คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฟิคสั้น: ไม่มีชื่อเรื่อง T.T [คู่อาเธอร์xโรเวน]
เนื่องจากมติเป็นเอกฉันให้คู่ อาเธอร์xโรเวน ชนะ คิลxโร แบบขาดลอย TT^TT
ไอวิชเลยต้องเอาคู่นี้มาลงให้อ่านกันตามที่ทุกคนช่วยกันเลือกค่ะ ฮาา
แต่ถ้าอ่านแล้วไม่สนุก หรือว่าโรเวนนิสัยไม่เหมือนโรเวนก็อย่าว่ากันเลยนะคะ TTT____TTT
เพราะตอนเขียน เราเขียนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้โรเวนมากอ่ะ อยากทำร้ายท่านเสนาธิการเบาๆ ฟิคมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ โฮฮฮ ไอวิชขอโต๊ดดดดดดดดด TTOTT
เอาไว้จะแก้ตัวด้วยฟิค คิลxโร ที่คิลกับโรยังคงนิสัยเหมือน (หรือคล้ายๆ) กับต้นฉบับดังเดิม ในเรื่องหน้านะคะ
*เอามือปิดหน้าร้องไห้แล้ววิ่งออกจาห้องนี้ไป ฮืออออ~~~~
กลับมาบอกก่อนไป เอิ่มมมม…คือว่า…ฟิคเรื่องนี้ ไอวิชคิดชื่อเรื่องไม่ออกอ่ะค่ะ แหะๆ เอ่ออ…ขอโต๊ดดดดด TTT_______TTT
“กรี๊ดด~~~ เธอดูสิๆ ท่านนั่งข้างๆกันเลยนะเธอ”
“นั่นสิ ฉันว่าไอ้เรื่องที่เค้าลือๆกันมันต้องมีมูลความจริงบ้างแหละ ดูสินั่งทานข้าวกันกระหนุงกระหนิงน่ารักเชียว”
เสียงนินทาจากสาวๆที่นั่งห่างกันออกไปไม่กี่โต๊ะดังเข้าหูอย่างที่ทำให้คนตกเป็นประเด็นในการนินทาเริ่มจะหมดความอดทนเข้าไปทุกทีๆ นัยน์ตาสิดำสนิทเริ่มจะขุ่นขึ้นๆ อย่างที่บ่งบอกว่าเส้นอารมณ์ของเจ้าตัวกำลังจะขาดลงเต็มที
“เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยเนอะ คนนึงก็ดูอบอุ่นอ่อนโยน ส่วนอีกคนก็ดูเข้มแข็งกล้าหาญเหมาะที่จะคอยปกป้องอีกคน อร๊ายยย ฉันจะคลั่งอยู่แล้วนะเนี่ย”
กิ่งทองใบหยก?! เอาเข้าไป!
ความคิดที่ทำให้ ‘คนเข้มแข็งกล้าหาญ’ ต้องเหลือบตาขึ้นมอง ‘คนอบอุ่นอ่อนโยน’ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้พบกับดวงตาคู่สีน้ำเงินที่มองตอบกลับมาขำๆ ก็เถียงไม่ได้หรอกนะว่าสวยน่ะ แต่ลองให้เขาเสนอตัวเข้าไปปกป้องมันดูสิคงได้ถูกผ่ามิติฟันเอาตั้งแต่ยังไม่ทันอ้าปากพูดด้วยซ้ำ
“นั่นสิ แต่ว่าอีกคู่ที่นั่งด้วยกันนั่นก็น่ารักน่าจิ้นไม่แพ้กันนะเธอ ดูคนผมทองนั่นสิหน้าเหวี่ยงแต่สวยจนฉันยังอิจฉาเลย”
“เนอะๆ $@%^$^%&^*&***&&^$%$%$##$@@$^%....”
ประโยคนินทายังคงดังต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะเกรงใจคนถูกนินทาที่นั่งฟังอยู่นี่เลย มันทำให้คนหงุดหงิดเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆ ภาพที่ทำให้คนนั่งข้างๆอดที่จะยิ้มขำๆก่อนจะเอ่ยคำพูดล้อๆออกมาไม่ได้
“เราสองคนนี่ก็ดังเหมือนกันเนอะ ท่านอาเธอร์”
คำพูดล้อเลียนที่ทำให้นัยน์ตาสีดำตวัดมองคนพูดดุๆ คนพูดที่ยังคงแย้มรอยยิ้มอารมณ์ดีก่อนที่จะยกชาขึ้นดื่มอย่างสบายใจ นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยนั้นพราวระยับอย่างที่บ่งบอกว่ากำลังสนุกอยู่
“ไม่คิดว่าเจ้าชายโรเวนจะชื่นชอบการตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแบบนี้” ต่อคำเสียงห้วนๆอย่างยังติดจะหงุดหงิดนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนินทาที่ยังคงดังเข้าหูไม่หยุดแล้วหันมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน
“ฮ่าๆ เค้าก็พูดกันด้วยความชื่นชมนะท่าน มีคนชื่นชมแล้วทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะ?” คำพูดกวนบาทาจากคนที่กวนบาทามากที่สุดในโต๊ะ อาเธอร์ชะงักการกินไปนิดก่อนที่จะเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขม็ง คนนั่งตรงข้ามที่ตอนนี้ยกมือขยับแว่นตานิดๆก่อนที่จะยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์
ลูคัส ซาโดเรีย…ซาตานแห่งป้อมอัศวิน
“พวกนี้มันน่าจับเชือดทิ้งซะให้หมด” ก่อนที่เจ้าชายใจสิงห์จะได้เอ่ยปากต่อคำของซาตาน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบวชก็กลับดันพูดขัดขึ้นมาก่อนทำให้คนที่กำลังจะอ้าปากพูดได้แต่ชะงักอยู่อย่างนั้น ภาพที่ทำให้คนเป็นเจ้าชายอีกคนที่นั่งมองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะขำๆ
ให้มันได้อย่างนี้สิ! ไอ้คนป้อมอัศวินนี่มันเป็นแบบนี้กันหมดทุกคนเลยใช่มั๊ยเนี่ย?
เจ้าชายอาเธอร์ได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจกับพฤติกรรมของไอ้เจ้านายกับลูกน้องสามคนตรงหน้านี่ เขานี่มันซวยแท้ๆที่ดันต้องมานั่งทำงานร่วมกับคนพวกนี้
ให้ตายสิ! มีแต่เรื่องให้ต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
“แหมๆ ลอลี่ก็ แบบนี้ก็ดีออก แสดงว่าเรายังอยู่ในความสนใจของประชาชนอยู่ไง” แล้วสงครามน้ำลายระหว่างนักบวชกับซาตานก็เริ่มต้นขึ้นให้เจ้าชายใจสิงห์เลือกที่จะหันมาตั้งใจกินต่ออย่างอยากจะรีบกินรีบอิ่มๆไป จะได้รีบออกจากร้านอาหารหรูที่มีแต่พวกคุณหญิงคุณนาย สาวเล็กสาวใหญ่ที่แห่กันมาดูความเรียลของคู่ อาเธอร์xโรเวน แบบนี้
โรเวนมองใบหน้าโหดๆของเจ้าชายใจสิงห์ที่ยังติดจะหงุดหงิดกับการเป็นขี้ปากชาวบ้านแล้วยิ้มขำๆ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในร้านอาหารหรูในตัวเมืองคาโนวาลเพราะถูกหัวหน้าป้อมอัศวินแห่งเอเดนเบิร์กสั่งให้ต้องออกมาปฏิบัติภารกิจตามล่าหาตัวธิดาแห่งความมืดและพระสหายที่หลบหนีออกมาตั้งแต่พิธีมอบแหวนแห่งปราชญ์เมื่อสามเดือนก่อน ยิ่งในตอนนี้ที่สงครามเอเดนเดมอสเริ่มจะก่อตัวเร็วขึ้นทุกทียิ่งต้องรีบจับตัวเฟลิโอน่ากลับเอดินเบิร์กให้เร็วที่สุด
ความคิดที่ทำให้เสนาธิการฝ่ายซ้ายแห่งป้อมอัศวินต้องถอนหายใจแผ่วเบาอย่างเครียดๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นพบกับใบหน้าโหดๆของหัวหน้าปราสาทขุนนางที่นั่งอยู่ข้างๆแล้ว ความเครียดเมื้อกี้ก็แทบจะหายไปราวกับปลิดทิ้ง โรเวนยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อๆ
“ไม่คิดว่าท่านจะรังเกียจฉันมากขนาดนั้นนะ ท่านอาเธอร์”
“หืม?”
“ก็ไอ้ข่าวลือเรื่องท่านกับฉันนี่ไง ทั้งๆที่ฉันออกจะรู้สึกดีใจและเป็นเกียติมากที่ได้ตกเป็นที่สนใจร่วมกับเจ้าชายใจสิงห์แท้ๆ แต่ท่านกลับมาทำท่าทางโมโหซะได้ เห็นอย่างนี้แล้วมันน่าน้อยใจนะ” คำพูดติดจะขำๆของเดอะ เมจิคปริ้น เรียกเสียงหัวเราะจากซาตานแห่งป้อมอัศวินได้เป็นอย่างดีแต่กลับทำให้ใบหน้าเข้มๆของหัวหน้าปราสาทขุนนางบึ้งไปถนัดก่อนจะเอ่ยคำพูดประชด
“อยากจะเป็นชายาของเจ้าชายใจสิงห์มากขนาดนั้นเลยหรอโรเวน?”
“ฉันหมายความว่าฉันอยากได้เจ้าชายใจสิงห์มาเป็นชายาต่างหากล่ะ” คำพูดที่ทำให้คนเป็นเจ้าชายใจสิงห์ถึงกับต้องกัดฟันกรอดแต่มันกลับทำให้เสียงหัวเราะของซาตานแห่งป้อมอัศวินดังมากยิ่งขึ้นไปอีก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เอาห้องพักสองห้อง ไม่ต้องใหญ่มากนักแค่ให้พักห้องละสองคนได้ก็พอ” เสียงสุภาพจากเมจิคปริ้นผู้โด่งดังทำให้หญิงสาวเจ้าของโรงแรมต้องยิ้มหวานรับ
“แหม เจ้าชายอาเธอร์กับเจ้าชายโรเวนอุตส่าห์ให้เกียติเข้าพักที่โรงแรมเราทั้งที จะให้จัดห้องเล็กๆให้พักได้ยังไงล่ะคะ?” พูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานหยดย้อย ก่อนที่จะมองหน้าสวยๆของเจ้าชายคนผมยาวสลับกับหน้าเข้มๆของเจ้าชายใจสิงห์ แล้วนัยน์ตาของหญิงสาวก็พราวระยับอย่างที่ทำให้คนถูกมองเริ่มจะขนลุกซู่
“ให้ทางเราจัดห้องสวีทให้ดีกว่ามั๊ยคะ?”
คำถามที่ทำให้เจ้าชายอาเธอร์แทบจะสะดุดลมหายใจตัวเอง ในขณะที่ลูคัส ซาโดเรียกลับหัวเราะเสียงดังให้นักบวชคนที่ยืนอยู่ข้างๆต้องส่งสายตาจิกๆปรามแต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลซักเท่าใดนัก จะมีก็แต่เจ้าชายโรเวนผู้ถนัดควบคุมสถานการณ์เท่านั้นที่ยังคงยิ้มได้อย่างปกติที่สุด
“เห็นจะไม่ดีกว่า มาคราวนี้ใช้งบประมาณของเอดินเบิร์ก ให้พวกฉันใช้จ่ายฟุ่มเฟือยคงจะไม่ดีนัก” คำปฏิเสธแสนสุภาพทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาแทบปิดก่อนจะยกมือขึ้นโบกๆอย่างที่บอกว่าเรื่องเล็ก
“โอ๊ยยย ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เชื้อพระวงศ์สองคนมาพักแบบนี้ถือว่าเป็นเกียรติแก่โรงแรมเราค่ะ ทางเรายินดีคิดค่าบริการในราคาเท่ากับห้องปกติเท่านั้น นี่ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เป็นยุคสงครามข้าวยากหมากแพงแล้วล่ะก็ ทางเราคงให้พักฟรีไปแล้วค่ะ”
“เอ่อ…”
“เค้าอุตส่าห์มีน้ำใจให้ก็รับๆไว้เถอะน่าโรเวน ปฏิเสธไปเดี๋ยวเค้าจะเอาไปลือว่าเจ้าชายแห่งเจมิไนเป็นพวกไร้มารยาทได้นะ” คำพูดขัดจากเจ้าชายแห่งซาเรสที่เหมือนจะพึ่งตั้งสติได้ แล้วหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ “ห้องสวีทก็ดีนะ นอนห้องใหญ่ๆด้วยกัน จะทำอะไรๆ มันก็สะดวกดี”
เสียงฮือฮาดังจากผู้คนรอบข้างที่กำลังแอบดูเหตุการณ์อย่างสนอกสนใจอยู่กับคำว่า ‘อะไรๆ’ ของเจ้าชายใจสิงห์ทำให้คนเป็นเจ้าชายอีกคนถึงกับยิ้มแห้งๆ ก่อนจะส่งสายตาขวางๆให้กับไอ้คนพูดไม่คิดที่ตอนนี้แย้มรอยยิ้มกว้างอย่างบอกว่าถูกใจที่ได้เอาคืนใครบางคนจากเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารเมื่อบ่าย
ภาพพจน์อะไรนั่นให้มารักษาเอาตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรให้ต้องรักษาก็คงไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับมัน สู้เอาเวลาหงุดหงิดมาแกล้งคนหน้าสวยข้างๆเขานี่สนุกกว่าเยอะ
หึ…นายเริ่มเองนะโรเวน
ความคิดที่ทำให้อาเธอร์ต้องยิ้มขำๆในขณะที่คนถนัดควบคุมสถานการณ์ได้แต่ส่งสายตาขวางๆมาให้อย่างที่ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้
“งั้นก็คงต้องตามใจเจ้าชายใจสิงห์นั่นแหละ” คำพูดติดจะแข็งๆที่ตัดสินทุกอย่างให้เจ้าชายใจสิงห์ต้องอมยิ้มนิดๆ
“สรุปว่าห้องสวีทสองห้องนะคะ” หญิงสาวทวนคำสั่งด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า ทำให้เจ้าชายแห่งเจมิไนได้แต่ยิ้มแห้งๆก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆอย่างเริ่มจะปลงได้แล้วกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ได้อยู่ห้องสวีทแบบนี้ดีจังเลยเนอะลอ…” ก่อนที่คำว่า ‘ลี่’ จะได้หลุดออกจากปาก คนพูดก็มีอันต้องหยุดพูดไปเมื่อมีดสั้นถูกปามาจากเจ้าของชื่อให้ซาตานแห่งป้อมอัศวินต้องกระโดดหลบจนมีดบินลอยไปปักฉึกอยู่บนผนังของโรงแรมอย่างสวยงามเป็นที่สุด
เหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งโรงแรมต้องสะดุ้งเฮือกก่อนจะอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น แต่ทำเอาโรเวนถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
“นายน่าจะชินกับพฤติกรรมของคนป้อมนายได้ตั้งนานแล้วนะโรเวน” คำพูดจิกกัดที่ถูกส่งมาจากคนต้นเรื่องไม่ได้รับคำตอบกลับใดๆทั้งสิ้น เพราะคนถูกกัดเลือกที่จะเดินไปรับกุญแจห้องก่อนจะสาวเท้าเร็วๆเดินจากไปอย่างที่ไม่คิดจะหันมามองหน้าคนพูดด้วยซ้ำ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องสวีท สิ่งแรกที่เจ้าชายอาเธอร์พบก็คือสายตาขวางๆจากเจ้าชายอีกคนที่กำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงอย่างที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงจะอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมมองกันแบบนั้นล่ะท่านเสนาธิการฝ่ายซ้ายแห่งป้อมอัศวิน?”
“ทำอะไรๆ …หึ ท่านคิดยังไงถึงได้พูดออกไปแบบนั้นเนี่ย?” คำต่อว่าที่ทำให้คนถูกว่าต้องยิ้มรับน้อยๆก่อนที่จะเอ่ยปากต่อคำ
“ฉันหมายความว่า นายก็จะได้ทำงานของนายได้สะดวกๆ แล้วฉันก็จะได้มีพื้นที่กว้างๆให้ทำความสะอาดสารพัดดาบในตำนานของฉันได้ไง” คำตอบที่ทำให้คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะส่ายหัวอย่างๆเอือมๆ
“แล้วคนอื่นเค้าจะรู้ว่าท่านหมายถึงอย่างนั้นมั๊ย?”
“อ้าว ก็นายบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ตกอยู่ในความสนใจร่วมกับฉันไม่ใช่หรอ? แบบนี้ก็ดีแล้วไงกระแสจะได้ดังๆ”
“ท่านอาเธอร์!” คนเถียงแพ้ได้แต่ฮึดฮัดอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะหาคำพูดมาต่อปากกับไอ้คนหน้าหนานี่ยังไงดี
ไอ้ที่เขาพูดบนโต๊ะอาหารกับที่อาเธอร์พูดมันเหมือนกันที่ไหน? เขาก็แค่พูดเล่นๆให้บรรยากาศบนโต๊ะเฮฮาก็เท่านั้นเอง แต่ไอ้ประโยค ‘ทำอะไรๆ’ นั่น…
แค่จำนวนคนที่ได้ยินมันก็ต่างกันแล้ว!
ไอ้เรื่องภาพพจน์เจ้าชายนั่นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะรักษาอะไรหรอก เพราะเรื่องนี้มันก็ลือกันมาตั้งนาน ทำยังไงก็คงจะห้ามสาวๆทั้งเอเดนให้หยุดพูดไม่ได้ แต่ที่เขาอารมณ์เสียอยู่นี่ก็เพราะรู้ว่าไอ้หัวหน้าปราสาทขุนนางนี่ตั้งใจจะแกล้งเขาต่างหาก
ความคิดที่ทำให้โรเวนต้องหงุดหงิดอย่างที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็นเมจิคปริ้นผู้ควบคุมทุกอย่างได้ดีเสมอต้องมานั่งทำหน้าเครียดเพราะไม่สามารถทำอะไรเจ้าชายใจสิงห์ได้แบบนี้
แต่คนหงุดหงิดก็นั่งหน้าเครียดได้ไม่นานนักเมื่ออยู่ๆก็คิดอะไรบางอย่างออก แล้วใบหน้าดูดีจนติดจะสวยนั้นก็ค่อยๆคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปใกล้เจ้าชายใจสิงห์ที่กำลังมุ่นหัวคิ้วมองกิริยาที่เปลี่ยนไปของคนตัวเล็กกว่าอยู่
ร่างโปร่งของเจ้าชายแห่งเจมิไนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าชายแห่งซาเรส นัยน์ตาคู่สีน้ำเงินนั้นสบมองกับนัยน์ตาสีดำของคนตัวใหญ่นิ่ง ก่อนที่จะแย้มรอยยิ้มละไมให้คนมองหัวใจแทบจะเต้นผิดจังหวะ แล้วปากสวยๆนั้นก็เอ่ยคำพูดแผ่วเบา
“แล้ว…ท่านไม่อยากลองทำอะไรๆอย่างอื่นดูบ้างหรออาเธอร์?” ปากก็ขยับพูดไปในขณะที่มือเรียวก็ยกขึ้นลูบที่ต้นแขนของคนตัวใหญ่เบาๆ
“นี่นาย…” คนจับต้นชนปรายไม่ถูกพูดออกมาได้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรอีก ภาพที่ทำให้คนแกล้งต้องกลั้นยิ้มก่อนที่จะเดินหน้าแกล้งต่อ
โรเวนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอเจ้าชายใจสิงห์รอยยิ้มหวานยังคงฉาบบนใบหน้าทั้งๆที่นัยน์ตาสีน้ำเงินนั้นกำลังพราวระริกอย่างที่บ่งบอกว่าสนุก
และเพราะแววตานั้นที่ทำให้คนกำลังจะเคลิ้มกลับมาได้สติอีกครั้ง คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นค่อยๆคลายออกเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะแกล้งยั่วเขาเล่นๆเพื่อเอาคืน
อย่าดูถูกเจ้าชายใจสิงห์สิโรเวน…
ความคิดที่ทำให้อาเธอร์ต้องค่อยๆยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เสียงทุ้มๆจะเอ่ยเป็นคำพูด
“คิดจะยั่วฉันรึไงโรเวน?”
“แล้วท่านคิดว่าไงล่ะ?” ต่อคำอย่างยังรู้สึกสนุกให้คนตัวใหญ่ต้องยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“ถ้านายคิดจะยั่วจริงๆ ก็คงไม่ว่าอะไร แต่…” คำพูดหยุดอยู่แค่นั้นให้คนฟังต้องเอ่ยเสียงถาม
“แต่อะไร?”
“แต่ถ้าหากคิดจะยั่วเล่นๆ หรือแค่จะแกล้งฉันล่ะก็ขอบอกว่านายคิดผิด…คิดผิดมากเลยล่ะโรเวน”
“…”
“เพราะว่าฉันมันเป็นพวกชอบของสวยๆงามๆ ถ้าคิดว่า ‘งาม’ แล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นหญิงหรือชายฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ” น้ำเสียงจริงจังพร้อมร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าเข้มๆนั้นถึงกับทำให้คนที่คิดจะแกล้งชาวบ้านต้องชะงักกึก ถึงแม้ว่ารอยยิ้มจะยังคงไม่หายไปจากใบหน้าสวยๆนั้นก็ตาม “เพราะฉะนั้นถ้าของสวยๆงามๆมาเสนอให้ถึงที่…ฉันก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธเหมือนกัน” ประโยคสุดท้ายที่ออกมาจากปากของเจ้าชายแห่งซาเรสทำให้เจ้าชายแห่งเจมิไนถึงกับหยุดการกระทำทุกอย่างลง
“งั้น ฉันไม่เสี่ยงคงจะดีกว่าสินะ” ยังคงพูดยิ้มๆตามฟอร์มก่อนที่จะผละตัวกะจะเดินห่างออกมา แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่คิดเมื่อแขนแข็งๆของใครบางคนรวบเอวของเขาเอาไว้แล้วเรียบร้อย
และแล้ว…เมจิคปริ้นก็ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเจ้าชายใจสิงห์...
“อาเธอร์ ปล่อย! ฉันไม่เล่นแล้ว” คำพูดติดจะเข้มๆอย่างที่บ่งบอกถึงความจริงจังของคนพูด ใบหน้าสวยจ้องหน้าคนเอาเปรียบเขม็งอย่างไม่คิดกลัว
“แล้วใครว่าฉันเล่นอยู่ล่ะ?” ตอบกลับพร้อมกับกระชับอ้อมแขนมากขึ้นอีกให้คนเสียเปรียบต้องหัวใจเต้นระรัวความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ที่มีอยู่หายวับไปกับตา และก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีใบหน้าคมๆนั้นก็โน้มลงมาใกล้จนจมูกแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“ไม่ตลกนะท่านอาเธอร์” ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่กลับไม่กล้าสบนัยน์ตาสีดำนั้นตรงๆจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง ภาพที่ทำให้อาเธอร์ถึงกับอดที่จะยิ้มขำๆไม่ได้
รอยยิ้มอ่อนโยน…ที่หาได้ยากยิ่งนักจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายใจสิงห์…
เพราะคนตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่เจ้าชายโรเวน เดอะ เมจิคปริ้น ที่ใครๆ รู้จักอีกต่อไป…
หากแต่ตอนนี้คนคนนี้คือโรเวน…คือเจ้าเด็กซื่อคนที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เจ้าชายอาเธอร์เอ็นดูยิ่งนัก
โรเวน…คนที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้จัก…
ความคิดที่ทำให้อาเธอร์แย้มรอยยิ้มละไมก่อนที่จะค่อยๆเชยคางของคนตรงหน้าให้หันมามองกัน สายตาสองคู่ประสานกันนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน…แล้วคนเอาเปรียบก็ค่อยๆก้มลงจุมพิตบนเปลือกตาบางนั้นแผ่วเบา…
ตอนแรกก็กะจะแค่แกล้ง…แต่ภาพน่ารักของคนตรงหน้ามันทำให้เขาอดคิดถึงไม่ได้จริงๆ คิดถึงโรเวนน้อยคนนั้น…เจ้าเด็กรุ่นน้องที่หายไปพร้อมๆกับกาลเวลาและเรื่องราวมากมายที่บังคับให้เด็กน้อยต้องเติบโตขึ้นเป็นเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้…
แล้วคนเอาเปรียบก็ค่อยๆ ถอนจุมพิตออกจาเปลือกตาบาง…ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น…เนิ่นนานที่ความเงียบเข้าปกคลุมทุกสิ่ง….จนสุดท้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายใจสิงห์ก็ผละตัวออกมา ก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปยังประตูห้อง
“ฉันจะออกไปข้างนอก อาจจะกลับมาอีกทีเช้า นายนอนไปก่อนเลยแล้วกันนะ” คำพูดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่ร่างสูงๆของคนพูดจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่พึ่งจะลืมตาขึ้นมาได้แต่ยืนมองประตูห้องที่ถูกปิดลงอยู่อย่างนั้น…
ความเงียบ…ทำให้รับรู้ได้ถึงเสียงเต้นระรัวของหัวใจตัวเอง ก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งอย่างพยายามรวบรวมสติให้กลับมา
นายคือ เดอะ เมจิคปริ้น…คือเสนาธิการฝ่ายซ้ายแห่งป้อมอัศวิน…ท่องเอาไว้สิโรเวน ท่องเอาไว้…
แม้จะพยายามเฝ้าบอกตัวเองแบบนั้นเพียงไร…แต่สัมผัสอ่อนโยนของอ้อมแขนแกร่งและรอยอุ่นจากลมหายใจของคนที่พึ่งจะออกจากห้องไปยังคงติดอยู่ในความรู้สึก ให้รอยยิ้มบางๆ ค่อยๆ ระบายบนใบหน้า
ถ้าหากว่า…เขาสามารถหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้ได้มันก็คงจะดีกว่านี้…
ความคิดเห็น