ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนดาหลา ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #5 : นิคมอาบแดด

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 56


    ตอนที่ 5 นิคมอาบแดด
               แสงตะวันในยามเช้าตรู่สาดแสงสีเหลืองอ่อนทาทับไปทั่วท้องทุ่ง ไอหมอกขาวกำลังจะจางไป ต้นข้าวเขียวขจีที่กำลังเริ่มตั้งท้องโอนเอนลู่ไปกับลมที่กำลังพัดพริ้วแผ่ว แสงแดดอ่อนค่อยๆ เรื่อเรืองตาขึ้นดูงามจับตา แม่เนียบหญิงชราร่างไม่สูงนักแต่ออกท้วมที่อยู่ในครัวกำลังเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกชายของนางทั้งสองคน นางมองลอดหน้าต่างห้องครัวออกไป เห็นหญิงสาวสองคนคือแม่นุ่นกับแม่ปุ่นที่เพิ่งใช้ให้ไปเก็บผักบุ้งในนากำลังลับๆ ล่อๆ อยู่ไกลๆ จึงอดเดินออกไปดูไม่ได้

    “ข้าใช้ให้เอ็งไปเก็บผักบุ้งไม่ใช่เรอะอีนุ่น อีปุ่น แล้วเอ็งจะมายืนด้อมๆ มองๆ อะไรกันหือ” แม่เนียบเดินเข้าไปถามทำให้ทั้งสองนางที่กำลังซุ่มดูอะไรกันอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว

    “ฉัน ฉัน ไม่กล้าเข้าไปน่ะสิ แม่เนียบ” แม่ปุ่นรีบตอบกลับมา

    “เอ็งกลัวอะไรเรอะอีปุ่น ในนามันจะมีเสือมีสางที่ไหนกัน” แม่เนียบเท้าสะเอว

    “ก็ ก็ ดูนั่นสิ แม่เนียบ ยิ่งกว่าเสือสางเสียอีก” แม่นุ่นชี้ให้ดูร่างเกือบเปลือยของชายหนุ่มรูปร่างกำยำบึกบึน ผิวขาวละเอียดนั้นเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่ง ที่กำลังทำท่าทางประหลาดอยู่ห่างออกไป แม่เนียบยกมือขึ้นขยี้ตาก่อนตะโกนขึ้นมาสุดตัวแล้วเอามือทาบอก

    “ว้าย ตาเถร พวกเอ็งกลับเรือนไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปจัดการเอง” นางรีบใช้บ่าวทั้งสองคนให้กลับเรือน ส่วนตัวนางก้าวพรวดพราดเดินไปยังร่างที่กำลังยืนแอ่นหน้าแอ่นหลัง แล้วล้มตัวลงนอนคว่ำเอามือดันพื้นขึ้นลงอยู่ตรงหน้า

    “คุณราชันย์หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าคะ ทำอะไรคะ บัดสีบัดเถลิง” นางตะโกนลั่น ราชันย์เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืน มองหน้าแม่นมที่ยืนปิดหน้าปิดตาอยู่ตรงหน้า

    “อะไรรึแม่เนียบ แม่เนียบจะมาห้ามผมทำไม ผมกำลังวิดพื้น” ถามกลับหน้าตาตื่น

    “ก็คุณราชันย์ทำอะไรอยู่รึเจ้าคะ น่าเกลียด ผ้าผ่อนไม่ใส่ บัดสีบัดเถลิง” นางโวยวายลั่นทุ่ง คนถูกโวยวายตาโตเป็นไข่ห่าน ก้มมองตัวเองซึ่งนุ่งเพียงกางเกงขาสั้น

    “ก็กำลังอาบแดดอย่างไรเล่าแม่เนียบ ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่นี่ไม่ได้อาบแดดเลย ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล แล้วผมก็นุ่งกางเกงนี่ ไม่ได้ผ้าผ่อนไม่ใส่เสียที่ไหน ผมอยู่ที่โน่นอาบแดดไม่สวมอะไรเลยด้วยซ้ำ” ตอบไปพลางเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ไปพลาง

    “อาบแดด! อาบทำไมกันเจ้าคะ มีแต่เขาจะอาบน้ำ พิกลนักคุณราชันย์นี่ แล้วกางเกงนี่ก็สั้นจุ๊ดจู๋” แม่เนียบหน้าตื่นเข้าไปใหญ่

    “ก็อาบแดดพร้อมฝึกกายบริหารให้ร่างกายแข็งแรงไงจ๊ะแม่เนียบ แม่เนียบไม่เคยได้ข่าวรึว่าที่บางกะปิเขามีนิคมอาบแดด ผมเป็นสมาชิกที่นั่นด้วย ทุกคนเปลือยกายอาบแดด ทำให้ร่างกายแข็งแรง รักษาโรคได้ด้วย” ตอบไปพลางติดกระดุมเสื้อเชิ้ตไปพลาง

    “ตาเถร! นิคมอะไรประหลาดนักเจ้าคะ บัดสี แม่เนียบไม่เอาด้วยหรอก คุณราชันย์ก็ห้ามมาทำอะไรประหลาดๆ แบบนี้อีกนะเจ้าคะ แม่เนียบเห็นจะตีให้ตายเทียว” นางสั่งกำชับ

    “โธ่ แม่เนียบ ก็นิคมของคุณสลิล ฟูไทย ไงครับ มีสมาชิกตั้งเกือบสี่พันคนแล้ว ชายหญิงเปลื้องผ้าอาบแดดรักษาโรค รักษารูปร่างให้สวยงามแข็งแรง แม่เนียบอย่าห้ามผมเลย ผมเป็นตำรวจต้องฝึกร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ นี่ก็อุตส่าห์เดินออกไปแอบซุ่มอาบแดดอยู่กลางทุ่งแท้ๆ ไม่ได้ไปทำประเจิดประเจ้ออยู่หน้าบ้านสักหน่อย” ราชันย์โอดครวญ

    “ตายแล้ว ผู้หญิงก็เปลื้องผ้าด้วยรึเจ้าคะ แล้วคุณราชันย์ก็ไปดูผู้หญิงเปลื้องผ้าอย่างนั้นรึเจ้าคะ นี่แน่ะ แม่จะตีให้ตาย พิเรนนักไปดูผู้หญิงเปลื้องผ้า นี่แน่ะ นี่แน่ะ” นางตกใจตาเหลือกพร้อมคว้าไม้ใกล้มือหวดใส่ ราชันย์กระโดดโหยงไปพลางตะโกนห้ามไปพลาง

    “เปล่านะแม่เนียบ ผมไม่ได้ไปดูผู้หญิงเปลื้องผ้า ผม ผมไปอาบแดดกับออกกำลังกายเท่านั้น โอ๊ย แม่เนียบอย่าตีผม ผมเจ็บ ผมเป็นสุภาพบุรุษนะครับแม่เนียบ ผมไม่ได้ไปแอบดูผู้หญิง เพราะมันไม่ต้องแอบครับแม่เนียบ มันเห็นเลยครับ โอ๊ยๆ เจ็บ เจ็บ” ตอบไปพลางกระโดดโหยงหลบไม้ไปพลาง

    “มีอะไรกันหรือครับคุณราชันย์” เสียงของปราชญ์ตะโกนมาแต่ไกล

    “ก็แม่เนียบสิครับพี่ปราชญ์ ตีผมแต่เช้าเลย” วิ่งไปหลบหลังพี่ชายพร้อมกับมองแม่เนียบที่ยืนหอบแฮ่กๆ อย่างขำขัน

    “แล้วคุณราชันย์มาทำอะไรในทุ่งนาแต่เช้า วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรือขอรับ” ปราชญ์ถามพร้อมเดินไปพยุงแม่ของตนที่กำลังหอบแฮ่กๆ ทำท่าทางเหมือนจะเป็นลมอยู่ตรงหน้า

    “ก็ผมมาอาบแดดไงครับพี่ปราชญ์ ผมไม่ได้อาบแดดมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่กลับมา วันนี้เลยตั้งใจจะอาบแดดก่อนจะไปทำงานเสียหน่อย แต่แม่เนียบคิดอะไรไม่รู้บัดสีบัดเถลิง แล้วก็เอาไม้ไล่ตีผม ดูสิจนตัวเองจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียเอง” พูดพลางยิ้มขำขันไปพลางพร้อมเดินไปหิ้วปีกแม่เนียบคนละข้างให้เดินกลับเรือน ปราชญ์อมยิ้มอย่างขำขัน

    “คุณราชันย์เป็นสมาชิกนิคมอาบแดดด้วยรึขอรับ”

    “ครับ พี่ปราชญ์รู้จักด้วยหรือครับ”

    “อ้อ ก็อ่านจากหนังสือพิมพ์วันก่อนนี้เองขอรับ ประหลาดใจอยู่เหมือนกันว่านิคมแบบนี้ก็มีอยู่ในบ้านเมืองเราด้วย นึกว่ามีแต่เมืองฝรั่ง” ปราชญ์ตอบกลับมา

    “พี่ปราชญ์อยากอาบแดดบ้างไหมล่ะครับ ผมจะสอนให้ ผมซื้อตำราสอนอาบแดดมาด้วย” ผู้เป็นน้องชายเสนอ

    “ไม่ ไม่ครับ” คนเป็นพี่ชายส่ายหน้ายิกพร้อมทำท่าทางขัดเขินจนราชันย์อดหัวเราะไปด้วยไม่ได้

    “เอ่อ พี่ปราชญ์ครับ ร้านผ้าของน้านวลยังอยู่ที่เดิมไหมครับ” อยู่ๆ ราชันย์ก็เอ่ยถามขึ้นมา

                    “ก็ยังอยู่ที่เดิมขอรับ ในตลาด แต่ขยายใหญ่โตขึ้นกว่าแต่ก่อน” ปราชญ์ตอบกลับไป

                    “ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ไปกราบน้านวลเลย ผมว่าวันนี้ผมออกเวรเร็วจะแวะไปหาสักหน่อย ไม่รู้น้านวลจะยังจำผมได้อยู่รึเปล่า” ราชันย์ตอบกลับมา

                    “จำได้สิขอรับ วันก่อนผมไปทำธุระที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ เจอน้านวลสอนอยู่ที่นั่น ท่านยังถามถึงคุณราชันย์อยู่เลย ผมก็บอกไปแล้วครับว่าคุณราชันย์จะกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว น้านวลดูจะดีใจมากทีเดียว” ปราชญ์ตอบพลางนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มใจดีของน้านวลที่เขาเองก็เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยเช่นเดียวกันกับราชันย์

                    นายตำรวจหนุ่มที่กำลังก้าวเท้าลงจากโรงตำรวจภูธรอย่างกระฉับกระเฉงต้องหยุดชะงักเมื่อนายตำรวจอีกคนหนึ่งวิ่งตามมา

                    “ออกเวรแล้วเหรอครับหมวดราชันย์” ร้อยตำรวจโทราชันย์ไปมองหน้าคนถามก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบกลับ

                    “ครับหมวดเดชา พอดีวันนี้ผมมีธุระจึงกลับเร็วหน่อย”

                    “อ้อ ครับ ผมก็ออกเวรแล้วเหมือนกันขอติดรถไปลงโรงเรียนเบญจมราชูทิศสักหน่อยได้ไหมครับ วันนี้พ่อไม่อยู่ผมกลับเอง รถม้าก็นานๆ จะผ่านมาสักคัน ถ้าเดินก็ไกลโขอยู่ ผมรีบเสียด้วยสิ” หมวดเดชาเอ่ย

                    “เอาสิครับ ผมต้องผ่านโพธิ์เสด็จอยู่แล้วจะแวะไปส่งให้ หมวดไปทำอะไรที่นั่นเหรอครับ”

                    “อ้อ ผมต้องแวะไปรับยายอินวันนี้ไม่มีรถไปรับ เป็นห่วงไม่อยากให้เดินกลับบ้านคนเดียว ผมสั่งให้เขารอไม่อยากให้รอนาน เขาเป็นคนใจร้อนขืนผมไปช้าประเดี๋ยวได้เดินกลับไปก่อนอีก” ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าตอบพร้อมก้าวเดินตาม

                    “ยายอิน...” หมวดราชันย์ทวนคำ

                    “อ้อ ยายอิน น้องสาวผมน่ะครับ” เดชาตอบกลับ

                    “ครับ งั้นผมไปส่งที่บ้านหมวดเลยก็ได้” หมวดราชันย์ตอบกลับพร้อมเปิดประตูรถ หมวดเดชาเปิดประตูรถอีกด้านหนึ่ง

                    “จะดีหรือครับ ผมเกรงใจหมวด เสียเวลาแย่ หมวดจะไปธุระไม่ใช่เหรอครับ” หมวดเดชาเปิดประตูรถเสร็จก็เข้าไปนั่ง

                    “ไปเถอะคงไม่เสียเวลาสักเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่ได้นัดเวลาเขาไว้ แค่จะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่เท่านั้นเองครับ อีกอย่างจะได้รู้จักบ้านหมวดไว้ด้วย” ราชันย์ตอบกลับพร้อมสตาร์ทรถยนต์ขับออกไป

                    รถออสตินคันนั้นขับเข้ามาในโรงเรียน เดชากวาดสายตามองโดยรอบแล้วชี้ไปยังหญิงสาวที่กำลังนั่งรออยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณโรงเรียน หญิงสาวที่อยู่ในชุดผ้าซิ่นสีน้ำเงินยาวแค่เข่า เสื้อสีขาวแขนในตัวมีลูกไม้ระบายตรงคอ ตัวเสื้อยาวถึงสะโพกอย่างที่หญิงสาวในพระนครกำลังนิยม มือถือตำราวางไว้บนตัก ใบหน้างามนั้นเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายมองไปยังประตูโรงเรียน ซึ่งเธอคิดว่าพี่ชายของเธอจะต้องเดินมารับเหมือนเช่นทุกครั้ง จึงไม่ได้สนใจรถที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามา

                    “น้องอิน” เสียงของเดชาตะโกนเรียกพร้อมโผล่หน้าออกมาเมื่อรถขับเข้ามาจอดเทียบ

                    “พี่เดชา” เธอทำสีหน้าแปลกใจเนื่องด้วยเห็นรถแปลกตา

                    “ขึ้นมาสิ หมวดราชันย์เขาจะไปส่งเราที่บ้าน” ตะโกนบอกน้องสาวทั้งที่ยังไม่ลงจากรถ หญิงสาวเปิดประตูรถด้านหลังแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง หมวดราชันย์หันไปมองด้านหลังพร้อมกับยิ้มให้ อินทิรายกมือไหว้อย่างนอบน้อม

                    “สวัสดีค่ะหมวดราชันย์” นี่หรือหมวดราชันย์หน้าตาหล่อเหลาไม่ใช่เล่น เธอคิดในใจก่อนจะสลัดความคิดนั้นไปแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่มที่หันมองมาอย่างเป็นมิตร

                    “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากทักทายก่อนจะขับรถต่อไปโดยมีหมวดเดชาชวนพูดคุย และบอกทางเป็นระยะ จนกระทั่งถึงบ้านหลังใหญ่ของพระยาพินิจเสนา ชายหนุ่มจอดรถที่หน้าบ้านทั้งสองคนลงจากรถ

                    “หมวดราชันย์จะลงไปรับน้ำชาสักหน่อยมั้ยคะ จะได้รู้จักคุณแม่ด้วย” หญิงสาวเอ่ยถาม พร้อมกับหันไปมองยังหญิงวัยกลางคนทั้งสองคนที่ออกมายืนรอรับอยู่หน้าตึก ด้วยแปลกใจที่เห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดในบ้าน

                    “ครับ” ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยก่อนจะตกปากรับคำแล้วเปิดประตูรถเดินลงมา

                    “แม่ใหญ่ แม่ครับ นี่หมวดราชันย์ครับ  หมวดราชันย์นี่แม่ใหญ่แม่ของน้องอิน ส่วนนี่แม่ของผมครับ” เดชาแนะนำแม่พุดกรองกับแม่สร้อยให้ชายหนุ่มตรงหน้ารู้จัก หมวดราชันย์ทำสีหน้าแปลกใจก่อนจะยกมือไหว้ อินทิราเห็นหน้าตาแปลกๆ ของหมวดราชันย์ก็อดขำไม่ได้ เธอจึงต้องสรรหาคำอธิบายเกี่ยวกับทั้งสองแม่ให้ชายหนุ่มเข้าใจ

                    “แม่ใหญ่ คือแม่พุดกรองของอินเองค่ะหมวด ส่วนแม่สร้อยหรือแม่รองเป็นแม่ของพี่เดชาค่ะ เราสองคนมีพ่อคนเดียวกันค่ะ แต่คนละแม่” หญิงสาวอธิบาย ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกประทับใจในความรักของพี่น้องต่างแม่ของทั้งสองคน

                    ราชันย์เข้าไปนั่งพูดคุยแล้วรับน้ำชา เขาพูดคุยกับเดชาต่อในบ้านของพระยาพินิจเสนาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ขอตัวกลับ โดยมีอินทิราและหมวดเดชามายืนส่งที่รถ

    ------------------------------------------------------------------------------------------
    แวะมาดูแล้วเห็นบางคนบอกว่าติดตามอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรีบเขียนต่อ แล้วเอามาให้อ่านกันอีกนิด ผิดพลาดประการใดก็แนะนำกันได้เช่นเคยนะคะ ส่วนแฟน 'เอื้องร้อยรัก' วันนี้ก็อัพแล้วเช่นกันค่ะ ไปติดตามต่อกันได้เลย ... 23/11/2013

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×