เงารักในม่านฝน (รีไรท์) - นิยาย เงารักในม่านฝน (รีไรท์) : Dek-D.com - Writer
×

    เงารักในม่านฝน (รีไรท์)

    15 ปีที่ทั้งคู่ติดต่อกันทางโลกออนไลน์โดยไม่เปิดเผยตัวตน เขาจะทำให้ฤดูฝนนี้เป็นของเธอตามที่สัญญาไว้หรือไม่ติดตามอ่านได้ใน...เงารักในม่านฝน

    ผู้เข้าชมรวม

    30,524

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    51

    ผู้เข้าชมรวม


    30.52K

    ความคิดเห็น


    247

    คนติดตาม


    340
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  66 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.พ. 64 / 21:21 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ๒๓

    สถานีชีวิต

     

    ขวัญบงกชเก็บข้าวของใส่กระเป๋าถือแล้วโบกมือลาหุ่นยนต์วิไลตอนเกือบสามทุ่ม เธอทำงานเลิกดึกแทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ เมื่อเปิดประตูออกมา เห็นเจ้านายยังง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะ เขาก็เลิกงานดึกเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทำให้เธอและทีมงานที่ร่วมงานกันพลอยเลิกดึกกันไปด้วย ไม่ใช่เพราะเกรงใจเขา แต่เพราะงานที่ติดพันทำให้ทุกคนมัวแต่มุ่งมั่นอยู่กับมันจนลืมเวลาเมื่อเห็นเจ้านายยังไม่กลับก็ยังอยู่ทำกันต่อ

    “ยังไม่กลับบ้านหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยทักขึ้นก่อน

    “อืม ผมต้องเคลียร์งานอีกเยอะ” ตอบเสียงเรียบ ๆ พลางพลิกดูเอกสารไปพลาง “งั้น ฉันกลับก่อนนะคะ” เธอเอ่ยลาแล้วเดินไปยังประตูเมื่อเห็นว่าถ้าอยู่นานจะกลายเป็นการรบกวนเจ้าของห้อง

    “เดี๋ยว คุณเหนื่อยมากไหม” เขาถาม

    หญิงสาวหันมองอย่างอึ้ง ๆ นึกว่าหูฝาดไป “อะไรนะคะ” เธอย้อนถามกลับมือที่เอื้อมดันประตูค้างไว้แค่นั้น

    “ผมถามว่าวันนี้คุณเหนื่อยมากไหม ถ้ายังไหว ผมจะชวนไปเป็นเพื่อนที่รูทผับหน่อย พอดีนัดเพื่อนไว้ แต่ไม่อยากเข้าไปที่นั่นคนเดียว”

    “เอ่อ” หญิงสาวก้มมองชุดแสนเปิ่นของตัวเอง

    “ก็ไปชุดนี้แหละ ถ้าไปได้ก็ไปด้วยกันเลย แค่ไปธุระแป๊บเดียว ผมไม่อยากอยู่นาน ก็เลยจะเอาคุณไปด้วยจะได้บอกว่าคุณอยู่ดึกไม่ได้ ไม่งั้นไอ้ภาสคงลากให้ผมอยู่ยาวอีก” เขาหาข้ออ้าง

    “อ้อ ก็...ได้ค่ะ” ตอบเสียงเบา

    “งั้นก็นั่งรอผมที่โซฟาก่อนแล้วกัน ขอทำงานต่อสักพัก” คนเป็นเจ้านายสั่งแล้วก้มหน้าทำงานต่อ หญิงสาวเดินมานั่งที่โซฟา ชายหนุ่มชำเลืองมองแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยสาวหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็กมาเติมแป้งและแต้มลิปสติก ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะเห็นเธอรักสวยรักงามขึ้นมา

    ศาตราจารย์หนุ่มนั่งทำงานต่อราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะเก็บทุกอย่างวางบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วหันมาหาคนที่รออยู่ แล้วเอ่ยชวน

    “ไปกันได้แล้ว” หญิงสาวจึงลุกเดินตามเจ้านายออกจากห้องทำงาน ซึ่งเป็นเวลาราวสามทุ่มกว่า

     

    ขวัญบงกชกวาดตามองภายในสถานบันเทิงที่เธอคุ้นตาเพราะมากับสุเมธและศศิมาหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เธอจำต้องมากับเจ้านายสองต่อสอง เพราะเขาเอาเธอมาเป็นข้ออ้างกับเพื่อนเพื่อจะได้กลับบ้านเร็ว เขาบอกว่าจะอยู่ที่นี่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงแล้วจะพากลับไปส่งที่ห้อง

    เสียงอึกทึกยังคงเป็นสิ่งที่คู่กันกับสถานที่แห่งนี้เหมือนทุกครั้งที่เธอย่างกรายเข้ามา หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นแล้วเจ้านายหนุ่มก็คว้ามือของเธอไปจูง พาเดินผ่านผู้คนที่พลุกพล่านไปจนถึงโต๊ะของภาสกร ซึ่งวันนี้เขานั่งอยู่ตามลำพัง แต่งตัวโก้แบบหนุ่มนักเที่ยวยามราตรีคนอื่น ๆ

    ส่วนเจ้านายของเธอถอดเสื้อสูทและเน็กไทที่ใส่ในมหาวิทยาลัยออกไป เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กเหมือนพนักงานบริษัทที่เพิ่งเลิกงาน

    “อ้าว คุณขวัญมาด้วยหรือครับ เชิญนั่งเลยครับ” นายตำรวจหนุ่มยิ้มทักแล้วกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง ส่วนตัวเองถอยไปนั่งลงที่เดิม ซึ่งเว้นที่ตรงกลางไว้ให้เพื่อนนั่ง

    ศ.ดร.กฤตนั่งลงข้างเพื่อนแล้วหันไปยิ้มให้กับพนักงานที่เข้ามาชงเครื่องดื่มให้ดื่ม “ของคุณผู้หญิงขอเป็นม็อกเทลนะครับ ผมขอเมนูมาดูรายการหน่อย” เขาหันไปสั่งเครื่องดื่มสีสวยแบบที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ให้กับคนที่มาด้วย พนักงานเดินไปหยิบมายื่นให้ เขาให้เธอเลือกแล้วส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน

    เพียงไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสิร์ฟ หญิงสาวนั่งจิบเครื่องดื่มสีชมพูใสซึ่งผสมน้ำทับทิมกับโซดาในแก้วก้านใบสวยที่ตกแต่งไว้อย่างน่ามอง สายตาก็กวาดมองไปทั่วเพื่อดูผู้คนที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้เจ้านายคุยธุระกับเพื่อน ซึ่งเรื่องราวที่เขาสองคนคุยกันเธอแทบไม่ได้ยิน เพราะถูกกลบด้วยเสียงเพลงอึกทึก เสียงดีเจที่กำลังพูดอย่างเมามัน เสียงกรีดร้องด้วยความสนุกสนานของนักเที่ยว

    “สั่งอาหารไหม” เขาถามด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวยังไม่ได้กินมื้อเย็น แต่เขาก็รีบพาเธอมาที่นี่ก่อน หญิงสาวส่ายหน้า เพราะคิดว่าเขาคุยไม่นานก็กลับแล้ว เธออยากไปรับประทานอาหารในบรรยากาศธรรมดามากกว่าที่นี่ ซึ่งมีแต่ความวุ่นวายจนทำให้เธอกินอะไรก็ไม่อร่อย

    กฤตหันไปเอ่ยกับเพื่อน “งั้นฉันต้องพาคุณขวัญกลับก่อน เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย” บอกพลางล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบสิ่งเล็ก ๆ ยัดใส่มือเพื่อนใต้โต๊ะ คนเป็นเพื่อนพยักหน้าให้

    “โอเค งั้นนายพาคุณขวัญไปกินข้าวเถอะ ฉันคงนั่งต่อสักพัก เดี๋ยวก็กลับเหมือนกัน ช่วงนี้เที่ยวหลายวันติดแล้ว วันนี้ว่าจะกลับเร็วสักวัน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนส่งเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงเอ่ยเรียกก็ดังมาจากข้างหลัง

    “พี่กฤตใช่ไหมคะ” ทั้งสามคนหันไปมองยังหญิงสาวร่างระหงแต่งตัวสวยสง่าซึ่งกำลังส่งยิ้มเยื้อนทักทาย

    “อ้าว น้องดา มาเที่ยวหรือครับ” ศาสตราจารย์หนุ่มทัก

    “ค่ะ ดามาเที่ยว ไม่คิดว่าจะเจอพี่กฤตที่นี่นะคะ” เธอตอบ ชายหนุ่มยิ้มให้ “ครับ พี่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องดาที่นี่เหมือนกัน น้องดามากับเพื่อนหรือครับ” หญิงสาวส่ายหน้า

    “ไม่ค่ะ ดาชอบเที่ยวคนเดียว มานั่งฟังเพลงเต้นรำหาเพื่อนใหม่ ๆ สนุกกว่า” เธอตอบไปตามความจริง เพราะเธอชอบความอิสระ อีกอย่างเธอเป็นคนเพื่อนน้อย หรือเรียกว่าแทบไม่มีเลยก็ได้ ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย เธอไม่เคยย้อนกลับไปหาเพื่อนเก่าสักคน จึงมักจะออกมาเที่ยวตามลำพัง นั่งเฝ้ามองผู้คนอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอึกทึก

    “นั่นพี่ขวัญมากับพี่กฤตได้ยังไงคะ” หญิงสาวถามเหมือนไม่รู้ ขวัญบงกชทำหน้างงงวย เพราะเธอจำดารวีไม่ได้เพียงแต่รู้สึกคุ้นหน้า กฤตหันมองผู้ช่วยสาว

    “อ้อ คุณจำน้องดาไม่ได้หรือ เขาเป็นลูกสาวผู้อำนวยการที่โรงเรียนเก่าคุณไง” หญิงสาวยังทำท่าเงอะงะ เพราะวันนั้นเธอมัวแต่กังวลหลายเรื่อง จึงแทบจะจำใครในงานเลี้ยงรุ่นไม่ได้เลย

    “พี่ขวัญจำดารวี ที่พี่ขวัญเคยสอนการบ้านคณิตศาสตร์ให้ตอนเรียนมัธยมไม่ได้แล้วหรือคะ” ดารวีได้โอกาสแนะนำตัวเองและทบทวนความทรงจำของหญิงสาวที่เธอประทับใจไม่มีวันลืม

    “ดา..รวี...” ขวัญบงกชทวนชื่อคุ้นหู ก่อนจะยิ้มด้วยดวงตาเปล่งประกายสดใส “น้องดา” หญิงสาวพึมพำ

    “ค่ะ ใช่แล้วค่ะพี่ขวัญ น้องดาไงคะ ที่หัวขี้เลื่อยที่สุดในชั้นเรียน ตอนนี้ก็ยังหัวขี้เลื่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ ดาจำพี่ขวัญได้ไม่เคยลืมเลยนะคะ” เธอยิ้มร่าเริง ก่อนจะโผเข้ากอดขวัญบงกชด้วยความดีใจ

    “ค่ะ พี่จำได้แล้วค่ะ” ขวัญบงกชตอบ

    “ดาดีใจนะคะที่พี่ขวัญจำได้” เธอกอดแน่นก่อนจะผละจาก ในขณะขวัญบงกชได้แต่ยืนทื่อ เธอไม่คิดว่าแค่การช่วยสอนการบ้านเล็กน้อยในคราวนั้นจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีของดารวีได้มากเช่นนี้

    “เอ่อ สาว ๆ ครับ ผมยังมีตัวตนอยู่นะครับ” เสียงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเอ่ยขึ้น

    “อ้อ พี่ลืมแนะนำให้น้องดารู้จัก นี่เพื่อนพี่เอง ชื่อภาสกร” กฤตหันไปแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน ก่อนจะย้ำว่า "เพื่อนพี่เป็นคนดี น้องดาไว้ใจได้เลย”

    “สวัสดีค่ะพี่ภาส” หญิงสาวยกมือไหว้ ส่วนคนดียิ้มแป้นรับไหว้แทบไม่ทัน ก่อนจะเอ่ยถาม “หวัดดีครับ แล้วน้องดาได้ที่นั่งหรือยังเอ่ย” หญิงสาวส่ายหน้า

    “ยังเลยค่ะ ดาเพิ่งเข้ามาเห็นพี่กฤตยืนอยู่เลยรีบมาทักค่ะ พี่กฤตก็เพิ่งมาถึงหรือคะ” หญิงสาวหันไปถาม ชายหนุ่มส่ายหน้า

    “พี่กำลังจะกลับต่างหากครับน้องดา พอดีลากคุณขวัญมาด้วย เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็น ก็เลยว่าจะรีบพาไปส่งกลับ”

    “แล้วทำไมไม่กินที่นี่ล่ะคะพี่ขวัญ” หญิงสาวถามเพราะยังอยากอยู่คุยต่อกับขวัญบงกชแต่กฤตตอบไปว่า

    “วันนี้เธอช่วยพี่ทำงานทั้งวัน เหนื่อยมากแล้วครับ คงอยากไปหาที่สงบ ๆ นั่งกินข้าวมากกว่า งั้นพี่ว่าน้องดานั่งโต๊ะเดียวกับพี่ภาสดีไหมครับ จะได้มีเพื่อนคุย เป็นผู้หญิงมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังอันตรายนะครับ” กฤตแนะนำ

    “งั้นหรือคะ” หญิงสาวทำหน้าลังเล มองชายหนุ่มสองคนสลับกันไปมา ภาสกรจึงเอ่ยขึ้น

    “ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณดา ผมไม่มีสาว ๆ ที่ไหนมานั่งด้วยแน่นอน เชิญครับ นั่งด้วยกันก็ได้ ถือว่าเป็นเพื่อนกันนะครับ” นายตำรวจหนุ่มกล่าวเชิญ

    “พี่ยืนยันอีกครั้งครับน้องดา ว่าเพื่อนพี่เป็นคนดี”

    “งั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวนั่งลงแทนที่ของขวัญบงกช ส่วนนายตำรวจหนุ่มนั่งลงที่เดิม “งั้นนายพาคุณขวัญไปกินข้าวเถอะ ฉันจะดูแลคุณดาเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อได้รับการยืนยันเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคนจึงได้วางใจและผละจากมา

    โดยที่กฤตคว้ามือของขวัญบงกชให้เดินตามโดยไม่สนใจสายตาของใคร เมื่อหญิงสาวพยายามดึงมือออกเขาก็อมยิ้มแล้วหันมากระซิบว่า

    “อยู่ในนี้เราเป็นแฟนกัน จำได้ไหม” หญิงสาวจึงยอมนิ่งเฉยปล่อยให้เขาจับจูงต่อไป

    ก่อนที่เขาจะหยุดก้าวเดินแบบกะทันหันแล้วหันไปมองยังห้องหนึ่งตรงหัวมุมตรงบันไดก่อนที่จะลงจากชั้นสอง ซึ่งเขียนไว้ว่า ห้ามเข้าสำหรับเจ้าหน้าที่ เขาเห็นผู้ชายใส่สูทคุ้นตาก้าวเท้าไว ๆ ออกมาจากที่นั่น แล้วเดินหายลับไปกับผู้คนและแสงสลัว

    “มีอะไรหรือคะ” คนที่โดนกระตุกมือให้หยุดเดินถามขึ้น เขาหันมามองดวงหน้าหวานที่กำลังถามด้วยแววแปลกใจ “เปล่า ไปเถอะ ผมคงตาฝาดไป นึกว่าเจอคนรู้จัก” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกไปยังลานจอดรถ ดวงตากวาดมองไปทั่ว ก่อนจะสะดุดกับรถยนต์ป้ายแดงสีดำที่เขาจำทะเบียนได้แม่นยำซึ่งกำลังขับผ่านรถของเขาไป

    ----------------------------------------

    พี่กฤต ฉวยโอกาสกันนี่ ฝากอุดหนุนพี่กฤตกับหนูขวัญด้วยนะคะ ที่ร้านนายอินทร์ตอนนี้ทยอยวางทั่วแทบทุกสาขาแล้วค่ะ หรือโหลดอีบุ๊กก็ได้ค่ะ ...ทิพย์ทิวา 2/11/2559

    สถานีนี้ที่รัก
    ทิพย์ทิวา
    www.mebmarket.com
    ศ.ดร.กฤต วัชรเมธาชายหนุ่มวัยสามสิบแปดปี ที่ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์หุ่นยนต์  เขามีความฝันอย่างหนึ่งที่อยากทำให้สำเร็จแต่การขัดขวางของผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางคน ทำให้เขายังทำสิ่งที่ฝันไว้ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกับนางแมวสาวยั่วสวาทในรูทผับ นามว่าขวัญบงกชและที่นั่นเองที่เป็นจุดก่อให้เกิดเรื่องราวซึ่งแปรเปลี่ยนโปรแกรมเมอร์สาวไร้คู่ ที่กำลังรอรถไฟเที่ยวสุดท้ายของชีวิต ให้มาเป็นโปรแกรมเมอร์คู่ใจของเขาในเวลาต่อมา “ใช่ นั่นคือสถานีก่อนสุดท้ายของผม ผมหวังให้ประเทศไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ให้ต่างชาติยอมรับว่าคนไทยมีฝีมือและไม่ด้อยกว่าใคร” เขาตอบ ยิ้มนิดหนึ่งแล้วเย้าต่อ“คุณก็ช่วยให้ผมทำสำเร็จสักทีสิ ผมอยากจอดเทียบที่สถานีสุดท้ายก่อนที่จะแก่เกินไปกว่านี้” ว่าด้วยดวงตาแพรวพราว ส่วนคนตรงหน้าแก้มร้อนวูบวาบจนเห่อแดงศ.ดร.กฤต วัชรเมธาเรื่องราวความรักระหว่างศาสตราจารย์หนุ่มสุดขรึมและโปรแกรมเมอร์สาวไร้คู่จะจบลงที่สถานีไหน





























































    ๒๓

    สถานีชีวิต

     

    ขวัญบงกชเก็บข้าวของใส่กระเป๋าถือแล้วโบกมือลาหุ่นยนต์วิไลตอนเกือบสามทุ่ม เธอทำงานเลิกดึกแทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ เมื่อเปิดประตูออกมา เห็นเจ้านายยังง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะ เขาก็เลิกงานดึกเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทำให้เธอและทีมงานที่ร่วมงานกันพลอยเลิกดึกกันไปด้วย ไม่ใช่เพราะเกรงใจเขา แต่เพราะงานที่ติดพันทำให้ทุกคนมัวแต่มุ่งมั่นอยู่กับมันจนลืมเวลาเมื่อเห็นเจ้านายยังไม่กลับก็ยังอยู่ทำกันต่อ

    “ยังไม่กลับบ้านหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยทักขึ้นก่อน

    “อืม ผมต้องเคลียร์งานอีกเยอะ” ตอบเสียงเรียบ ๆ พลางพลิกดูเอกสารไปพลาง “งั้น ฉันกลับก่อนนะคะ” เธอเอ่ยลาแล้วเดินไปยังประตูเมื่อเห็นว่าถ้าอยู่นานจะกลายเป็นการรบกวนเจ้าของห้อง

    “เดี๋ยว คุณเหนื่อยมากไหม” เขาถาม

    หญิงสาวหันมองอย่างอึ้ง ๆ นึกว่าหูฝาดไป “อะไรนะคะ” เธอย้อนถามกลับมือที่เอื้อมดันประตูค้างไว้แค่นั้น

    “ผมถามว่าวันนี้คุณเหนื่อยมากไหม ถ้ายังไหว ผมจะชวนไปเป็นเพื่อนที่รูทผับหน่อย พอดีนัดเพื่อนไว้ แต่ไม่อยากเข้าไปที่นั่นคนเดียว”

    “เอ่อ” หญิงสาวก้มมองชุดแสนเปิ่นของตัวเอง

    “ก็ไปชุดนี้แหละ ถ้าไปได้ก็ไปด้วยกันเลย แค่ไปธุระแป๊บเดียว ผมไม่อยากอยู่นาน ก็เลยจะเอาคุณไปด้วยจะได้บอกว่าคุณอยู่ดึกไม่ได้ ไม่งั้นไอ้ภาสคงลากให้ผมอยู่ยาวอีก” เขาหาข้ออ้าง

    “อ้อ ก็...ได้ค่ะ” ตอบเสียงเบา

    “งั้นก็นั่งรอผมที่โซฟาก่อนแล้วกัน ขอทำงานต่อสักพัก” คนเป็นเจ้านายสั่งแล้วก้มหน้าทำงานต่อ หญิงสาวเดินมานั่งที่โซฟา ชายหนุ่มชำเลืองมองแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยสาวหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็กมาเติมแป้งและแต้มลิปสติก ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะเห็นเธอรักสวยรักงามขึ้นมา

    ศาตราจารย์หนุ่มนั่งทำงานต่อราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะเก็บทุกอย่างวางบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วหันมาหาคนที่รออยู่ แล้วเอ่ยชวน

    “ไปกันได้แล้ว” หญิงสาวจึงลุกเดินตามเจ้านายออกจากห้องทำงาน ซึ่งเป็นเวลาราวสามทุ่มกว่า

     

    ขวัญบงกชกวาดตามองภายในสถานบันเทิงที่เธอคุ้นตาเพราะมากับสุเมธและศศิมาหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เธอจำต้องมากับเจ้านายสองต่อสอง เพราะเขาเอาเธอมาเป็นข้ออ้างกับเพื่อนเพื่อจะได้กลับบ้านเร็ว เขาบอกว่าจะอยู่ที่นี่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงแล้วจะพากลับไปส่งที่ห้อง

    เสียงอึกทึกยังคงเป็นสิ่งที่คู่กันกับสถานที่แห่งนี้เหมือนทุกครั้งที่เธอย่างกรายเข้ามา หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นแล้วเจ้านายหนุ่มก็คว้ามือของเธอไปจูง พาเดินผ่านผู้คนที่พลุกพล่านไปจนถึงโต๊ะของภาสกร ซึ่งวันนี้เขานั่งอยู่ตามลำพัง แต่งตัวโก้แบบหนุ่มนักเที่ยวยามราตรีคนอื่น ๆ

    ส่วนเจ้านายของเธอถอดเสื้อสูทและเน็กไทที่ใส่ในมหาวิทยาลัยออกไป เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กเหมือนพนักงานบริษัทที่เพิ่งเลิกงาน

    “อ้าว คุณขวัญมาด้วยหรือครับ เชิญนั่งเลยครับ” นายตำรวจหนุ่มยิ้มทักแล้วกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง ส่วนตัวเองถอยไปนั่งลงที่เดิม ซึ่งเว้นที่ตรงกลางไว้ให้เพื่อนนั่ง

    ศ.ดร.กฤตนั่งลงข้างเพื่อนแล้วหันไปยิ้มให้กับพนักงานที่เข้ามาชงเครื่องดื่มให้ดื่ม “ของคุณผู้หญิงขอเป็นม็อกเทลนะครับ ผมขอเมนูมาดูรายการหน่อย” เขาหันไปสั่งเครื่องดื่มสีสวยแบบที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ให้กับคนที่มาด้วย พนักงานเดินไปหยิบมายื่นให้ เขาให้เธอเลือกแล้วส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน

    เพียงไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสิร์ฟ หญิงสาวนั่งจิบเครื่องดื่มสีชมพูใสซึ่งผสมน้ำทับทิมกับโซดาในแก้วก้านใบสวยที่ตกแต่งไว้อย่างน่ามอง สายตาก็กวาดมองไปทั่วเพื่อดูผู้คนที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้เจ้านายคุยธุระกับเพื่อน ซึ่งเรื่องราวที่เขาสองคนคุยกันเธอแทบไม่ได้ยิน เพราะถูกกลบด้วยเสียงเพลงอึกทึก เสียงดีเจที่กำลังพูดอย่างเมามัน เสียงกรีดร้องด้วยความสนุกสนานของนักเที่ยว

    “สั่งอาหารไหม” เขาถามด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวยังไม่ได้กินมื้อเย็น แต่เขาก็รีบพาเธอมาที่นี่ก่อน หญิงสาวส่ายหน้า เพราะคิดว่าเขาคุยไม่นานก็กลับแล้ว เธออยากไปรับประทานอาหารในบรรยากาศธรรมดามากกว่าที่นี่ ซึ่งมีแต่ความวุ่นวายจนทำให้เธอกินอะไรก็ไม่อร่อย

    กฤตหันไปเอ่ยกับเพื่อน “งั้นฉันต้องพาคุณขวัญกลับก่อน เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย” บอกพลางล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบสิ่งเล็ก ๆ ยัดใส่มือเพื่อนใต้โต๊ะ คนเป็นเพื่อนพยักหน้าให้

    “โอเค งั้นนายพาคุณขวัญไปกินข้าวเถอะ ฉันคงนั่งต่อสักพัก เดี๋ยวก็กลับเหมือนกัน ช่วงนี้เที่ยวหลายวันติดแล้ว วันนี้ว่าจะกลับเร็วสักวัน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนส่งเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงเอ่ยเรียกก็ดังมาจากข้างหลัง

    “พี่กฤตใช่ไหมคะ” ทั้งสามคนหันไปมองยังหญิงสาวร่างระหงแต่งตัวสวยสง่าซึ่งกำลังส่งยิ้มเยื้อนทักทาย

    “อ้าว น้องดา มาเที่ยวหรือครับ” ศาสตราจารย์หนุ่มทัก

    “ค่ะ ดามาเที่ยว ไม่คิดว่าจะเจอพี่กฤตที่นี่นะคะ” เธอตอบ ชายหนุ่มยิ้มให้ “ครับ พี่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องดาที่นี่เหมือนกัน น้องดามากับเพื่อนหรือครับ” หญิงสาวส่ายหน้า

    “ไม่ค่ะ ดาชอบเที่ยวคนเดียว มานั่งฟังเพลงเต้นรำหาเพื่อนใหม่ ๆ สนุกกว่า” เธอตอบไปตามความจริง เพราะเธอชอบความอิสระ อีกอย่างเธอเป็นคนเพื่อนน้อย หรือเรียกว่าแทบไม่มีเลยก็ได้ ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย เธอไม่เคยย้อนกลับไปหาเพื่อนเก่าสักคน จึงมักจะออกมาเที่ยวตามลำพัง นั่งเฝ้ามองผู้คนอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอึกทึก

    “นั่นพี่ขวัญมากับพี่กฤตได้ยังไงคะ” หญิงสาวถามเหมือนไม่รู้ ขวัญบงกชทำหน้างงงวย เพราะเธอจำดารวีไม่ได้เพียงแต่รู้สึกคุ้นหน้า กฤตหันมองผู้ช่วยสาว

    “อ้อ คุณจำน้องดาไม่ได้หรือ เขาเป็นลูกสาวผู้อำนวยการที่โรงเรียนเก่าคุณไง” หญิงสาวยังทำท่าเงอะงะ เพราะวันนั้นเธอมัวแต่กังวลหลายเรื่อง จึงแทบจะจำใครในงานเลี้ยงรุ่นไม่ได้เลย

    “พี่ขวัญจำดารวี ที่พี่ขวัญเคยสอนการบ้านคณิตศาสตร์ให้ตอนเรียนมัธยมไม่ได้แล้วหรือคะ” ดารวีได้โอกาสแนะนำตัวเองและทบทวนความทรงจำของหญิงสาวที่เธอประทับใจไม่มีวันลืม

    “ดา..รวี...” ขวัญบงกชทวนชื่อคุ้นหู ก่อนจะยิ้มด้วยดวงตาเปล่งประกายสดใส “น้องดา” หญิงสาวพึมพำ

    “ค่ะ ใช่แล้วค่ะพี่ขวัญ น้องดาไงคะ ที่หัวขี้เลื่อยที่สุดในชั้นเรียน ตอนนี้ก็ยังหัวขี้เลื่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ ดาจำพี่ขวัญได้ไม่เคยลืมเลยนะคะ” เธอยิ้มร่าเริง ก่อนจะโผเข้ากอดขวัญบงกชด้วยความดีใจ

    “ค่ะ พี่จำได้แล้วค่ะ” ขวัญบงกชตอบ

    “ดาดีใจนะคะที่พี่ขวัญจำได้” เธอกอดแน่นก่อนจะผละจาก ในขณะขวัญบงกชได้แต่ยืนทื่อ เธอไม่คิดว่าแค่การช่วยสอนการบ้านเล็กน้อยในคราวนั้นจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีของดารวีได้มากเช่นนี้

    “เอ่อ สาว ๆ ครับ ผมยังมีตัวตนอยู่นะครับ” เสียงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเอ่ยขึ้น

    “อ้อ พี่ลืมแนะนำให้น้องดารู้จัก นี่เพื่อนพี่เอง ชื่อภาสกร” กฤตหันไปแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน ก่อนจะย้ำว่า "เพื่อนพี่เป็นคนดี น้องดาไว้ใจได้เลย”

    “สวัสดีค่ะพี่ภาส” หญิงสาวยกมือไหว้ ส่วนคนดียิ้มแป้นรับไหว้แทบไม่ทัน ก่อนจะเอ่ยถาม “หวัดดีครับ แล้วน้องดาได้ที่นั่งหรือยังเอ่ย” หญิงสาวส่ายหน้า

    “ยังเลยค่ะ ดาเพิ่งเข้ามาเห็นพี่กฤตยืนอยู่เลยรีบมาทักค่ะ พี่กฤตก็เพิ่งมาถึงหรือคะ” หญิงสาวหันไปถาม ชายหนุ่มส่ายหน้า

    “พี่กำลังจะกลับต่างหากครับน้องดา พอดีลากคุณขวัญมาด้วย เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็น ก็เลยว่าจะรีบพาไปส่งกลับ”

    “แล้วทำไมไม่กินที่นี่ล่ะคะพี่ขวัญ” หญิงสาวถามเพราะยังอยากอยู่คุยต่อกับขวัญบงกชแต่กฤตตอบไปว่า

    “วันนี้เธอช่วยพี่ทำงานทั้งวัน เหนื่อยมากแล้วครับ คงอยากไปหาที่สงบ ๆ นั่งกินข้าวมากกว่า งั้นพี่ว่าน้องดานั่งโต๊ะเดียวกับพี่ภาสดีไหมครับ จะได้มีเพื่อนคุย เป็นผู้หญิงมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังอันตรายนะครับ” กฤตแนะนำ

    “งั้นหรือคะ” หญิงสาวทำหน้าลังเล มองชายหนุ่มสองคนสลับกันไปมา ภาสกรจึงเอ่ยขึ้น

    “ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณดา ผมไม่มีสาว ๆ ที่ไหนมานั่งด้วยแน่นอน เชิญครับ นั่งด้วยกันก็ได้ ถือว่าเป็นเพื่อนกันนะครับ” นายตำรวจหนุ่มกล่าวเชิญ

    “พี่ยืนยันอีกครั้งครับน้องดา ว่าเพื่อนพี่เป็นคนดี”

    “งั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวนั่งลงแทนที่ของขวัญบงกช ส่วนนายตำรวจหนุ่มนั่งลงที่เดิม “งั้นนายพาคุณขวัญไปกินข้าวเถอะ ฉันจะดูแลคุณดาเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อได้รับการยืนยันเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคนจึงได้วางใจและผละจากมา

    โดยที่กฤตคว้ามือของขวัญบงกชให้เดินตามโดยไม่สนใจสายตาของใคร เมื่อหญิงสาวพยายามดึงมือออกเขาก็อมยิ้มแล้วหันมากระซิบว่า

    “อยู่ในนี้เราเป็นแฟนกัน จำได้ไหม” หญิงสาวจึงยอมนิ่งเฉยปล่อยให้เขาจับจูงต่อไป

    ก่อนที่เขาจะหยุดก้าวเดินแบบกะทันหันแล้วหันไปมองยังห้องหนึ่งตรงหัวมุมตรงบันไดก่อนที่จะลงจากชั้นสอง ซึ่งเขียนไว้ว่า ห้ามเข้าสำหรับเจ้าหน้าที่ เขาเห็นผู้ชายใส่สูทคุ้นตาก้าวเท้าไว ๆ ออกมาจากที่นั่น แล้วเดินหายลับไปกับผู้คนและแสงสลัว

    “มีอะไรหรือคะ” คนที่โดนกระตุกมือให้หยุดเดินถามขึ้น เขาหันมามองดวงหน้าหวานที่กำลังถามด้วยแววแปลกใจ “เปล่า ไปเถอะ ผมคงตาฝาดไป นึกว่าเจอคนรู้จัก” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกไปยังลานจอดรถ ดวงตากวาดมองไปทั่ว ก่อนจะสะดุดกับรถยนต์ป้ายแดงสีดำที่เขาจำทะเบียนได้แม่นยำซึ่งกำลังขับผ่านรถของเขาไป

    ----------------------------------------

    พี่กฤต ฉวยโอกาสกันนี่ ฝากอุดหนุนพี่กฤตกับหนูขวัญด้วยนะคะ ที่ร้านนายอินทร์ตอนนี้ทยอยวางทั่วแทบทุกสาขาแล้วค่ะ หรือโหลดอีบุ๊กก็ได้ค่ะ ...ทิพย์ทิวา 2/11/2559

    สถานีนี้ที่รัก
    ทิพย์ทิวา
    www.mebmarket.com
    ศ.ดร.กฤต วัชรเมธาชายหนุ่มวัยสามสิบแปดปี ที่ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์หุ่นยนต์  เขามีความฝันอย่างหนึ่งที่อยากทำให้สำเร็จแต่การขัดขวางของผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางคน ทำให้เขายังทำสิ่งที่ฝันไว้ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกับนางแมวสาวยั่วสวาทในรูทผับ นามว่าขวัญบงกชและที่นั่นเองที่เป็นจุดก่อให้เกิดเรื่องราวซึ่งแปรเปลี่ยนโปรแกรมเมอร์สาวไร้คู่ ที่กำลังรอรถไฟเที่ยวสุดท้ายของชีวิต ให้มาเป็นโปรแกรมเมอร์คู่ใจของเขาในเวลาต่อมา “ใช่ นั่นคือสถานีก่อนสุดท้ายของผม ผมหวังให้ประเทศไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ให้ต่างชาติยอมรับว่าคนไทยมีฝีมือและไม่ด้อยกว่าใคร” เขาตอบ ยิ้มนิดหนึ่งแล้วเย้าต่อ“คุณก็ช่วยให้ผมทำสำเร็จสักทีสิ ผมอยากจอดเทียบที่สถานีสุดท้ายก่อนที่จะแก่เกินไปกว่านี้” ว่าด้วยดวงตาแพรวพราว ส่วนคนตรงหน้าแก้มร้อนวูบวาบจนเห่อแดงศ.ดร.กฤต วัชรเมธาเรื่องราวความรักระหว่างศาสตราจารย์หนุ่มสุดขรึมและโปรแกรมเมอร์สาวไร้คู่จะจบลงที่สถานีไหน



    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น