คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 6 : ดูแล
CHAPTER 6 : ดูแล
“โครมมมม!!!”
“ฟานี่!!!!!!!”
.
.
.
แทยอนร้องตะโกนขึ้นเมื่อรถของทิฟฟานี่และซันนี่คว่ำลงข้างทางไปต่อหน้าต่อตาของเขา แทยอนรีบดับเครื่องรถและวิ่งลงไปหาทิฟฟานี่และซันนี่ที่อยู่ในรถ...พวกเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย!!
“แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายค่ะ ค่ะที่ถนน.... รีบมานะค่ะ”
“ฟานี่..ฟานี่อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ แทมาช่วยแล้ว”
แต่สัญชาตญาณของตำรวจบอกเขาว่าไม่ควรช่วยเหลือคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าเมื่อบาดเจ็บยิ่งรถคว่ำแบบนี้ยิ่งไม่ควร
“รอรถพยาบาลก่อนนะฟานี่...อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ” แทยอนบอกทิฟฟานี่ซึ่งได้แต่พยักหน้าให้เขา
“อืม......แทแทช่วยซันนี่ด้วย” ทิฟฟานี่รวบรวมสติครั้งสุดท้ายและเอื้อนเอ่ยตอบแทยอนจนสลบไป
“ฟานี่!!” แทยอนตกใจมากที่ทิฟฟานี่หมดสติไป แทยอนจึงไปดูทางด้านซันนี่และคนขับ ทางด้านคนขับท่าทางบาดเจ็บสาหัสส่วนซันนี่เหมือนจะไม่ต่างจากทิฟฟานี่เท่าไหร่เพราะทั้งสองนั่งข้างหลังทั้งคู่
ไม่นานรถพยาบาลและรถตำรวจก็มา
“หลีกทางหน่อยครับ...ผมจะได้ทำงานได้เร็วขึ้น” บุรุษพยาบาลรีบหามเปลพยาบาลมาช่วยคนขับ
“แทยอน...ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ฮโยยอนที่เป็นผู้กำกับกองบัญชาการร้องถามขึ้น
“ฉันว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันดูแปลกๆ..เหมือนเป็นการจงใจมากกว่า ฉันว่าต้องมีคนบงการอยู่ข้างหลังแน่นอนค่ะ” แทยอนบอกความคิดของตนให้หัวหน้าฟัง..ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับฮโยยอนที่เกิดความแคลงใจในเรื่องนี้ขึ้น ถ้าพูดถึงลูกมาเฟียชื่อดังในโซลคงไม่ปล่อยให้รถของลูกสาวตัวเองเป็นแบบนี้ นอกซะจากจะมีคนตัดสายเบรก
“โอเค..งั้นเดี๋ยวเธอดูแลคนเจ็บทั้งสามคนส่วนฉันจะจัดการรถและทำเรื่องให้เอง” ฮโยยอนพูดขึ้นซึ่งแทยอนก็เห็นด้วยเพราะเขาก็เป็นห่วงทิฟฟานี่มากๆ
เมื่อเวลาผ่านไปตำรวจก็จัดการรถและเก็บร่องรอยหลักฐานต่างๆเสร็จจึงกลับสำนักงานไป ทางด้านแทยอนก็รีบไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูอาการของทิฟฟานี่จนไม่ทันสังเกตเห็นชายคนหนึ่งที่หลบอยู่ตรงต้นไม้ เมื่อแทยอนกลับไปได้สักพัก...ชายคนนั้นก็โทรรายงานนายของตน
“นายครับ...จัดการเรียบร้อยแล้วครับแต่เหมือนคุณเจสสิก้าจะไม่ได้อยู่ในรถ” ชายปริศนารายงานผลงานอันสุดแสนจะประทับใจให้นายฟัง
“ครับ..เดี๋ยวผมจะตามไปดูให้ครับ ครับนาย..สวัสดีครับ” เมื่อโทรศัพท์เสร็จชายคนนั้นก็ขี่รถ
“หนิคุณ...เจสสิก้าถึงบ้านแล้วนะ ตื่นสิ” ร่างสูงพูดใส่เจสสิก้าที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ
“อื้อ....ขออีกสิบนาที” เจสสิก้าพูดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะลมหายใจที่รดอยู่ตรงบริเวณแก้มใสของเธอ เมื่อร่างบางลืมตาก็ต้องตกใจกับการกระทำของร่างสูงที่เหมือนจะพยายามลักหลับเธอ
“หนิ...ไอ่ลิงหื่นหยุดเลยนะจะลักหลับฉันเหรอ” เจสสิก้าโวยวายขึ้นมาทำเอาร่างสูงอยากจะจับกดร่างบางซะตรงนี้จะได้หยุดพูดเองเออเองสักที...อย่าให้หมดความอดทนนะ จะจับกดไม่ให้ลืมเลยคอยดู ^^
“เฮ้อ...หนิคุณทำไมชอบมองความหวังดีของคนอื่นผิดแบบนี้นะ” ยูริบ่นออกมาก่อนจะยันตัวเองขึ้น
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ...ตื่นขึ้นมาก็เห็นนายอยู่บนตัวฉันเนี่ย!!!”
“ฉันก็แค่จะเอนเบาะให้คุณหลับสบายมากขึ้นก็เท่านั้นเอง...คราวนี้ฉันผิดมากมั้ยเนี่ย ห้ะ!!”
“ฉันขอโทษ...งอนหรือไง” เจสสิก้าขอโทษยูริแต่เหมือนยูริจะหันหน้าหนีเธอจนทำให้เธอต้องง้อร่างสูง
“ไม่ได้งอนก็หันหน้ามาสิ” เจสสิก้าพูดกับร่างสูงที่ทำเหมือนหูทวนลมไม่ยอมหันมาสักที เธอจึงแกล้งร่างสูงด้วยการพูดจายั่วยวนใส่
“ก็ไม่ได้งอนแต่ไม่อยากหัน” ยูริตอบออกไปแต่จริงๆก็แอบยิ้มที่มุมปาก...
“ทำไม...กลัวหวั่นไหวหรือไง” เจสสิก้าไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าไปหาร่างสูงเพื่อจะแกล้งแต่ร่างสูงดันหันหน้ากลับมาพอดี ทั้งสองจึงอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ...ทำไมถึงได้งดงามแบบนี้นะ เจ้าหญิงของฉัน
....So-(o)u yoko no hoshi wa omoi toori Futari nara nozomi toori
Mirai sae mo omito-oshi Kanaete ageru Koko ni iru wa (I’m genie for you boy)....
เสียงโทรศัพท์ของยูริก็ดังขึ้นทั้งสองค่อยผละออกจากกันอย่างช้าๆ...น่าเสียดายจริงๆ เจ้าหญิงของฉัน เฮ้อ!
“มีอะไรไอ่แท..โทรมาได้จังหวะดีจังนะ” ยูริพูดใส่แทยอนในหูโทรศัพท์ก่อนจะมองไปยังเจสสิก้าซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเจสสิก้าที่หันมามองยูริเพื่อจะถามว่าใครโทรมาพอดีแต่ได้ยินชื่อขนาดนั้นแล้วคงไม่ต้องถามหรอกมั้ง...
“ไอ่ยูล...รถที่ฟานี่นั่งมาคว่ำรีบมาที่โรงพยาบาล....เร็วเข้า” แทยอนบอกยูริทำเอายูริตกใจไปด้วย
“โอเคจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ...แค่นี้นะ” พูดเสร็จยูริก็วางโทรศัพท์ก่อนจะหันมาพูดกับร่างบาง
“สิก้า...ฉันว่าคุณรีบลงรถเถอะ อย่าอาบน้ำดึกนะ ฉันต้องขอตัวก่อน”
เจสสิก้า เจสสิก้าที่อยู่ในอาการมืนงงร้องถามก่อนที่ร่างสูงจะลงจาก
“เดี๋ยว...มีเรื่องอะไรเหรอ”
“รถของคุณที่ทิฟฟานี่กับซันนี่นั่งมาคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลฉันต้องไปรีบดูอาการ คุณรีบอาบน้ำนอนเถอะนะ ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวฉันจะบอกให้คุณรู้เป็นคนแรกเลย”
“ฟานี่!!...ยัยซัน!! ยูริฉันขอไปด้วยนะ..ขอร้องล่ะ” เจสสิก้าพูดพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา
“........” ไม่มีเสียงตอบจากยูริ ร่างสูงรีบสตาร์ทเครื่องและขับไปยังโรงพยาบาลที่แทยอนได้บอกไว้
เมื่อมาถึงยูริและเจสสิก้าก็รีบวิ่งมาที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลทันที
“ไอ่แท..มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” ยูริถามแทยอนขึ้นมาทำเอาแทยอนตอบไม่ทัน
“รถถูกตัดสายเบรก...มีคนจงใจตัดสายเบรกรถของคุณเจสสิก้า ตำรวจตรวจดูรอยขาดแล้วบอกว่ามาจาก
“เจสสิก้าอย่าร้องเลยนะ...คุณต้องเข้มแข็งไว้รู้มั้ย” ยูริเดินเข้าไปหาเจสสิก้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของร่างบางที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าห้องไอซียู
“ยูริ..ทำไมเรื่องร้ายๆแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของฉันด้วย” เจสสิก้าพูดพร้อมโผเข้ากอด
“ไอ่แท..แกรู้มั้ยว่าที่ฉันพาสิก้ากลับก่อนเป็นเพราะอะไร” ยูริเปิดบทสนทนาขึ้น
“ก็แกบอกว่าคุณเจสสิก้าไม่สบายเลยพากลับก่อนไง” แทยอนตอบกลับไปทำเอาเพื่อนของเขาถอนหายใจออกมา
“สิก้าโดนลอบทำร้าย..เธอเกือบโดนข่มขืนเพราะฉัน ฉันไม่น่าพูดกับเธอแรงๆแบบนั้นเลย”
“เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน..เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย” แทยอนเริ่มสงสัยกับเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดกับคนในครอบครัวนี้ขึ้นมา...ที่สำคัญฟานี่ของเธอต้องมาเจ็บตัวโดยใช่เหตุ
แทยอนหันไปมองเจสสิก้าที่นั่งร้องไห้อยู่ก็คิดว่าเรื่องที่ยูริพูดน่าจะเป็นความจริงเพราะดูจากสภาพของ
“ฉันว่ามีคนต้องการจะทำร้ายเจสสิก้าแต่ทิฟฟานี่กับซันนี่ดันมารับเคราะห์แทน คนร้ายคงไม่รู้ว่าฉันพาสิก้ากลับไปก่อน...แกล่ะคิดว่าไง” ยูริพูดประเมินสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ให้แทยอนฟัง
“งั้นคนที่บงการก็ต้องรู้จักเจสสิก้าดีและต้องรู้ว่าเจสสิก้าจะต้องมาและกลับด้วยรถคันนั้น”
“ไอ่ยูล..แกไม่คิดว่าคนที่บงการจะเป็นคนนอกบ้างเหรอ” แทยอนร้องถามยูริขึ้น
“ไม่หรอก...ถ้าเป็นคนนอกจริงหรือเพิ่งคิดแผนการขึ้นคงไม่บังเอิญเกิดติดกันแบบนี้ อีกอย่างถ้าเป็นคนนอกจริงล่ะก็คงไม่รู้หรอกว่าเจสสิก้าออกไปเดินเล่นระหว่างงานเลี้ยง ฉันว่าต้องเป็นคนในเท่านั้นและต้องเป็นคนที่มีอำนาจพอสมควร ถ้าตรวจสอบหลักฐานเราอาจจะได้อะไรเพิ่มเติมบ้างนะ” ยูริพูดขึ้น
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น..เอ๊ะ!! เดี๋ยวนะตอนงานไฟดับน่ะ เป็นเวลาเดียวกับที่เจสสิก้าโดยลอบทำร้ายใช่มั้ย”
“ใช่..และฉันก็คิดว่าเป็นการจงใจด้วย” ยูริตอบด้วยความมั่นใจ
“เอ่อ....” หมอพูดขึ้น
“คุณหมอ...เพื่อนฉันเป็นยังไงบ้าง..ตอบมาสิ!!!” เจสสิก้ารีบวิ่งเข้าไปหาหมอที่เพิ่งออกมา
“ผู้ชายที่เป็นคนขับ มีรอยฟกช้ำตามตัวเล็กน้อย” หมอตอบเจสสิก้า
“แล้วฟานี่กับยัยซันล่ะคุณหมอ...พูดมาสิ!!” เจสสิก้าเริ่มหมดความอดทน น้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นไว้ สุดท้ายก็ไหลออกมา..ฟานี่ ยัยซัน อย่าเป็นอะไรนะ...อย่าทิ้งฉันไปนะ
“คุณซันนี่ปลอดภัยดีครับ ส่วนคุณทิฟฟานี่ก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควรบริเวณแขนข้างขวาและ
แทยอนและยูริที่ยืนฟังอยู่ข้างๆก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่งเมื่อได้ยินว่าทิฟฟานี่และซันนี่ไม่เป็นอะไรมาก
“สิก้า...กลับบ้านก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมทิฟฟานี่กับซันนี่ใหม่”
“ไม่..นายกลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่มาส่ง” เจสสิก้ายังยืนยันไม่ยอมกลับ
“เฮ้อ...เจสสิก้าดูสภาพคุณก่อนสิ ถ้าเพื่อนของคุณตื่นขึ้นมาเห็นคุณในสภาพแบบนี้คงได้
“คุณเจสสิก้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ..เดี๋ยวทางนี้แทจัดการเอง” แทยอนพยายามพูดให้เจสสิก้า
“อื้ม” เป็นคำสุดท้ายที่เจสสิก้าพูดออกมาในวันนี้ ภายในรถของยูริ ร่างสูงพยายามพูดคุยกับร่างบาง
เมื่อส่งเจสสิก้าเสร็จ ยูริก็กลับบ้านไปพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาจัดการกับเรื่องวุ่นวายต่อส่วนแทยอน
ก็นอนเฝ้าทิฟฟานี่อยู่ที่โรงพยาบาลและไม่มีวี่แววว่าจะกลับเลย จนพยาบาลที่เป็นเวรคิดว่า
เสียแล้ว
สามวันต่อมา....
“อื้อ.....” ร่างอวบที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลร้องขึ้นเมื่ออุณหภูมิภายในห้องต่ำกว่าปกติ
“คนดีของแท..ทำไมยังไม่ฟื้นอีกคะ แทรอฟานี่อยู่นะ” แทยอนพูดเมื่อสิ่งที่ตนนึกไม่เป็นอย่างที่ตนต้องการ ร่างอวบจะรู้บ้างมั้ยนะว่าคนที่นั่งรอตรงนี้ปวดใจเหลือเกิน..รอวันที่คนที่ตนรักจะฟื้น
ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก
“อ่าว...คุณซันนี่ฟื้นแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ..ซันฟื้นแล้ว ส่วนคนขับญาติก็มารับไปพักฟื้นที่บ้านแล้วค่ะ” ซันนี่ตอบแทยอน
“ยัยฟานี่เมื่อไหร่จะฟื้นห้ะ...รู้มั้ยว่าทำคนอื่นเขาเป็นห่วงน่ะ” ซันนี่พูดพลางมองไปยังเพื่อนของตนเพราะรู้ดีว่าแทยอนหลงรักทิฟฟานี่ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง
“คุณแทยอนกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ...เห็นพยาบาลบอกว่าคุณไม่ขยับไปไหนเลยตั้งแต่ทิฟเข้าโรงพยาบาล” ซันนี่พูดเชิงขอร้องเพราะสภาพแทยอนตอนนี้ดูไม่ได้เลย หน้าตาก็ทั้งกังวลและเหนื่อยใจ...
“ไม่เป็นไรค่ะ..แททนได้” แทยอนพูดแต่อาการกลับตรงข้ามเพราะดูเหมือนแทยอนจะไม่มีแรง
“นั่นไง...เดี๋ยวก็ได้ไปนอนรอยัยทิฟที่ห้องข้างๆหรอกค่ะ...กลับไปพักผ่อนบ้างนะคะ ถือว่าซันขอร้อง”
“ร้ายนักนะ..ทิฟฟานี่!!” ซันนี่พูดใส่เพื่อนของตนที่ตอนนี้นั่งยิ้มตาปิดอยู่ที่เตียง
“ขอบใจย่ะที่มาช่วยตามแผน....หิวข้าวจังเลย” ทิฟฟานี่พูดขึ้นหลังจากโทรไปขอให้เพื่อนของตนที่อยู่ห้องข้างๆมาพาแทยอนกลับไปพักเพราะไม่อยากเห็นคนที่ตนรักต้องทรุดโทรมแบบนี้
“แล้วทำไมเธอไม่ฟื้นต่อหน้าต่อตาคุณแทยอนเขาไปเลยล่ะ..จะมาหลอกทำไมว่ายังไม่ฟื้น” ซันนี่ล่ะไม่เข้าใจเพื่อนตนเองจริงๆเลย อยู่ดีดีก็หาเรื่องใส่ตัว...ดีนะที่เรื่องนี้มัน Taetif ไม่งั้นแม่จะตบสั่งสอนสักฉากสองฉาก
(ไรเตอร์ : ซันนี่แร๊ง!!!!!)
(ซันนี่ : ไม่แคร์สื่อค่ะ...แรงจริงอะไรจริง ^^)
“ก็ฉันอยากจะรู้หนิว่าแทแทเขาคิดยังไงกับฉัน...ฉันจริงจังนะยะ” ทิฟฟานี่พูดใส่หน้าซันนี่
“ย่ะ...เดี๋ยวเจสจะมาเยี่ยมนะ ฉันโทรไปบอกเองว่าเราฟื้นแล้ว จะว่าไปก็ไม่ค่อยเจ็บตรงไหนเนอะ...
“อื้ม...ก็จริงแต่มึนๆน่ะ ฉันว่าคุ้มนะ อย่างน้อยแทแทก็รักฉัน” ทิฟฟานี่พูดด้วยความภาคภูมิใจ
“แล้วเธอไม่คิดว่าคนที่แอบรักเธอจะเสียใจบ้างเหรอ..” ซันนี่พูดพลางนึกถึงเพื่อนสนิทของตนเองเพราะรู้ดีว่าเจสสิก้านั้นยอมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อคนบนเตียงที่ออกจะสนใจแทยอนมากกว่าคำว่าเพื่อน
“หืม...ใครเหรอ ก็ไม่เห็นมีใครหนิ” ทิฟฟานี่..เธอหนิมันไม่รู้อะไรจริงๆเล้ย
“เธอไม่รู้จริงๆเหรอ....คนๆก็คือ...”
“แอ๊ดดดด..” ไม่ทันที่ซันนี่จะพูดจบประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเจสสิก้าและยูริที่มาเยี่ยม
“ฟานี่!!!..เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่มั้ย” เจสสิก้าพูดและวิ่งไปหาคนบนเตียงอย่างรวดเร็ว
“เจส...ฟานี่ไม่เป็นไรมากเหรอ ฟานี่ฟื้นแล้วเจสเห็นมั้ย” ทิฟฟานี่พูดพร้อมทำท่าเบ่งกล้ามให้เจสสิก้าดูเพื่อความมั่นใจ...โถถถถถถ เด็กหนอเด็ก
“ไม่ต้องมาตลกเลย...ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รู้บ้ามั้ยว่าเจสเป็นห่วงฟานี่มากแค่ไหน” เจสสิก้าพูดขึ้นพลางจะเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มแต่ไม่ทันที่จะยกมือขึ้นมาเช็ด ผ้าเช็ดหน้าของอีกคนที่เดินตามมาข้างๆก็ถูกบรรจงเช็ดให้ร่างบางอย่างเบามือ...ทำให้คนป่วยทั้งสองต่างอึ้งกับการกระทำของร่างสูง
“ขอบคุณนะ” เจสสิก้าเอ่ยขอบคุณยูริ
“ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ร้องอีก...เธอหนิมันอ่อนจริงๆนะ ยัยเป็ดสิบแปดหลอด” ยูริพูดพลางยิ้มให้ร่างบางซึ่งสิ่งที่ได้รับมาก็คือ
“ป้าปปป!!!” ฝ่ามือของร่างบางกระทบกับไหล่ของร่างสูงอย่างจัง..ไม่เจ็บให้มันรู้ไปสิ
“พูดให้มันดีดีหน่อย...ไอ่ลิงหื่น” เจสสิก้าพูดพร้อมส่งสายตาอาฆาตไปให้ แต่มีเหรอที่คน
“เออ..พวกเธอมาด้วยกันเหรอ” ซันนี่ถามขึ้นเพราะยังงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่..ที่สำคัญเจ้าหญิงของตระกูลจองเนี่ยนะจะยอมให้ใครเช็ดน้ำตาให้...Impossible!!!!
“ค่ะ..พอดียูลไปคุยกับคุณพ่อของสิก้าเรื่องคดีมาน่ะค่ะเลยอาสามาส่งสิก้าเพราะเป็นทางเดียวกันพอดี” นั่นไง..เอาอีกแล้ว ไหนจะเรื่องที่มาด้วยกัน..คราวนี้ยังเรียกว่าสิก้า ซันบันจะบ้าตาย....ทั้งสองคนนี้มันมีซัมติ้งอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย!!!
“ขอบคุณคุณยูริมากนะคะที่ดูแลเจส เอ่อ..คือฟานี่ขออะไรคุณยูริหน่อยได้มั้ยคะ”
“ค่ะ..ยูลยินดีช่วย” ยูริพูดขึ้นอต่ก็ยังงงอยู่..คนอย่างทิฟฟานี่เนี่ยนะจะให้ช่วยเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย?
“คือ..อย่าเพิ่งบอกแทแทได้มั้ยคะว่าฟานี่ฟื้นแล้ว..รวมถึงเธอด้วยซันนี่ แล้วก็เจสด้วยนะถือว่าฟานี่ขอร้อง” ยูริยืนอ้าปากค้าง..นี่ทิฟฟานี่เรียกไอ่หมาแทว่าแทแทเหรอ พระเจ้ามันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“ทำไมล่ะฟานี่...จะไปแกล้งเขาทำไม” เจสสิก้าร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าความคิดของทิฟฟานี่
“ก็ฟานี่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างน่ะสิ...อ่อ ลืมบอกไปว่าฟานี่จะแกล้งความจำเสื่อมด้วย ทุกคนอย่าทำแผนแตกนะ..ฟานี่ขอร้องล่ะ” เมื่อทุกคนได้ยินแล้วก็อยากจะบ้าตาย...นี่คือความคิดของหมีน้อยนักเรียนนอกแน่เหรอเนี่ย...
ทั้งสี่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยมานานพอสมควรซันนี่จึงขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ทางด้านเจสสิก้าและยูริจึงขอตัวกลับเพราะมีธุระที่ต้องทำและอยากให้ทิฟฟานี่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
“ฟานี่...วันนี้แทเหงามากเลยฟานี่รู้มั้ย ฟื้นมาคุยกับแทหน่อยสิคะ” แทยอนพูดเพื่อสร้างความหวังให้ตัวเองเพราะเขาอยากให้คนตรงหน้าฟื้นขึ้นมาใจจะขาด มือของร่างเล็กเลื่อนมากอบกุมมือข้างขวาของคนที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยนพร้อมเอามาแนบไว้กับแก้มของตนเองด้วยความห่วงหา
“ฟานี่ได้ยินแทมั้ย...ว่าคนตรงนี้ต้องการฟานี่มากแค่ไหน รีบฟื้นนะคะคนดีของแท” แทยอนยังไม่ยอมเลิกบ่นพึมพำคนเดียว...หารู้ไหมว่าร่างบนเตียงต้องแอบอมยิ้มมาแล้วกี่รอบ..เล่นพูดตรงๆแบบนี้ก็เขินเป็นนะ
“อื้อ......” ร่างบนเตียงเริ่มร้องครวญครางตามแผนของตน
“ฟานี่!! ฟื้นแล้วเหรอคะ” แทยอนรีบโผเข้ากอดร่างตรงหน้า
“อะ..นี่คุณเป็นใครเหรอคะ” ทิฟฟานี่ทำหน้าใสซื่อใส่คนตรงหน้าเล่นเอาคนที่ดีใจเมื่อครู่ไปต่อไม่ถูก
“ฟานี่...แทเองคะ ฟานี่จำแทไม่ได้เหรอ” แทยอนเริ่มใจเสียมากขึ้นเมื่อร่างที่ตนรอให้ฟื้นไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักตนเลยแม้แต่นิด
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้จริงๆ...แล้วคุณเป็นใครคะ” น้ำใสๆเกือบไหลรินอาบแก้มของร่างเล็กแต่ยังดีที่เขากลั้นไว้ได้ก่อนจะเอ่ยตอบไป
“ฉันชื่อคิมแทยอน...เป็นคนที่หลงรักฟานี่ยังไงล่ะคะ” แทยอนตอบออกไปตามตรงเผื่อคนบนเตียงจะจำอะไรได้บ้าง แต่เหมือนว่าความหวังนั้นจะลดน้อยลงเต็มที
“คุณหลงรักฉันอย่างนั้นเหรอคะ” ทิฟฟานี่พูดพลางชี้หน้าของตัวเองทั้งที่ในใจเธอแทบอยากจะโผเข้ากอดแทยอน...น่ารักแบบนี้ฟานี่ไม่ปล่อยให้แทแทเป็นของใครหรอกนะคะ
“ใช่ค่ะ...รักตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะ...ฟานี่จำไม่ได้เลยเหรอ” แทยอนพูดพลางฝืนยิ้มบางๆ ยอมรับได้คำเดียวว่าเขาเจ็บมาก..ไม่ได้เจ็บที่เธอจำเขาไม่ได้แต่เจ็บที่เขาไม่สามารถดูแลคนที่เขารักได้อย่างเต็มความสามารถ
“ค่ะ...ขอโทษจริงๆนะคะ คุณคิมแทยอน” ทิฟฟานี่พูดพลางหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ..งั้นฉันขอเป็นเพื่อนฟานี่ละกันนะคะ วันนี้ให้ฉันดูแลฟานี่นะคะ” แทยอนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเรียกความทรงจำของคนที่รักกลับคืนมาพร้อมกับดูแลทิฟฟานี่อย่างดี
เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานรวมถึงท่าทีที่ดูสนิทสนมมากกว่าเพื่อน รอยยิ้มที่ทิฟฟานี่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อนแม้กระทั่งเธอ ความรักที่เหมือนจะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆแต่มั่นคง..อุ่นไอรักที่ทั้งสองส่งให้กันแม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ดูเท่านี้ก็คงเพียงพอ...ทำเอาคนที่ลืมของและเดินกลับมาเอาอย่างเจสสิก้าอดน้อยใจไม่ได้...นี่คนที่เธอรักอุตส่าห์ลงทุนแกล้งความจำเสื่อมเพื่อร่างเล็ก...นี่เจสสิก้าคงแพ้ตั้งแต่ยังไมได้เริ่มเลยสินะ ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแท้ๆ...จนคิดว่าไม่มีใครสามารถพรากทิฟฟานี่ไปจากเธอได้แต่คงเป็นเพราะว่าความใกล้กันเกินไปทำให้ทิฟฟานี่มองข้ามเธอไปเช่นกัน...ฉันคงไม่ใช่คนที่เธอรัก ไม่สิเธอไม่คิดจะรักฉันเลยใช่มั้ย ทิฟฟานี่
น้ำตาที่คิดว่าจะหยุดไหลเมื่อรู้ว่าคนที่ตนรักฟื้นกลับต้องไหลรินออกมาอีกครั้งด้วยความเสียใจ เสียใจที่ปล่อยให้คนที่ตนเองรักอยู่กับคนอื่น...คนที่ทิฟฟานี่พร้อมจะมอบใจให้ เจ็บที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้จะเป็นคนที่ใกล้ชิดมากที่สุดแต่กลับเจ็บใจมากที่สุด เพียงเพราะเราใช้นามสกุลเดียวกันเหรอ..แต่เราก็ไม่ได้เป็นญาติกันจริงๆซะหน่อย..หรือเพราะฉันไม่ดีพอที่เธอจะรัก ตอนนี้คงทำได้เพียงมองดูเธออยู่ห่างแค่เพียงเห็นเธอมีความสุขและยิ้มได้...เท่านั้นคงพอเป็นสิ่งเยียวยาให้ฉันได้สินะ ความพ่ายแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มนี่มันเจ็บจริงๆ
เจสสิก้าปิดประตูอย่างเบาๆเพราะไม่อยากรบกวนคนในห้อง เธอกำลังจะหันหลับแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างสูงที่เธอบอกให้รออยูในรถยืนคอยเธออยู่
“มาทำไม..บอกให้รอที่รถไง” เจสสิก้ารีบปาดน้ำตาแต่ไม่ทันที่จะได้ยินคำตอบ ยูริก็ดึงเธอ
“อย่าร้องเลยนะเจ้าหญิง” ยูริพูดขึ้นพร้อมกอดปลอบโยนร่างบางในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม
“ฮึก...ทำไม..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” ยูริรู้ดีว่าเจสสิก้าหมายถึงเรื่องใดเพราะเขาก็แอบรู้มาจากซันนี่ว่าเจสสิก้าแอบรักทิฟฟานี่มานาน...ความรักที่ไม่เอ่ยออกมามันไม่สามารถทำให้คนที่รักรู้ได้เลยเหรอ หรือว่าแสดงออกน้อยเกินไป...หรือแสดงออกมากเท่าไหร่คนที่เรารักก็ไม่เคยรู้เลย
“ไม่เป็นไรสิก้ายังมียูลนะ ยูลจะอยู่เป็นเพื่อนสิก้าเอง” ยูริพูดเสร็จก็พยุงร่างบางไปที่รถพร้อมบรรจงใส่เข็มขัดนิรภัยให้
“สิก้าอยากไปไหนมั้ย...ยูลจะพาไป” ยูริถามคนที่นั่งข้างๆ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากดูแลและเป็นห่วงร่างบางมากเหลือเกิน...อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของร่างบางอีก แค่นี้มันก็มากพอสำหรับเจ้าหญิงอย่างเจสสิก้าแล้ว....ความรู้สึกแบบนี้สงสารหรือหลงรักกันแน่นะ
“สิก้าอยากไปสวนสาธารณะ” เจสสิก้าตอบร่างสูงซึ่งก็ทำเอาร่างสูงสะดุ้งกับสรรพนามของร่างบางที่ใช้เรียกแทนตนเอง
“ได้เลย..คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” ไม่นานรถของยูริก็ขับมาถึงสวนสาธารณะใกล้ๆซึ่งก็เป็นเวลาเย็นแล้วจึงมีคู่รักมาเดินเล่นกันมากมายจนไม่มีใครสนใจว่าเจ้าหญิงแห่งตระกูลจองจะมาเดินในที่แบบนี้
“สิก้าดีขึ้นบ้างมั้ย” ยูริถามเจสสิก้าเมื่อเดินเล่นมาได้สักพัก
“อื้ม...ขอบคุณนะยูล รู้มั้ยว่ายูลเป็นคนแรกเลยที่สิก้าชวนมาเดินเล่น” เจสสิก้าพูดพลางหัวเราะออกมา
“งั้นยูลก็ต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแน่เลย....ว่ามั้ย” ยูริพูดพลางกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากร่างบางได้
“นั่นสิ..เพราะสิก้าดังจะตายไม่ค่อยมีเวลาว่างแบบนี้หรอก” สิ้นเสียงนี้ทั้งสองก็หยอกล้อกันไปมาท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจ...พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแต่หัวใจของบางคนก็ยังคงบอบซ้ำอยู่ อาจจะดีขึ้นบ้างหากมีคนคอยดูแลเวลาที่ใจอ่อนแอเกินไป
“ค่ำแล้ว...กลับกันเนอะ” ยูริพูดขึ้นก่อนจะเดินนำหน้าไปแต่ก็ต้องหันหลังกลับมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุก
ที่เสื้อของตนเอง
“หืม..” ยูริร้องออกมาเมื่อรู้ว่าคนที่ดึงเสื้อของเขาคือร่างบาง
“สิก้ามีอะไรเหรอ” ไม่มีเสียงตอบรับจะมีก็แต่มือข้างขวาของร่างบางที่กอบกุมมือข้างซ้ายของร่างสูง...ทั้งสองเดินไปที่รถอย่างเชื่องช้าไม่มีเสียงใดๆ เหมือนยูริจะรู้ว่าเจสสิก้าตอนนี้นั้นอ่อนแอและเจ็บมากเพียงใด...สิ่งที่ร่างสูงให้ได้คงเป็นเพียงความห่วงใยที่แสดงออกมาให้เห็นก็เท่านั้น..เสียงรถขับออกไปซึ่งแน่นอนว่าจุดมุ่งหมายคือบ้านของร่างบาง
“สิก้า..ถึงบ้านแล้วนะ” ยูริปลุกเจสสิก้าที่นอนอยู่เหมือนกับวันที่มาส่งวันแรกไม่มีผิด...
“ถึงแล้วเหรอยูล” เจสสิก้าพูดพร้อมปรือตาขึ้นมองบ้านของตัวเอง
“ใช่..ถึงแล้ว สิก้าอย่าลืมอาบน้ำนอนเร็วๆนะเดี๋ยวไม่สบายแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ยูลจะมารับไป
“หนิ...มาเป็นคนขับรถให้สิก้าเลยมั้ย” เจสสิก้าพูดติดตลกให้ยูริ ทั้งสองยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“เอ่อ...คือว่า..ยูล”
“มีอะไรเหรอยูล” เจสสิก้าถามขึ้นเมื่อคนที่นั่งข้างๆอ้ำอึ้งอยู่นาน
“ยูลขอเรียกสิก้าแบบนี้ได้มั้ย...คือเรียกเจสมันไม่ติดปากน่ะ” ร่างสูงพูดพร้อมเอามือเกาหัวตัวเอง..
“คิดว่าได้มั้ยล่ะ...ควอนยูริ!!” ร่างบางทำเสียงเย็นชาใส่ร่างสูงเพราะนึกอยากจะแกล้ง...จะมา
“ถ้าคุณไม่ให้ฉันก็ขอโทษนะ” ร่างสูงหน้าเสียจึงรีบกล่าวขอโทษร่างบางไป
“หนิ..หันหน้ามาซิ” ร่างบางบอกพลางหันข้างเพื่อจะได้มองร่างสูงได้สะดวก
“ห้ะ....อื้อ......อืม” ร่างบางจุมพิษร่างสูงอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนานก่อนที่จะถอนออกมา
“อยากเรียกก็เรียก..ใครห้ามล่ะ” เจสสิก้าพูดก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงรถ
“เดี๋ยว...มาทำให้อยากแล้วจากไปเลยนะ..ยัยเป็ด” ยูริพูดขึ้นก่อนจะออกแรงกระตุกแขนร่างบางจนร่างบางต้องล้มลงกลับมานั่งที่เดิม
“แล้วทำไมยะ..ไอ่ลิงหื่น” เจสสิก้าก็ไม่ยอม..ต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ในรถนานสองนานจนเถียงกัน ภายในรถ
จึงมีเสียงหัวเราะที่แสดงให้เห็นถึงความสุขของกันและกัน แต่เถียงกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ร่างบางถึงไปนั่งอยู่บนตักของร่างสูงซะได้...นี่มันในรถนะเนี่ย...โอ้ววว!!!
“สิก้า...คืนนี้ฝันดีนะ” ร่างสูงพูดก่อนจะกระชับกอดร่างบางที่อยู่บนตักและซบลงที่หลังของร่างบาง
“อื้ม..รู้แล้ว ก็ปล่อยสักทีสิมือเนี่ย” เจสสิก้าพูดพลางมองดูมือที่โอบกอดเธอจากด้านหลัง...น่าขันสิ้นดีเมื่อกี้ยังทะเลาะกันอยู่เลย เสียท่าจนได้นะเรา เฮ้อออออออ....
“พรุ่งนี้เจอกันนะ...แล้วก็..เอ่อ..” ร่างสูงพูดเสียงติดขัดแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากร่างบางแต่ร่างบาง
“แล้วก็อะไร...พูดให้มันดีดีนะ” ร่างบางพูดขึ้น เธอยอมรับว่าเมื่อเห็นทิฟฟานี่อยู่กับแทยอนเธอเจ็บมาก...แต่ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้ยูริมันเรียกว่ารักหรือเปล่า...แค่รู้ว่าทุกครั้งที่มีปัญหาคนๆนี้จะเข้ามาช่วยเธอเสมอ แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่ก็สามารถสัมผัสได้...บอกตามตรงว่ารู้สึกดี...^^
“แล้วก็...เอ่อ...อย่าลืมห่มผ้านะยูลเป็นห่วง” เพียงแค่คำพูดสั้นๆเพียงเท่านี้ทำเอาร่างบางบนตักเขินอายจนหน้าแดงไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้
“รู้แล้ว...ยูลก็นอนเร็วๆนะเดี๋ยวไม่สบาย ตอนกลางคืนอากาศมันเย็น” เจสสิก้าพูดพร้อมหันหลังเพื่อมองร่างสูง มือข้างหนึ่งของร่างบางจับที่ปลายคางของร่างสูงพร้อมเชยคางขึ้นและจุมพิษเบาๆที่จมูกของอีกคนทำเอาคนที่อยู่ใต้ร่างบางสะท้านไปทั่วร่างกาย
“รู้แล้ว สิก้าไปอาบน้ำเลย..เหม็นจะแย่อยู่แล้ว” ยูริพูดพลางเปิดประตูรถและอุ้มร่างบางลง
“ย่ะ...ไอ่ลิงหื่น ฝันถึงกันบ้างนะ” เจสสิก้าพูดและวิ่งเข้าบ้านไปทิ้งให้ยูริยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า แบบนี้เค้าเรียกว่ารักมั้ยนะ...ยูลไม่รู้ว่ายูลรักสิก้ามั้ย..แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสิก้ารักยูลหรือเปล่า..รู้แค่ว่ายูลไม่อยากเห็นสิก้าร้องไห้อีก..
ยูลจะดูแลสิก้าเอง เมื่อนึกได้เช่นนั้นยูริก็ขับรถกลับหอไปเพราะอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจะได้มารับเจ้าหญิงของตัวเอง
ทางด้านทิฟฟานี่และแทยอนที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยมาจนค่ำและดึก
“เดี๋ยวแทขอไปคุยงานแปปนึงนะฟานี่” แทยอนพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปแต่ซันนี่ก็เดิน
“ไม่หลับไม่นอนนะ...ซันนี่” ทิฟฟานี่พูดพลางมองดูเพื่อนของตนเองที่ทำหน้าจะกินเลือด
“ยัยทิฟ...เธอไม่ควรโกหกคุณแทยอนเขาแบบนั้นรู้มั้ย...มันเสียความรู้สึกนะ” ซันนี่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เพื่อนของเธอทำมันผิด..
“ซันนี่ก็...ก็ฟานี่อยากรู้ว่าแทแทเขาจะเป็นห่วงฟานี่มั้ยถ้าฟานี่เป็นอะไรขึ้นมา” ทิฟฟานี่พูดขึ้น
“เธอก็น่าจะได้คำตอบแล้วนะ...ถ้าเขาไม่ห่วงเธอคงไม่มาเฝ้าตั้งแต่เธอยังไม่ฟื้นจนเธอฟื้นขึ้นมาหลอกเขาแบบนี้หรอก..ยัยหมีขาว” ซันนี่สวดยาวเพื่อนของตน...แผนบ้าอะไร..ทำแบบนี้แม่ไม่ว่าเหร๊อ!!!
“รู้แล้วน่า...ซันนี่ก็” ทิฟฟานี่ร้องขึ้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิด..แต่เธอก็มีสิทธิที่จะรู้ไม่ใช่เหรอว่าคนที่เธอกำลังจะยินยอมมอบหัวใจให้เป็นคนดีอย่างที่เธอคิดหรือเปล่า
“แล้วถ้าคุณแทยอนเขารู้เธอจะทำยังไง” ซันนี่ร้องถามขึ้น
“รู้ว่าอะไร....” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังซันนี่แต่ก็ไม่ทันที่จะห้ามซันนี่ก็หลุดปากพูดไป
“ก็รู้ว่าเธอโกหกเขาว่าความจำเสื่อมน่ะสิ” ซันนี่รีบปิดปากตัวเองเมื่อรู้ว่าเธอพูดอะไรออกไป
“ซันขอตัวนะ” ซันนี่ผู้มีความรับผิดชอบสูงวิ่งหนีกลับไปยังห้องของตนทันที
“แทแท...” ทิฟฟานี่ร้องขึ้นเมื่อสีหน้าของแทยอนแสดงให้เห็นถึงอารมณ์โกรธและน้อยใจ
“ฟานี่โกหกแททำไม” น้ำเสียงแข็งถูกเอื้อยเอ่ยออกมาจากปากของร่างเล็ก
“ฟานี่ขอโทษ...ฟานี่ก็แค่อยากจะรู้ว่าถ้าฟานี่เป็นอะไรขึ้นมา แทแทยังจะรักและเป็นห่วงฟานี่อยู่มั้ย”
“คงไม่จำเป็นหรอกมั้ง...เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันคุณทิฟฟานี่” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้
“แทแท...อย่าทำแบบนี้ ฟานี่ขอร้อง” ทิฟฟานี่พูดพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลรินของตน
“อย่าร้องเลย...เราไม่รู้จักกันแล้วคุณจะร้องไห้ให้ฉันทำไม” ร่างเล็กยังไม่เลิกประชด...นี่เห็นฉันเป็นของเล่นหรือไงทิฟฟานี่
“ฟานี่ขอโทษจริงๆ...แทแท” ทิฟฟานี่ไม่พูดเปล่า เธอเดินลงมาจากเตียงและโผกอดร่างเล็กตรงหน้า ทำให้ร่างเล็กตรงหน้าสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงน้ำตาของร่างอวบ
“ฟานี่ไม่ได้แกล้งแทแทนะ...ฟานี่แค่อยากมั่นใจกับความรู้สึกของแทแทว่าแทแทรักฟานี่จริง...ฟานี่ต้องการแค่นี้ไม่ได้มีเจตนาจะโกหกแทแทนะ” เมื่อร่างเล็กฟังก็ถึงกับอมยิ้มออกมา...ดีนะที่เมื่อกี้ไอ่ลิงมันโทรมาบอกงานเลยรวดบอกแผนของทิฟฟานี่หลังจากไปส่งคุณเจสสิก้าเสร็จ ไม่งั้นฉันคงไม่มีทางตามแผนของเธอทันแน่แน่...ทิฟฟานี่
“แล้วคุณทำแบบนี้ทำไมในเมื่อคุณก็ไม่ได้รักฉัน” ร่างเล็กยังไม่เลิกเล่นละคร
“ใครบอกว่าฟานี่ไม่รักแทแท” ฟานี่พูดทั้งน้ำตา
“รักแน่เหรอ..คุณทิฟฟานี่” ร่างเล็กเริ่มกดดันร่างอวบในอ้อมกอดมากขึ้น
“ฟานี่มั่นใจแล้วว่าฟานี่รักแทแท...รักมากด้วย ขอร้องล่ะอย่าทำแบบนี้กับฟานี่เลย...ฟานี่เจ็บ”
“แทแทก็รักฟานี่..รักมากด้วย คนดีของแทอย่าร้องนะคะ” ร่างเล็กกอดตอบร่างอวบอย่างโหยหา...
“ฮึก..มะกี้แทแทว่าไงนะ” ร่างอวบเพิ่งนึกได้ว่าร่างเล็กบอกรักเธอจึงถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ
“หยุดร้องได้แล้วนะ...แทรู้แผนของฟานี่หมดแล้ว...แทแค่แกล้งฟานี่เล่นเอง อย่าร้องนะ”
“แทแท!” ทิฟฟานี่เมื่อรู้ว่าตนเองถูกเอาคืนก็งอนคนตรงหน้า...ไอ่เราก็นึกว่าโกรธจริงๆ
“โอ๋...อย่างอนนะคะ แทง้อๆ” แทยอนพูดและชูนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อให้ร่างอวบเกี่ยวก้อยและก็อย่างว่า...คนงอนก็คือคนงอนใครจะยอมกันง่ายๆล่ะ เมื่อแทยอนเห็นว่าอีกคนไม่ยอมและเดินหนีเขาจึงเดินถาม
“ไปไหนก็ไปเลยคนนิสัยไม่ดี” ทิฟฟานี่พูดใส่คนที่เดินตามเธอ
“แต่ฟานี่แกล้งแทก่อนนะ...แทก็แค่เอาคืนเองง่ะ” แทยอนพูดพร้อมฉุดข้อมือร่างอวบไว้...แต่มีเหรอที่ร่างอวบจะยอม ร่างอวบสบัดทิ้งและรีบเดินขึ้นเตียงไปแต่ก็ต้องตกใจเมื่อบนเตียงไม่ได้มีแค่เธอแต่กลับมีร่างเล็กอยู่ข้างๆด้วย แทยอนใช้มือของตนโอบกอดร่างอวบไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก...ตอนนี้ทั้งคู่กอดกันอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
จะติดอยู่ก็แค่ร่างอวบไม่ได้หันหน้ามาสบตาร่างเล็กเท่านั้นเอง
“แทขอโทษนะคะ...ฟานี่อย่างอนแทนะ” แทยอนพูดและเอาหน้าซบลงที่ไหล่ของร่างอวบ
“แทแทอะ....อื้อ..” ร่างอวบร้องขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าคนข้างๆจะทำมากกว่าง้อเธอซะแล้ว ก็แทยอนเล่นสำรวจคอของเธออย่างกับว่าเป็นของเล่นชิ้นใหม่...นี่ถ้าเธอเคลิ้มไปด้วยจะว่ายังไง
“ฟานี่น่ากินจัง..” แทยอนพูดขึ้นทำเอาทิฟฟานี่หันหน้ามามองทันที
“แทยอนทะลึ่ง!!” แทยอนอมยิ้มกับแผนของตัวเองที่ทำให้ร่างอวบหันมาได้
“ทะลึ่งแล้วรักมั้ยล่ะ” คำถามนี้ทำเอาหน้าของทิฟฟานี่ขึ้นสีทันที...โอ๊ยยยย!! เขินนนนน
“บ้า!” ทิฟฟานี่คงไม่สามารถตอบได้มากกว่านี้เพราะเธอเขินจนพูดไม่ออกแล้ว
“ลงไปเลยฟานี่จะนอนแล้ว” ทิฟฟานี่พูดไล่ร่างเล็กที่กอดเธอและไม่มีวี่แววว่าจะปล่อย
“ก็นอนด้วยกันนี่แหละ อุ่นดีออก” แทยอนพูดพลางหลับตาลงช้าๆและกระชับกอดร่างอวบมากขึ้น
“แทแทเจ้าเล่ห์...ฝันดีนะคะ” ทิฟฟานี่พูดพร้อมกับซุกหน้าของตนเข้าที่ไหล่ของแทยอน
“ฝันดีคะ แม่หมีของแท” สิ้นเสียงนี้ทั้งสองก็เข้าสู่ห่วงนิทรา ค่ำคืนนี้เหมือนจะมีแต่สองคนที่สัมผัสได้ถึงความรักของกันและกันโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดๆออกมา...เพียงแค่ยังรู้ว่าคนที่ตนรักก็รักตนเช่นกัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มต้นของความรัก..หรืออาจจะมากไปด้วยซ้ำ
..TO BE CONTINUED..
ไรเตอร์ : ตอนนี้ยาวมากๆๆๆๆๆ แททิฟก็หวานได้อีก...ยูลสิกก็ไม่แพ้กัน บางทีไรเตอร์ว่าความรักอาจไม่ต้องการเวลาก็ได้...บางทีเวลาเราเจอใครครั้งแรกก็สามารถหลงรักได้โดยไม่มีเหตุผล และบางทีเวลาที่เราอ่อนแอถ้าหากได้ใครสักคนเข้ามา...ความรู้สึกบางอย่างอาจเข้ามาทำให้เราไขว้เขวได้เช่นกัน ไม่รู้ว่ารีดเดอร์คิดเหมือน
ไรเตอร์สัญญาสอบเสร็จจะลงทันทีเลยจ้ะ โชคดีกับการสอบปลายภาคนะคะทุกคน (บอกตัวเองหรือเปล่า) 5555555+
ความคิดเห็น