ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หากจะรัก (นิยายชุดเพียงแสงส่องใจ)

    ลำดับตอนที่ #55 : จูบ 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      22
      10 พ.ย. 60

    “ลี่ ๆ รอด้วย แกจะไปไหนน่ะ” สาลี่หันไปมองพนิตาที่วิ่งตามมาข้างหลัง ส่วนวาสินีหญิงสาวผิวขาวรูปร่างท้วมเข้าขั้นอ้วนวิ่งเหยาะ ๆ ตามมาอีกที

    “ฉะ...ฉันจะไปห้องสมุด แกตามมาทำไมเหรอนิต้า” สาลี่ตอบเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นคงนัก ก่อนจะชำเลืองมองชายหนุ่มที่เพิ่งหายลับเข้าห้องสมุดไป

    พนิตามองตามสายตาของเพื่อนก่อนจะพยักหน้ารับรู้เหตุผลการเข้าห้องสมุดของสาลี่หรือสาลินีว่ากำลังจะตามไปแอบดูชายหนุ่มที่พึงพอใจมานับปี แต่ตามอย่างไรก็ไม่เคยเข้าถึงชายหนุ่มคนนั้นได้สำเร็จสักที แม้แต่ตัวเธอเองที่เคยแอบคลั่งไคล้ก็ยังต้องจำยอมกับการนิ่งเฉยของธีรภพ จึงปล่อยให้สาลินีแอบตามต่อไป ส่วนตัวเธอถอนตัวถอนใจไม่ลงสนามแข่งด้วย

    “เฮ้ย พวกแกจะรีบไปไหนกันเนี่ย ไม่รอกันเลย ก็รู้ ๆ อยู่ว่าฉันวิ่งไม่ไหว” วาสินีที่ตามมาถามเสียงเหนื่อยหอบ

    “ฉันก็จะวิ่งมาชวนลี่มันไปชอปปิงต่อนะสิ พี่นัทชวนฉันไปงานเลี้ยงอำลาของพวกพี่ปีสี่ เลยจะไปซื้อชุดใหม่เตรียมไว้ แกไปด้วยกันไหมลี่” พนิตาพูดถึงนัทนันท์คนที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจจากธีรภพไปคบเขาเป็นแฟน และเธอก็ได้รับเชิญให้เป็นคู่ควงของเขาไปในงานเลี้ยงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

    “อิจฉาแกจังนิต้า เมื่อไหร่ฉันจะมีหนุ่มมาขอเป็นคู่ควงกับเขามั่งนะ” วาสินีก้มมองรูปร่างอวบอ้วนของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    “โธ่ แกก็สวยน่า กินให้มันน้อย ๆ หน่อยเดี๋ยวก็ลดได้” พนิตาว่าเพื่อนเพราะวาสินีเป็นผู้หญิงที่สวยเสียแต่รูปร่างอ้วนเผละไปหน่อยเท่านั้น ถ้าเกิดเจ้าหล่อนผอมขึ้นมาเธอยังคิดว่าความสวยของวาสินีอาจจะสยบให้เธออยู่แทบเท้าก็เป็นได้ แต่เพื่อนของเธอก็ไม่เคยคิดบันยะบันยังเรื่องอาหารการกินสักที

    “ว่าไงล่ะ ยายลี่แกจะไปกับพวกฉันหรือเปล่า”

    “เฮ้อ...ฉันไม่มีอารมณ์จะชอปปิงตอนนี้หรอก เดือนหน้าพี่ภพก็ไปเรียนต่อแล้ว ถ้าฉันไม่ใช้ความพยายามตอนนี้ฉันก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้วละ” สาลินีว่าเสียงอ่อย ก่อนจะถอนหายใจ

    “โอเค งั้นฉันไปกับยายวาก็ได้ ขอให้แกทำสำเร็จ แล้วฉันจะยินดีมากถ้าพี่ภพเขาชวนแกไปเป็นคู่ควงในงานเลี้ยงอำลาด้วย” พนิตาว่าพลางจับมือเพื่อนขึ้นมาให้กำลังใจ สาลินียิ้มให้อย่างแกน ๆ ก่อนจะมองเพื่อนทั้งสองคนที่เดินออกไปพร้อมกันจนกระทั่งพนิตาเปิดประตูรถยนต์คันงามขึ้นไปนั่งส่วนวาสินีหันมาโบกมือลาแล้วผลุบเข้าไปในรถ สาลินีถึงได้ละสายตาจากรถที่ขับเคลื่อนออกไปแล้วเดินตรงเข้าห้องสมุด

    เป้าหมายของเธอยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองหนังสือภาษาอังกฤษกองโต ในมือก็ถือปากกาขีดเขียนลงในสมุด หยิบเล่มนั้นเปิดเล่มนี้อยู่ร่วมชั่วโมง โดยไม่ได้สนใจคนที่แอบมองห่าง ๆ อยู่ที่ชั้นวางหนังสือสักนิด จนกระทั่งชายหนุ่มเอนกายลงพิงพนักเก้าอี้แล้วใช้มือบีบลงที่ขมับและโคนคิ้วเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เธอถึงได้เดินเข้าไปหา

    ธีรภพเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าประจำที่คอยตามสอดส่องเขาเดินเข้ามานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับสมุดหนึ่งเล่ม

    “น้องมีอะไรหรือครับ” ถามมาเสียงขรึม จนคนโดนถามแทบสะอึกแต่ต้องทำใจกล้าหน้าด้านตามที่โค้ชสอนมาว่าให้จู่โจมและที่สำคัญต้อง สบตาให้ได้

    “เอ่อ...คือ...อ้อ ลี่..ลี่ไม่เข้าใจวิชาเศรษฐศาสตร์นิดหน่อยค่ะ เห็นพี่ภพเรียนคณะนี้ก็เลยอยาก...เอ่อ อยากปรึกษาน่ะค่ะ” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มที่เธอคิดว่าแหยที่สุดในจักรวาลนี้ไปให้ ใจก็เต้นตุ้ม ๆ ต้อม ๆ

    ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง เพราะมันคือมุกจีบหนุ่มที่เคยมีนักศึกษาสาวหลายคนเคยเข้าหาเขาด้วยวิธีนี้มาหลายครั้งแล้ว และเขาก็มีวิธีจัดการให้อยู่หมัดจนบรรดาเธอเหล่านั้นหน้าม้านไม่กล้าเข้ามาหาอีก ด้วยการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่า คำตอบที่พวกเธอต้องการสามารถเสิร์ซหาได้ทางอินเทอร์เน็ตเพียงไม่กี่วินาที แต่กับเธอคนนี้เขากลับรู้สึกตลกแล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนั้น เพราะแค่เขาแกล้งนิดแกล้งหน่อยก็คงขวัญกระเจิงไปแล้ว

    “งั้นก็ว่ามาสิครับ” เขาอยากรู้นักว่าเธออยากจะปรึกษาเรื่องอะไร ในเวลานี้สมองน้อย ๆ ของเธอจะคิดคำถามอะไรมาถามเขาได้บ้าง

    “คือ...อ้อ คือลี่อยากรู้ว่าดีมานด์กับซับพลายส์ต่างกันยังไงคะ” ถามไปแล้วเธอก็ถึงกับอยากเอาหัวโหม่งพื้นเพราะรู้ดีว่ามันเป็นคำถามที่งี่เง่าที่สุดในโลก คนถูกถามก็แทบหลุดหัวเราะออกมาเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะประหม่าจนถึงขั้นถามคำถามที่แม้แต่เด็กชั้นมัธยมต้นก็น่าจะรู้คำตอบออกมา

    ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแล้วจิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นไปให้เธอดู แล้วบอกว่า “นี่ไงคำตอบจดใส่สมุดไว้สิ จดไปทั้งหน้าเลยนะครับ จะได้จำได้” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดูคำอธิบายยาวเหยียดซึ่งเธอรู้อยู่แล้ว แต่จำใจต้องจดข้อความในสมาร์ตโฟนใส่สมุดที่ถือมาด้วยมือที่สั่นยุกยิกด้วยความตื่นประหม่าจนแทบจะเขียนไม่เป็นตัว แต่ยังไงเธอก็ต้องเขียนต่อไปเพราะเขาไม่ไล่ให้พ้นหน้าก็บุญแค่ไหนแล้วที่มาถามคำถามงี่เง่านั่น และที่สำคัญเธอยังได้มีโอกาสอยู่กับเขานาน ๆ ขึ้นอีกด้วย จึงตั้งใจจดอย่างเต็มที่

    “มีคำถามอะไรอีกไหมครับ” ชายหนุ่มละสายตาจากตำราที่เขาค้นคว้าระหว่างที่เธอกำลังจดข้อความในสมาร์ตโฟนใส่สมุด เขาแค่อยากแกล้งให้เธอเข็ดหลาบเท่านั้น แต่พอเห็นคนตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตาจดจริง ๆ ก็เกิดนึกสงสารขึ้นมา จึงถามขึ้นเพราะไม่อยากให้เธอนั่งเขียนให้เมื่อยมือต่ออีก

    “เอ่อ ลี่ยัง...ยังเขียนไม่หมดหน้าเลยค่ะ” เธอตอบกลับมา

    “อ้อ...” เขาพูดแค่นั้นแล้วก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือตรงหน้าราวกับไม่มีเธออยู่ตรงนั้น สาลินีจดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือสักที

    ไม่รู้เลยหรือว่า...เธอรอจังหวะสบตาอยู่

    แต่เขาก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาให้เธอได้มีโอกาสกระตุ้นสารเคมีสามตัวนั่นเลยสักนิด จนกระทั่งเธอนั่งแอบมองอยู่พักใหญ่เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมา เธอไม่ยอมพลาดโอกาสนั้นแม้แต่วินาทีเดียว หันไปสบตาเขาทันที ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อสบตากับสาวน้อยก่อนจะจ้องตาเธอนิ่ง

    ในที่สุดสาลินีก็ไม่สามารถต้านทานสายตานิ่งสนิทเหมือนคนไร้ความรู้สึกนั้นได้ จึงเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง

    บ้าชะมัด! พี่ดลสอนอะไรมาเนี่ย ไม่เห็นได้เรื่องเลยเธออดเคืองเจ้าของแผนการไม่ได้

    “มีอะไรจะปรึกษาอีกไหมครับ” เขาถามราวกับจะไล่เธอกลายๆ

    “เอ่อ...เอ่อ อ้อ พี่ภพว่าช่วงนี้มีหนังเรื่องอะไรน่าดูบ้างคะ” ในเมื่อโค้ชของเธอบอกมาว่าให้จู่โจมเธอก็ต้องจู่โจมให้เต็มที่ ถามแล้วพยายามส่งยิ้มหวานหยดไปให้ ในใจก็คาดว่าเธอต้องโดนไล่ตะเพิดเพราะคำถามนี้แน่ ๆ

    “เราอยากดูหนังเหรอ” เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วเอามือกอดอก

    “ค่ะ แต่ลี่...ยังไม่รู้เลยค่ะว่าช่วงนี้มีหนังเรื่องไหนเข้าใหม่บ้าง” ธีรภพเผลอหมุนปากการาคาแพงด้ามสีทองที่ถือไว้ในมือ เป็นอันว่าวันนี้ยายตัวป่วนทำสำเร็จเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือต่ออีกแล้ว

    ในขณะคนที่อยู่ตรงหน้าจ้องปากกานิ่งแล้วเผลอยิ้มออกมา เพราะนั่นมันเป็นปากกาที่เธอให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด แถมยังสลักชื่อของเธอเป็นภาษาอังกฤษไว้ที่ด้ามปากกาอีกด้วย และดูเหมือนเขาจะเพิ่งนึกได้ จึงก้มมองปากกาในมือเช่นกัน

    “อ้อ ปากกาเขียนลื่นดีนะ ขอบใจมาก” ตอบไปเสียงขรึม พลางยกปากกาขึ้นมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ยังจ้องมันนิ่งอยู่

    “พี่ภพใช้ด้วยเหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะปลื้มจนน้ำตาคลอ เธอไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะหยิบมันมาใช้ คิดว่าคงจะยกให้ใครไปแล้วด้วยซ้ำ แต่นี่มันยังอยู่ในมือของเขา แสดงว่าโค้ชของเธอเลือกของให้ไม่ผิดจริง ๆ เพราะวันนั้นธนดลบอกว่าถ้าธีรภพเป็นคนเรียนเก่งควรจะมอบปากกาดี ๆ ให้เป็นของขวัญ เธอก็เลือกอย่างไม่มั่นใจนัก

    “อือ ก็เขียนถนัดมือดี ไว้วันเกิดเราพี่จะซื้อคืนให้” เขาว่าอย่างนั้น

    “ไม่ต้องค่ะ วันเกิดลี่ผ่านมาแล้ว เดือนหน้าพี่ภพก็ไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วคงอีกหลายปีกว่าจะกลับมา แค่ลี่เห็นพี่ภพใช้ลี่ก็ดีใจแล้วค่ะ” เธอยังยิ้มไม่หุบ

    “พี่ก็เอาเปรียบเราสิ”

    “พี่ภพก็เลี้ยงหนังลี่คืนสิคะ” พอเริ่มพูดคุยกันเธอก็หายประหม่าไปได้ ส่วนอีกคนก็คุยจนลืมเก็กมาดขรึมที่สร้างไว้เพื่อป้องกันตัวมานาน ก่อนจะนึกได้ว่าเผลอคุยกับยายตัววุ่นวายมากเกินไปแล้วจึงคำรามเบา ๆ ในลำคอแล้วกลับไปวางมาดขรึมทำหน้านิ่งอีกครั้ง จนคนที่คิดเย้าเล่นหน้าเสีย

    “เอ่อ ลี่แค่ล้อเล่นค่ะ งั้น...งั้นลี่ไปนะคะ” เห็นหน้าดุ ๆ นั่นแล้วเธอก็เสียวหลังวูบขึ้นมาทันที จึงคิดว่าถอยก่อนดีกว่า วันหน้ายังมีเวลา

    “อืม” ตอบเบา ๆ แล้วก้มหน้าเปิดหนังสือค้นคว้าต่อไปโดยไม่สนใจคนที่กำลังจะเดินออกไปสักนิด หญิงสาวยืนเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป เมื่อรู้ว่าอยู่ไปนานกว่านี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากขึ้นก็เป็นได้

    จนกระทั่งหญิงสาวเดินไปถึงประตูห้องสมุด เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้งแล้วจุดยิ้มที่มุมปากแวบหนึ่งก่อนจะคลายลงอย่างรวดเร็วแล้วก้มอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่สนใจอะไรอีก ทำราวกับว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในโลกใบนี้

    สาลินีเดินตัวลีบออกไปจากห้องสมุดแล้วเดินตรงดิ่งไปยังรถของตัวเองซึ่งคนขับรถมาจอดรออยู่ที่ลานจอดรถ

    “ว่าไงจ๊ะสาวน้อย คิดว่าพ่อรวยแล้วพี่ภพจะสนใจหรือไง” หญิงสาวในชุดนักศึกษาสามคนซึ่งเธอรู้ว่าเป็นคู่แข่งที่แอบชอบธีรภพอยู่เช่นกันเดินเข้ามาหาพร้อมคำทักทายที่ไม่น่าฟัง

    “พี่ลิตา พี่เฟิร์น พี่ก้อย มีธุระอะไรกับลี่หรือเปล่าคะ” สาลินีถาม เธอรู้จักสามคนนี้เพราะลิตาเป็นดาวมหาวิทยาลัยส่วนอีกสองคนเป็นเน็ตไอดอลที่ถูกจัดอันดับโดยเว็บไซต์ชื่อดัง

    “พี่แค่จะเข้ามาเตือนว่าถ้าความสามารถไม่พอก็อย่าไปทำให้พี่ภพรำคาญใจเลยนะจ๊ะ แค่พ่อรวยช่วยไม่ได้หรอก เพราะพี่ภพเขารังเกียจคนรวยไม่รู้หรือจ๊ะ” ดาวมหาวิทยาลัยเอ่ยด้วยท่าทีเป็นต่อพร้อมรอยยิ้มเหยียด เพราะเธอเองนอกจากสวยแล้วยังเก่งด้านการกีฬาและกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ส่วนฐานะก็อยู่ในขั้นดีแต่ไม่ได้เป็นระดับลูกเจ้าสัวใหญ่อย่างสาลินี

    “พี่ลิตารู้ได้ยังไงคะว่าลี่ความสามารถไม่ถึง” ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่กล้าหาญนักแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาข่มกันได้ง่าย ๆ เช่นกัน

    “งั้นก็คอยดูวันเลี้ยงอำลาก็แล้วกันว่าพี่ภพจะเลือกใครไปเป็นคู่ควงในงานเต้นรำ” ลิตาเอ่ยพลางใช้สายตาจิกอย่างประเมินราวกับจะให้คู่ต่อสู้หลบฉากไปเสียเดี๋ยวนั้น

    “เอ่อ ลี่คงไม่แข่งกับพี่ลิตาหรอกนะคะ เพราะแค่ลี่แข่งกับตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว” สาลินีว่าแล้วก็เดินฉับ ๆ ไปยังรถที่จอดรออยู่ ท่ามกลางสายตาสามคู่ที่มองตามอย่างงงงัน


    ปล.ฝากอีบุ๊คพี่ดลด้วยนะคะ

    ---------------------------------------------------

    สวัสดีวันสงกรานต์นะคะ วันนี้ใครไม่ไปเล่นสงกรานต์บ้างเอ่ย คนเขียนขอยกมือหนึ่งเสียงเพราะไม่กล้าออกไปสู้อากาศร้อน ๆ กลัวตัวดำ เพราะตอนนี้ขาวมากกกกกกก ขาวจนผิวเหมือนตอตะโกขึ้นทุกวัน เพราะพระอาทิตย์ไม่คิดจะหรี่แสงให้กันเลย ใครนอนอยู่บ้านก็อ่านนิยายแก้เซ็งกันไปก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ...ทิพย์ทิวา 13/4/2016 19.55


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×