักนิดว่าตอนนี้หน้าผมมันอยู่ในอารมณ์ไหน จนผมอยากจะตะโกนตอบนักว่า ที่ถามไปน่ะ ไม่ได้ต้องการคำตอบครับ แต่ก็นั่นแหละผมทำได้ที่ไหนล่ะ ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วรีบเดินกลับบ้านเท่านั้น สัญญาสาบานกับตัวเองเอาไว้เลยว่าสามวันนี้ผมจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเด็ดขาด จะขังตัวเองอยู่ในห้องนั่นแหละ
เออ ถ้าคนอย่างโธมัสจะไม่มีคนให้รักกับเขาไปตลอดชีวิตก็ให้มันรู้ไปสิ!
และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…
วันวาเลนไทน์ที่ผมแสนจะเกลียดมาถึงจนได้…
ตอนนี้ทุกคนรอบตัวผมเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงของอะไรซักอย่างที่เขาเรียกกันว่า ‘ความรัก’ ไอ้สิ่งที่ผมไม่เคยมีโอกาสที่จะได้รู้จักกับมันซักที
บางคนก็บอกว่ามันคือสิ่งสวยงาม มันคือสิ่งที่ทำให้โลกสดใส…
บางคนก็พูดว่ามันทำให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุด และทำให้ผู้ชายเป็นยิ่งกว่าสุภาพบุรุษที่แสนจะงามสง่า
แต่ก็มีหลายคนที่บอกเอาไว้ว่า ความรักทำให้คนเจ็บปวดและทรมานได้อย่างไม่มีอะไรมาเสมอเหมือน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้คนมีความสุขที่สุดอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้เช่นกัน….
แต่คนที่ไม่แม้แต่จะเคยแอบรักใครอย่างผม จะไปเข้าใจคำพูดสวยหรูที่เอามาอธิบายความรักพวกนั้นได้ยังไงกัน?
คุณว่าจริงมั๊ย?...
ตอนนี้พ่อกับแม่บินไปฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่โตเกียว…
เบเนดิกเพื่อนสนิทของผมก็เซอร์ไพร์แฟนด้วยการพาไปเที่ยวทะเล
เอมม่าน้องสาวของผมก็นั่งหลังขดหลังแข็งทำเค้กช็อคโกแล็ตเพื่อให้เป็นของขวัญแฟนหนุ่มของเธอทั้งคืน
ทุกคนต่างก็มีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกันทั้งนั้น…
นั่นสินะ…เรื่องที่คนอื่นพูดกันนั่นมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังมีความสุขเพราะความรักกันอยู่
ใช่ มันยังคงมีแต่ผม มีแค่ผมเท่านั้น ที่พระเจ้าคงจะหลงลืม ลืมที่จะทรงมอบความรักให้ผมได้รู้จัก
มันคงมีแต่ผมแค่คนเดียวที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความสุขนั้น…
ลมหนาวของเดือนกุมภาพันธ์พัดผ่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องกอดตัวเองให้แน่นขึ้นอีก
มันคงจะไม่หนาวมากขนาดนี้ถ้าหากว่าผมมีใครซักคนอยู่ข้างๆ อากาศที่แสนจะเหน็บหนาวมันคงจะอุ่นขึ้นอีกเยอะถ้าหากว่าคนคนนั้นเขาโอบกอดผมเอาไว้…
คิดถึงตรงนี้แล้วผมก็ได้แต่สายหัวแล้วยิ้มให้กับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจน้อยๆ อย่างติดจะปลงๆ
สงสัยไอ้เทศกาลบ้านี่มันคงจะทำให้คนเป็นบ้ากันไปหมดแล้วจริงๆ นั่นแหละ แม้แต่ผมเองยังได้รับอิทธิพลจนต้องมานั่งบ้าเพ้อหาคนที่ไม่มีตัวตนอยู่แบบนี้
ให้ตายเถอะ คุณรู้มั๊ย ผมเกลียดวาเลนไทน์จริงๆ นะ…
“ทอม ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษา”
เอมม่าน้องสาวของผมเดินเข้ามาหาในห้อง พร้อมๆ กับใบหน้าที่มีคิ้วขมวดเป็นโบว์สวยงามราวกับว่าเจ้าตัวกำลังกลุ่มใจอะไรอยู่
แล้วเอมม่ามีเรื่องอะไรให้ต้องกลุ้มเนี่ย? วาเลนไทน์คนที่มีแฟนคนไหนๆ เขาก็มีความสุขกันทั้งนั้น เธอก็ด้วยไม่ใช่หรอ?
แล้วอยู่ดีๆ จะมามีปัญหาปรึกษาอะไรผมล่ะเนี่ย?
“มีอะไร? ทะเลาะกับแฟนหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้ว?”
“พี่ก็รู้ใช่มั๊ย…ว่าฉันคบกับเขามานานแล้ว?”
“อืม”
“แล้วพี่ก็รู้ใช่มั๊ยว่าเขาก็รักฉันมาก เขาดูแลฉันดีมากๆ แล้วก็เอาใจใส่ฉันมากๆ เลยด้วย”
“อ่าฮะ”
นี่สรุปว่าเธอจะมาเล่าตำนานความรักและความดีของแฟนเธอให้ผมฟังใช่มั๊ยเนี่ย?
จริงๆ แล้วเธอกะจะมาเยาะเย้ยพี่ใช่มั๊ยเอมม่า?
ในใจก็เหวี่ยงไปแบบนั้น แต่ด้วยหน้าที่ของพี่ที่ดีผมจึงต้องทนนั่งฟังเธอต่อไป
“แล้วพี่ก็รู้ใช่มั๊ยว่าฉันทำเค้กช็อคโกแลตทั้งคืนเพื่อที่จะให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์เขาน่ะ เพราะว่าฉันอยากตอบแทนให้กับความรักที่เขามีให้ แล้ว…”
“เธอควรจะหยุดไอ้ประโยค ‘แล้วๆ’ ของเธอ และเข้าเรื่องซักที เอมม่า”
“ทอม!”
“ฉันรอฟังอยู่”
“ก็… ก็นั่นแหละ เพราะพี่เขาดีกับฉันมาก เขาบอกรักฉันทุกวัน แต่คบกันมาตั้งนานแล้วฉันกลับไม่เคยบอกรักเขาเลยซักครั้ง ฉันก็เลยคิดว่าวาเลนไทน์นี้นอกจากจะให้เค้กช็อกโกแลตเป็นของขวัญแล้ว ฉันก็จะถือโอกาสบอกรักเขาด้วย แต่... แต่… แต่ฉัน..”
“แต่เธอก็ไม่กล้าบอกเขางั้นสิ?”
“อืม…”
แล้วเอมม่าก็ก้มหน้างุด ทั้งๆ ที่ใบหน้านั้นยังติดจะขึ้นสีแดงระเรื่อ ภาพน่ารักที่ทำให้ผมอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนผมจะถอนหายใจแล้วส่ายหัวน้อยๆ กับปัญหาของน้องสาวคนตรงหน้า
“ก็แค่บอกรัก ทำใจกล้าๆ หน่อยแล้วแค่พูดออกไปว่า ‘ฉันรักนาย’ ก็แค่นั้น แค่ครั้งเดียวทำไปแล้วมันก็จบน่า”
“แต่ฉันอาย…” คำพูดที่ทำให้ผมต้องระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปลูบหัวของคนเป็นน้องเบาๆ
“เธอรู้ตัวมั๊ย ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ยังมีคนให้ได้บอกรักน่ะ?” ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกออกไป ให้ใบหน้าของคนฟังค่อยๆ เงยขึ้นมาสบตากับผม
“…”
“บนโลกใบนี้ยังมีคนประเภทที่ต่อให้อยากบอกรักแค่ไหน อยากจะมีช่วงเวลาอย่างที่เธอมีมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้อยู่นะ เมื่อเทียบกันคนพวกนั้นแล้วเธอไม่คิดว่าตัวเองน่าอิจฉาบ้างหรือไง?” เอมม่ายังคงมองหน้าผมด้วยแววตาที่ยังติดจะลังเล ให้ผมต้องยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดเพื่อให้กำลังใจเธอ
“เชื่อพี่นะ บอกรักในวันที่เรายังมีโอกาสได้บอก ในเวลาที่ยังมีคนรอให้เธอบอกอยู่ อย่างน้อยก็ถือซะว่าทำเผื่อคนที่เขาไม่มีโอกาสแบบนั้นบ้างก็แล้วกัน”
“แล้วพี่ว่าฉันจะทำได้มั๊ย?” ผมยิ้มพร้อมกับขยี้หัวน้องสาวเบาๆ อย่างติดจะเอ็นดู
“เธอเป็นใครล่ะ? เธอเป็นถึงน้องสาวของทอม ฮิดเดิลส์ตัน เชียวนะ เรื่องแค่นี้ทำได้สบายอยู่แล้ว พี่เชื่อ”
“ขอบคุณค่ะ รักพี่ที่สุดเล้ย!” แล้วสาวน้อยก็ยิ้มกว้างกระโดดเข้ากอดผมแน่น ก่อนที่เธอจะวิ่งตึงตังออกจากห้องไป
ทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังอีกครั้ง…
การบอกรักงั้นหรอ?...
นั่นสินะ…ถ้าได้บอกรักใครซักคนมันก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อย มันจะมีความสุขมากซักแค่ไหนกันนะ ผมอยากรู้จัง
ความคิดที่ทำให้ผมต้องระบายยิ้มเหงาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
ถ้ามีใครซักคนให้ผมได้บอกรักในตอนนี้ก็คงจะดี…
คุณเองก็เถอะครับ ถ้าหากว่าคุณไม่ใช่คนที่โชคร้ายแบบผม
ถ้าหากว่ามีใครซักคนที่คุณอยากจะให้เขาได้รับรู้ว่าคุณรักเขาอยู่ละก็…ก็บอกไปเถอะนะ
เพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนประเภทเดียวกับผมอยู่บนโลก คนที่ไม่มีโอกาสเหมือนพวกคุณ
คนที่เหมือนกับโดนสาปให้รักใครไม่เป็นอย่างผม….
TBC.
*********************************************************************
ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่แปลงมาจากคู่อื่นอีกทีค่ะ
เป็นฟิคตั้งแต่สมัยที่ไอวิชเริ่มหัดเขียนฟิคใหม่ๆ เพราะงั้นถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าภาษามันแปลกๆ ไป ก็อย่าได้ใส่ใจเด้อ
และเพราะว่าเป็นฟิคที่แปลงมาจากคู่อื่น นิสัยของพี่ทอมก็เลยออกจะแปลกๆ ไปหน่อย (ที่จริงก็ไม่หน่อยอ่ะนะ)
แต่นี่ไอวิชก็พยายามปรับออกมาให้มันไม่เหวี่ยงมากแล้วนะ พยายามปรับแล้ว แต่ก็ได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ TT^TT
และเพราะว่าชอบฟิคเรื่องนี้มากๆ ไอวิชก็เลยอยากจะเอามาแปลงให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งค่ะ
แต่ถ้ามันไม่สนุกยังไงก็แนะนำกันได้เด้อ ไอวิชยินดีน้อมรับทุกคำติชมเจ้าค่ะ :)
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
รักคนอ่านทุกคน
ไอวิช...
ความคิดเห็น