ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หากจะรัก (นิยายชุดเพียงแสงส่องใจ)

    ลำดับตอนที่ #49 : ความคลุมเครือ 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.63K
      22
      13 ส.ค. 60

                      ธนดลมองอาหารว่างบนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างทึ่ง ๆ เพราะเธอมักจะทำของแปลก ๆ มาให้เขารับประทานแทบไม่เคยซ้ำ เจ้านิลดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนเขาจึงปล่อยให้มันวิ่งเล่นอยู่บนพื้นแล้วหันกลับมาพิจารณาอาหารตรงหน้าอีกรอบ

              “อะไรครับเนี่ย หน้าตาเหมือนกะหรี่ปั๊บเลย”  ชายหนุ่มมองเจ้าอาหารหน้าตาคล้ายกะหรี่ปั๊ปแต่แป้งดูใส ๆ นุ่ม ๆ หลากหลายสี เหมือนผ่านการนึ่งมา โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวแล้วมีผักกาดหอมกับผักชีจัดวางไว้ข้าง ๆ พร้อมกับพริกขี้หนูอ่อนสีเขียวเหมือนกับเครื่องแนมสาคูไส้หมู

              “อ้อ ปั้นขลิบไส้ไก่ค่ะ แต่เบญลองทำหลายสีดู สีส้มผสมน้ำแครอท สีแดงจากหัวบีตรูต สีเขียวจากใบเตย ส่วนสีน้ำเงินนี่จากดอกอัญชัญหลังบ้านนี่ละค่ะ คุณดลลองชิมสิคะ” หญิงสาวดันจานอาหารไปใกล้เขาอีกนิด

              “ผมไม่กล้ากินเลยครับ” นายแพทย์หนุ่มมองจานอาหารตาปริบ ๆ หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าของเธอเจื่อนลง

              “เอ่อ เบญรับรองว่าเป็นสีจากธรรมชาติค่ะ ไม่อันตรายแน่นอน” ชายหนุ่มมองหน้าเจื่อน ๆ ของเธอพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ เมื่อรู้ว่าอาการของเขาทำให้เธอเข้าใจผิดไปไกล

              “ผมไม่ได้กลัวว่ามันจะอันตรายครับคุณเบญ แต่มันสวยจนผมไม่กล้ากิน กลัวทำมันเละเทะหมด” เขามองการจัดจานอย่างประดิดประดอยแล้วรู้สึกเสียดายขึ้นมา เพราะคิดว่าคนทำคงตั้งอกตั้งใจอย่างมากกว่าจะทำออกมาสวยเช่นนี้ แล้วเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการทำลาย มันน่าเสียดายน้อยเสียเมื่อไหร่

              “โธ่ ก็เบญทำมาให้คุณดลทานไงคะ ถ้าไม่ทานเบญคงเสียดายยิ่งกว่า” เธอว่าอย่างนั้น เขาจึงตัดใจใช้ส้อมจิ้มสีขาวมาชิมก่อนหนึ่งชิ้น

              “อร่อยมากครับ” เงยหน้ามาบอกแล้วจิ้มชิ้นต่อ ๆ ไปกินต่อ กินไปพลางเงยหน้ามาคุยไปพลางจนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้ายังไม่ได้ตักไปกินเลยสักชิ้น

              “คุณเบญกินด้วยกันสิครับ” หญิงสาวส่ายหน้า

              “ไม่เป็นไรค่ะ เบญทำมาให้คุณดล เบญเก็บส่วนของเบญไว้แล้วค่ะ” คำตอบของเธอทำให้คนที่กำลังเอร็ดอร่อยวางส้อมลงทันที

              “ทำไมต้องแยกกันกินด้วยละครับ ม๊าเป็นแฟนป๊าแล้วก็ต้องกินด้วยกันสิ” เขาต้องทบทวนความทรงจำของเธออีกครั้งว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนไม่ใช่คนงานที่บ้านเขาอย่างเมื่อก่อนนี้ที่จะต้องทำของว่างมาให้เขานั่งกินคนเดียว

              “ค่ะ” เธอรับคำ ชายหนุ่มมองไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่มีจานแบ่งหรือช้อนส้อมเตรียมมาวางไว้อย่างที่เขามีอยู่ มีเพียงน้ำเปล่าแก้วเดียวเท่านั้น

              “งั้นป๊าป้อนนะ เอาสีส้มละกัน” คนตัวใหญ่ว่าแล้วใช้ส้อมจิ้มปั้นขลิบยื่นไปตรงหน้า

              “เอ่อ เบญทานเองได้ค่ะ” หญิงสาวว่าตะกุกตะกัก ไม่ชินกับสายตาระยิบระยับของเขาสักที

              “ไม่ได้ครับ ป๊าอยากป้อน” บอกกันตรง ๆ จนคนตรงหน้าแก้มร้อนวูบ

    “อ้ำ” คะยั้นคะยอให้กิน จนหญิงสาวปฏิเสธไม่ออก จึงกัดกินไปครึ่งหนึ่ง เพราะถ้าจะกินหมดทั้งอันก็คำใหญ่เกินไป ชายหนุ่มจึงเอาครึ่งที่เหลือใส่ปากตัวเองโดยไม่คิดรังเกียจ เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วมองหน้าหญิงสาวที่กำลังแก้มเรื่อได้อย่างน่ารัก

                “กินแบบนี้อร่อยกว่ากินคนเดียวเยอะเลย เอาอีกนะ” ว่าแล้วก็จิ้มให้เธออีกครั้ง แล้วเอาที่เหลือเข้าปากตัวเองอย่างเคย ดูเขามีความสุขและเอร็ดอร่อยจริงอย่างที่ว่าด้วยสิกับการได้กินปั้นขลิบที่เธอกินก่อนแล้วครึ่งหนึ่ง

              แต่ความสุขของเขาอยู่ด้วยไม่ได้นานนักเมื่อเสียงสมาร์ตโฟนดังขึ้น ชายหนุ่มก้มมองหน้าจอก่อนจะเงยมองคนตรงหน้า เขาไม่อยากรับสายสักนิด แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเป็นสายจากบิดาผู้ชี้เป็นชี้ตายกับชีวิตของเขาอยู่ในตอนนี้

              “ครับป๊า มีอะไรหรือเปล่าครับ” ธนดลเอ่ยทักบิดากลับอย่างแปลกใจ เพราะปกติท่านจะไม่โทรหาเขาในวันหยุดหากไม่มีธุระจำเป็นจริง ๆ

                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ไม่เห็นลื้อกลับบ้านมาเกือบเดือนแล้วเลยโทรมาถามดูว่ายังอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า”

              “อ้อ ครับ ก็สบายดีครับ” เขาตอบกลับอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าบิดาจะโทรมาแค่สอบถามว่าเขาสบายดีหรือเปล่าเป็นแน่

    “แล้วหนูสาลี่เป็นไงมั่ง คบกันไปถึงไหนแล้ว” นั่นไง เขาคิดไว้ไม่มีผิด คำถามของบิดาทำให้นายแพทย์หนุ่มต้องชำเลืองมองไปยังคนตรงหน้านิดหนึ่งก่อนจะตอบกลับเบา ๆ อยากจะลุกออกไปคุยที่อื่นแต่ก็เกรงเธอจะคิดว่าเขาไม่ไว้ใจ จะคุยต่อหน้าก็ยิ่งเกร็ง กลัวว่าจะพูดอะไรให้เธอเข้าใจผิดกันไปใหญ่ แล้วเสียงของบิดาก็ใช่ว่าจะเบา เขากลัวว่ามันจะลอดออกมาให้เธอได้ยิน

              “ก็ เอ่อ คุย ๆ กันอยู่ครับ” เขาอ้อมแอ้มตอบ ภาวนาให้บิดาเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นเสียที

              “งั้นวันนี้โทรไปชวนหนูสาลี่ไปกินข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันหน่อยสิ ม๊าเขาอยากเจอ วันนี้วันหยุดทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าจะได้พามาแนะนำให้รู้จักกันเสียที” เสียงต้นสายว่ามา

    “วันนี้เลยหรือครับ” เขาเผลอขึ้นเสียงสูงเมื่อสิ่งที่กำลังกลัวเข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “ก็เออสิ ว่างวันนี้จะให้มาวันไหนล่ะ” บิดาย้ำมา ชายหนุ่มถอนใจยาวเขาพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้โดยพยายามไม่ติดต่อกับที่บ้าน เพราะแม้อยากพาเบญจาไปรู้จักกับทุกคน แต่เขาก็ดันบอกที่บ้านไปแล้วว่ากำลังคบกับสาลี่ แล้วจู่ ๆ จะพาเบญจาเดินลิ่ว ๆ เข้าไปกราบพ่อแม่แล้วบอกว่าเป็นคนรักของเขา โดยที่คนทางบ้านยังคิดว่าเขาคบกับสาลี่อยู่ก็คงโดนทัณฑ์สถานหนักจากบิดาเป็นแน่ แล้วเธอก็จะถูกคนในครอบครัวของเขามองในแง่ลบ ซึ่งเขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

    ฝ่ายสาลี่ก็ยังไม่มีรายงานผลมาเลยว่าใกล้ถึงฝั่งหรือยัง เขาจะทำให้สาลี่และครอบครัวเสียหน้าก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องให้สาลี่ปฏิเสธมาเสียก่อน แต่สาวน้อยก็เงียบกริบไปตั้งแต่วันนั้นที่โทรมาขอเคล็ดลับจีบหนุ่มจากเขา

    “โอเคครับ ผมจะลองโทรไปชวนดู” เขาบอกบิดาด้วยความรู้สึกหนักใจ แต่อย่างน้อยพาสาลี่ไปรู้จักที่บ้านคราวนี้ก็ถือว่าได้ยืดเวลาออกไปอีกสักพัก ส่วนเขาก็ต้องหาวิธีให้สาลี่พิชิตใจรุ่นพี่ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เธอเป็นฝ่ายยกเลิกการคบหากับเขาเสียก่อน ชายหนุ่มวางสายจากบิดาแล้วเงยขึ้นมองคนตรงหน้า

    “เอ่อ คุณดลคงอิ่มแล้วใช่ไหมคะ เบญจะได้เก็บ” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานแม้จะรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจอยู่บ้าง แต่เสียงที่แว่วมาไม่ได้ชัดนักเธออาจจะฟังผิดไป จะให้ตีโพยตีพายว่าเขาปิดบังอะไรเธอก็ไม่ใช่นิสัย จึงหาทางปลีกตัวออกจากโต๊ะเพื่อเขาจะได้โทรไปชวนใครสักคนที่บอกบิดาไปเมื่อสักครู่นี้

    ชายหนุ่มมองปั้นขลิบที่ยังเหลืออยู่อีกหลายตัว

    “ยะ...ยังครับ ผมยังไม่อิ่ม” เขาดึงมือบางที่กำลังจะยกจานไปเก็บมากุมไว้

    “นั่งก่อนนะครับ ผมยังกินไม่หมดเลย” เขาดันให้เธอนั่งลงที่เดิมก่อนจะขยับเก้าอี้ไปนั่งติดกับเก้าอี้ของเธอราวกลัวว่าหญิงสาวจะอันตรธานไปเสียต่อหน้า ก่อนจะว่าเสียงออด ๆ

    “ม๊าอย่าเพิ่งไปไหนนะ ให้ป๊ากินหมดก่อน” ว่าแล้วก็จิ้มปั้นขลิบที่เหลือใส่ปากอีกสองสามตัว ก่อนจะเอียงหน้าไปมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ใช่คนโกหกเก่ง โดยเฉพาะการสับรางเรื่องผู้หญิงนี่ยิ่งไม่มีประสบการณ์เลยสักครั้ง เห็นเธอนั่งนิ่ง ๆ ไม่ชวนพูดคุยเหมือนเดิม เขาก็ตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบ

    “ม๊ากินอีกคำนะ อ้ำ” เขาจิ้มปั้นขลิบสีน้ำเงินไปจ่อที่ปากของเธอ หญิงสาวกัดเบา ๆ อย่างเคย เขาก็กินส่วนที่เหลือต่อช้า ๆ ในสมองครุ่นคิดไปสารพัด เพราะไม่รู้ว่าเมื่อกี้นี้เธอได้ยินอะไรไปบ้าง

    “เอ่อ...วันนี้...ป๊าคงไม่ได้กินข้าวเย็นกับม๊านะ ต้องกลับไปกินกับที่บ้าน” เขาบอกไปไม่เต็มเสียงนัก ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจอย่างประหลาด

    “ค่ะ เบญทราบค่ะ” เธอยิ้มให้เขาอีกครั้ง

    “กินข้าวเสร็จป๊าจะรีบกลับนะ”

    “คุณดลไม่ค้างที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่หรือคะ”

    “เอ่อ ป๊าอยากกลับมานอนที่นี่มากกว่า ป๊าเป็นห่วงม๊า”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณดลจะได้ไม่ต้องขับรถกลับดึก ๆ อันตราย ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวด้วยไงคะ นาน ๆ จะได้กลับไปสักที” เธอว่าอย่างนั้น

    “เอ่อ...ไว้วันหลังป๊าจะพาม๊าไปด้วยนะ” เธอยิ้มให้กับคนที่พูดจบแล้วทำหน้าเจื่อน ๆ

    “ค่ะ งั้นเบญเก็บจานเลยนะคะ” เธอก้มมองจานเปล่าที่วางอยู่

    แม้จะไม่อยากให้เธอห่างตัว แต่เขาก็ต้องยอมพยักหน้าให้เก็บจานไปอย่างที่ต้องการ ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาโทรออกไปหาสาลี่ พูดคุยกันเพียงสองสามประโยคก็เป็นเสร็จธุระเมื่อรู้ว่าเธอว่างที่จะไปรับประทานมื้อเย็นกับที่บ้านของเขา และเขาต้องเป็นสารถีขับรถไปรับเธอ

     

    เบญจามองรถที่เคลื่อนออกไปจากบ้านด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ เธอไม่ใช่หญิงสาวอ่อนต่อโลกที่จะไม่รู้ว่าเขายังมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมีแขกของเขาเข้ามาเยี่ยมเยียนที่บ้านเลยสักครั้ง ซึ่งดูจะผิดวิสัย ราวกับว่าเขาอยากเก็บที่นี่ไว้เป็นความลับไม่ให้ใครเข้ามาเยี่ยมเยียนเสียอย่างนั้น หรือเพราะมีเธออยู่ที่นี่และยังไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้จัก

    เถอะน่าเบญจา...เธอต้องการแค่บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ

    หญิงสาวปัดความหวาดหวั่นบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจออกไป เธอกำลังจะเปลี่ยนจุดยืนเดิมหรืออย่างไร ถึงได้หวั่นไหวไปกับอารมณ์อ่อนแอของตัวเอง สิ่งที่เธอต้องการก็คือบ้านหลังนี้ที่บรรพบุรุษของเธอสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น แล้วเธอเป็นคนที่รักษามันไว้ไม่ได้

    ตอนนี้เธอจะต้องได้มันกลับคืนมาไม่ว่าด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง การที่เขาหลงรักเธอและจะแต่งงานกับเธอก็คือวิธีหนึ่งที่จะได้มันมา ถ้ามันเป็นการได้มาด้วยความรักของคนสองคนจริง ๆ ก็เป็นการได้มาอย่างถูกต้องชอบธรรม

    แต่เธอยังไม่แน่ใจเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่ มันเป็นความรักหรือแค่ความผูกพันที่อยู่ใกล้ชิด เธอไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาเป็นคนน่ารัก แต่ยังมีหลายอย่างที่เธอยังรู้สึกค้างคาใจ เหมือนเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย

    และนั่นคือ...สิ่งที่ทำให้เธอยังไม่กล้าเปิดใจรับเขาเข้ามาได้อย่างเต็มร้อย


    -------------------------------------------

    มาเอาใจช่วยพี่ดลกันเนาะ ชอบหรือไม่ชอบบอกกันได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ...ทิพย์ทิวา 5/4/2016 22.18

    ปล.ฝากอีบุ๊คพี่ดลด้วยนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×