คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 4 : หลงรัก
CHAPTER 4 : หลงรัก
เช้านี้ยูริตื่นขึ้นมาด้วยความขี้เกียจเพราะต้องไปเป็นตำรวจคุ้มกันแขกคนสำคัญในงานเลี้ยงต้อนรับลูกชาย
“เฮ้ยไอ่แท..ฉันไม่ไปได้มั้ย งานเลี้ยงอะไรนั่นน่ะ อีกอย่างเป็นถึงนายพลก็ต้องมีบอดี้การ์ด
20 นาทีที่แล้ว
.....
.....
..
So-(o)u yoko no hoshi wa omoi toori Futari nara nozomi toori Mirai sae mo omito-oshi Kanaete ageru Koko ni iru wa (I’m genie for you boy) Kimi mo kureba (I’m genie for your wish)
..
เสียงโทรศัพท์ของยูริดังขึ้นขณะที่ร่างสูงกำลังหลับด้วยความสงบ ความทุกข์ก็มาเยือน
“โอ๊ย! ใครโทรมาแต่เช้าวะ” ยูริกล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ฮัลโหล..ยูริเหรอ ฉันฮโยยอนนะ” เสียงปลายสายทำให้ยูริตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ ผู้กำกับ” การกระทำของยูริตอนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
“คือเย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายนายพล ฉันอยากให้นายกับแทยอนไปเป็นตำรวจคุ้มครองแขกสำคัญ
“ค่ะเดี๋ยวฉันจะจัดการให้...ค่ะ...สวัสดีค่ะ” เมื่อวางเสร็จยูริก็ออกอาการเซ็งเป็นอย่างมาก แทนที่จะได้หยุด
“ไอ่แท..ตื่น มีงานด่วนตอนเย็น เดี๋ยวต้องไปเอาเอกสารที่ทำงานก่อน” แทยอนเมื่อได้ฟังก็เด้งตัวขึ้นทันทีพร้อมเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ยูริยืนเอือมอยู่ใกล้ๆ ก็เพื่อนของร่างสูงพอได้ยินคำว่า ‘งาน’ ทีไร เป็นต้องฟิตอยู่ตลอดต่างกับเธอที่ตอนนี้เบื่อมาก
(ยูริ : มันจะฟิตไปไหนล่ะ)
(แทยอน : ไปหาแม่แกมั้ง..ไปอาบน้ำไป๊!!!)
(ยูริ : แต่ห้องน้ำแกใช้อยู่นะไอ่หมาแท....หรือว่าเราจะอาบด้วยกัน จะได้สร้างกระแส TaeRi)
(แทยอน : แกหุบปากไปซะ ฉันรักฟานี่ได้คนเดียว ^///^)
(ยูริ : จ้ะๆไม่ขัดศรัทธา เพราะฉันก็ Only YulSic)
เมื่อทั้งสองทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็รีบเข้าที่ทำงานเพื่อไปเอาเอกสารและรายชื่อแขกที่มาร่วมงานเพื่อแบ่ง
“ไอ่แท รายชื่อเยอะแบบนี้เราคุ้มกันเฉพาะแขกคนสำคัญดีมั้ย....
“อืม ก็ดีนะ.....งั้นตกลงตามนี้” แทยอนพูดขึ้นพร้อมดูรายชื่อแขกสำคัญที่ต้องคุ้มกัน
“แขกที่เราต้องคุ้มกันก็มีเจสสิก้า จองและทิฟฟานี่ จองลูกสาวมาเฟียรายใหญ่ ลีซันคยูลูกสาวสำนักพิมพ์ลี
“โอเคตามนั้น..งั้นเราแบ่งคนละสองนะจะได้ทำงานสะดวก ฉันเอาเจสสิก้า จองกับซอจูฮยอนนะ”
“ได้..งั้นฉันจะดูแลทิฟฟานี่ จองและลีซันคยูเอง”
เมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ ตำรวจหน้าหล่อจึงต้องคอยดูรายชื่อตรงทางเข้าอย่างละเอียด
เพื่อดูว่าแขกที่พวกเขาต้องคุ้มกันนั้นมาถึงหรือยัง
“เอ๊ะ!..นั่นมันเจสสิก้ากับทิฟฟานี่ลูกสาวมาเฟียอันดับหนึ่งในกรุงโซลหนิ เดินมากับลูกสาวสำนักพิมพ์ลี
เมื่อสาวทั้งสามรู้สึกตัวว่ามีคนเดินตามมาได้สักพัก พวกเธอจึงต้องหันมาเพื่อเตือนว่า..
‘เอ่อ ขอความเป็นส่วนตัวด้วยนะคะ...’ แต่ก็ต้องงงกับร่างสูงและคู่หูที่ยืนใส่ชุดสูทอย่างดี
“หนิพวกคุณ...ต้องการอะไรไม่ทราบคะ เห็นเดินตามพวกเรามาตั้งนานสองนานแล้ว”
“เอ่อ....ต้องขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะ คือว่าพวกฉันเป็นตำรวจคุ้มครองแขกคนสำคัญในงานน่ะค่ะ
“มีอะไรเหรอซันนี่...” เจสสิก้าและทิฟฟานี่เมื่อคุยกับแขกในงานเสร็จก็เดินมาหาเพื่อนของตน
“อ่อ..พวกเขาเป็นตำรวจคุ้มครองแขกคนสำคัญในงานน่ะ..ไม่มีอะไรหรอก”
ผ่านไป 30 วินาที เจสสิก้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างสูงตรงหน้าคือคนเดียวกันกับ
“อ่อ..ก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ่โรคจิตลิงหื่นที่ผับนั่นเอง วันนี้จะมาทำอะไรอีกล่ะห้ะ! ตำรวจในงานเขายอม
“หนิคุณ..ก็ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันไม่ใช่พวกบ้ากาม...ยืนด่าฉันฉอดๆเนี่ยดูบ้างมั้ยว่าฉันเป็นใครห้ะ!”
“นายจะเป็นใครก็เรื่องของนาย ฉันไม่จำเป็นต้องรู้หนิ!!” ร่างบางตอบกลับทันควัน
“ดี..งั้นก็หัดรู้ไว้ซะบ้างนะว่าฉันควอน ยูริเป็นตำรวจที่ต้องมาคุ้มครองแขกคนพิเศษในงานนี้และคุณก็เป็นหนึ่งในจำนวนแขกที่ฉันต้องดูแล เข้าใจหรือยังคุณเจสสิก้า จอง”
“อย่างคุณน่ะเหรอควอน ยูริ..จะมาคุ้มครองหรือลอบทำร้ายกันแน่ห้ะ!!!” ร่างบางตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร
แต่มันก็ทำให้ร่างสูงโมโหขึ้นทันที คนอุตส่าห์มาคอยคุ้มครองถึงแม้ว่าต้องทำตามหน้าที่ด้วยก็เถอะ แต่ช่วยพูดดีดีหน่อยไม่ได้หรือไง ร่างสูงยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นสาวร่างเล็กคนนี้เดินเข้างานมาก็ถึงกับหวั่นไหวให้กับร่างบางเพราะความสวยและมีเสน่ห์ บวกกับหุ่นที่ดูดีและสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกภายในแล้ว มันก็ไม่แปลกที่จะทำให้ร่างสูงรู้สึกหวั่นไหวใจสั่นกับเธอคนนี้ แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของร่างบาง ก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกไร้ค่าและไม่อยากเจอร่างบางอีกเป็นครั้งที่สาม
“ดี!..งั้นเวลาคุณจะตายก็ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนะ เพราะถ้าหากฉันเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือคุณได้ในตอนที่คุณตกอยู่ในอันตราย ฉันก็จะไม่มีทางช่วยคุณเลย จำเอาไว้เจสสิก้า จอง!!!”
ร่างสูงตะคอกใส่ร่างบางตรงหน้าด้วยความโกรธและเดินออกจากงานไปทันที ทิ้งให้ร่างบางอย่างเจสสิก้ายืนอึ้งอยู่นาน เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครที่เธอยอมให้ตะคอกใส่หน้าเธอได้ยกเว้นพ่อบังเกิดเกล้าของตน ยูริยอมรับว่าเธอโกรธมากที่ร่างบางพูดออกมาแบบนั้น..ทำไมถึงได้ดูถูกความหวังดีของคนอื่นนักนะ แต่โกรธไปคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เพราะคนอย่างเจสสิก้า จองก็ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของใครอยู่แล้วหนิ หวังว่าเสร็จงานนี้เราจะไม่ต้องเจอกันอีกนะเจสสิก้า....
“เจส..เจสซี่...เจสสิก้า” ซันนี่และทิฟฟานี่ที่เห็นยูริและเจสสิก้าทะเลาะกันเสียงดังจึงจะเข้ามาห้าม แต่ยูริก็เดินหนีออกไปซะก่อนปล่อยให้แทยอนยืนงงอยู่ห่างๆแต่ก็ออกไปตามไม่ได้เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ ยังดีที่งานนี้เสียงเพลงค่อนข้างดังทำให้กลบเสียงทะเลาะกันของทั้งสอง ไม่งั้นคงได้ลงข่าวหน้าหนึ่งอีกเป็นแน่ เมื่อเดินมาถึงก็เห็นเพื่อนของตนยืนนิ่งเป็นหินอยู่จึงเข้าไปเรียก ยัยเจสสิก้า...เธอเป็นอะไรของเธ๊อ!!!!!!!!!!!
“หะ..ห้ะ ซันนี่อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนเรียกทำไม” เจสสิก้าตอบเพื่อนทั้งสองของตนที่เหมือนจะงง
“ก็เธอเล่นยืนแข็งทื่ออยู่คนเดียวตั้งแต่ทะเลาะกับคุณคนเมื่อกี้เสร็จหนิ..ฉันก็นึกว่าเธอถูกสะกดจิตซะอีก”
“ก็เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก” เจสสิก้าโกหกอย่างตั้งใจออกไป ซันนี่!! เธอจะพูดถึงไอ่บ้านั่นทำไม...
“เอ่อ..ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะที่ทำให้คุณเจสสิก้าต้องอารมณ์เสีย”
“ไม่เป็นไรค่ะ..คุณคงเป็นตำรวจคุ้มกันแขกพิเศษในงานใช่มั้ยคะ” เจสสิก้าเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ..ฉันคิม แทยอน” แทยอนตอบออกไปแต่สายตาก็ยังคงมองร่างอวบที่ยืนอยู่กับซันนี่
“เจสหิวมั้ย อยากดื่มอะไรหรือเปล่า” ทิฟฟานี่ที่พอเข้าใจทุกอย่างเสร็จก็ถามเจสสิก้าที่ตอนนี้
“เจสไม่ค่อยหิวหรอก..อยากเตะคนมากกว่าน่ะ แต่อยากดื่มน้ำนิดหน่อยเพราะด่าจนคอแห้งหมดแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวฟานี่ไปหาอะไรให้เจสดื่มดีกว่านะ รอแปปนึงนะ” เมื่อพูดเสร็จร่างอวบก็ไม่รอให้คนฟังตอบกลับ
“ขอบคุณค่ะ....อ่ะ!” ทิฟฟานี่ร้องขึ้นเมื่อถูกชายร่างหนึ่งชนขณะที่รับไวน์มาจากบาร์เทนเดอร์
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณทิฟฟานี่” แทยอนถามขึ้นหลังจากพยุงร่างอวบให้ยืนขึ้นได้แล้ว
“ขอบคุณมากค่ะ..ว่าแต่คุณคือ..เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันจำได้ว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง..”
“อ่อ...ฉันคิม แทยอนเป็นตำรวจคุ้มครองคุณกับเพื่อนของคุณน่ะค่ะ
“อ่อ งั้นต้องขอบคุณแทยอนมากนะคะที่ช่วยฟานี่ไว้ ฟานี่ต้องขอโทษแทยอนด้วยนะคะ
ทั้งสองเดินเคียงข้างคุยกันตลอดทางที่เดินกลับมา..เสียงหัวเราะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รอยยิ้มที่น่ารักและสดใสเกิดขึ้นได้ง่ายๆจากใบหน้าของสาวลูกครึ่งหน้าตาดี หากลองสังเกตดูห่างๆแล้วทั้งสองก็เปรียบเหมือนคู่รักที่สนิทสนมกันมานาน....แทยอนยอมรับว่ารู้สึกดีมากๆที่ทิฟฟานี่เป็นคนที่คุยเก่ง น่ารัก ใส่ใจคนรอบข้าง ที่สำคัญเธอมีรอยยิ้มที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้...และคิม แทยอนคนนี้กำลังเปลี่ยนไปเพราะหัวใจดวงน้อยๆกำลังพองโตขึ้นเรื่อยๆจนแทบอยากจะให้ร่างอวบตรงหน้าได้เห็น แม้ว่าจะเป็นเพียงครั้งแรกที่ทั้งสองได้พูดคุยกันก็ตาม
จากความคิดที่ว่างานต้องมาก่อนเสมอเพราะเป็นหน้าที่ที่สำคัญ แต่ตอนนี้คิม แทยอนคนนี้ กลับคิดว่าต้องคอยดูแลและปกป้องคนตรงหน้าที่เป็นเหมือนดั่งดวงใจของเขา...แทยอนเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดกับความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเขาตัดสินใจที่รักใครสักคนแล้ว ความคิดนั้นจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด
...แทให้ฟานี่ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของแทเอง เพราะฟานี่เป็นรักแรกพบและจะเป็นรักสุดท้ายของแท...
“ฟานี่..ทำไมไปนานจังล่ะ” เจสสิก้าเอ่ยขึ้นเมื่อทิฟฟานี่และแทยอนเดินมาถึงโต๊ะของเจสสิก้าและซันนี่
“เอ่อ..งั้นแทขอตัวก่อนนะคะฟานี่” แทยอนบอกลาทิฟฟานี่เพราะอยากให้ทิฟฟานี่อยู่กับเจสสิก้าและซันนี่
“ค่ะ..ขอบคุณมากนะค่ะแทแทที่เดินมาส่ง ทำงานดีดีนะคะ” ทิฟฟานี่บอกแทยอนและหันมาคุยกับเจสสิก้า
‘แทแท’ เมื่อกี้ฟานี่เรียกเราว่าแทแท...ดีใจโว๊ย!!!! แทแทรักฟานี่นะคะ ^^
“อ่าวยุนอามาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” แทยอนถามน้องของเพื่อนตัวดีของตน
“อ่าวพี่แท ยุนก็มาทำข่าวสิคะแล้วพี่ล่ะมาทำไม” ยุนอาตอบกลับด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส
“พี่ก็มาทำงานของพี่สิ แล้วยุนอะเห็นพี่ตัวดีของยุนบ้างมั้ย” แทยอนถามยุนอาเผื่อว่ายุนอาจะเห็นคู่หูของตนบ้าง
“ไม่เลยพี่แท...นี่ยุนก็เพิ่งมากับเพื่อนหยองเหมือนกัน ส่วนไอ่หยองมันไปทำข่าวทางด้านโน่นน่ะ”
“ผู้หญิงอะไรปากร้ายเป็นบ้า แต่ก็อย่างว่าเธอเป็นคนรวยคงไม่เคยต้องมาเสียความรู้สึกกับใครหรอกนะ...
ตึก.........ตึก..........ตึก
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหายูริที่หันหลังอยู่ไม่ไกล เมื่อยูริได้ยินเสียงก็เตรียมป้องกันตัวเอง มือข้างหนึ่งเตรียมจับปืนของตัวเองที่อยู่ตรงเอวข้างขวาอย่างช้าๆ
ตึก.....ตึก.....ตึก
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยูริหลับตาลงเพื่อเตรียมสมาธิ
ตึก..ตึก..ตึก..ตึก
หยุดแล้วสินะ
ควับ....
ยูริหันหลังกลับไปพร้อมกับปืนที่จ่ออยู่ที่หัวของอีกคนส่วนคนที่ถูกปืนจ่อหัวอยู่นั้นก็สะดุ้งออกมา
“เฮ้ย!!..พี่ยูริเอาปืนจ่อหัวซูทำไมเนี่ย” ซูยองเดินออกมาถ่ายรูปบรรยากาศภายในงานเสร็จก็อยากจะสูดอากาศตอนกลางคืนบ้างจึงเดินออกมาและเห็นร่างสูงที่คับคลายคาคลาว่าจะเป็นพี่ของเพื่อนตนเองจึงเดินเข้ามาดู
“เฮ้ย..ซูยองมาทำอะไรเนี่ย” เอาปืนจ่อหัวได้ไม่นานก็ต้องเอาลงเมื่อรู้ว่าคนที่ตนกำลังจะยิงนั้น
“พี่ขอโทษ พี่นึกว่าเราเป็นโจร พี่ขอโทษนะ” ยูริขอโทษซูยองทันทีที่ทำให้ตกใจ
“แล้วพี่ยูริมายืนทำอะไรตรงนี้ค่ะเนี่ย มืดจะตาย..ต้องเป็นตำรวจคุ้มกันแขกในงานไม่ใช่เหรอคะ”
“อื้มก็จริง นี่พี่ก็ออกมาสูดอากาศนานแล้วเหมือนกันงั้นเราเข้างานพร้อมกันเลยละกันนะ”
“ไอ่ยูล ไปไหนมาวะเนี่ย!! รู้มั้ยว่าฉันหาแกทั่วงานเลยนะ” เป็นเสียงใครไปไม่ได้นอกซะจากแทยอน
“ขอโทษว่ะ พอดีเดินออกไปสูดอากาศข้างนอกงานมาน่ะ เจอซูยองด้วย” ยูริตอบแทยอนไปด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ไม่ใช่ว่ายูริไม่รู้ว่าออกไปนอกงานนานแค่ไหนแล้ว แต่เป็นเพราะรู้ว่าแทยอนต้องคอยคุ้มกันเจสสิก้าและเพื่อน
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกเมื่อกี้ฉันก็เจอยุนอาคงทำข่าวอยู่ทางโน่นน่ะ” แทยอนพูดพลางชื้นิ้วไปทางเวทีแต่ไม่ทันที่บทสนทนาจะดำเนินต่อเสียงพิธีกรบนเวทีก็ดังขึ้น แขกทุกคนในงานจึงให้ความสำคัญกับเจ้าของงานบนเวที
“ขออนุญาตแขกผู้มีเกียรติทุกท่านดื่มต้อนรับให้กับคุณอก แทคยอนลูกชายท่านนายพลที่เพิ่งเรียนจบ
“โอกาสนี้ขอเชิญคุณอก แทคยอนกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยครับ”
“ครับ ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มางานเลี้ยงต้อนรับผมนะครับ ผมรู้สึกดีใจมากจริงๆ
“ผมต้องขอบคุณแขกทุกท่านเช่นกันครับ งานนี้นอกจากจะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของผมแล้วจะถือว่าเป็นงานแถลงข่าวไปด้วยละกันนะครับ คืออีกไม่นานผมจะแต่งตั้งหลานสาวของผม ซอจูฮยอนเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ผมได้ดูแลอยู่ครับ” สิ้นเสียงของนายพล เสียงพูดคุยกันจากข้างล่างเวทีก็ดังขึ้น
“พูดอะไรหน่อยสิหลาน...ลุงอุตส่าห์ทำเซอร์ไพรส์หลานเลยนะ” นายพลพูดกับซอฮยอนหลังขึ้นไปบนเวทีได้สักพักหนึ่ง
“เอ่อ...คือ...ซอก็เพิ่งทราบพร้อมกับทุกคนเมื่อกี้นี้เองค่ะ..ซอจะไม่ขอพูดอะไรมาก
ซอฮยอนพูดเสร็จเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอเดินลงจากเวทีต่างก็มีแสงแฟลตพร้อมกับนักข่าวมากมาย
ที่กรูเข้ามาจนเธอไม่สามารถเดินหนีออกจากกลุ่มนักข่าวได้ แต่โชคดีที่มีมือข้างหนึ่งดึงเธอให้ออกมาจากกลุ่มของนักข่าวพวกนั้นและเดินมายังมุมหนึ่งของงานที่ค่อนข้างปลอดผู้คน
“น้องซอ...เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนมั้ย” ยุนอาถามคนที่ตนรักด้วยอาการที่ดูเป็นห่วงออกนอกหน้านอกตา
“ยุน! มาที่นี่ได้ยังไงคะ” เมื่อหยุดเดินแล้วซอฮยอนก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ดึงเธอออกมาคือคนที่เดินไปส่งเธอ
“ก็ยุนเป็นนักข่าวก็ต้องมาทำข่าวสิคะ ว่าแต่น้องซอเป็นอะไรมั้ยคะ คงไม่ชินที่มีนักข่าวรุมกันแบบนั้นใช่มั้ย”
(ไรเตอร์ : พูดเหมือนว่าไปรบมายังงั้นอะ)
“ค่ะซอไม่ค่อยชิน แล้วก็ไม่ค่อยชอบด้วยสิพวกนักข่าวเนี่ย ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้” ซอฮยอนตอบไปแต่ก็ลืมว่าร่างสูงตรงหน้าก็เป็นนักข่าวด้วยเช่นกันเธอจึงหัวเราะออกมา
“น้องซออะ..แต่ยุนไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นนะ น้องซออย่าเข้าใจผิดนะ”
“เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ซอไม่ได้เป็นอะไรยุนไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” ซอฮยอนได้ทีก็แกล้งยุนอาอีกแต่คราวนี้ดันมาแกล้งเดินหนีด้วยเนี่ยสิ แต่มีเหรอที่คนอย่างควอน ยุนอาจะยอม มือข้างเดียวกับตอนที่ช่วย
“นี่ไง..พวกนักข่าวน่ากลัวจริงๆด้วย” ซอฮยอนพูดขึ้นหลังจากที่พยายามใช้มือดันร่างสูงที่กอดอยู่ให้
“ใครบอก นักข่าวไม่ได้น่ากลัวแต่น่ารักต่างหาก ไม่เชื่อน้องซอก็ลองมารักยุนดูสิคะ”
“เรื่องอะไรซอต้องรักยุนด้วยล่ะในเมื่อซอมีคนที่ซอชอบอยู่แล้ว” ซอฮยอนนึกอยากแกล้งให้คนตรงหน้า
“น้องซอมีคนที่ชอบแล้ว ใครเหรอบอกยุนได้มั้ย” ยุนอาถามไปแต่ก็ไม่กล้ามองหน้าซอฮยอนอีกอยู่ดีได้แต่
“อยากรู้เหรอ เงยหน้าสิคะ” สิ้นเสียงนี้ยุนอาก็ทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ซอชอบคนที่ซอเพิ่งจูบไปเมื่อกี้นี้ ที่นี้ยุนรู้หรือยัง” ซอฮยอนตอบออกไปอย่างเขินอาย อีกอย่างเธอก็
“จริงนะ น้องซอพูดจริงๆนะ ยุนดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยคะ” สีหน้าของยุนอาเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้มากทำให้
“ยุนรักน้องซอที่สุดเลย” ยุนอาพูดพร้อมดึงซอฮยอนเข้าสู่อ้อมกอดของตนอีกครั้ง
“ยุนอย่าทำตัวเหมือนเด็กสิคะ..เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก” ซอฮยอนบอกยุนอาไปแต่จริงๆเธอก็กอดตอบ
“เข้างานกันเถอะเนอะ น้องซอของยุน”
“อะ..อื้ม” ทั้งสองจูงมือกันก่อนจะเดินเข้างานแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
พลึบ!
พลึบ!
พลึบ!
พลึบ!
ไฟทั่วทั้งงานดับลงตามความประสงค์ของใครบางคนและตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของแขกภายในงานที่ตกใจกันยกใหญ่ เมื่อตำรวจรู้ถึงความผิดปกติก็รีบแบ่งทีมและกระจายไปดูแลแขกภายในงานรวมถึงยูริและแทยอนด้วยที่รู้ว่าต้องคอยดูแลใคร ทั้งสองจึงรีบวิ่งไปหาโต๊ะที่หญิงทั้งสามนั่งอยู่ทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าแผนการบางอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น
..TO BE CONTINUED..
ไรเตอร์ : เรื่องกำลังจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆนะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะรีดเดอร์ เรากลัวว่าแต่งมาจะไม่มีใครอ่าน...
อยากจะให้ช่วยกันติดตาม จริงๆนะเนี่ย ^^ ถ้าเม้นเยอะจะลงตอนต่อไปเร็วๆเลย สัญญาๆ อยากดูคอนเอสเอ็มที่แอลเอบ้างจัง...ทำไมปีนี้ไม่จัดที่ไทยด้วยนะ แต่ถึงมีเราจะมีตังค์ไปรึเปล่าเนี่ยสิ อิอิ
ความคิดเห็น