ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD] :: WAVER HEART เธอคนนี้ ฉันขอก(อ)ด :: มีทุกคู่

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 5 : ขอโทษ

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 54



    CHAPTER 5 : ขอโทษ

     

    พลึบ!

    พลึบ!

    พลึบ!

    พลึบ!

     

                    เฮ้ย...ไอ่แทไฟดับ รีบไปดูสามสาวนั่นเร็ว   ยูริร้องขึ้นหลังจากไฟดับลงและเปิดไฟฉายอันเล็กที่นำติดตัวมาด้วยเพื่อนำทางเพราะในงานทั้งมืดและแออัดมาก

                   เอ่อๆ ก็รีบอยู่เนี่ยแต่แกเห็นมั้ยว่าไฟมันดับอะ ฉันมองไม่ค่อยเห็น   แทยอนโต้กลับมา ใช่ว่าแทยอนไม่ห่วง

    ทิฟฟานี่ซะเมื่อไหร่  แทยอนแทบจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะกลัวว่าทิฟฟานี่จะอยู่ในอันตราย  อาการที่แสดงออกมาจึงดูเป็นห่วงเกินหน้าเกินตายูริที่เดินตามไปก็อดสงสัยอาการลุกลี้ลุกลนของเพื่อนตนเองไม่ได้  

     

     

                   เมื่อถึงโต๊ะของสามสาวยูริก็ใช้แสงไฟจากไฟฉายส่องดูตำแหน่งของทั้งสามเพื่อจะได้คุ้มกันถูก

     

     

                   ฟานี่..ไม่เป็นไรนะคะ   แทยอนร้องขึ้นเมื่อเห็นทิฟฟานี่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่โต๊ะ

                   ฮึก..ฮือ ฟานี่กลัวจังเลยแทแท ฟานี่กลัวความมืด   เมื่อทิฟฟานี่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เผชิญหน้ากับความมืดเพียงแค่คนเดียวหลังจากที่ซันนี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำได้สักพัก   ทิฟฟานี่ก็ถึงกับกอดแทยอนแน่นทีเดียว

                   ไม่เป็นไร..แทอยู่นี่แล้วนะคะ   แทยอนปลอบขวัญทิฟฟานี่ยกใหญ่เมื่อจู่ๆทิฟฟานี่ก็กอดแทยอนแน่นขึ้นอีก  

    ทำให้แทยอนหน้าขึ้นสี แต่ดีที่ไฟดับทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นใบหน้าของเขา

                   เอ่อ..คุณทิฟฟานี่คะ แล้วคนอื่นล่ะคะ   ยูริร้องถามขึ้นเมื่อคนที่ควรจะอยู่ด้วยอีกสองคนหายตัวไป

                   อ่อ เจสออกไปเดินเล่นคนเดียวได้สักพักแล้ว นี่ก็ยังไม่กลับมาเลย ส่วนซันนี่ไปเข้าห้องน้ำค่ะ   ทิฟฟานี่บอกยูริและเหมือนว่ายูริจะสติแตกไปแล้วเมื่อได้ยินว่าเจสสิก้าออกไปเดินเล่นคนเดียวแต่ยังไม่กลับมา  จนแทยอนที่สังเกตดูอาการอยู่ข้างๆพูดขึ้น

                   ถ้าเป็นห่วงมากก็ไปตามหาสิ เดี๋ยวฉันดูแลฟานี่กับคุณซันนี่ให้

                   ฝากด้วยนะไอ่แท..เดี๋ยวฉันมา   ยูริพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกตามหาคนที่ทำให้เขาไม่อยากเจอหน้าเป็นครั้งที่สามด้วยท่าทางเร่งรีบ

                   นี่แกคงไม่ได้ชอบคุณเจสสิก้าหรอกนะ...เฮ้อออออ   แทยอนพูดขึ้นพลางมองร่างที่กอดตนแน่นก็นึกขำที่ขนาดยังรู้จักกันได้ไม่นานถ้ารู้จักกันนานกว่านี้จะทำมากกว่านี้มั้ยนะ...^^

                   แทแท..   ทิฟฟานี่ร้องขึ้น

                   คะฟานี่ มีอะไรเหรอ   แทยอนถามร่างกอดเขาตัวสั่นอยู่แต่เมื่อเห็นอาการไม่ค่อยดี  แทยอนจึงถอดเสื้อสูทและจัดการคลุมไหล่ให้กับทิฟฟานี่เพราะบางทีอาการสั่นของร่างในอ้อมกอดอาจมีสาเหตุมาจากอากาศหนาวก็เป็นได้

                   แทแท ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ฟานี่ไม่ค่อยหนาวหรอกแค่ร้องถามขึ้นเผื่อว่าแทแทจะหายไป ฟานี่กลัว   ทิฟฟานี่พูดออกมาเหมือนเด็กน้อยที่กลัวว่ามารดาของตนจะหายไปหลังออกจากสวนสนุกแต่มันก็ทำให้แทยอนรู้สึกดีขึ้นมากเช่นกัน

                   แทไม่มีวันทิ้งฟานี่หรอกคะ...ฟานี่ไม่ต้องกลัวนะ  แทยอนตอบพร้อมกับค่อยๆโน้มหน้าตนเองลงไปหาร่างอวบที่อยู่ในอ้อมกอดเหมือนมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ทำให้ทั้งสองค่อยหลับตาลงช้าๆ  ริมฝีปากของแทยอนค่อยๆก้มต่ำลงเรื่อยๆจนในที่สุดริมฝีปากของแทยอนก็แตะที่หน้าผากของทิฟฟานี่อย่างช้าๆแต่ก็แฝงความอ่อนโยนและความรู้สึกที่ดีๆที่แทยอนมีให้ทิฟฟานี่มากมาย   แทยอนค่อยๆละจากหน้าผากของทิฟฟานี่ช้าๆและก้มหน้าลงมาจนถึงปากของทิฟฟานี่   ทิฟฟานี่ก็แอบตกใจกับสัมผัสและการกระทำของคนตรงหน้าที่มอบให้กับเธอ  แต่เธอก็ยินดีและเต็มใจรับสัมผัสที่แทยอนมอบให้  แต่ทิฟฟานี่ก็กลัวแขกคนอื่นจะเห็นเธอจึงรวบรวมสติและพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา

     

                   แทแทคะ   เมื่อแทยอนได้ยินก็ถึงกับหลุดจากภวังค์ของตนเอง เขาอยากจะขอโทษคนตรงหน้ามากเพราะเขาเองที่ปล่อยอารมณ์และความรู้สึกมากเกินไปจึงได้ทำอะไรแย่ๆลงไป

                   ฟานี่..แทขอโทษค่ะ แทขอโทษจริงๆ แทไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นนะคะ   แทยอนพูดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทิฟฟานี่แอบขำเสียงของแทยอนที่ฟังดูไม่เป็นภาษา

                   แทแท...อยู่เฉยๆสิคะ ฟานี่หนาว   ทิฟฟานี่พูดขึ้นและกระชับกอดแทยอนมากขึ้นทำให้แทยอนงงกับการกระทำของร่างอวบ แต่จะเป็นยังไงก็ช่างตอนนี้เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตลอดไปเมื่อคนที่เขารักกำลังกอดกับเขา ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจนไม่สามารถลืมเลือนได้

                   แทขอโทษจริงๆนะคะ   แทยอนยังไม่ลดความพยายามที่จะขอโทษทิฟฟานี่ อาจเป็นเพราะเขารู้สึกผิดมากจริงๆที่ทำกับทิฟฟานี่แบบนั้นทั้งๆที่ทิฟฟานี่เองก็ไม่ได้เต็มใจ

     

                   (ไรเตอร์ : แน่ใจนะว่าไม่เต็มใจอะ ) 

                   (ทิฟฟานี่ : เอ๊ะ! ไรเตอร์แต่งเองนะ) 

     

                   แทแทคะ...มีใครเคยเรียกแทยอนแบบนี้มั้ย   จู่ๆทิฟฟานี่ก็ถามขึ้นเหมือนจะไม่ฟังคำขอโทษของแทยอนเลยด้วยซ้ำ

                   หืม...ไม่มีหรอกค่ะ ทำไมเหรอ   แทยอนตอบไปแต่ก็แอบหวังเล็กๆว่าทิฟฟานี่อาจจะชอบตนบ้าง

                   ก็ดีค่ะ...เพราะฟานี่เรียกได้คนเดียว   ทิฟฟานี่พูดขึ้นและมองหน้าแทยอนซึ่งก็ทำให้แทยอนอึ้งกับการกระทำของทิฟฟานี่   นี่คงไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย....ฟานี่

                   อ..อะไรนะคะ   แทยอนถามทิฟฟานี่เพราะกลัวว่าทิฟฟานี่จะแกล้งตนเล่น

                   แทแท...แทแทชอบฟานี่เหรอคะ   ทิฟฟานี่ถามแทยอนซึ่งๆหน้า ซึ่งมันก็ทำให้แทยอนอึ้งจนไปต่อไม่ถูก

                   ตอบมาเถอะค่ะ...ฟานี่ไม่ว่าอะไรแทแทหรอก  ทิฟฟานี่พยายามให้แทยอนพูดคำนั้นออกมาจากปากของเขาเพราะเธอต้องการรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของอีกคน

                   แทไม่รู้..   แทยอนตอบออกมา

                   แทแทไม่รู้ แสดงว่าแทแทไม่ได้ชอบฟานี่ใช่มั้ย   ทิฟฟานี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง เธออุตส่าห์หวังว่าแทยอนจะพูดว่าชอบเธอออกมา แต่กลับไม่ใช่...ฟานี่คงคิดไปเองสินะ

                   แทไม่รู้...ไม่รู้ว่าแทมีความรู้สึกนี้เมื่อไหร่ แทไม่รู้ว่าแทชอบฟานี่ตอนไหน แต่แทรู้แค่ว่าแทชอบฟานี่ถึงจะเป็นเวลาแค่วันเดียวก็ตาม แต่แทคิดว่าแทหลงรักฟานี่เข้าเต็มๆเลยล่ะ   เมื่อสิ้นเสียงนี้แทยอนก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี  ด้านทิฟฟานี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริจนหุบไม่อยู่เช่นกัน นี่แค่วันเดียวนะเนี่ย.....จะหวานกันไปไหน?

                   แทบอกไปแล้ว...ฟานี่คงเกลียดแทมากใช่มั้ย แทเป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆมาบอกว่าชอบฟานี่ฟานี่คงตกใจมาก  แต่ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าฟานี่ไม่ชอบ แทก็จะไม่ยุ่งกับฟานี่อีกค่ะ”   แทยอนพยายามคลายกอดร่างอวบแต่ก็ต้องแปลกใจที่ร่างอวบกลับกอดแทยอนแน่นขึ้นกว่าเดิม

                   ถ้าแทแทชอบฟานี่จริงๆ...ฟานี่จะให้โอกาสแทแท แต่ต้องรีบหน่อยนะเพราะเดี๋ยวมีคนมาเอาฟานี่ไปจากแทแท ฟานี่ไม่รู้ด้วยนะคะ   ทิฟฟานี่ตอบออกไปก็ทำให้แทยอนยิ้มแก้มปริทันทีหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้

                   รอแทก่อนนะคะ...แทจะทำให้ฟานี่เห็นว่ารักแรกพบของแทก็สามารถเป็นรักสุดท้ายของแทได้ ว่าแต่ฟานี่ล่ะจะไม่มีคนอื่นแน่นะ   แทยอนพูดแกล้งทิฟฟานี่เล่นๆแต่ก็ทำให้ทิฟฟานี่คิดหนักอยู่เหมือนกัน

                   นั่นสิ...ฟานี่ก็ไม่แน่ใจ ไหนจะคนนั้นคนนี้หล่อๆนิสัยดีเต็มไปหมด   ทิฟฟานี่ตั้งใจตอบยียวนกวนประสาทแทยอน และมันก็ได้ผลเพราะแทยอนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

     

                       “แทไม่ยอมให้ฟานี่มีใครหรอก...เพราะฟานี่ต้องเป็นของแทคนเดียว   
                    

    แทยอนก้มหน้าลงไปหาทิฟฟานี่และกระซิบที่หูของร่างอวบก่อนจะชิงหอมแก้มของทิฟฟานี่และมันก็ทำให้ทิฟฟานี่หน้าขึ้นสีเพราะเขินคนตรงหน้ามาก

    ขอให้มันจริงเถอะ..คิมแทยอน   ทิฟฟานี่พูดเสร็จก็ตีเข้าที่แขนของแทยอนคนอะไรให้โอกาสแค่นี้เหลิงเชียวนะ...น่าหมั่นไส้จริงๆ

     

    .

    .

    .

    .

     

     

                   ไอ่ลิงบ้า...กล้าดียังไงมาด่าฉันห้ะ! รู้มั้ยว่าฉันลูกใคร..ไอ่ลิงบ้า อ๊ายยยยยยยย!!!”   เมื่อเจสสิก้าเดินออกมานอกงานได้ก็หาที่ระบายอารมณ์เงียบๆอยู่คนเดียว ทำเลที่ได้จึงเป็นสวนริมน้ำที่มีการตกแต่งสวยงามสไตล์ยุโรปผสมกับความทันสมัยเล็กน้อยทำให้ดูมีมิติและมีชีวิตชีวามากขึ้น เจสสิก้านั่งบ่นมาได้สักพักก็เริ่มรู้สึกหนาวเพราะอากาศในตอนค่ำค่อนข้างเย็นร่างบางจึงกำลังจะเดินกลับเข้างานแต่ก็มีชายท่าทางไม่น่าไว้ใจสามคนยืนล้อมเธออยู่

                   หนีสิ..ฉันจะกลับเข้างาน!!”   ร่างบางนึกว่าชายทั้งสามเป็นตำรวจทั่วไปที่มาคุมงานจึงตะคอกใส่หน้าไป

                   เกรงว่าจะไม่ได้นะครับ..เพราะคุณต้องไปกับพวกเรา   หนึ่งในนั้นพูดขึ้นและวิ่งเข้ามาจับตัวของเจสสิก้าที่ตกใจและกรีดร้องออกมาเสียงดัง  

                   กรี๊ด.....ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!”   ถุงกระสอบขนาดใหญ่ถูกคลุมตัวของเจสสิก้าส่งผลให้เสียงของร่างบางเบาลงแต่ก็ยังดีที่ใครบางคนได้ยินเสียงของร่างบางก่อนที่เธอจะถูกจับใส่กระสอบ

     

                   เจสสิก้า!!...อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ   ยูริที่เดินออกตามหาเจสสิก้าได้สักพักก็เดินออกมาดูที่สวนภายนอกงานแต่ก็ต้องตกใจเมื่อยูริได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวและยูริก็จำเสียงนั้นได้ดี เสียงที่คอยใส่ร้ายและดูถูกความหวังดีของคนอื่น...เธออย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเจสสิก้า   ยูริรีบวิ่งไล่ตามเสียงนั้นไปจนถึงบริเวณที่ชายทั้งสามวางร่างบางที่ถูกคลุมด้วยถุงกระสอบลง ด้านหลังโรงแรมเป็นสวนหย่อมขนาดย่อมเมื่อยามค่ำคืนจึงไร้ซึ่งผู้คนซึ่งต่างจากตอนกลางวัน  ชายทั้งสามท่าทางเหมือนทะเลาะกันไปมา ยูริที่ตามไปถึงก็แอบเฝ้าดูท่าทีของชายแปลกหน้าทั้งสาม

     

                   เฮ้ย..ก็ข้าเป็นคนจับมาข้าก็ต้องได้ยัยนี่เป็นเมียก่อนสิวะ   ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

                   เฮ้ย..ได้ไงวะ ก็ข้าเป็นหัวหน้าข้าก็ต้องได้ก่อนสิ   ชายผู้เป็นหัวหน้าพูดขึ้น

                   งั้นก็ทีละคนเลยละกัน จัดการให้เสร็จๆจะได้จบๆ   สิ้นเสียงชายคนที่สามถุงกระสอบก็ถูกเปิดออกเจสสิก้าได้ทีจึงส่งเสียงร้องออกมา  ตอนนี้เธอต้องการแค่ใครสักคนที่พอจะช่วยเธอได้ในวินาทีสุดท้าย...เธอเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไร้ที่พึ่งพาอาศัยและไร้ซึ่งหนทางเพื่อความอยู่รอด..ใครก็ได้ช่วยฉันที  แต่จู่ๆเสียงของใครบางคนที่เธอเกลียดมากที่สุดก็เข้ามาในหัวและนั่นทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองที่ต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้

     

     

                   ดี!..งั้นเวลาคุณจะตายก็ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนะ   เพราะถ้าหากฉันเป็นคนเดียวที่ช่วย

    เหลือคุณได้ในตอนที่คุณตกอยู่ในอันตราย ฉันก็จะไม่มีทางช่วยคุณเลย จำเอาไว้เจสสิก้า จอง!!!”

     

     

                   ฮือ...ปล่อยฉันไปเถอะ..ฉันขอร้องล่ะนะ พวกนายอยากได้อะไรเดี๋ยวฉันจะบอกพ่อฉันให้ ขออย่างเดียวปล่อยฉันไปเถอะ ฮึกๆ...   เจสสิก้าพูดร้องขอชายทั้งสามที่กำลังเปลื้องเสื้อผ้าของคนเองออก

                   มันคงไม่ทันแล้วล่ะ ทนหน่อยแล้วกัน เจ็บแป๊ปเดียวก็หาย   หนึ่งในชายทั้งสามพูดขึ้นพร้อมฉีกเสื้อผ้าของร่างบางออกทีละส่วนเพื่อให้สะดวกต่อกิจกรรมที่จะดำเนินต่อไป  เสียงสะอื้นไห้ไม่มีทีท่าว่าหยุดมีแต่จะดังขึ้นเรื่อยๆ  แต่ก็ไม่ทันที่กิจกรรมเลวทรามของชายทั้งสามจะเริ่มขึ้นก็........

                   ปัง! ปัง!”   ยูริใช้ปืนเก็บเสียงยิงเข้าเข้าที่ลำตัวของชายสองคนที่มัวแต่ถอดอาภรณ์ของร่างบางอยู่โดยไม่ทันดูชายที่เป็นหัวหน้าที่เดินย่องเข้ามาด้านหลัง

                   ปัง!”   อ๊าย!”   เสียงปืนดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของร่างบางที่สภาพไม่ต่างจากหญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ช่างดูโทรมและไม่เหมาะกับฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็งของเธอเลย  หลังจากที่ยูริจัดการกับชายคนสุดท้ายเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปหาเจสสิก้าทันที

                   เจสสิก้า!   คุณเป็นอะไรมั้ย   เจ็บตรงไหนมั้ย   ยูริถอดเสื้อสูทของตนให้เจสสิก้าเพื่อปกคลุมเรือนร่างที่บอบช้ำก่อนที่จะถามร่างบางตรงหน้า

                   เจสสิก้า...คุณตอบฉันสิ   ไอ่เลวพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรคุณใช่มั้ย   ยูริถามร่างบางแต่เหมือนไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยใดๆออกมาจากปากของร่างบาง ร่างสูงจึงพยุงเธอไปนั่งที่ม้านั่งข้างสวนริมน้ำ

     

                   ฮึก.....ฮึก....ฮือ....ฮือ..   ร่างบางโผเข้ากอดร่างสูงตรงหน้า  ตอนนี้ร่างบางคงช็อกและหวาดกลัวไปหมด  เรี่ยวแรง ความเยือกเย็นและความเด็ดเดี่ยวมันหายไปไหนหมดนะ....ร่างบางตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง

                   คุณไม่เป็นไรนะ...ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรคุณได้แล้วนะ   ยูริกอดปลอบร่างบาง ยูริไม่น่าพูดแรงๆใส่ร่างบางเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด ร่างบางในอ้อมกอดของเขาตอนนี้ควรได้รับแต่สิ่งที่ดีและเหมาะสมไม่ใช่การขืนใจแลถูกกระทำสิ่งที่เลวทรามเช่นนี้  

     

    .

    .

                   เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที  

    .

    .

     

                   ร่างบางคลายกอดร่างสูงอย่างช้าๆหน้าตาที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาและคราบน้ำตา...ช่างน่าสงสารสุดหัวใจ  ยูริยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสายของร่างบางตรงหน้า  ร่างบางเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกโกรธร่างสูงขึ้นมา

                   เพราะนาย...นายคนเดียว   ฮือๆๆ   ร่างบางโทษร่างสูงที่เช็ดน้ำตาให้เธอตรงหน้า  ก็ถ้าไม่ใช่ความผิดของร่างสูงจะเป็นความผิดของใคร..ก็ที่ร่างบางออกมาข้างนอกจนเกือบถูกข่มขืนเช่นนี้ก็เพราะร่างสูงที่ตะคอกใส่ร่างบางทำให้ร่างบางโกรธมากจึงต้องออกมาข้างนอก...เพราะฉะนั้น  นายนั่นแหละที่ผิด ควอน ยูริ!!

     

                   ฉันขอโทษ...ขอโทษจริงๆ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง   ร่างสูงกล่าวขอโทษก่อนที่จะดึงร่างบางมาเข้ากอด  แนบแน่น เนิ่นนานและแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความห่วงใยถึงจะสัมผัสได้ไม่มากแต่ในเวลานี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าร่างสูงจะเกลียดหรือไม่ชอบนิสัยของร่างบางแต่เขาก็ไม่ต้องการเห็นน้ำตาของใครเพราะมันยิ่งทำให้เห็นถึงความเจ็บปวดและความสะเทือนใจ

     

                   ทำไมนายต้องพูดแบบนั้นด้วย...ฉันเกลียดนาย...ฉันเกลียดนาย! ได้ยินมั้ย ควอน  ยูริ   ฮือๆๆ   ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงทุบตีร่างสูงอย่างหนักแต่ร่างสูงก็ยอมให้ร่างบางทำตามที่เธอต้องการ  ร่างสูงไม่ขัดขืนหรือตอบโต้ใดๆจะมีก็แต่กอดปลอบร่างบางไปเรื่อยๆเพื่อจะเยียวยาร่องรอยบาดแผลที่ยังคงค้างคาในจิตใจ

                   ฉันขอโทษนะเจสสิก้า..ใช่ มันเป็นความผิดฉันเอง  เจ้าหญิงแบบคุณไม่คู่ควรกับคำด่าที่บั่นทอนจิตใจแบบนั้น หยุดร้องไห้ได้แล้ว..ไม่สวยแล้วรู้มั้ย เดี๋ยวคนแถวนี้เขาก็เอาไปนินทากันน่ะสิว่าลูกสาวมาเฟียชื่อดังร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านนะ...หยุดร้องนะคนดี   เมื่อร่างบางได้ยินคำปลอบประโลมจิตใจของร่างสูงที่คอยเช็ดน้ำตาให้เธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะคนอย่างร่างสูงน่ะเหรอจะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น..ที่สำคัญยังมาเรียกฉันว่าคนดี  ผ่านไปสักพักเจสสิก้าก็หยุดร้องไห้และกลับสู่โหมดปกติ ทั้งสองเดินผ่านสวนริมน้ำเพื่อเดินกลับเข้างานเลี้ยงที่มืดหม่น(เพราะไม่มีไฟ)  ตลอดทางที่เดินมาไม่มีบทสนทนาใดๆจากทั้งสองจนเจสสิก้าต้องตัดสินใจพูดขึ้น

                   ขอบคุณนะ...แล้วก็ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่คุณ   เจสสิก้าเอ่ยขอโทษขึ้นมา  หากทิฟฟานี่มาได้ยินคงอึ้งไปสามวัน คนอย่างเจสสิก้า จองน่ะเหรอจะขอโทษคนอื่นเป็น

                   อื้ม..มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่พูดแบบนั้นใส่   ยูริได้ทีก็ขอโทษร่างบางบ้าง

                   แต่นายก็อย่ามาพูดแบบนั้นใส่ฉันอีก..เข้าใจมั้ย ไอ่ลิงหื่น   เจสสิก้าได้ทีก็แกล้งร่างสูงตรงหน้า

                   นั่นไง..ทำคุณบูชาโทษซะจริง รู้แล้วน่า..ยัยเป็ดสิบแปดหลอด!!”   ยูริสบถออกมาแต่แน่นอนว่าคำสุดท้ายคงแผ่วเบาจนยูริได้ยินเพียงคนเดียว...ก็ท่าลองให้เจสสิก้าได้ยินสิ วันนี้คงไม่เหลือสภาพความเป็นคน

                   คราวหลังก็อย่าออกมาเดินสุ่มสี่สุ่มห้าคนเดียวแบบนี้อีกนะคุณ ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง   ยูริพูดก่อนจะจัดเสื้อสูทให้เจสสิก้า เจสสิก้ามองดูยูริอย่างพินิตพิจารณาแต่มันก็เป็นช่วงเดียวกับที่ยูริเงยหน้าขึ้นมาพอดีทั้งสองจึงสบตากันและก็ต้องหลบสายตากันไป  

                   รู้แล้ว..ไม่ต้องพูดถึงมันอีกได้มั้ย เอ่อฉันขอถามอะไรคุณหน่อยสิควอน ยูริ

                   หืม...อะไรเหรอ   ถ้าตอบได้ก็จะตอบ

                   ถ้าคุณเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยฉันได้ในตอนที่ฉันมีปัญหา...คุณเลือกที่จะไม่ช่วยฉันจริงๆน่ะเหรอ   ร่างสูงเมื่อได้ยินคำถามก็หยุดนิ่งสักพักก่อนจะเงยหน้าตอบร่างบางซึ่งมันก็ทำให้ร่างบางเบาใจลงบ้าง  อย่างน้อยก็ยังมีคนที่หวังดีต่อเธอ

                   ฉันตอบคุณไปแล้วหนิ...เมื่อกี้น่ะ ถึงคุณจะมีปัญหาหรือไม่มีฉันก็พร้อมจะช่วยคุณเสมอไม่ใช่เพราะหน้าที่แต่เป็นเพราะคนเราเกิดมาล้วนมีคุณค่าทั้งนั้นและไม่มีใครที่มีสิทธิไปตัดสินชีวิตของคนอื่น..อยู่ที่ว่าคนๆนั้นจะมองเห็นความหวังดีของเราผิดไปหรือเปล่า   ร่างบางได้ฟังก็ฉุดคิดได้ ทุกทีที่เจอกับร่างสูง..ร่างสูงก็จะคอยช่วยเธอแม้จะไม่รู้จักกันก็ตามแต่เธอเองที่เข้าใจความหวังดีของร่างสูงผิดไปทำให้เรื่องใหญ่โตบานปลาย..ที่จริงเรื่องทั้งหมดมันก็ผิดที่เธอเองไม่ใช่ที่เขาหรือใคร  

     

                   ร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดเช่นนั้นก็เงียบไปทำให้ร่างสูงสงสัยจึงสะกิดร่างบางที่ทำหน้าเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

                   เป็นอะไรหรือเปล่า..เจสสิก้า   ยูริร้องถามขึ้น

                   ปะ..เปล่า ฉันมันไม่ได้เรื่องเลยนะ มองความหวังดีของคนอื่นผิดไป  ฉันมันแย่จริงๆ   เจสสิก้าก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง

                   คุณน่ะไม่ผิดหรอก ไม่เคยผิดเลยด้วยซ้ำ อย่าร้องเลยนะ ฉันน่ะไม่มีค่าพอที่คุณจะร้องไห้ให้หรอก   ยูริพูดพร้อมดึงร่างบางเข้าหาตนพร้อมกอดปลอบคนตรงหน้า...ทำไมเจ้าหญิงน้ำแข็งถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ น้ำตามันไม่คู่ควรกับเธอเลยรู้มั้ย...เจสสิก้า

                    เจสสิก้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้คนตรงหน้าเห็นเพราะทุกครั้ง

    เมื่อเธอมีปัญหา เธอมักจะใช้เวลากับตัวเองแม้แต่พ่อของเธอก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเลยด้วยซ้ำ

     

                   ................  

     

                   ไร้เสียงเอื้อนเอ่ยใดๆจากร่างบาง  เมื่อร่างสูงเห็นเช่นนั้นจึงจับมือร่างบางเพื่อแสดงให้เห็นว่าร่างบางยังมีเขาอยู่

                   เข้างานกันเนอะ...แต่ชุดคุณเป็นแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย   ร่างสูงเพิ่งนึกได้ว่าสภาพของร่างบางตอนนี้มันช่างดูไม่ได้เอาเสียเลยจึงเสนอความคิดขึ้น

                   ฉันว่าฉันพาคุณกลับบ้านก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวทางนี้ฉันให้ไอ่แทจัดการให้

                   แล้วฟานี่ล่ะ...ฉันจะไปหาฟานี่   ร่างบางเพิ่งนึกได้ว่าคนที่แอบเธอรักยังอยู่ในงานจึงไม่ยอมกลับไปกับร่างสูง

                   คุณทิฟฟานี่มีไอ่แทดูแลอยู่น่ะ...ฉันว่าสิก้ากลับบ้านก่อนนะ ดูสภาพสิ   ร่างสูงบอกร่าบางตรงหน้า สิก้า   เมื่อกี้เขาเรียกเราว่าสิก้างั้นเหรอ..กล้าดียังไงมาเรียกฉันแบบนี้ห้ะ!!!  ฉันเก็บไว้ให้คนที่ฉันรักเรียกเท่านั้นย่ะ เมื่อยูริสังเกตเห็นสีหน้าของเจสสิก้าที่ดูเคร่งเครียดก็นึกได้ว่าเขาอาจจะพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

                   เอ่อ...ขอโทษนะที่เรียกคุณแบบนั้น ฉันขอโทษ   ยูริขอโทษร่างบางเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาพูดจาที่ดูสนิทสนมเกินความจำเป็น

                   อะ..อื้ม  ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ   เจสสิก้าพูดออกไปเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่ทำไมอวัยวะที่อยู่ข้างในด้าน

    ซ้ายของอกเธอถึงได้เต้นรัวและแรงแบบนี้เนี่ย!!!

                   งั้นเรากลับกันนะ...ไปกันเถอะ   ยูริพูดพร้อมจูงมือเจสสิก้าไปที่รถและสตาร์ทรถขับออกไป

     

     

     

                   ซูยองเมื่อรู้ว่าไฟดับจึงออกมาถ่ายรูปข้างนอกเพราะอย่างน้อยก็ยังมีแสงจันทร์สาดส่องมาทำให้ดูสว่างขึ้นบ้าง

    เมื่อซูยองถ่ายรูปจนเบื่อแล้วก็เดินกลับเข้าไปในงาน แต่ก็นะ..คนเราดื่มน้ำไปเยอะก็ต้องปวดปัสสาวะเป็นธรรมดา ร่างสูงจึงเดินไปที่ห้องน้ำแต่เมื่อเปิดออกก็ต้องตกใจกับเสียงสะอื้นไห้ที่ดังมาจากไหนก็ไม่รู้

                   เฮ้ย..งานเลี้ยงนี้มันมีผีด้วยเหรอวะเนี่ย   ซูยองร้องขึ้นมาเสียวหลังก็เสียวแต่ถ้าผีมาด้านหน้าล่ะจะทำยังไง เขาเลยเลือกที่จะมองหน้าหลังสลับกันเพราะกลัวผีมาหลอก

                   ฮือๆๆๆ...ฮือๆๆ   เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้ง นั่นไง..ชัดเจนผีมาหลอกซูจริงๆด้วย มาเป็นตัวก็ไม่ได้มาแต่เสียงแบบนี้ใครจะรู้ว่าอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย

                   หนิ..คุณผีถ้าจะมาหลอกกันมาเป็นตัวเลยก็ได้ ไม่ต้องมาแต่เสียงฉันกลัว..   ซูยองร้องขึ้นถ้าคนอื่นมาเห็นคงต้องว่าเธอบ้าเป็นแน่..ก็เล่นยืนพูดคนเดียวแบบนี้ไม่บ้าก็ประสาท

                   ฮือ...ช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันไม่ใช่ผีนะ   เจ้าของเสียงร้องขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นซูยองจึงเดินไปตามเสียงนั้นเพื่อหาต้นเสียงที่เธอคิดว่าน่าจะยังเป็นคนอยู่...หรือเปล่าวะ

                   เฮ้ย...ยัยเตี้ยมาทำอะไรตรงนี้   ร่างสูงร้องขึ้นเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยนั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวตรงมุมห้องน้ำ

                   ซูยองช่วยฉันด้วยสิ...ฉันกลัว   ซันนี่ร้องขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่เดินมาหาเธอคือใคร..จะมีใครได้ล่ะ ก็คนที่เรียกเธอว่ายัยเตี้ยนอกจากเจสสิก้าแล้วก็มีแต่ไอ่สูงไม่แคร์โลกอย่างซูยองเท่านั้น

                   ออกมาเร็ว...มัวไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ   ซูยองยื่นมือให้ซันนี่เพื่อดึงเธอให้ลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเพราะเขาดันไปลื่นล้มไม้ถูพื้นในห้องพอดีแต่ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ร้องออกมาเพราะเจ็บเช่นกันที่ร่างสูงล้มลงมาทับเธอ  ทั้งสองก็ต้องหยุดนิ่งเหมือนโดนคำสาปเพราะดันได้ยินเสียงสนทนากันระหว่างชายคนหนึ่งกับบุคคลปริศนาทางโทรศัพท์

     

     

                   นายครับ...ไอ่สามคนนั้นที่นายให้ไปจัดการมันพลาดท่าโดนยิงไปแล้วครับ   ชายคนนั้นพูดขึ้น

                   ครับ...ได้ครับ..เดี๋ยวผมจะจัดการตามแผนต่อไปว่าแต่ตอนนี้ผมว่าได้เวลาแล้วนะครับ จะให้เปิดไฟเลยมั้ยครับ

                   รับทราบครับนาย...รับรองงานนี้ไม่พลาดครับ   เมื่อชายคนนั้นพูดจบก็เดินไปที่ห้องควบคุมไฟและจัดการตามแผนที่ได้คุยกับนายปริศนาของตนและเดินหายไป...

     

     

    พลึบ!

    พลึบ!

    พลึบ!

    พลึบ!

     

     

                   ในที่สุดไฟก็มา   คนในงานต่างก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ที่เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะกลับเข้าสู่ปกติสักที

                   ยัยเตี้ย..เธอได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินมั้ย   ซูยองถามเพื่อความแน่ใจเพราะเกิดมายังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง

                   ก็อยู่ด้วยกันจะให้ฉันได้ยินใครที่ไหนล่ะห้ะ!”   ซันนี้ตอบซูยองไป

                   หนิ..อย่ามาเนียนเลยไอ่สูงไม่แคร์โลก ลุกไปจากตัวฉันได้แล้ว   ซูยองรีบเด้งตัวขึ้นทีนทีก่อนที่หน้าจะขึ้นสีเพราะเขาดันลืมไปซะสนิทเลยน่ะสิว่านั่งทับตัวของร่างเล็กอยู่

                   ข..ขอโทษนะ   ทั้งสองรีบเดินออกจากห้องน้ำทันที ซันนี่รีบเดินไปยังโต๊ะของตัวเองโดยมีซูยองตามมาติดๆ

                   ทิฟ..เธอเป็นยังไงบ..   ไม่ทันที่ซันนี่จะพูดจบประโยคก็ต้องตกใจกับท่าทางของเพื่อนของเธอและตำรวจคุ้มครองที่เหมือนจะทำมากกว่าคุ้มครองซะอีก...เล่นกอดกันซะกลมขนาดนั้นเนี่ย!!   ยิ่งโต๊ะที่พวกเธอนั่งเป็นมุมที่ไม่มีใครเห็นซะด้วยสิ ถ้ามาช้ากว่านี้จะเหลือมั้ยเพื่อนฉัน

     

     

                   (ไรเตอร์  : อิจฉาเหรอจ้ะซันบัน)

                   (ซันนี่ :  หุบปากไปซะไอ่ไรเตอร์บ้า!! เดี๋ยวเคลียร์กันหลังไมค์  แกให้ฉํนอยู่ห้องน้ำได้ยังไงมันเหม็นนะรู้มั้ย!!)

                   (ไรเตอร์  : ตายห่าละตู..)

     

     

                   เมื่อทิฟฟานี่และแทยอนได้ยินเสียงที่ค่อนข้างคุ้นหูทั้งสองจึงผละออกจากกันอย่างเร็ว

                   ซันนี่..เธอหายไปไหนมารู้มั้ยว่าฉันต้องนั่งอยู่คนเดียวตลอดเวลาที่ไฟดับ   ทิฟฟานี่สวดยาวใส่เพื่อนตัวเอง

                   แหมๆๆ...คนเดียวแน่เหรอทิฟ ที่ฉันเห็นน่ะมันสองคนชัดๆเลยนะ   ซันนี่ตอบกลับพลางมองหน้าของแทยอนซึ่งมันก็ทำให้แทยอนหน้าขึ้นสี...ก็ตอนไฟดับทำอะไรลงไปบ้างล่ะยิ่งคิดยิ่งเขิน แทยอนจึงเบี่ยงหน้าหนีซันนี่

     

                   อ่าว...พี่แทมาทำงานเหรอคะ   ซูยองถามแทยอนตอนแรกเขานึกว่ายูริจะมาทำงานแค่คนเดียวแต่ก็นะ จะเป็นไปได้ยังไง...ก็ทั้งสองเป็นคู่ขากันตลอดหนิ

                   ค่ะ พี่มาทำงานน่ะ...เห็นไอ่ยูลบอกว่าเราก็มา   แทยอนหันไปตอบซูยอง

                   ใช่ค่ะซูมากับเพื่อนยุนน่ะค่ะ...แต่ตอนนี้มันคงไปหาหมอคนสวยของมันล่ะมั้งค่ะ   ซูยองแฉเพื่อนของตน

    เพราะตั้งแต่มางานยุนอาก็เดินตรงมาหาซอฮยอนจนแทบไม่เป็นอันทำงาน...นี่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้

                   นี่ก็ดึกแล้ว..ฉันว่ากลับกันเถอะนะ   ทิฟฟานี่พูดขึ้น

                   อ่าว...ยัยเจสล่ะ   ซันนี่ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นเพื่อนตัวดีของเธอ

                   อ่อ...คุณเจสสิก้ากลับไปกับยูริเพื่อนฉันแล้วค่ะ เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายน่ะ   แทยอนตอบขึ้นเมื่อซันนี่ทำหน้าสงสัยจนคิ้วจะชนกันอยู่แล้ว

                   ค่ะงั้นซูก็ขอตัวนะคะ...จะไปตามไอ่ยุนมัน ฉันไปก่อนนะยัยเตี้ย   ซูยองพูดขึ้นพลางมองไปที่ร่างเล็กที่ทำหน้าจะกินเลือกกินเนื้อเขาได้ทั้งตัว

                   ย่ะ..ไอ่สูงไม่แคร์โลก!!”   ซันนี่พูดขึ้นก่อนที่จะเหลือบไปเห็นสายตาของทิฟฟานี่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย

                   อะไร...ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะทิฟ ไอ่นั่นเป็นนักข่าวของสำนักพิมพ์พ่อฉันเองแหละ   ซันนี่สาธยายยาว

    ออกมาทั้งๆที่ทิฟฟานี่ยังไม่ได้ถามสักคำ

     

                   ไม่นานซูยองก็เจอยุนอาแต่ก็ต้องนั่งรอยุนอาร่ำลากับซอฮยอนก่อนที่ทั้งสองจะกลับหอของตนไป ทางด้านแทยอนก็บอกลาซันนี่กับทิฟฟานี่และกลับหอของตนเช่นกัน...แต่เนื่องจากทางกลับหอของแทยอนเป็นทางเดียวกับที่รถของทิฟฟานี่และซันนี่ไปพอดี   แทยอนจึงขับรถคอยดูอยู่ห่างๆเพราะเป็นห่วงร่างอวบของตน

     

                   ภายในรถของทิฟฟานี่และซันนี่

                   นี่ทิฟบอกมาเลยนะว่าคุณแทยอนอะไรนั่นน่ะเป็นอะไรกับเธอ   ซันนี่เริ่มเปิดประเด็นทันทีหลังจากขึ้นรถมาได้ไม่นาน

                   อะไร..ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยหนิ  ว่าแต่เธอกับซูยองล่ะเป็นอะไรกัน   ทิฟฟานี่อ้ำอึ้งก่อนจะตอบออกไปแต่ก็ไม่หยุดที่จะแขวะเพื่อนของตนเช่นกัน

                   ฉันกับไอ่สูงนั่นไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย..ทิฟบ้าหรือเปล่าเนี่ย   ซันนี่พูดขึ้นก่อนที่คนขับรถจะชักสีหน้าวิตกก่อนหันมาพูดกับทิฟฟานี่และซันนี่

                   คุณหนูทิฟฟานี่  คุณหนูซันนี่ครับคือว่ารถเบรกแตกครับ!”   คนขับบอกออกมาด้วยน้ำเสียงกังวลปนตกใจ

                   อะไรนะ...........อ๊ายยยยยยยย!!”   ทิฟฟานี่พูดขึ้นก่อนที่รถจะหลบรถอีกคันข้างหน้าจนต้องคว่ำลงข้างทาง เป็นเหตุให้แทยอนที่ตามมาอยู่ห่างๆต้องตะโกนขึ้นมา

     

     

     


                   ฟานี่!!!”

     

     

     

     

       ..TO BE CONTINUED..

     

     

     

     

    ไรเตอร์ : ตอนนี้ยาวมากๆ   ฟานี่จะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย...แล้วใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้   ตอนนี้เรื่องจะเข้มข้นขึ้นมาจากเมื่อก่อนนะคะ   ทุกคู่ก็เจอกันแล้วนะอย่าลืมติดตามตอนหน้านะจ้ะ   รับรองว่าตอนหน้าแทแทของเราหวานมาก   รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้หรืออยากให้เรื่องเป็นแบบไหนส่งความคิดเห็นมาได้นะจ๊ะ   เรายินดีปรับเพื่อรีดเดอร์!!   อาทิตย์หน้าจะมา
    ลงให้ใหม่นะเจ้าๆๆ
       บ๊ายบายๆ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×