ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หากจะรัก (นิยายชุดเพียงแสงส่องใจ)

    ลำดับตอนที่ #35 : เลื่อนนัด 60%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.76K
      18
      10 มิ.ย. 60

              ธนดลลงจากรถแล้วเดินเข้าโรงพยาบาลสัตว์อย่างที่เคยทำจนเคยชิน ช่วงเวลาที่พักผ่อนเมื่อวานจบลงอย่างสวยงาม อารมณ์ในการกลับมาทำงานในวันนี้จึงดีเป็นพิเศษ ใบหน้ายิ้มย่องผ่องใส เขายิ้มให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนตะเบะให้ ก่อนจะผลักประตูกระจกใสเข้ามา พิลาวัลย์ซึ่งอยู่ในส่วนต้อนรับยิ้มกว้างต้อนรับผู้เป็นนาย

              “สวัสดีค่ะ คุณหมอ” หญิงสาวเอ่ยทักทายเสียงใส

              “ครับ แป๋ว วันนี้มาแต่เช้าเชียว” เขาทักทายกลับแล้วทำท่าจะเดินผ่านไป

              “เดี๋ยวค่ะคุณหมอ มีเคสทำหมันน้องแมวค่ะ คุณหมอจรัลยังมาไม่ถึง”

              “อ้อ งั้น รอแป๊บนึงหมอไปเปลี่ยนชุดก่อน” ว่าแล้วก็เดินไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่บนชั้นสี่ โรงพยาบาลสัตว์ของเขามีพื้นที่เท่า ๆ กับอาคารตึกแถวห้าคูหา มีสี่ชั้น บริเวณด้านหลังอาคาร มีอาคารขนาดเล็กอีกหนึ่งหลัง ไว้สำหรับเป็นโรงแรมสัตว์ มีพื้นที่เพียงสามชั้น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่หลายคน

              สัตวแพทย์หนุ่มเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบชุดผ่าตัดสีเขียวในลิ้นชักตู้ ที่แม่บ้านซักรีดเรียบร้อยแล้วซึ่งบรรจุไว้ในถุงพลาสติกใสเพื่อกันเชื้อโรคออกมาเปลี่ยน หยิบหมวกคลุมผม ผ้าปิดจมูกและถุงมือที่แพ็ครวมไว้ในถุงเดียวกับชุดผ่าตัดมาสวมอย่างคล่องแคล่ว แล้วรีบเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง

              เขาออกจากลิฟต์เสียงเรียกเข้าของสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยุดเพื่อรับสาย เห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาแล้วเขาถึงกับอึ้งไปนิดหนึ่ง

              “ว่าไงครับ น้องสาลี่” ชายหนุ่มทักทายกลับไป

              “พี่ดลคะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่าคะ คือคุณพ่อให้ลี่ชวนพี่ดลไปทานข้าวที่บ้านน่ะค่ะ” ชายหนุ่มอึ้งไปอีกครั้ง เพราะเย็นนี้เขาบอกเบญจาไปแล้วว่าจะกลับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน และเขาก็ลืมเรื่องที่เคยคุยกับสาลี่ไปแล้วด้วยเรื่องที่จะคบกันหลอก ๆ ไปก่อน เพราะตั้งแต่วันที่นัดดูตัววันนั้นสาลี่ก็หายเงียบไป

              “เอ่อ ตอนเย็นพี่...มีนัดเสียด้วยสิ ถ้าเป็นตอนเที่ยงก็พอจะว่างครับ”

              “เหรอคะ สาลี่ก็ไม่อยากรบกวนพี่ดลหรอกค่ะ พอดีคุณพ่อเขาถามว่าคบกันแล้วทำไมไม่เห็นพาไปให้ที่บ้านรู้จัก ลี่เลยไม่รู้จะตอบยังไงน่ะค่ะ เลยบอกว่าวันนี้จะชวนพี่ดลไป...คิดว่าให้เขาเห็นหน้าสักเดือนละครั้งสองครั้งดีไหมคะ”

              “งั้น ก็ได้ครับน้องสาลี่ เย็นนี้ก็ได้” ว่าแล้วก็วางสายลง แล้วโทรไปบอกกับเบญจาเพื่อจะบอกว่าวันนี้เขาติดธุระตอนเย็น เพราะอย่างน้อยให้ทางบ้านของเขาคิดว่าเขาคบอยู่กับสาลี่ดีกว่าให้พวกเขาหาผู้หญิงคนอื่นมานัดดูตัว ซึ่งเบญจาก็ไม่ได้ซักถามอะไรมากแค่รับรู้ว่าไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นไว้ให้เขาแล้ววางสาย ชายหนุ่มจึงรีบเดินไปยังห้องผ่าตัดเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองที่รออยู่

              หลังจากทำหมันเจ้าเหมียวตัวเล็กเรียบร้อยแล้วจึงออกจากห้องผ่าตัดมาพร้อมกับผู้ช่วยที่นำน้องแมวซึ่งไปคืนให้เจ้าของที่รอรับอยู่ด้านนอก คุณหมอหนุ่มอธิบายการดูแลรักษาแมวหลังผ่าตัดให้ฟังก่อนจะรับเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน

              “คุณแม่น้องมะลิครับ ตอนนี้น้องมะลิทำหมันเรียบร้อยแล้ว ปกติทางโรงพยาบาลจะรับดูแลต่อจนกว่าน้องจะหายดี แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคุณแม่จะรับน้องไปดูแลเอง หมอเลยมาแนะนำการดูแลนะครับว่าช่วงนี้ควรให้น้องอยู่ในกรงก่อน เพื่อไม่ให้น้องวิ่งหรือปีนป่ายไม่อย่างนั้นแผลจะแตกแล้วติดเชื้อได้

              ส่วนตอนนี้น้องยังไม่ฟื้นนะครับเพราะหมอฉีดยาสลบไป เมื่อน้องฟื้นมาก็จะเมายาอย่าเพิ่งให้ทานอาหารนะครับ น้องแมวอดอาหารหนึ่งวันไม่เป็นไร เมื่อน้องฟื้นดีแล้วค่อยให้ทานอาหาร ไม่อย่างนั้นน้องจะสำลักแล้วอาหารจะไปติดในหลอดลมอาจทำให้เสียชีวิตได้

    แล้วอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขาตอนที่ยังเมายานะครับไม่งั้นคุณแม่จะโดนน้องกัดเอา ส่วนนี่ลำโพงเอาไว้ใส่ที่คอกันไม่ให้น้องเลียแผล แต่ถ้าน้องไม่ชอบใส่ลำโพงก็สามารถสวมเสื้อให้น้องก็ได้ นี่ชุดสำหรับสวมหลังทำหมันแมวก็เพื่อไม่ให้น้องเลียแผลอีกนั่นละครับ หมอให้ไปทั้งสองอย่างจะได้สะดวก

    อ้อ หมอฉีดยาแก้อักเสบไปให้หนึ่งเข็ม แล้วนี่ยาแก้อักเสบแบบน้ำให้กินวันละสองซีซีเช้าเย็น ส่วนอีกสามวันมาให้หมอดูแผลนิดนึงนะครับ เดี๋ยวหมอจะเขียนใบนัดให้ คุณแม่มีอะไรจะถามหมออีกไหมครับ” เขาอธิบายอย่างละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน จนกระทั่งเสร็จแล้วเงยหน้ามองเจ้าของแมวที่ยืนฟังเพลินอยู่หน้าเคาน์เตอร์

    “ไม่มีแล้วค่ะคุณหมอ” เธอส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มมองแมวตัวเองที่นอนอย่างสงบอยู่ในกรงสีชมพู

    “งั้นหมอขอตัวนะครับ” เขายิ้มให้คุณแม่ของน้องมะลิแล้วขอตัวเพื่อไปจัดการกับเจ้าหมาน้อยขนปุยที่นอนซึมเศร้าอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างใหญ่ซึ่งรอคิวอยู่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ทำหน้าที่ในการพิมพ์ใบนัดและแจ้งค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกค้าต่อไป

    “คุณพ่อน้องเดลฟี่เชิญครับ” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยเรียก คนที่รอคิวอยู่เดินมาที่เคาน์เตอร์แล้ววางเจ้าสุนัขตัวน้อยลง เจ้าขนปุยสีขาวนั่งซึม

    “น้องมีอาการเป็นยังไงบ้างครับ”

    “ก่อนหน้านี้น้องก็แข็งแรงดีครับ แต่เมื่อสองวันก่อนลิลลี่หลุดออกจากบ้านแล้วโดนรถชน แฟนเขาน่ะครับชื่อลิลลี่ น้องตายคาที่เลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเดลฟี่ก็ไม่กินข้าวกินปลา ไม่ว่าเอาอะไรอร่อยแค่ไหนให้กินก็ไม่ยอมกินเลยครับ คุณหมอช่วยน้องด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้น้องตาย” เสียงเครือของเจ้าของหมาทำให้นายแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง เห็นน้ำตาซึม ๆ นั่นแล้วเขาก็ใจแป้วน้ำตาซึมขึ้นมาเหมือนกัน

    “อืม น้องมีภาวะซึมเศร้าจากการพรากจากครับ ตอนนี้ก็ต้องรักษาไปตามอาการ หมอจะฉีดยาบำรุงให้ก่อน ถ้ากลับไปบ้านแล้วน้องยังไม่ยอมทานอะไร คุณพ่อก็ลองให้น้องดื่มน้ำผึ้งหรือเอายาป้ายลิ้นเด็กสีม่วงน่ะครับลองเอาไม้พันสำลีแล้วจุ่มยาป้ายลิ้นดูเพื่อให้น้องเกิดความหิวจะได้ทานอาหารได้ น้องจะปรับตัวได้เองตามสัญชาติญาณ แต่ถ้าน้องไม่ยอมกินอะไรเกินเจ็ดวันค่อยพามาหาหมออีกครั้งนะครับ หมอจะได้ให้น้ำเกลือ หรือคุณพ่อหาคู่ใหม่ให้เขาได้ก็ดีครับ มีเพื่อนเล่นใหม่เขาจะได้ไม่เหงา” นายแพทย์หนุ่มอธิบาย

    “ก็ดีนะครับ ผมก็อยากหาแฟนใหม่ให้เดลฟี่”

    “หมอมีสุนัขตัวเมียพันธุ์นี้อยู่พอดี คุณพ่อจะไปดูไหมครับ หมอยกให้ แต่ถ้าคุณพ่อเลี้ยงไม่ไหวก็เอามาคืนหมอนะครับ ตัวนี้หมอรักมาก” นายแพทย์หนุ่มเสนอ ชายหนุ่มร่างใหญ่หันขวับ

    “เอาครับเอา อยู่ไหนครับคุณหมอผมอยากให้เดลฟี่หายเศร้าเร็ว ๆ” ผู้ชายร่างใหญ่แต่จิตใจอ่อนโยนรีบถาม มีท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด

    “งั้นหมอขอพาน้องเดลฟี่ไปฉีดยาบำรุงก่อนนะครับ ค่อยพาไปดู” นายแพทย์หนุ่มให้ผู้ช่วยรับสุนัขแล้วพาเข้าไปในห้องเพื่อฉีดยาบำรุง ก่อนจะเอากลับมาคืนให้คุณพ่อที่รออยู่อย่างกระวนกระวาย แล้วจึงชวนไปดูสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ที่อาคารหลังเล็ก

    “นี่ครับคุณพ่อ น้องจีจี้” ชายหนุ่มพาไปดูสุนัขจรจัดที่เขาเก็บมาเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ตัวสะอาดสะอ้านขนปุกปุยผูกโบว์สีชมพู สวมเสื้อผ้าลูกไม้สีหวานที่เบญจาตัดมาให้

    “น่ารักจังครับ ปกติคุณหมอขายสามพันเหรอครับ” ชายหนุ่มมองราคาที่กรงขนาดใหญ่ที่แม้จะขังสัตว์ไว้แต่ดูสะอาดสะอ้าน ไม่อึดอัดและเจ้าหมาน้อยก็ดูร่าเริงสดใสดี เพราะภายในมีของเล่นและอาหารจัดไว้ให้เรียบร้อย

    “ครับ แต่หมอสงสารน้องเดลฟี่เลยว่าจะยกให้” นายแพทย์หนุ่มตอบ

    “ไม่เป็นไรครับ ผมซื้อก็ได้ครับคุณหมอ ที่นี่รับฝากสัตว์เลี้ยงด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มผู้นั้นกวาดตามองรอบบริเวณที่มีสุนัขจำนวนมากแต่ไม่ได้อยู่กันอย่างแออัด แถมยังมีเป็นห้องเล็ก ๆ รวมทั้งเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่ทำให้สุนัขไม่รู้สึกเหมือนโดนกักขัง

    “ครับ บริเวณนี้เป็นโรงแรมสัตว์ เรารับฝากสัตว์เลี้ยง น้องจะได้รับการดูแลอย่างดีเมื่อมาอยู่ที่นี่”

    “ดีจังครับ ต่อไปถ้าผมไปต่างจังหวัดจะได้เอาน้องมาฝากเลี้ยงที่นี่บ้าง” ว่าแล้วก็หันไปมองเจ้าหน้าที่ในชุดสีฟ้าหลายคนที่กำลังดูแลน้องหมา

    “งั้น หมอจะให้เจ้าหน้าที่เอาน้องจีจี้ไปส่งให้ที่รถนะครับ” พ่อน้องเดลฟี่รับคำด้วยความยินดี

    “ได้เลยครับคุณหมอ เดี๋ยวผมจะไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์นะครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเท้าพรวด ๆ ออกไป นายแพทย์หนุ่มหันมามองเจ้าตัวน้อยในกรง

    “น้องจีจี้ครับ น้องจีจี้จะมีเจ้านายใจดีพาไปอยู่ด้วยแล้วนะ ต่อไปน้องจะได้มีบ้านอยู่ ไม่ต้องอยู่ในกรงแบบนี้แล้วนะครับ” นายแพทย์หนุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ให้พาเจ้าหมาน้อยไปส่งให้ลูกค้าที่รถแล้วเดินกลับไปยังอาคารด้านหน้า

    เขามองตามรถของลูกค้า ที่พาหมาจรจัดอีกตัวหนึ่งที่เขาเก็บมาเลี้ยงออกไป ด้วยความสบายใจ เพราะหลังจากที่เขาเก็บมาก็ประกาศหาเจ้าของอยู่นานแต่ไม่มีใครมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ จึงเลี้ยงมาร่วมสามเดือนเพื่อหาคนใจดีรับไปเลี้ยงดูต่อ

    สัตวแพทย์หนุ่มคลี่ยิ้มเพราะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาหาบ้านให้เจ้าหมาน้อยจรจัดได้ ก่อนที่เขาจะมอบสัตว์ที่เก็บมาเลี้ยงให้ใครไป เขาจะดูอย่างดีทุกครั้งว่าเจ้าของใหม่จะต้องรักและเอาใจใส่มันอย่างจริงจัง เขาถึงจะยอมยกให้ไป

    บางครั้งก็ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินกลับคืนมา บางครั้งก็ให้ไปฟรี ๆ ขอแค่มันได้ไปอยู่กับคนที่รักมันได้เขาก็ดีใจแล้ว

    ชายหนุ่มละสายตาจากรถยุโรปที่ขับเคลื่อนออกไป แล้วหันหลังเดินกลับเข้าโรงพยาบาล แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี ชายหนุ่มกดรับสาย

    “ว่าไงครับ น้องสาลี่”

    ----------------------------------------------------

    พรุ่งนี้มาอ่านกันต่อนะคะ ช่วงนี้ไรท์ยุ่ง ๆ นิดนึงเขียนเสร็จก็อัปเลยไม่ทันได้ทวน ถ้ามีคำผิดตรงไหนก็บอกได้นะคะ...ทิพย์ทิวา 19/03/2016 21.54


    หากจะรัก
    ทิพย์ทิวา
    www.mebmarket.com
    บ้านราชวัฒโยธินเป็นสิ่งที่เบญจาสูญเสียไปเธอต้องการได้มันกลับคืนมาทุกลมหายใจแต่จะทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเธอไม่มีเงินจะซื้อคืนการรอคอยเกือบยี่สิบปีของเธอใกล้สมหวังเสียทีเมื่อเจ้าของบ้านคนใหม่เข้ามาพำนักที่บ้านหลังนั้นสัตวแพทย์ธนดลชายหนุ่มวัยย่างสามสิบเขาเป็นผู้ชายมาดแมนที่ไม่เคยกลัวอะไรนอกจากผีดังนั้นบ้านหลังนั้นจึงเป็นเพียงบ้านผีสิงที่เขาอยากสลัดทิ้งแต่เงื่อนไขในพินัยกรรมบังคับให้เขาต้องรับมันไว้เมื่อต้องไปอยู่ที่นั่นตามคำสั่งของบิดาเขาจึงต้องหาใครสักคนที่จะไปอยู่ร่วมบ้านผีสิงนั้นด้วยกันประกาศรับสมัครแม่บ้านจึงนำพาเธอให้เอาชีวิตเข้าไปพัวพันกับเขาและเจ้านิลแมวตัวป่วนที่เขาเอามาเป็นสื่อเชื่อมความสัมพันธ์แสนหวานกับแม่บ้านคนสวยแม้เธอจะเป็นรุ่นพี่เขาก็ไม่เห็นจะแคร์ แต่เธอเล่าจะรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่-------------------------------------------เธอเข้ามายืนอยู่ในห้องครัวแล้วจ้องมองดอกไม้ช่อสวยที่คนให้งอนตุ๊บป่องขึ้นไปนอนบนห้องเสียแล้วเธอไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักจริง ๆหญิงสาวหยิบมาแล้วลูบไล้กลีบดอกอย่างอ่อนโยน เธอยกขึ้นสูดดมแล้วคลี่ยิ้มหวานให้กับมันก่อนจะประคองไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม“อุ๊ย” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ารอบเอวของเธอโดนสวมกอดมาจากด้านหลัง---------------------------------------คลิ๊กอ่านตัวอย่างกันก่อนนะคะ นิยายรักแนว feel good  ที่มีครบทุกรสค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×