คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แค้นรัก ขยี้ใจ06
เช้านี้ผู้กองคนสวยตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารให้หนูน้อยยุนอาที่ยังหลับไม่ตื่น ท่าทางคงเพลียจากเมื่อวาน ผู้กองสาวเดินมาในครัวที่มีอุปกรณ์ทำครัวครบเซต เธอเลือกหยิบจับและมองอุปกรณ์เครื่องครัวเหล่านั้น คิ้วบางขมวดเข้าหากันอย่างนึกหน่าย เช้านี้ลุกสาวของเธอจะต้องทานอาหารอย่างง่ายไปก่อน ไข่เจียว เพราะตอนนี้ในตู้เย็นยังไม่มีของพอที่จะทำกับข้าวอะไรได้เลย ในขณะที่กำลังลงมือจัดแจงวางกระทะเทน้ำมัน อยู่นั้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง ของผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“ใครนะ..จะร้องทำไมแต่เช้าเกรงใจคนเขาบ้างหรือเปล่านะ” ผู้กองสาวบ่น แต่ก็เงี่ยหูฟังสัญญาณเสียงว่ามาจากทิศทางใด
“เอ..หรือจะเป็นเสียงลูกสาวคุณควอน..”ผู้กองเจสสิก้าเงียบไป พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็เกิด สะดุ้งขึ้นมา ไม่รู้ด้วยอะไรเธอจึงหยุดนิ่งเฉยๆเหมือนสมองอันชานฉลาดของเธอกำลังประมวลวิเคราะห์อะไรสักอย่าง
“ม๊า!!!.....เสียงอะไรค่ะ หนูยุนตกใจสะดุ้งตื่นเลยคะ” หนูยุนอาลงมาด้วยท่าทางตื่นๆ มาถามเธอในครัว เธอหันมายิ้มให้ลูกสาว ซึ่งสภาพหนูน้อยตอนนี้ ผมเผ้ารุกรัง ฟูไม่เข้าทรง เดินตรงมาหาเธอ
“เสียงนาฬิกาปลุกเรารึเปล่า...มันเอาไว้ปลุกคนตื่นสายนะ ชอบไหมละ” เธอถามหยอกล้อกับหนูน้อยตรงหน้า
“..ก็แปลกดีคะ ม๊าก็!..ยุนตกใจนิค่ะ” หนูน้อยหน้างอง่ำ เมื่อผู้เป็นแม่เธอบอกว่าเป็นนาฬิกาปลุกสำหรับคนที่ชอบนอนตื่นสายอย่างยุนอา
“ตกลงเสียงใครอ่ะม๊า “หนูยุนอยากรู้
“เรานี่นะ..กลัวไม่มีใครรู้รึไงว่ามีแม่เป็นตำรวจ “ ผู้กองสาวบ่นกับความอยากรู้ของลูกสาววัยสิบขวบที่ดูจะอยากรู้ไปทุกเรื่อง
“สงสัยลูกสาวคนควอนเธอจะตกใจอะไรมั้ง “เธอบอกลูกสาวพลางหันหน้าไปสนใจกับกระทะที่ตั้งไว้บนเตา
“หื้ม...มีลูกสาวด้วยเหรอ” เหมือนยุนอาจะพูดกับตัวเอง คิ้วน้อยๆเริ่มนึกสงสัย สงสัยต้องถามคุณย่าควอนข้างบ้านซะแล้ว
“ม๊า..ม๊าลืมอะไรไปเปล่า”หนูยุนอายืนกอดอก มองแผ่นหลังผู้เป็นแม่
“ม๊าไม่ได้ลืมนะ...ยุนไปยืนหน้ากระจกซิไปๆ “ยุนอาทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอพบสภาพตัวเอง
“ว้ายยย ยุนอาผู้เลอโฉม ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้” หนูยุนอายกมือกุมสองแก้ม หนูน้อยรับไม่ได้กับสภาพแบบนี้ มันใช่ๆ มันไม่ใช่แนวของยุน หนูน้อยหันมามองผู้เป็นแม่ที่ยืนหัวเราะอยู่หน้ากระทะด้วยสายตาเคืองๆ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นห้องไป
“ยูล ตื่นแล้วเหรอลูก เสียงดังอะไรแต่เช้าเชียว “คุณนายควอนเอ่ยทักขึ้น
“คะ แม่ พี่ฮยอกจุนแกล้งยูลค่ะ” เธอบอกแล้วเดินเข้าไปโอบผู้เป็นแม่จากด้านหลัง
“ไปๆ แม่ทำกับข้าวอยู่ เดียวกลิ่นติดเสื้อผ้าหมด ไปนั่งรอโน้นไป”คุณนายควอนเอ่ย ไล่คนกอด
“ยูล มาพอดีเลยม่ะมาช่วยพ่อตรงนี้หน่อย” คุณควอนเรียกตัวยูริออกไปข้างนอก
“ไปกวนอะไรแม่เขาละ “คุณควอนถามขึ้นเมื่อมาอยู่ข้างนอกในสวนดอกไม้ ที่ถูกจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆไว้ ทั้งสองนั่งที่ม้านั่งไม้สีขาวยาวตัวนั้น
“ยูลไม่ได้กวนสักหน่อยคะ ยูลเป็นเชฟนะคะอยากโชว์ฝีมือให้คนในครอบครัวทานบ้าง แต่คุณนายควอนเธอไม่ยอมคะ”ยูริแอบฟ้องเรื่องคุณนายควอนไปในตัว แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“ทำไมอีกละ ดูทำหน้าเข้า “เขาถาม
“เปล่าค่ะ หื้มพ่อคะบ้านหลังนี้มีคนมาอยู่แล้วเหรอคะ” ยูริหันไปสนใจบ้านหลังข้างๆ เพราะเธอได้กลิ่นอาหารลอยมาจากหลังข้างๆ มันไม่ใช่กลิ่นของบ้านเธอหรอกแม่เธอไม่ทำไข่เจียวในเช้าวันนี้
“อืม..เพิ่งย้ายมานะ “คุณควอนบอกพร้อมเอี่ยวตัวมองไปยังตัวบ้านหลังนั้น ที่ร่างสูงก็มองอยู่
“น่าสงสารหนูเจสสิก้าเธอนะ” คุณควอนพูดเกร่นไว้รอดูร่างสูงจะอยากรู้ต่อหรือไม่
“..ใครคะ เจ้าของบ้านหลังนี้เหรอคะ”ยูริถามพลางชี้นิ้วสงสัยไปยังบ้านหลังนั้น ด้วยสีหน้าใคร่รู้
“อืม...ย้ายมาจาก ซานฟรานซิสโกโน้นเนะ เธอเป็นตำรวจ แถมยังต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก” คุณควอนพูดไปก็ถอดหายใจไป นี่ถ้าเรื่องที่สืบมาเป็นความจริง อยากรู้นักว่าตัวลูกของเขาจะทำหน้ายังไง ในเมื่อตามหากันมาตั้งสิบปี พอจะเจอก็เจอกันง่ายแบบนี้เหรอ ไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง ควอน ยูริ คุณควอนคิดใจใน
“อ้าวสามีเขาละคะ”
“แม่หม้ายนะ สามีไม่มีความรับผิดชอบ” คุณควอนพูดกระแทกเสียงประโยคนี้ จนร่างสูงต้องช้อนสายตาหนี รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“ม๊า...หิวแล้ววววว” หนูยุนอาร้องบอกคนเป็นแม่
“เช้านี้ทานแค่นี้ก่อนเนอะ เดียวสายๆเราไปห้างกัน “
“ค่ะ”หนูยุนรับคำแล้วลงมือทานทันที
ห้างสรรพสินค้า
ร่างสูงเดินเลือกของซื้ออาหารสดอาหารแห้ง ไว้สำหรับระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ รถเข็นลากเลื่อนไปตามแรงพลักของร่างสูงสง่า ผมที่ดำขลับ ยาวเรียบ สลวยปลิวพลิ้วไหวตามแรงสะบัดปัดผม ชวนให้คนที่พบเห็นล้วนต้องเหลียวหลังกลับมามอง
“อืม..ยังขาดนมสด แล้วอะไรอีกน่า อ้อ...” ยูริยืนนึกมองของที่ต้องการแล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ครบ พอคิดได้เธอก็เดินไปยังโซนสินค้าดังกล่าวทันที
“ม๊า ยุนอยากได้ตู๊กตากบน้อยตัวนั้นขากลับเรามาซื้อกันนะ” หนูยุนอาอ้อนกับคุณแม่ด้วยท่าทางน่ารักที่สูดเท่าที่ทำได้
“จ๊ะ” และก็เช่นเคย ผู้กองสาวไม่เคยขัดใจหนูยุนอาเลย
“นี่ยุน อย่าไปซนที่ไหนไกลนะลูกเดียวหลงทางมานี่มะ”เธอกวักมือเรียกหนูน้อยที่เริ่มจะสนใจกับของต่างๆในห้างแห่งนี้จนเริ่มเดินห่างจากเธอออกไปเรื่อยๆ
“ไม่หลงหรอกม๊า ยุนอาผู้เลอโฉม ซะอย่าง” หนูน้อยพูดพร้อมเก็กท่า เท้าเอวเชิดหน้าสะบัดผมให้ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ทำตัวแก่แดดเสียจริง
“ม๊าๆ มาดูนี่ซิม๊า นมยี่ห้อนี่ออกรสใหม่มาแล้ว “ เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
“อ้าวม๊าไปไหนแล้วอ่า” หนูยนอาหันซ้ายหันขวา เดินเข้าออกไปอีกช่อง โผล่ช่องนั้นช่องนี้ตามชั้นสินค้าต่างๆก็ไม่เจอ หนูน้อยเริ่มใจคอไม่ดี
“ ตายละหว่า แม่หาย” หนูยุนอาคิดอย่างนั้น
“เอาไงดี “หนูยุนอารู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำตาเริ่มไหลรินลงมาเรื่อยๆ อยากจะร้องตะโกน เรียกหาก็คงไม่ดี เธอจะถูกหลอกไปขายไหม แล้วม๊าของเธอจะพาตำรวจไปช่วยทันหรือเปล่า คิดถึงตรงนี้ หนูน้อยก็ทรุดเข่าก้มหน้าร้องไห้ โฮ ออกมา
“เจอกันอีกแล้วนะ หนูขี้ตาพริก” ยูริเปรยขึ้นเบาๆเมื่อเธอเห็นหนูน้อยที่ถูกพริกเข้าตาวันที่ไปทานอาหารในโรงแรม แล้ววันนี้เป็นไงถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่นี่อีกละ
“หนู...เป็นอะไร” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งถาม ไม่รู้ทำไม ถึงอยากรู้เรื่องเด็กคนนี้หนักหนา ที่จริงเดินหนีไปก็หมดเรื่อง
“ฮือ ไม่นะ อย่า เอาหนูไปเลยนะ “ ยูริถึงกับงง เอาอะไรเอาหนูไปไหน ดูซิเอาแต่ร้องลูกเดียว ยูริเริ่มมองเด็กน้อยด้วยสายตานิ่ง
“เงียบ!!” เขาแค่อยากบอกให้เงียบ ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้
หนูน้อยตกใจเสียงตวาดยกมือปิดปากเงียบทันที คิดแล้วก็น่าสมเพชตัวเองที่ไม่เชื่อม๊าว่าจะหลงทาง ดูซิ จะโดนจับไปแล้วแน่ๆม๊าช่วยยุนด้วย ยุนอาร่ำร้องในใจ
ยูริมองหนูน้อยที่นั่งตัวสั่น ยกมือปิดปาก นั่งจ้องหน้าเธอ เช่นกัน ยูริเผลอถลึงตาใส่เป็นความหมายว่าจะลองดีกับฉันเรอะ! ผู้คนแถวนั้นเริ่มมอง ภาพผู้หญิงผมยาวย่อตัวนั่งกับตรงหน้าเธอมีเด็กหญิงนั่งปิดปากร้องไห้สะอื้นน้อยๆ
เหมือนเป็นสงครามเย็น ระหว่างคนสองวัย ที่เอาแต่จ้องและก็จ้องกัน
“กลัวเหรอ”ยูริถาม เด็กน้อยพยักหน้าเร็วๆ เป็นว่าใช่ กลัวมากเลยละ ฉี่จะราดอยู่แล้วพี่สาวคนสาวมากกกกขา
“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ “ แล้วตั้งใจจะขนาดไหน ยุนอาคิด ไม่พูดไม่ตอบ ปิดปากต่อไป ขอพยักหน้าอย่างเดียวพอ
ยูริช่างใจอยู่นานรู้สึกรำคาญกับท่าทางหนูน้อยตรงหน้านี้ ที่ไม่ยอมโต้ตอบเป็นคำพูดกับเธอ ยุริผันหน้ามองไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมามองหน้าหนูน้อยนิ่งแล้วเอื้อมมือไปดึงมือออกจากปากหนูน้อย แต่ หนูยุนอากลับคิดว่าจะถูกทำร้ายจึง กัดเข้าไปที่มือของร่างสูงไปเต็มๆคำ
“โอ้ย!ทำบ้างอะไรเนี๊ย เจ็บนะ” ยูริร้องขึ้นกับความเจ็บที่ถูกหนูน้อยนี้กัดรีบสะบัดมือตามสัญชาตญาณ
“ฉันไม่น่ามายุ่งกับเธอเลย” ว่าเสร็จก็เดินหันหลังออกจากตรงนี้ทันที ไม่ช่วยแล้ว เก่งนักนี่
“เดียวค่ะ”ขาที่กำลังจะก้าวหยุดเดินตามเสียงร้องห้าม พร้อมหันมาหาเจ้าของเสียง ที่ยืนทำหน้าสำนึกผิด ยูริส่งสายตา เม้มปากเลิกคิ้วว่าเอาไง
“หนูหลงทางกับม๊า” หนูน้อยพูดเสียงสะอื้น แผ่วเบา คนฟังก็พาลรู้สึกไม่ชอบ ไม่ชอบกับกริยาของหนูน้อยตอนนี้เอาเลย มือเรียวข้างที่ถูกกัดยื่นไปลูบผมยาวที่ถูกถักเป็นเปียแล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ไปหาม๊าของหนูกันเนอะ” แล้วก็จูงมือหนูน้อยคนนี้ออกเดินไปยังงานประชาสัมพันธ์ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าเวลาได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มือที่กุมหนูน้อยอยู่นั้นก็อุ่นแบบแปลกๆ หรือว่าเธอไม่คุ้นชินเลยคิดว่ามันดูไม่ใช่อาการปกติ ยูริรู้สึกอุ่นใจมากที่ได้อยู่กับหนูน้อยคนนี้
“หนูชื่ออะไร” ยูริถาม
“ยุนอา จอง ยุนอาค่ะ”
“ควอน ยูริ” ยูริแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้างๆถูกส่งให้หนูยุนอา
“ควอนเหรอค่ะ เหมือนคุณปู่ข้างบ้านเลย..ยุนว่า...”
“ไอศครีมที่สั่งได้แล้วค่ะ”พนักงานนำไอศครีมมาส่ง ทำให่การสนทนาของทั้งคู่หยุดลงแล้วหนูน้อยยุนอาก็เริ่มสนใจของตรงหน้ามากกว่าเพื่อนใหม่ตรงหน้าเสียอีก
ก่อนหน้านั้นเธอได้พาหนูน้อยคนนี้ไปที่งานประชาสัมพันธ์ เพื่อแจ้งข่าวเด็กหลงทาง ให้ช่วยประกาศตามหาแม่ของหนูน้อยคนนี้ด้วย แต่ท่าทางหนูน้อยยืนหันหน้ามองไปทางร้านไอศครีม ยูริก็เลยแจ้งกับฝ่ายประชาสัมพันธ์เธอจะรออยู่ที่ร้านไอศครีมตรงข้ามให้เข้ามารับได้ที่นี่
“ดูกินเข้า ที่บ้านไม่มีให้กินหรือไง” คำพูดที่พยายามสร้างมิตรภาพ แต่เหมือนเป็นการดูถูกกันกลายๆ หนูน้อยยุนอาเงยหน้ามองตาเขียวปั้ด และนิ่งค้างมองยูริอยู่อย่างนั้น
“ไม่เมื่อยเหรอ” ยูริเอามือเท้าคางกับโต๊ะจ้องหน้าถามหนูยุนอากลับ เวลากินก็น่าเอ็นดูดีนะเด็กคนนี้ ว่าแต่คนเป็นแม่ไม่รู้ป่านนี้จะห่วงลูกสาวแสนซนคนนี้แค่ไหนนะ แววตาที่ทอดมองหนูน้อยตรงหน้ากลับฉายความเป็นห่วง เอ็นดู ทำไมถึงได้รู้สึกมากมายเสียจริงนะ
ผู้กองเจสสิก้าวิ่งกระหืดกระหอบมายังฝ่ายประชาสัมพันธ์ เมื่อเธอได้ยินว่าลูกสาวของเธอมีผู้หวังดีพามาประกาศแจ้งว่าหลงทางกับผู้เป็นแม่
“ขอโทษค่ะ ดิฉันเป็นผู้ปกครองของ เด็กที่ชื่อ จองยุนอาค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้เธออยู่ไหนคะ “คนเป็นแม่ถามด้วยอาการร้อนรน เพราะตอนนี้เธอมองไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกน้อยเลย
“อ้อ..เธอรออยู่ในร้านไอศครีม นะค่ะ ทางด้านนั้นคะ”พนักงานชี้ให้เธอดู ก็พบร่างหนูน้อยนั่งจ้องนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งน่าจะเป็นคนที่ช่วยลูกสาวเธอไว้ต้องขอบคุณเธอด้วยเหมือนกันที่มีน้ำใจ
“หนูยุนลูก “ ผู้กองสาวเข้าไปคุกเข่ากอดหนูน้อยอย่างดีใจ ดีใจที่ได้ตัวลูกเธอกลับมาในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง เธอแทบจะทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่าจะไม่มีหนูน้อยคนนี้อยู่ข้างๆ ทั้งน้ำตาก็พาลไหลอาบแก้มเนียนนั้นขึ้นมาปากก็พร่ำพูดปลอบโยน ลูกน้อยทั้งเสียงสะอื้นไห้
ยูริมองผู้หญิงที่มาใหม่นี้ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ทุกการกระทำ น้ำเสียงที่สะอื้น คำพูดที่พรั่งพรู ของผู้หญิงคนนี้ทำให้จิต และโสตประสาท ของควอนยูรินึกคิดไปถึง ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้น เธอเคยได้ฟังน้ำเสียงแบบนี้ อ้อนวอน ปรารถนา ร่างสูง รู้สึกสั่นไหวในดวงตา มือที่เริ่มชื้นเหงื่อพยายามกำไว้แน่น เธอเริ่มหายใจติดขัด เธอไม่ชอบไม่อยากได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้อีก
“ ไม่เอา ไม่ฟัง ฉันไม่ชอบ” เหมือนมีเสียงกระซิบบอกความต้องการ แล้วเมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถที่จะทนอยู่ตรงนี้ได้อีก ร่างสูงลุกพรวดออกจากร้านวิ่งออกไปโดยไม่สนหนูน้อยยุนอาที่กอดอยู่ในอ้อมอกของผู้กองเจสสิก้าเลยแม้แต่น้อย
“ม๊า อายูลรีบไปไหน ยังไม่ทันได้คุยกับม๊าเลย”หนุยุนอาพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยและเสียดาย หนูน้อยอยากให้ม๊าได้รู้จักกับควอนยูริ
“ม๊าลืมไปเลย ม๊าเสียมารยาทกับเธอด้วยที่ไม่ได้ขอบคุณเธอเลยสักคำ มัวแต่ห่วงหนูอยู่ ทำไงดี” ผู้กองเจสสิก้าคิด เหมือนกับเป็นการปรึกษาลูกน้อยด้วยในตัว ทั้งคู่มองหน้ากัน
ร่างสูงวิ่งหนีมาที่ลานจอดรถ ไม่มีแม้ผู้คนเดินผ่าน มีแต่รถที่จอดไว้ตามช่องต่างแออัดยัดเต็มช่อง ยูริหยุดวิ่งแล้วมองไปรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวงอีกเช่นเคย ทำไม ทำไมเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาว่าเขาพยายามลืมมันออกไปหมดแล้ว แล้วทำไม แค่ได้เห็นได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้น ผู้ที่เป็นผู้ปกครองของยุนอา เธอกลับไม่ชอบ ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด ร่างสูงยกมือปิดหูไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนไม่อยากรับรู้อะไรรอบตัวทั้งนั้น ไม่อยาก ..ไม่อยากๆๆๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ร่างสูงยกมือปิดหูรอบไปรอบๆด้วยแววตาหวาดกลัวไม่ปกติ ก่อนจะระเบิดเสียงกรีดร้องดังออกมา
“ม๊า เสียงใครเป็นอะไรนะม๊า” ยูนอาถามขึ้นและหยุดเดินหนูน้อยตกใจอยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกจะได้ยินเสียงกรี๊ดบ่อยไปไหม
“อาจจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น รีบไปดูกันดีกว่า” เปลี่ยนจากโหมดคุณแม่ กลายเป็นผู้กองสาวมาดมั่น
“ สั่งลูกเหมือนสั่งลูกน้องเลยม๊า” ยุนอายังไม่วายหยอกกลับ เลยโดนสายตาดุๆมองกลับมาให้ต้องยิ้มแหยๆกลับไป
ทั้งสองมายังต้นเสียงพบหญิงสาวคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ จึงรีบเข้าไปพยุง ผู้กองสาวรีบตรวจจับชีพจรผู้หญิงคนนี้ทันที
“ม๊านี่มันอายูลนี่ อายูลเป็นอะไรไปคะม๊า อายูลเป็นอะไร” ยุนอาเมื่อพบร่างสูงคนที่เพิ่งช่วยเหลือเธอ ก็ตกใจรีบถามผู้เป็นแม่ด้วยความร้อนรน
“แค่เป็นลมหมดสติไปนะจ๊ะ ม๊าว่ารีบพาไปหาหมอดีกว่า” ผู้กองสาวคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ดีเลยรู้ว่าควรจะจัดการอย่างไรก่อน
ผู้กองเจสสิก้าโทรเรียกจ่าซอฮยอนให้มารับหนูยุนอากลับบ้าน เพราะว่าร่างสูงที่เธอไปพบนั้นตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล แต่ยังไม่ได้สติ ไอครั้นจะกลับบ้านไปก็ดูจะแล้งน้ำใจกับผู้หวังดีคนนี้เสียเหลือเกิน ผู้กองเจสสิก้าเลยจะขออยู่เฝ้าจนกว่าผู้หญิงร่างสูงคนนี้จะฟื้น รายละเอียดที่ทราบประวัติตอนนี้คือ เธอชื่อ นางสาว ควอน ยูริ อายุ 25ปี ดูจากบัตรและเอกสารแสดงตัว พบบัตรพนักงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ร่างสูงถูกย้ายเข้าห้องพิเศษ โดยมีผู้กองเจสสิก้านั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
ผู้กองสาวนั่งเพ่งพินิจดวงหน้าของคนหมดสติอยู่บนเตียง คิ้วหนา ขนตางอน ใบหน้าเรียวคม กับผมดำที่ยาวสลวยนั้นอีก ช่างดูเป็นอะไรที่น่าหลงใหลนัก ยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก จริงๆ ไหนจะสัดส่วนช่วงตัวที่ดูสมส่วนสูงสง่า ผู้กองสาวไล่สายตาไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่อกที่กำลังกระเผื่อม ขึ้นลงตามแรงหายใจของร่างสูง เธอเผลอจ้องอยู่นาน จนนึกคิดอะไรเลยเถิด ดูจากสีน่าเธอตอนนี้คงคิดไปไกลเลยละ
“บ้า คิดไปได้ไง มันก็ได้จะใหญ่กว่าเรานักหรอกน่า”ผู้กองสาวนึกอยากรู้ขนาดเจ้าสิ่งที่อยู่ภายใต้อาภรณ์นั้น แต่มองดี ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคล้ายหนูยุนอาลูกสาวของเธอเลย เมื่อคิดดังนั้นเธอเลยระบายยิ้มเต็มใบหน้า
“มองคุณแล้วรู้สึกเหมือนกำลังมองลูกสาวฉันตอนที่เธอโตเป็นสาวเลย” ผู้กองสาวคิดว่ายุนอาอีกสี่ห้าปีข้างหน้าจะต้องหน้าตาเหมือนผู้หญิงคนนี้แน่ มิลูกสาวสวยแม่ก็ต้องภูมิใจอย่างนี้แหละ
ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่เขียนผิดไปหลายคำ เดียวเราจะหาเวลามาแก้ไข ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น