ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะวันปลายดอย

    ลำดับตอนที่ #6 : เด็กหญิง HIV

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 158
      0
      1 ส.ค. 53

       ฝนตกลงมาพรำๆฉันอาศัยศาลากลางน้ำนี่เป็นที่คลุมหัวและต้นไม้ใหญ่เป็นกันสาด นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มาอยู่เงียบๆแบบนี้ โดยที่ปราศจากเสียงและการรบกวนจากภายนอก แต่ในใจของฉันมันยังคงวุ่นวายกับเรื่องที่พึ่งได้เกิดขึ้นไปนี้
    "เป็นอะไรไป ทำไมเงียบๆล่ะ"
       เสียงพี่ปีอบกดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของฉัน มือของพี่ป๊อบพลางแกะห่อปลาส้มทอดที่มาคู่กับใบมะกรูดทอดกรอบๆ และพริกทอดหอมๆ แล้วหยิบข้าวเหนียวที่ห่อใบสักใบโตออกมาวาง

    "โห น่าอร่อยเนาะ ทอดเองรึเปล่าเนี่ย"
       พี่ป๊อบยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับอาหารตรงหน้า

    "นี่แหละเค้าเรียกว่าบ้านของแท้"

    แหม บ้านเป็นอยู่คนเดียวหรือไง
         ฉันหยิบกับข้างของฉันขึ้นมาบ้าง ผัดผักจากสวน และไข่ต้ม พร้อมด้วยแตงกวาสดๆคู่กับน้ำพริกน้ำปูหอมๆนี่อร่อยไม่แพ้ปลาส้มของพี่ป๊อบเป็นแน่ พี่ป๊อบยิ้มอย่างขำๆ กับการเอาชนะในความ"บ้านๆ"ของกันและกัน

      เรานั่งทางกันไปพลาง หัวเราะไปพลางทำให้ลืมเรื่องราวภายในใจได้ไม่น้อยถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันต้องลืมทุกอย่างไปได้แน่ๆ ตัดสินใจถูกจริงๆที่มาอยู่ที่นี่
    "ปิง จำใบบัวได้ไม๊"
                ภาพของเด็กหญิงผิวขาวใสแก้มแดงๆ วิ่งเล่นในบ้านฉันลอยเข้ามาในหัว ตอนนั้นฉันอายุแค่สิบสี่ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้มาอยู่บ้านยายในช่วงปิดเทอม เด็กหญิงผมงอๆน่ารักมักจะมาวิ่งเล่นที่บ้านพร้้อมก้บกับข้าวที่คุณแม่ห่อมาให้ิกนด้วย

        แต่แล้วเธอก็ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อเยี่ยมใบบัวอีกเลยแม้แต่น้อย
    "อื้อทำไมหรอ ก็ ตั้งแต่ท่ี่แม่เจ้าใบบัวมันตาย มันก็ต้องไปอยู่กับยาย ส่วนพ่อก้ไม่มีใครรู้หรอกว่าอยู่ที่ไหนเป็นตายร้ายดียังไง ถูกไหม"
    "อื้อใช่ แต่ผลตรวจออกมาว่าแม่เจ้าใบบัว เป็นเอดส์ตาย"
       ฉันนิ่งเงียบกับคำพูดของของพี่ป๊อบ
    "หมายความว่า..."
    ฉันถามพี่ป๊อบโดยหวังว่าคำตอบนั้นจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
    "อื้อ ใช่ เมื่อวานอาจารย์สุภรณ์ มาที่บ้านพี่ บอกว่า ใบบัวก็ติดเชื้อ จากแม่ และก็ไม่ยอมไปโรงเรียนหลายวันแล้ว ยายใบบัวก็ติดเหล้าติดพนัน หวย แชร์ ทุกอย่างไม่เว้น ไม่เคยดูแลใบบัว"
           ความสังเวชลอยขึ้นมาจับกุมใจของฉัน เด็กหญิงตัวเล็กๆน่ารัก ใครจะคิดว่าวันหนึ่งต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คนทางเหนือมักจะเลี้ยงลูกแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เพราะไม่นิยมมีลูกมากๆ เหมือนคนภาคอื่นๆ ครั้งหนึ่งฉันไปที่อีสาน ที่นั่นจะเลี้ยงลูกหลานแบบปล่อยให้อยู่กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่างกับที่นี่มากนั่นทำให้ฉันตกใจกับการที่เห็นเด็กๆชาวอีสานวิ่งเล่นริมถนน แบบไม่กลัวรถชน และเล่นน้ำโดยไม่กลัวจมน้ำ  แต่ในกรณีของใบบัว ไม่ใช่การเลี้ยงแบบปล่อย แต่มันคือการปล่อยปละละเลย ซึ่งแตกต่างกันออกไปจากคำว่าเลี้ยงดู คงเรียกว่า ทิ้งๆขว้่างๆมากกว่า
                  กินข้าวเสร็จแล้วฉันเก็บเศษขยะแล้วข้าวของ ให้ทั้งพี่ป๊อบและตัวฉันด้วย ฝนยังไม่หยุดตกดีนัก พี่ป๊อบหยิบรูปวาดขึ้นมา เป็นภาพภูเขาแก้ว ที่เต็มไปด้วย ดอกไม้ หญ้าสีเขียวชอุ่มเต็มเนิน ภาพนั้นสวยมีชีวิตชีวามากทีเดียว แต่เหมือนกับมันโล่งๆขาดอะไรไปสักอย่าง

    "กำลังมองว่ามันขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งใช่ไม๊ล่ะ"  พี่ป๊อบพูด พลางหันกลับมายิ้มให้ฉัน ฉันยิ้่มตอบกลับไปแล้วมองดูรุปอีกครั้ง จากการมองดูรูปแล้วมันสวยงาม ครบ องค์ประกอบตามหลักการวาดภาพทางศิลปะขั้นสูง

    "มัน เหมือนมีร่างที่สวยงาม สดใส  แต่ .... ไม่มีหัวใจ" ฉันตอบพี่ป๊อบไปอย่างที่คิด และยังไม่ละสายตา จากภาพ
    "เหมือนปิงใช่ไม๊" ฉันเงยหน้าขึ้นมามอง  พี่ป๊อบมองหน้าฉัน ด้วยใบหน้ายิ้มๆแบบพวกติ๊สแตกเช่นเคย

    "ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าสภาพตัวเองเป็นยังไง  เอาเถอะ สักวันพี่ก็คงเติมหัวใจของภาพนี้ให้ได้เลย พี่รักที่นี่มากเลยนะ "
    "อื้อ ปิงก็รักที่นี่ ขอให้หาหัวใจของภาพนี้ให้เจอนะพี่ป๊อบ"
    "อื้อ ขอให้ปิงหาหัวใจของปิงให้เจอเหมือนกันนะ"
              ฉันมองหน้าพี่ป๊อบด้วยความรู้สึกที่ไร้คำอธิบาย ไม่รู้ว่า ฉันจะยังหาเจอไม๊ หัวใจของฉันน่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ช่างมันเถอะ เดี๋ยวมันก็คงจะผ่านไป

    "พี่ป๊อบ ทำไมเป็นคนน่ากลัวแบบนี้เนี่ย"
    "ฮ่าๆๆๆ เห้ย ทำไมวะ "
    "เหมือนพวก อ่านใจคนออก อะไรประมาณเนี้ย"
    "ห้าๆๆ เด็กศิลป์ก็งี้แหละ พี่ไม่ได้ท่องสูตรในการใช้ชีวิตนะ อะไรๆที่เห็น ก็คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ พอนานๆเข้า มันก็เหมือนกับเราค่อยๆซึมซับ และเก่งมากขึ้นทุกวันๆ " 

    อื้อเข้าใจยาก...... จริงๆด้วยที่่เข้าว่าพวกนี้มันติ๊สท์แตก

    "พี่ป๊อบ เราไปบ้านใบบัวกันไหม"
           พี่ป๊อบจ้องมาอย่างงงๆกับคำพูดของฉัน สักพักเค้าก็คงพยายามทำความเข้าใจกับมันแล้ว พยักหน้าเบาๆ บางทีคนที่ติ๊สแตก อาจจะเป็นฉันเองก็ได้


                         เมื่อฝนหยุดตก ฉันอาศัย มอเตอร์ไซด์ คันเก่าแต่เก๋า ยุค70 ของพี่ป๊อบ ไปตามถนนลูกรัง เข้าไปท้ายหมู่บ้าน เท่าที่ฉันจำได้นี่มันไม่ใช่ทางไปบ้านใบบัวสักหน่อย

    "พี่ป๊อบ นี่เราจะไปไหน"
    "อ้าว พี่ไม่ได้บอกแกหรอว่า ใบบัวย้ายไปอยู่กับยาย"
    ภาพบ้านไม้หลังเล็กๆระเกะระกะด้วยข้าวของลอยเข้ามาในหัวของฉัน ทำไมกัน ยัยใบบัวต้องไปอยู่ที่นั่น
    "ปิงก็นึกว่ายายออกมาอยู่ด้วยที่บ้านหลังเดิมตรงซอยถัดไปจากบ้านเราซะอีก" ฉันกับพี่ป๊อบอยู่บ้านซอยเดียวกัน เราอยู่ห่างกันไม่กี่หลังคา ส่วนบ้านของใบบัวก็อยู่ถัดไปอีกซอย แต่ชาวบ้านแถวนี้มักจะสร้างรั้วบ้าน  มีประตูทะลุหากันได้ เพื่อความสดวกสบายเวลาเดินไปไหนมาไหน เพราะเรื่องขโมยเรื่องโจร ไม่สามารถพบได้ทั่วไปเช่นในเมือง

    "บ้านหลังนั้นยายเค้าขายไปแล้ว"
          ฉันนั่งอยู่หลังมอเตอร์ไซด์คันนี้อย่างเงียบๆ  พี่ป๊อบจอดรถไว้หน้ารั้วไม้ที่ใส่โซ่ล็อกกุญแจไว้ อะไรเนี่ย หรือว่าไม่มีใครอยู่บ้าน พี่ป๊อบมองเข้าไปในบ้าน ด้วยหน้าตาค่อนข้างซีเรียส แล้วกระโดนข้ามรั้วไม้ปีก เตี้ยๆนั้นเข้าไป ฉันไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องกระโดดตามเข้าไปด้วย หรือฉันจะต้องมาโดนจับด้วยข้อหาบุกรุกล่ะเนี่ย

    พี่ป๊อบวิ่งขึ้นบันใดไม้เตี้ยๆนั่น และฉันก็ตามขึ้นไปอย่าจนหนทาง บ้านระเกะระกะยิ่งกว่าเมื่อหลายปีก่อน ข้าวของพื้นบันใดมีแต่ฝุ่นและคราบโคลนสีแดงๆ

    "ใบบัว!!" ฉันต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กหญิงนอนซมอยู่หน้าทีวี ข้างกายมาถ้วยชามที่ไม่ได้ล้างกองอยู่สองสามใบ กลิ่นเหล้าขาวเหม็นหึ่งคลุ้งเต็มบ้าน  และกลิ่นอับๆของที่นอนที่ไม่ได้ผ่านการเก็บพับ เด็กหญิงนอนดูทีวีซม แก้มสีชมพูระเรื่อที่ฉันจำได้เปลี่ยนเป็นดำคล้ำทั้งตัว  ผมเผ้ารุงรังใบหน้ามอมแมม เด็กหญิงตัวเล็กน่าสังเวชในชุดเสื้อผ้ามอมแมม ไม่เหลือภาพเด็กที่สดใสที่ฉันเคยเห็นเมื่อสี่ปี่ก่อน


    "พี่ปิง สวัสดีค่ะ"
     
    ใบบัวนอนอยู่หน้าโทรทัศน์จอเล็กๆด้วยบรรยากาศอับๆแบบนี้ได้ยังไง

    "ทิ้งเด็กให้อยุ่คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง"
     
    ฉันพูดอย่างหัวเสียกับภาพทีเห็น ยาที่รัฐบาลแจกให้สำหรับผู้ป่วยเอชไอวีกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด นี่ใบบัวกินยาบ้างรึเปล่าเนี่ย

    "ใบบัว กินยาบ้างรึยัง กินข้าวแล้วหรอ"
      ใบบัวไม่ตอบแต่กลับหันไปหาถ้วยชามที่วางอยู่ข้างๆ

    "มันบูดแล้ว กินไม่ได้" ใบบัวหันมาตอบฉัน
     
    ให้ตายเถอะ ฉันจะพุดอะไรออกไปดีล่ะ ฉันทนกับภาพข้างหน้าไม่ได้เลยจริงๆ ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

    "หิวข้าวไหมใบบัว ไปกับพี่นะ ไปเที่ยวกัน พี่พาไปกินข้าว" พี่ป๊อบยิ้มให้ใบบัวอย่างใจดี 

         พี่ป๊อบเข้าไปจับแขนของใบบัว ใบบัวร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ แขนเล็กๆเหลือแต่กระดูกนั่นคงร้าวไปหมด พี่ป๊อบผละออกมาอย่างตกใจที่ทำให้เธอเจ็บ

    "พี่ขอโทษใบบัว เจ็บหรอ ปิง ตัวร้อนจี๋เลย ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ"
      
      ประโยคหลังพี่ป๊อบหันมาพูดกับฉัน ฉันเก็บยาของใบบัวโดยไม่แน่ใจเลยว่ามันครบหรือเปล่า พี่ป๊อบอุ้มใบบัวเบาๆ ใบบัวทำหน้าตาเหยเก น้ำตาไหลออกมาด้วยความทรมาน พี่ป๊อบอุ้มใบบัวลงมาจากบ้าน วินาทีนี้ ฉันไม่สนใจเลยแม้แต่นิดว่าหากยายของใบบัวกลับมาแล้วไม่เจอเธอแล้วจะคิดยังไง
     
    คนที่เป็นยาย แต่กลับปล่อยปละละเลยให้หลานในสายเลือดนอนเช่นกับการรอความตายแบบนี้ ไม่สมควรดูแลเธออีกต่อไป

    " เจ้า ปิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่  เจ้าป๊อบมาทำอะไรกันที่นี่เนี่ย แล้วนี่จะพาใบบัวไปไหน"
       
       ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งลงจากรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าของเธอในชุดสีกากี อาจารย์สุภรณ์ มองเข้ามาในรั้วแล้วรับใบบัวเอาไว้ จากทางนอกรั้ว
    "สวัสดีค่ะครูสุภรณ์ จะพาใบบัวไปหาหมอค่ะ สภาพแบบนี้ ไม่ไหวแน่ๆ"
    "อื้อ ครูก็ว่าจะมาเยี่ยมหลายวันแล้ว ไม่ไปโรงเรียนตั้งหลายวัน"
       "ไม่เอานะคะ ใบบัวไม่ไปโรงเรียน "

    "ยังไม่ไปหรอกใบบัว นี่จะไปหายาหาหมอก่อน เดี๋ยวไปเที่ยวกันนะ พี่จะพาไป"
    พี่ป๊อบรับใบบัวมาจากครูสุภรณ์

    "ฝากด้วยแล้วกันนะเจ้าปิง ครูสงสารใบบัวจริงๆ แต่ครุก็คงช่วยอะไรได้ไม่มาก ยายจันทร์แกไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับแกเลย แต่แกก็ไม่ยอมดูแลใบบัว ลำพังเงินเดือนครูก็น้อยจะเลี้ยงลูกครูก็แทบไม่พอ ครูก็ช่วยได้แต่กับข้าวที่โรงเรียน และขอทุนต่างๆให้เท่านั้น"
          ครูสุภรณ์คุยกับฉันก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้วยน้ำเสียงโวยวายก่อนเป็นอันดับแรก
    "นี่จะพาอีใบบัวมันไปไหน พวกแกมายุ่งอะไรกับบ้านฉัน"
    ยายจันทร์เดินเข้ามาหัวฟัดหัวเหวี่ยงคว้าเอาตัวใบบัวออกจากพี่ป๊อบทันที ใบบัวร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บและตกใจ

    "ยายจันทร์ ทำแบบนั้นหลานเจ็บนะ" ครูสุภรณ์ ตะคอกอย่างอดไม่ได้ ยายจันทร์ไม่ฟังเสียงใครเลยพลางจะอุ้มใบบัวเข้าบ้านไป

    "ยายจันทร์ ใบบัวไม่สบาย ต้องไปหาหมอ ข้าวก็ไม่ได้กินนะคะ "
    ฉันบอกยายจันทร์ ด้วยความกังวลกลัวว่า ถ้าหากยายจันทร์ไม่ให้ใบบัวไปกับเราแล้วใบบัวต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกับการนอนรอความตาย

    "ช่างหลานฉัน พวกแกไม่ต้องมายุ่ง มันจะตายก็ปล่อยมันตายอยู่บ้านนี่ แกจะเอามันไปไหน แม่มันก็ตาย แล้วมันจะตายตามแม่มันไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลก "

    ยายจันทร์อุ้มใบบัวเข้าบ้าน โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้จ้า ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหมดหนทาง พี่ป๊อบลูบหัวฉันเบาๆ พวกเรายืนอยู่ข้างหน้าบ้านอย่างหมดหนทาง
    "ไม่เป็นไรหรอกปิง ยังไงซะ ใบบัวก็เป็นหลานยายจันทร์"
    พี่ป๊อบปลอบฉัน แต่เหตุผลนั้นมันก็สร้างข้อขัดแย้งในใจฉันขึ้นมา หลานหรอ? ใครเค้าปล่อยให้หลานตัวเองตายโดยไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้ล่ะ

    "ครูคิดว่าครูพูดกับยายจันทร์ได้"
           ครูสุภรณ์พูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังเสียงหรือความเห็นของพวกฉันเลย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×