ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The fell in flirting

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 57










     

     

              “ว้ายยย!!.....

     

     

              ในขณะที่ฉันกำลังปิดหูปิดตา กลั้นใจ ปล่อยสเต็ปลีลาไปกับเสียงเพลงอยู่นั้น จู่ๆร่างกายก็เซถลาไปกับแรงกระชากจากทางด้านข้างจนเกือบจะตกบาร์ แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อตัวของฉันกระแทกเข้ากับความแข็งแกร่งบางอย่าง

     

     

              “ไม่เบานี่ ลีลาใช้ได้”

             


              เสียงต่ำทุ้มพร้อมกับเสียงกัดฟันกร่อนดังอยู่เหนือศีรษะ มันทำให้ขนอ่อนตามร่างกายพร้อมใจกันลุก รู้สึกเสียวสันหลังเหมือนกำลังจะมีลางร้าย และก็อดไม่ได้ที่จะไม่เงยหน้ามองหาต้นตอของเสียงนั้น

     

     

              “นายO_O!!....” เพียงแค่นั้นแหละ... ตะลึงยิ่งกว่าตะลึง แขน ขา และตัว แข็งทื่อโดยอัตโนมัติ เหมือนสมองถูกช็อตตามไปด้วย เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปจ๊ะเอ๋กับใบหน้าอันหล่อเหลาปนดุนี้

     

     

              หัวใจฉันเต้นตึกตักอย่างหนักเมื่อพยายามจดจ้องใบหน้าของคนที่กอดรัดฉันไว้ผ่านแสงไฟวิบวับในความสลัว แม้ในใจจะพยายามไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นก็ตาม แต่ยิ่งจ้องเท่าไหร่ก็ยิ่งแน่ใจว่า ใช่เขา!!

     

     

              วิลด์!!!  เขารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่

     

     

              ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออึกใหญ่ก่อนจะตั้งสติแล้วได้ยินเสียงคนกำลังคุยกันอื้ออึงไปทั้งผับ บ้างก็ส่งเสียงร้องแซวอย่างตื่นเต้น ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบว่าทุกสายตากำลังจ้องมาทางนี้

     

     

              ใช่สิ!!!  ตอนนี้ฉันเต้นอยู่บนบาร์ แล้ว........ ให้ตายเหอะ ไอ้บ้านี่ขึ้นมากอดฉันบนบาร์แบบนี้ได้ไง><

     

     

              “บอกกี่ทีแล้วว่าอย่ามาทำงานแบบนี้ เมียผมนี่ดื้อจริงๆ” ในขณะที่ฉันกำลังดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนแกร่งนี่ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง เหมือนจงใจตะโกนมากกว่า จนคนในผับเริ่มฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม

     

              ไอ้บ้าเอ้ย!!!



              “พูดบ้าอะไรของนาย ปล่อยฉัน....” ฉันพยายามกัดฟันพูดพร้อมกับพยายามดิ้นสุดชีวิต ไอ้บ้านี่มันน่าฆ่าให้ตายนัก กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ น่าอายที่สุด

     

              “งอนกันก็พูดกันดีๆสิ ไม่เห็นต้องมาประชดกันแบบนี้เลย”

     

              “><…” งอนบ้า งอนบอ นายสิ นายนี่คิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันชักจะเกลียดเข้าไปทุกทีแล้วนะ

     

              “จุ๊บ....”   ^_____^

     

              O_O!!!!!!!”  แทบช็อกเมื่อจู่ๆไอ้โรคจิตนี่จุ๊บแก้มฉัน และไม่ใช่แค่นั้น เพราะเขาทำต่อหน้าคนเป็นร้อย ตอนนี้เนื้อตัวฉันสั่นด้วยความโกรธจนแทบควบคุมไม่อยู่

     

              “สั่นสู้เหรอ” เขายิ้มอย่างยียวนกวนประสาท สายตาเจ้าเล่ห์นั่นจดจ้องฉันอย่างผู้ชนะ และยิ่งฉันดันตัวเองออกเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรัดตัวฉันแน่นมากขึ้นเท่านั้น

              “นายไม่มีวันยิ้มอย่างนี้ได้ตลอดหรอก”

     


     

              หึ!!! เขาไม่มีวันยิ้มอย่างนี้ได้ตลอดอย่างที่ฉันพูด เพราะกฎเหล็กของผับนี้ คือ ห้ามใครแตะต้องพนักงานของผับทุกแผนกในเวลาทำงาน และตอนนี้ฉันก็กำลังอยู่ในเวลาทำงาน เขากำลังทำผิดกฎ เพราะฉะนั้นอีกสักพักคงได้เดือดร้อนแน่

     

     

              “คุณครับ…..” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านล่าง พอก้มมองก็พบชายชุดดำสองคนกำลังพยายามเบียดผู้คนเข้ามาทางฉัน พวกเขาคือการ์ดของผับ และแน่นอนว่าพวกเขาต้องมาช่วยฉัน

     

              “ไป!!” กำลังจะดีใจอยู่แท้ๆ เสียงอันเข้มดุก็ดังขึ้นพร้อมกับแขนที่ถูกกระชากให้กระโดดลงจากบาร์โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

     

     

              แกร็ก...

     

     

              “โอ้ย!....”  ความเจ็บแล่นแปรดทันที เมื่อส้นสูงกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนกระดูกข้อเท้าฉันพลิก มันเจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาจะไหล

              “วิ่ง...”

     

              “วะ วิ่งไม่ได้ โอ้ยยยยย....  ข้อเท้าฉัน...” ฉันพยายามตะเบ็งเสียงสู้กับเสียงเพลงทั้งที่เจ็บข้อเท้าจนอยากจะร้องไห้ ท่ามกลางความชุลมุนและความแออัด มันไม่ง่ายเลยที่การ์ดจะเขามาถึงตัวฉัน

     

              “ลุกสิวะ” เขาตะคอกใส่ฉันด้วยท่าทางร้อนรน แน่ล่ะ!! ก็เขาทำผิดกฎของผับ ถ้าไม่รีบหนีก็ต้องเจอดีเข้าแน่ๆ

     

              “นายไม่มีตาหรือไง ก็เห็นอยู่ว่าข้อเท้าฉันพลิก”

     

              “เธอนี่.....โว้ยยยยย”

     

     

              ไอ้หมาบ้านี่สบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะช้อนตัวฉันขึ้นพาดไหล่แล้วบุกเบียดผู้คนมุ่งตรงไปยังทางออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับการ์ดของผับนับสิบคนที่วิ่งตาม

     

     

              “ปล่อยฉันนะ ไอ้หมาบ้า ยังไงนายไม่รอดแน่ นายสู้กับการ์ดเป็นสิบไม่ไหวหรอก” ฉันเอากำปั้นทุบตีแผ่นหลังอันแข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับตะเบ็งเสียงขู่ แต่ให้ตายเหอะ เขาไม่กลัวเลยสักนิดแถมยังวิ่งต่อไปโดยไม่หยุด

     
     

              “แม่งเอ้ย!! เมื่อกี้มีสอง โผล่มาจากไหนอีกวะ”

     

              “ปล่อยเซ่ >< ปล่อยฉันนะโว้ย”

     

              “หุบปากสักทีเถอะ ยัยประสาท”

     

     

              ไม่นานนักเขาก็สามารถฝ่าผู้คนและหนีการ์ดออกมานอกผับจนได้ ความสามารถสูงจริงๆ และอยากบอกว่าตอนนี้ฉันรู้สึกอยากอ้วกเพราะหน้าท้องของฉันมันพาดอยู่กับไหล่เขา มันจุกแน่นสุดๆเลยล่ะ

     

     

              เอียดดดด....

     

     

              เสียงเหมือนล้อรถเสียดกับถนนดังขึ้นในวินาทีต่อมา แล้วร่างของฉันก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปด้านในรถอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยร่างสูงแทรกตัวเบียดตามเข้ามาด้วย ฉันรีบรวบรวมสติแล้วดันตัวเองให้ลุกนั่งก่อนจะสำรวจไปรอบด้าน

     

     

              “ขอบใจมากไอ้น้องชาย”

     

     

              ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ตรงเบาะหลังคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้หมาบ้าวิลด์นั่นประจำอยู่ตำแหน่งคนขับก่อนจะส่งยิ้มผ่านกระจกมาให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์

     

     

              ทำไมมันข้ามไปนั่งเบาะคนขับไว้จัง เมื่อตะกี้เพิ่งจะโยนฉันเข้ามาในรถอยู่เลย แล้วไอ้คนที่นั่งเบียดฉันอยู่ข้างๆนี่ใครกัน....

     

     

              “เอาข้อเท้ามา” ในขณะที่กำลังฉงนงงกับความรวดเร็วของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อเท้าของฉันก็ถูกดึงไปวางไว้บนตักของคนข้างๆเรียบร้อยแล้ว ตัวฉันหมุนไปตามแรงดึงจนแทบหงายหลัง

     

              “โอ๊ะ.....เฮ้ยO_O!!!!!



              อึ้ง ทึ่ง และ งง.... กันเลยทีเดียว เมื่อฉันกำลังหันหน้าไปหาคนด้านข้างเพื่อจะด่า แต่ไหงกลับพูดไม่ออก ปากไม่ขยับ ช็อกตาตั้งกันอีกครั้ง เพราะไอ้หมาบ้าวิลด์นั่นมานั่งอยู่ตรงนี้

     

     

              มันมาได้ไง....?

     

     

              “บวมเลยแฮะ” นายนี่กำลังค่อยๆถอดส้นสูงฉันออก ก่อนจะสำรวจข้อเท้าฉันอย่างตั้งใจ และฉันก็ดันไม่คิดจะดึงเท้ากลับ ปล่อยให้วางอยู่บนตักนั้นอย่างลืมตัว

     

     

              ฉันรีบหันไปมองที่ตำแหน่งคนขับรถ ไอ้หมาบ้าวิลด์ก็ยังนั่งอยู่ หันกลับมาด้านข้างไอ้หมาบ้าวิลด์ก็ยังนั่งอยู่O_O

     

     

    ผีหรือคน หรือฉันตาฝาด หรือฉันประสาทกลับไปแล้วจริงๆ  ความจำฉันเสื่อม ระบบสมองคงไม่ได้มีปัญหาตามกันไปด้วยใช่มั้ย

     

     

              “ขาขาวชะมัด” ไอ้คนที่ขับรถเหลือบมองฉันทางกระจกก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม


    “มีหน้าที่ขับก็ขับไป เดี๋ยวกูทุบกระจกทิ้งแม่งเลยนี่” ไอ้คนด้านข้างก็สบถด่าอย่างหัวเสีย

     

     

              และในขณะที่คนสองคนกำลังด่ากันไป แหย่กันมา ฉันต่างหากที่กำลังหัวเสีย มองหน้าคนสองคนสลับกันไปมาจนเวียนหัว ทำไมมัน....

     

     

              หน้าเหมือนกันแบบนี้อ่ะO.O

     

     

              ฉันอดไม่ได้ที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆไอ้คนที่มันกำลังนวดข้อเท้าให้ เอียงคอซ้ายขวามองทุกมุมเพื่อให้แน่ใจว่าคนไหนเป็นตัวจริงตัวปลอม ก่อนจะถอยใบหน้าออกมา สะบัดหัวแรงๆทีนึง แล้วก็รีบถลาเข้าไปเกาะเบาะคนขับ ยื่นหน้าเข้าไปมองทุกอนุรูขุมขนของคนที่ขับรถอย่างสงสัย

     

     

              เขาหันมายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ และเชื่อมั้ยว่าด้วยความหล่อบรรลัยที่เขามีอยู่ มันทำให้ฉันแทบจะอดใจไม่ไหว เฮ้ยๆๆๆๆ ไม่ใช่... มันให้ฉันแทบจะละลายเลยล่ะ

     

     

              “ไม่หอมแก้มมันเลยล่ะ”


              “โอ้ยยยยย!! ไอ้บ้า><….” และในจังหวะที่ฉันกำลังจะเคลิ้มให้ลืมความเจ็บ ไอ้บ้านั่นก็บีบข้อเท้าฉันแรงๆอย่างจงใจจนขาฉันกระตุก ที่กระตุกเพราะว่าเตรียมจะถีบแม่มให้ปากแตกสักที แต่ดันดึงขาออกมาไม่ได้นี่สิ

     

              “กำลังจะได้ชื่นใจอยู่แล้วเชียว ทักทำไมวะ” คนที่กำลังขับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกรั้วขำ

     

              “หุบปากไปเลยไอ้ไนท์”

     

              “ไนท์หรอ” เหมือนฉันละเมอพูดชื่อที่ได้ยินออกมา งั้นก็แสดงว่าไอ้หมาบ้าวิลด์คือคนที่กำลังบีบๆเค้นๆข้อเท้าฉันอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย แล้วทำไมพวกเขาถึงหน้าเหมือนกันแบบนี้ล่ะ หรือว่า....

     

              “เคลิ้มไม่หายรึไง”

     

              “ฝาแฝด!!!!!!”  O_O

     

              “โว้ยยยยย จะแหกปากทำไมวะ หูจะแตก”


              “ปล่อยๆๆ พอได้แล้ว ปล่อย...” ฉันรีบเอามือปัดมือเขาออกจากข้อเท้าแล้วดึงขากลับอย่างหงุดหงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร คงจะหลายเรื่องรวมกันแหละ

     

              “อะไรวะ”

     

              “นี่นาย!!! จอดรถ” ฉันถลาเข้าไปจับไหล่คนที่ชื่อไนท์แล้วเอ็ดใส่เบาๆ

     

              “หืม?” เขาเหลือบตามามองอย่างงงๆ แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจคำพูดฉัน

     

              “ฉันบอกให้จอดรถ เดี๋ยวนี้ จอดสิ”  ฉันเลยจัดการเขย่าไหล่เขาแรงๆอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนสติแตก

     

              “นี่!!!!

     

     

              ร่างของฉันถูกดึงไปทางด้านหลังก่อนจะถูกรวบไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งดั่งเส้นเหล็กนับร้อยเส้นมารัดตัวไว้ ฉันดิ้นเท่าที่จะมีแรงดิ้น เพื่อให้หลุดจากวงแขนนี้



              “ปล่อยนะโว้ย.....  ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ฉันทั้งดิ้นทั้งแหกปากเพื่อให้หลุดพ้น แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย ให้ตายเหอะ

     

     

              อุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ๆ และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหนีออกมาแล้วต้องมาตามหาที่อยู่ของตัวเอง เป็นที่ที่ฉันเคยอยู่แต่กลับไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยไง

     

     

              จนกระทั่งในตอนที่ฉันกำลังเดินเตรดเตร่อยู่แถวๆถนนหน้าผับที่ฉันทำงานอยู่ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งพาฉันกลับบ้าน ที่ฉันมาที่ทำงานได้ถูกก็เพราะบัตรพนักงานที่ติดอยู่ในกระเป๋าไงล่ะ และที่สำคัญคือ บัตรประชาชนฉันหาย ไม่งั้นคงกลับคอนโดถูกไปตั้งแต่แรกละ

     

     

              “เฮ้ออออ....”  และตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไร ถึงหนีเจ้ากรรมนายเวรไม่พ้น ฉันมีหนทางหนีแค่นี้ จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เพราะจำใครไม่ได้ ไม่รู้จักใครเลย

     

     

    บ้า บ้า แม่งบ้าที่สุด!!!!

     

     

              หมับ!!!

     

     

              “บ้า นายมันบ้า  บ้า บ้า ฉันมันบ้า บ้าที่สุดเลยยยยยยย” ฉันเอาสองมือตะปบที่ใบหน้าเขาอย่างแรงก่อนจะตะคอกใส่หน้าเขาอย่างหงุดหงิด จนทำให้ผู้ชายสองคนในรถเกิดอาการตะลึงและงงงวยกันเลยทีเดียว

             



              ก็ฉันเซ็ง ฉันหงุดหงิด ฉันไม่รู้จะเอายังกับชีวิตดี หาทางออกอะไรไม่ได้เลย พยายามกดเบอร์โทรหาทุกคนตามรายชื่อที่เมมไว้ในมือถือเหมือนคนบ้า ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน แม้มันจะเกี่ยวกับฉันก็ตาม แต่ไม่รู้เรื่องไง เข้าใจมั้ย?

     

     

              “เป็นบ้าอะไรของเธอ” เขาขมวดคิ้วจ้องฉันอย่างไม่เข้าใจ และฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน

     

              “ก็เป็นบ้าไง โธ่เว้ยยยย!! นายไม่เข้าใจหรอก”

     

              “ยัยประสาท”

     

              “เออ ฉันมันประสาท แล้วทำไม ห๊ะ!! ละ... อุ๊บOxO




     










    อัพแล้วคร้าาาาาาาาา  ครึ่งแรก!!
    เฮียวิลด์ชอบจู่โจมให้ตกใจเล่น  (นิสัยคนแต่งชัดๆ)
    ไรท์ชอบชื่อพระเอกจัง "วิลด์" (Wild) ^^
    [ WILD = ดุร้าย ป่าเถื่อน คะนอง รุนแรง เดือด บ้าคลั่ง]
    ความหมายทั้งหมด ไรท์จะเอาไปใส่ให้กับนิสัยพระเอก คึคึคึ><

    ต้องขอโทษด้วยนะคะที่อัพช้ามากกกกกกกก
    กว่าจะโผล่มาอัพได้แต่ละชาร์ป หลายคนคงคิดว่าไรท์หายสาบสูญไปแล้ว
    ยังอยู่นะคะ ยังอยู่.. แต่บอกตามตรงว่าช่วงนี้ไม่มีอารมณ์แต่งเลยอ่า
    ความขี้เกียจเข้าครอบงำ -.-
    เม้นๆๆๆๆ ให้กันด้วยน้าาา จะได้มีแรงปั่นครึ่งหลัง




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×