คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : จูบ 100%
“ลี่ ๆ รอด้วย แกจะไปไหนน่ะ”
สาลี่หันไปมองพนิตาที่วิ่งตามมาข้างหลัง
ส่วนวาสินีหญิงสาวผิวขาวรูปร่างท้วมเข้าขั้นอ้วนวิ่งเหยาะ ๆ ตามมาอีกที
“ฉะ...ฉันจะไปห้องสมุด แกตามมาทำไมเหรอนิต้า” สาลี่ตอบเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นคงนัก
ก่อนจะชำเลืองมองชายหนุ่มที่เพิ่งหายลับเข้าห้องสมุดไป
พนิตามองตามสายตาของเพื่อนก่อนจะพยักหน้ารับรู้เหตุผลการเข้าห้องสมุดของสาลี่หรือสาลินีว่ากำลังจะตามไปแอบดูชายหนุ่มที่พึงพอใจมานับปี
แต่ตามอย่างไรก็ไม่เคยเข้าถึงชายหนุ่มคนนั้นได้สำเร็จสักที
แม้แต่ตัวเธอเองที่เคยแอบคลั่งไคล้ก็ยังต้องจำยอมกับการนิ่งเฉยของธีรภพ
จึงปล่อยให้สาลินีแอบตามต่อไป ส่วนตัวเธอถอนตัวถอนใจไม่ลงสนามแข่งด้วย
“เฮ้ย พวกแกจะรีบไปไหนกันเนี่ย ไม่รอกันเลย ก็รู้ ๆ
อยู่ว่าฉันวิ่งไม่ไหว” วาสินีที่ตามมาถามเสียงเหนื่อยหอบ
“ฉันก็จะวิ่งมาชวนลี่มันไปชอปปิงต่อนะสิ พี่นัทชวนฉันไปงานเลี้ยงอำลาของพวกพี่ปีสี่
เลยจะไปซื้อชุดใหม่เตรียมไว้ แกไปด้วยกันไหมลี่” พนิตาพูดถึงนัทนันท์คนที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจจากธีรภพไปคบเขาเป็นแฟน
และเธอก็ได้รับเชิญให้เป็นคู่ควงของเขาไปในงานเลี้ยงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
“อิจฉาแกจังนิต้า
เมื่อไหร่ฉันจะมีหนุ่มมาขอเป็นคู่ควงกับเขามั่งนะ”
วาสินีก้มมองรูปร่างอวบอ้วนของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“โธ่ แกก็สวยน่า กินให้มันน้อย ๆ หน่อยเดี๋ยวก็ลดได้”
พนิตาว่าเพื่อนเพราะวาสินีเป็นผู้หญิงที่สวยเสียแต่รูปร่างอ้วนเผละไปหน่อยเท่านั้น
ถ้าเกิดเจ้าหล่อนผอมขึ้นมาเธอยังคิดว่าความสวยของวาสินีอาจจะสยบให้เธออยู่แทบเท้าก็เป็นได้
แต่เพื่อนของเธอก็ไม่เคยคิดบันยะบันยังเรื่องอาหารการกินสักที
“ว่าไงล่ะ ยายลี่แกจะไปกับพวกฉันหรือเปล่า”
“เฮ้อ...ฉันไม่มีอารมณ์จะชอปปิงตอนนี้หรอก
เดือนหน้าพี่ภพก็ไปเรียนต่อแล้ว ถ้าฉันไม่ใช้ความพยายามตอนนี้ฉันก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้วละ”
สาลินีว่าเสียงอ่อย ก่อนจะถอนหายใจ
“โอเค งั้นฉันไปกับยายวาก็ได้ ขอให้แกทำสำเร็จ
แล้วฉันจะยินดีมากถ้าพี่ภพเขาชวนแกไปเป็นคู่ควงในงานเลี้ยงอำลาด้วย” พนิตาว่าพลางจับมือเพื่อนขึ้นมาให้กำลังใจ
สาลินียิ้มให้อย่างแกน ๆ
ก่อนจะมองเพื่อนทั้งสองคนที่เดินออกไปพร้อมกันจนกระทั่งพนิตาเปิดประตูรถยนต์คันงามขึ้นไปนั่งส่วนวาสินีหันมาโบกมือลาแล้วผลุบเข้าไปในรถ
สาลินีถึงได้ละสายตาจากรถที่ขับเคลื่อนออกไปแล้วเดินตรงเข้าห้องสมุด
เป้าหมายของเธอยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองหนังสือภาษาอังกฤษกองโต
ในมือก็ถือปากกาขีดเขียนลงในสมุด หยิบเล่มนั้นเปิดเล่มนี้อยู่ร่วมชั่วโมง
โดยไม่ได้สนใจคนที่แอบมองห่าง ๆ อยู่ที่ชั้นวางหนังสือสักนิด
จนกระทั่งชายหนุ่มเอนกายลงพิงพนักเก้าอี้แล้วใช้มือบีบลงที่ขมับและโคนคิ้วเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
เธอถึงได้เดินเข้าไปหา
ธีรภพเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าประจำที่คอยตามสอดส่องเขาเดินเข้ามานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับสมุดหนึ่งเล่ม
“น้องมีอะไรหรือครับ” ถามมาเสียงขรึม
จนคนโดนถามแทบสะอึกแต่ต้องทำใจกล้าหน้าด้านตามที่โค้ชสอนมาว่าให้จู่โจมและที่สำคัญต้อง
‘สบตา’ ให้ได้
“เอ่อ...คือ...อ้อ ลี่..ลี่ไม่เข้าใจวิชาเศรษฐศาสตร์นิดหน่อยค่ะ
เห็นพี่ภพเรียนคณะนี้ก็เลยอยาก...เอ่อ อยากปรึกษาน่ะค่ะ” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มที่เธอคิดว่าแหยที่สุดในจักรวาลนี้ไปให้
ใจก็เต้นตุ้ม ๆ ต้อม ๆ
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง
เพราะมันคือมุกจีบหนุ่มที่เคยมีนักศึกษาสาวหลายคนเคยเข้าหาเขาด้วยวิธีนี้มาหลายครั้งแล้ว
และเขาก็มีวิธีจัดการให้อยู่หมัดจนบรรดาเธอเหล่านั้นหน้าม้านไม่กล้าเข้ามาหาอีก ด้วยการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่า
คำตอบที่พวกเธอต้องการสามารถเสิร์ซหาได้ทางอินเทอร์เน็ตเพียงไม่กี่วินาที
แต่กับเธอคนนี้เขากลับรู้สึกตลกแล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนั้น
เพราะแค่เขาแกล้งนิดแกล้งหน่อยก็คงขวัญกระเจิงไปแล้ว
“งั้นก็ว่ามาสิครับ” เขาอยากรู้นักว่าเธออยากจะปรึกษาเรื่องอะไร
ในเวลานี้สมองน้อย ๆ ของเธอจะคิดคำถามอะไรมาถามเขาได้บ้าง
“คือ...อ้อ คือลี่อยากรู้ว่าดีมานด์กับซับพลายส์ต่างกันยังไงคะ”
ถามไปแล้วเธอก็ถึงกับอยากเอาหัวโหม่งพื้นเพราะรู้ดีว่ามันเป็นคำถามที่งี่เง่าที่สุดในโลก
คนถูกถามก็แทบหลุดหัวเราะออกมาเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะประหม่าจนถึงขั้นถามคำถามที่แม้แต่เด็กชั้นมัธยมต้นก็น่าจะรู้คำตอบออกมา
ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแล้วจิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นไปให้เธอดู
แล้วบอกว่า “นี่ไงคำตอบจดใส่สมุดไว้สิ จดไปทั้งหน้าเลยนะครับ จะได้จำได้” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดูคำอธิบายยาวเหยียดซึ่งเธอรู้อยู่แล้ว
แต่จำใจต้องจดข้อความในสมาร์ตโฟนใส่สมุดที่ถือมาด้วยมือที่สั่นยุกยิกด้วยความตื่นประหม่าจนแทบจะเขียนไม่เป็นตัว
แต่ยังไงเธอก็ต้องเขียนต่อไปเพราะเขาไม่ไล่ให้พ้นหน้าก็บุญแค่ไหนแล้วที่มาถามคำถามงี่เง่านั่น
และที่สำคัญเธอยังได้มีโอกาสอยู่กับเขานาน ๆ ขึ้นอีกด้วย จึงตั้งใจจดอย่างเต็มที่
“มีคำถามอะไรอีกไหมครับ”
ชายหนุ่มละสายตาจากตำราที่เขาค้นคว้าระหว่างที่เธอกำลังจดข้อความในสมาร์ตโฟนใส่สมุด
เขาแค่อยากแกล้งให้เธอเข็ดหลาบเท่านั้น แต่พอเห็นคนตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตาจดจริง ๆ
ก็เกิดนึกสงสารขึ้นมา จึงถามขึ้นเพราะไม่อยากให้เธอนั่งเขียนให้เมื่อยมือต่ออีก
“เอ่อ ลี่ยัง...ยังเขียนไม่หมดหน้าเลยค่ะ” เธอตอบกลับมา
“อ้อ...”
เขาพูดแค่นั้นแล้วก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือตรงหน้าราวกับไม่มีเธออยู่ตรงนั้น
สาลินีจดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือสักที
ไม่รู้เลยหรือว่า...เธอรอจังหวะสบตาอยู่
แต่เขาก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาให้เธอได้มีโอกาสกระตุ้นสารเคมีสามตัวนั่นเลยสักนิด
จนกระทั่งเธอนั่งแอบมองอยู่พักใหญ่เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมา
เธอไม่ยอมพลาดโอกาสนั้นแม้แต่วินาทีเดียว หันไปสบตาเขาทันที
ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อสบตากับสาวน้อยก่อนจะจ้องตาเธอนิ่ง
ในที่สุดสาลินีก็ไม่สามารถต้านทานสายตานิ่งสนิทเหมือนคนไร้ความรู้สึกนั้นได้
จึงเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง
‘บ้าชะมัด! พี่ดลสอนอะไรมาเนี่ย
ไม่เห็นได้เรื่องเลย’ เธออดเคืองเจ้าของแผนการไม่ได้
“มีอะไรจะปรึกษาอีกไหมครับ” เขาถามราวกับจะไล่เธอกลายๆ
“เอ่อ...เอ่อ อ้อ พี่ภพว่าช่วงนี้มีหนังเรื่องอะไรน่าดูบ้างคะ”
ในเมื่อโค้ชของเธอบอกมาว่าให้จู่โจมเธอก็ต้องจู่โจมให้เต็มที่ ถามแล้วพยายามส่งยิ้มหวานหยดไปให้
ในใจก็คาดว่าเธอต้องโดนไล่ตะเพิดเพราะคำถามนี้แน่ ๆ
“เราอยากดูหนังเหรอ” เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วเอามือกอดอก
“ค่ะ
แต่ลี่...ยังไม่รู้เลยค่ะว่าช่วงนี้มีหนังเรื่องไหนเข้าใหม่บ้าง” ธีรภพเผลอหมุนปากการาคาแพงด้ามสีทองที่ถือไว้ในมือ
เป็นอันว่าวันนี้ยายตัวป่วนทำสำเร็จเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือต่ออีกแล้ว
ในขณะคนที่อยู่ตรงหน้าจ้องปากกานิ่งแล้วเผลอยิ้มออกมา
เพราะนั่นมันเป็นปากกาที่เธอให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด
แถมยังสลักชื่อของเธอเป็นภาษาอังกฤษไว้ที่ด้ามปากกาอีกด้วย
และดูเหมือนเขาจะเพิ่งนึกได้ จึงก้มมองปากกาในมือเช่นกัน
“อ้อ ปากกาเขียนลื่นดีนะ ขอบใจมาก” ตอบไปเสียงขรึม พลางยกปากกาขึ้นมามองแวบหนึ่ง
ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ยังจ้องมันนิ่งอยู่
“พี่ภพใช้ด้วยเหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เพราะปลื้มจนน้ำตาคลอ เธอไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะหยิบมันมาใช้ คิดว่าคงจะยกให้ใครไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่นี่มันยังอยู่ในมือของเขา แสดงว่าโค้ชของเธอเลือกของให้ไม่ผิดจริง ๆ เพราะวันนั้นธนดลบอกว่าถ้าธีรภพเป็นคนเรียนเก่งควรจะมอบปากกาดี
ๆ ให้เป็นของขวัญ เธอก็เลือกอย่างไม่มั่นใจนัก
“อือ ก็เขียนถนัดมือดี ไว้วันเกิดเราพี่จะซื้อคืนให้”
เขาว่าอย่างนั้น
“ไม่ต้องค่ะ วันเกิดลี่ผ่านมาแล้ว
เดือนหน้าพี่ภพก็ไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วคงอีกหลายปีกว่าจะกลับมา
แค่ลี่เห็นพี่ภพใช้ลี่ก็ดีใจแล้วค่ะ” เธอยังยิ้มไม่หุบ
“พี่ก็เอาเปรียบเราสิ”
“พี่ภพก็เลี้ยงหนังลี่คืนสิคะ” พอเริ่มพูดคุยกันเธอก็หายประหม่าไปได้
ส่วนอีกคนก็คุยจนลืมเก็กมาดขรึมที่สร้างไว้เพื่อป้องกันตัวมานาน
ก่อนจะนึกได้ว่าเผลอคุยกับยายตัววุ่นวายมากเกินไปแล้วจึงคำรามเบา ๆ
ในลำคอแล้วกลับไปวางมาดขรึมทำหน้านิ่งอีกครั้ง จนคนที่คิดเย้าเล่นหน้าเสีย
“เอ่อ ลี่แค่ล้อเล่นค่ะ งั้น...งั้นลี่ไปนะคะ” เห็นหน้าดุ ๆ
นั่นแล้วเธอก็เสียวหลังวูบขึ้นมาทันที จึงคิดว่าถอยก่อนดีกว่า วันหน้ายังมีเวลา
“อืม” ตอบเบา ๆ แล้วก้มหน้าเปิดหนังสือค้นคว้าต่อไปโดยไม่สนใจคนที่กำลังจะเดินออกไปสักนิด
หญิงสาวยืนเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป เมื่อรู้ว่าอยู่ไปนานกว่านี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากขึ้นก็เป็นได้
จนกระทั่งหญิงสาวเดินไปถึงประตูห้องสมุด
เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้งแล้วจุดยิ้มที่มุมปากแวบหนึ่งก่อนจะคลายลงอย่างรวดเร็วแล้วก้มอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่สนใจอะไรอีก
ทำราวกับว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในโลกใบนี้
สาลินีเดินตัวลีบออกไปจากห้องสมุดแล้วเดินตรงดิ่งไปยังรถของตัวเองซึ่งคนขับรถมาจอดรออยู่ที่ลานจอดรถ
“ว่าไงจ๊ะสาวน้อย คิดว่าพ่อรวยแล้วพี่ภพจะสนใจหรือไง”
หญิงสาวในชุดนักศึกษาสามคนซึ่งเธอรู้ว่าเป็นคู่แข่งที่แอบชอบธีรภพอยู่เช่นกันเดินเข้ามาหาพร้อมคำทักทายที่ไม่น่าฟัง
“พี่ลิตา พี่เฟิร์น พี่ก้อย มีธุระอะไรกับลี่หรือเปล่าคะ”
สาลินีถาม
เธอรู้จักสามคนนี้เพราะลิตาเป็นดาวมหาวิทยาลัยส่วนอีกสองคนเป็นเน็ตไอดอลที่ถูกจัดอันดับโดยเว็บไซต์ชื่อดัง
“พี่แค่จะเข้ามาเตือนว่าถ้าความสามารถไม่พอก็อย่าไปทำให้พี่ภพรำคาญใจเลยนะจ๊ะ
แค่พ่อรวยช่วยไม่ได้หรอก เพราะพี่ภพเขารังเกียจคนรวยไม่รู้หรือจ๊ะ”
ดาวมหาวิทยาลัยเอ่ยด้วยท่าทีเป็นต่อพร้อมรอยยิ้มเหยียด
เพราะเธอเองนอกจากสวยแล้วยังเก่งด้านการกีฬาและกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
ส่วนฐานะก็อยู่ในขั้นดีแต่ไม่ได้เป็นระดับลูกเจ้าสัวใหญ่อย่างสาลินี
“พี่ลิตารู้ได้ยังไงคะว่าลี่ความสามารถไม่ถึง” ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่กล้าหาญนักแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาข่มกันได้ง่าย
ๆ เช่นกัน
“งั้นก็คอยดูวันเลี้ยงอำลาก็แล้วกันว่าพี่ภพจะเลือกใครไปเป็นคู่ควงในงานเต้นรำ”
ลิตาเอ่ยพลางใช้สายตาจิกอย่างประเมินราวกับจะให้คู่ต่อสู้หลบฉากไปเสียเดี๋ยวนั้น
“เอ่อ ลี่คงไม่แข่งกับพี่ลิตาหรอกนะคะ
เพราะแค่ลี่แข่งกับตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว” สาลินีว่าแล้วก็เดินฉับ ๆ
ไปยังรถที่จอดรออยู่ ท่ามกลางสายตาสามคู่ที่มองตามอย่างงงงัน
ปล.ฝากอีบุ๊คพี่ดลด้วยนะคะ
---------------------------------------------------
สวัสดีวันสงกรานต์นะคะ วันนี้ใครไม่ไปเล่นสงกรานต์บ้างเอ่ย คนเขียนขอยกมือหนึ่งเสียงเพราะไม่กล้าออกไปสู้อากาศร้อน ๆ กลัวตัวดำ เพราะตอนนี้ขาวมากกกกกกก ขาวจนผิวเหมือนตอตะโกขึ้นทุกวัน เพราะพระอาทิตย์ไม่คิดจะหรี่แสงให้กันเลย ใครนอนอยู่บ้านก็อ่านนิยายแก้เซ็งกันไปก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ...ทิพย์ทิวา 13/4/2016 19.55
ความคิดเห็น