ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นรัก..ขยี๊ใจ (yulsic taeny yoonseo soosun)

    ลำดับตอนที่ #6 : แค้นรัก ขยี้ใจ06

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 55


                  เช้านี้ผู้กองคนสวยตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารให้หนูน้อยยุนอาที่ยังหลับไม่ตื่น ท่าทางคงเพลียจากเมื่อวาน  ผู้กองสาวเดินมาในครัวที่มีอุปกรณ์ทำครัวครบเซต   เธอเลือกหยิบจับและมองอุปกรณ์เครื่องครัวเหล่านั้น  คิ้วบางขมวดเข้าหากันอย่างนึกหน่าย  เช้านี้ลุกสาวของเธอจะต้องทานอาหารอย่างง่ายไปก่อน ไข่เจียว  เพราะตอนนี้ในตู้เย็นยังไม่มีของพอที่จะทำกับข้าวอะไรได้เลย  ในขณะที่กำลังลงมือจัดแจงวางกระทะเทน้ำมัน อยู่นั้นก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง ของผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

    “ใครนะ..จะร้องทำไมแต่เช้าเกรงใจคนเขาบ้างหรือเปล่านะ” ผู้กองสาวบ่น แต่ก็เงี่ยหูฟังสัญญาณเสียงว่ามาจากทิศทางใด 

    “เอ..หรือจะเป็นเสียงลูกสาวคุณควอน..”ผู้กองเจสสิก้าเงียบไป พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็เกิด สะดุ้งขึ้นมา  ไม่รู้ด้วยอะไรเธอจึงหยุดนิ่งเฉยๆเหมือนสมองอันชานฉลาดของเธอกำลังประมวลวิเคราะห์อะไรสักอย่าง

    “ม๊า!!!.....เสียงอะไรค่ะ หนูยุนตกใจสะดุ้งตื่นเลยคะ” หนูยุนอาลงมาด้วยท่าทางตื่นๆ มาถามเธอในครัว  เธอหันมายิ้มให้ลูกสาว ซึ่งสภาพหนูน้อยตอนนี้ ผมเผ้ารุกรัง ฟูไม่เข้าทรง  เดินตรงมาหาเธอ

    “เสียงนาฬิกาปลุกเรารึเปล่า...มันเอาไว้ปลุกคนตื่นสายนะ  ชอบไหมละ” เธอถามหยอกล้อกับหนูน้อยตรงหน้า

    “..ก็แปลกดีคะ  ม๊าก็!..ยุนตกใจนิค่ะ”  หนูน้อยหน้างอง่ำ เมื่อผู้เป็นแม่เธอบอกว่าเป็นนาฬิกาปลุกสำหรับคนที่ชอบนอนตื่นสายอย่างยุนอา

    “ตกลงเสียงใครอ่ะม๊า “หนูยุนอยากรู้

    “เรานี่นะ..กลัวไม่มีใครรู้รึไงว่ามีแม่เป็นตำรวจ  “ ผู้กองสาวบ่นกับความอยากรู้ของลูกสาววัยสิบขวบที่ดูจะอยากรู้ไปทุกเรื่อง

    “สงสัยลูกสาวคนควอนเธอจะตกใจอะไรมั้ง  “เธอบอกลูกสาวพลางหันหน้าไปสนใจกับกระทะที่ตั้งไว้บนเตา

    “หื้ม...มีลูกสาวด้วยเหรอ” เหมือนยุนอาจะพูดกับตัวเอง  คิ้วน้อยๆเริ่มนึกสงสัย  สงสัยต้องถามคุณย่าควอนข้างบ้านซะแล้ว

    “ม๊า..ม๊าลืมอะไรไปเปล่า”หนูยุนอายืนกอดอก มองแผ่นหลังผู้เป็นแม่

    “ม๊าไม่ได้ลืมนะ...ยุนไปยืนหน้ากระจกซิไปๆ  “ยุนอาทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอพบสภาพตัวเอง

    “ว้ายยย  ยุนอาผู้เลอโฉม ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้” หนูยุนอายกมือกุมสองแก้ม หนูน้อยรับไม่ได้กับสภาพแบบนี้  มันใช่ๆ มันไม่ใช่แนวของยุน  หนูน้อยหันมามองผู้เป็นแม่ที่ยืนหัวเราะอยู่หน้ากระทะด้วยสายตาเคืองๆ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นห้องไป

     

     

    “ยูล ตื่นแล้วเหรอลูก   เสียงดังอะไรแต่เช้าเชียว “คุณนายควอนเอ่ยทักขึ้น

    “คะ แม่  พี่ฮยอกจุนแกล้งยูลค่ะ”  เธอบอกแล้วเดินเข้าไปโอบผู้เป็นแม่จากด้านหลัง 

    “ไปๆ แม่ทำกับข้าวอยู่  เดียวกลิ่นติดเสื้อผ้าหมด  ไปนั่งรอโน้นไป”คุณนายควอนเอ่ย ไล่คนกอด

    “ยูล มาพอดีเลยม่ะมาช่วยพ่อตรงนี้หน่อย” คุณควอนเรียกตัวยูริออกไปข้างนอก

    “ไปกวนอะไรแม่เขาละ “คุณควอนถามขึ้นเมื่อมาอยู่ข้างนอกในสวนดอกไม้  ที่ถูกจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆไว้  ทั้งสองนั่งที่ม้านั่งไม้สีขาวยาวตัวนั้น

    “ยูลไม่ได้กวนสักหน่อยคะ  ยูลเป็นเชฟนะคะอยากโชว์ฝีมือให้คนในครอบครัวทานบ้าง  แต่คุณนายควอนเธอไม่ยอมคะ”ยูริแอบฟ้องเรื่องคุณนายควอนไปในตัว  แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

    “ทำไมอีกละ   ดูทำหน้าเข้า  “เขาถาม

    “เปล่าค่ะ   หื้มพ่อคะบ้านหลังนี้มีคนมาอยู่แล้วเหรอคะ” ยูริหันไปสนใจบ้านหลังข้างๆ  เพราะเธอได้กลิ่นอาหารลอยมาจากหลังข้างๆ  มันไม่ใช่กลิ่นของบ้านเธอหรอกแม่เธอไม่ทำไข่เจียวในเช้าวันนี้

    “อืม..เพิ่งย้ายมานะ  “คุณควอนบอกพร้อมเอี่ยวตัวมองไปยังตัวบ้านหลังนั้น ที่ร่างสูงก็มองอยู่

    “น่าสงสารหนูเจสสิก้าเธอนะ” คุณควอนพูดเกร่นไว้รอดูร่างสูงจะอยากรู้ต่อหรือไม่

    “..ใครคะ  เจ้าของบ้านหลังนี้เหรอคะ”ยูริถามพลางชี้นิ้วสงสัยไปยังบ้านหลังนั้น ด้วยสีหน้าใคร่รู้

    “อืม...ย้ายมาจาก ซานฟรานซิสโกโน้นเนะ  เธอเป็นตำรวจ  แถมยังต้องเลี้ยงลูกคนเดียวอีก” คุณควอนพูดไปก็ถอดหายใจไป  นี่ถ้าเรื่องที่สืบมาเป็นความจริง  อยากรู้นักว่าตัวลูกของเขาจะทำหน้ายังไง ในเมื่อตามหากันมาตั้งสิบปี  พอจะเจอก็เจอกันง่ายแบบนี้เหรอ  ไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง ควอน ยูริ   คุณควอนคิดใจใน

    “อ้าวสามีเขาละคะ”

    “แม่หม้ายนะ  สามีไม่มีความรับผิดชอบ” คุณควอนพูดกระแทกเสียงประโยคนี้  จนร่างสูงต้องช้อนสายตาหนี รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้

     

    “ม๊า...หิวแล้ววววว” หนูยุนอาร้องบอกคนเป็นแม่

    “เช้านี้ทานแค่นี้ก่อนเนอะ  เดียวสายๆเราไปห้างกัน 

    “ค่ะ”หนูยุนรับคำแล้วลงมือทานทันที

     

     

    ห้างสรรพสินค้า

                    ร่างสูงเดินเลือกของซื้ออาหารสดอาหารแห้ง ไว้สำหรับระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์   รถเข็นลากเลื่อนไปตามแรงพลักของร่างสูงสง่า  ผมที่ดำขลับ ยาวเรียบ สลวยปลิวพลิ้วไหวตามแรงสะบัดปัดผม ชวนให้คนที่พบเห็นล้วนต้องเหลียวหลังกลับมามอง 

    “อืม..ยังขาดนมสด  แล้วอะไรอีกน่า อ้อ...”  ยูริยืนนึกมองของที่ต้องการแล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ครบ  พอคิดได้เธอก็เดินไปยังโซนสินค้าดังกล่าวทันที

     

    “ม๊า ยุนอยากได้ตู๊กตากบน้อยตัวนั้นขากลับเรามาซื้อกันนะ” หนูยุนอาอ้อนกับคุณแม่ด้วยท่าทางน่ารักที่สูดเท่าที่ทำได้ 

    “จ๊ะ” และก็เช่นเคย  ผู้กองสาวไม่เคยขัดใจหนูยุนอาเลย

    “นี่ยุน อย่าไปซนที่ไหนไกลนะลูกเดียวหลงทางมานี่มะ”เธอกวักมือเรียกหนูน้อยที่เริ่มจะสนใจกับของต่างๆในห้างแห่งนี้จนเริ่มเดินห่างจากเธอออกไปเรื่อยๆ 

    “ไม่หลงหรอกม๊า  ยุนอาผู้เลอโฉม  ซะอย่าง” หนูน้อยพูดพร้อมเก็กท่า เท้าเอวเชิดหน้าสะบัดผมให้ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา  ทำตัวแก่แดดเสียจริง

      “ม๊าๆ มาดูนี่ซิม๊า นมยี่ห้อนี่ออกรสใหม่มาแล้ว  “ เงียบไม่มีเสียงตอบรับ  

    “อ้าวม๊าไปไหนแล้วอ่า” หนูยนอาหันซ้ายหันขวา  เดินเข้าออกไปอีกช่อง โผล่ช่องนั้นช่องนี้ตามชั้นสินค้าต่างๆก็ไม่เจอ  หนูน้อยเริ่มใจคอไม่ดี

    “ ตายละหว่า แม่หาย” หนูยุนอาคิดอย่างนั้น 

    “เอาไงดี   “หนูยุนอารู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้  น้ำตาเริ่มไหลรินลงมาเรื่อยๆ อยากจะร้องตะโกน เรียกหาก็คงไม่ดี  เธอจะถูกหลอกไปขายไหม  แล้วม๊าของเธอจะพาตำรวจไปช่วยทันหรือเปล่า  คิดถึงตรงนี้  หนูน้อยก็ทรุดเข่าก้มหน้าร้องไห้ โฮ ออกมา

    “เจอกันอีกแล้วนะ  หนูขี้ตาพริก” ยูริเปรยขึ้นเบาๆเมื่อเธอเห็นหนูน้อยที่ถูกพริกเข้าตาวันที่ไปทานอาหารในโรงแรม   แล้ววันนี้เป็นไงถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่นี่อีกละ

     

     

    “หนู...เป็นอะไร” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งถาม  ไม่รู้ทำไม ถึงอยากรู้เรื่องเด็กคนนี้หนักหนา  ที่จริงเดินหนีไปก็หมดเรื่อง

    “ฮือ ไม่นะ  อย่า  เอาหนูไปเลยนะ “  ยูริถึงกับงง เอาอะไรเอาหนูไปไหน ดูซิเอาแต่ร้องลูกเดียว ยูริเริ่มมองเด็กน้อยด้วยสายตานิ่ง 

    “เงียบ!!  เขาแค่อยากบอกให้เงียบ  ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้

    หนูน้อยตกใจเสียงตวาดยกมือปิดปากเงียบทันที  คิดแล้วก็น่าสมเพชตัวเองที่ไม่เชื่อม๊าว่าจะหลงทาง ดูซิ  จะโดนจับไปแล้วแน่ๆม๊าช่วยยุนด้วย  ยุนอาร่ำร้องในใจ 

    ยูริมองหนูน้อยที่นั่งตัวสั่น ยกมือปิดปาก นั่งจ้องหน้าเธอ  เช่นกัน  ยูริเผลอถลึงตาใส่เป็นความหมายว่าจะลองดีกับฉันเรอะ!   ผู้คนแถวนั้นเริ่มมอง  ภาพผู้หญิงผมยาวย่อตัวนั่งกับตรงหน้าเธอมีเด็กหญิงนั่งปิดปากร้องไห้สะอื้นน้อยๆ

     เหมือนเป็นสงครามเย็น ระหว่างคนสองวัย ที่เอาแต่จ้องและก็จ้องกัน

    “กลัวเหรอ”ยูริถาม เด็กน้อยพยักหน้าเร็วๆ  เป็นว่าใช่ กลัวมากเลยละ ฉี่จะราดอยู่แล้วพี่สาวคนสาวมากกกกขา

    “ขอโทษนะ  ไม่ได้ตั้งใจ “   แล้วตั้งใจจะขนาดไหน ยุนอาคิด ไม่พูดไม่ตอบ ปิดปากต่อไป ขอพยักหน้าอย่างเดียวพอ

    ยูริช่างใจอยู่นานรู้สึกรำคาญกับท่าทางหนูน้อยตรงหน้านี้ ที่ไม่ยอมโต้ตอบเป็นคำพูดกับเธอ  ยุริผันหน้ามองไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมามองหน้าหนูน้อยนิ่งแล้วเอื้อมมือไปดึงมือออกจากปากหนูน้อย  แต่ หนูยุนอากลับคิดว่าจะถูกทำร้ายจึง กัดเข้าไปที่มือของร่างสูงไปเต็มๆคำ

    “โอ้ย!ทำบ้างอะไรเนี๊ย  เจ็บนะ”  ยูริร้องขึ้นกับความเจ็บที่ถูกหนูน้อยนี้กัดรีบสะบัดมือตามสัญชาตญาณ

    “ฉันไม่น่ามายุ่งกับเธอเลย” ว่าเสร็จก็เดินหันหลังออกจากตรงนี้ทันที   ไม่ช่วยแล้ว  เก่งนักนี่

    “เดียวค่ะ”ขาที่กำลังจะก้าวหยุดเดินตามเสียงร้องห้าม พร้อมหันมาหาเจ้าของเสียง ที่ยืนทำหน้าสำนึกผิด  ยูริส่งสายตา เม้มปากเลิกคิ้วว่าเอาไง

    “หนูหลงทางกับม๊า” หนูน้อยพูดเสียงสะอื้น แผ่วเบา คนฟังก็พาลรู้สึกไม่ชอบ  ไม่ชอบกับกริยาของหนูน้อยตอนนี้เอาเลย มือเรียวข้างที่ถูกกัดยื่นไปลูบผมยาวที่ถูกถักเป็นเปียแล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 

    “ไปหาม๊าของหนูกันเนอะ” แล้วก็จูงมือหนูน้อยคนนี้ออกเดินไปยังงานประชาสัมพันธ์  ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าเวลาได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก   มือที่กุมหนูน้อยอยู่นั้นก็อุ่นแบบแปลกๆ หรือว่าเธอไม่คุ้นชินเลยคิดว่ามันดูไม่ใช่อาการปกติ  ยูริรู้สึกอุ่นใจมากที่ได้อยู่กับหนูน้อยคนนี้

    “หนูชื่ออะไร” ยูริถาม

    “ยุนอา  จอง ยุนอาค่ะ”

    “ควอน ยูริ”  ยูริแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้างๆถูกส่งให้หนูยุนอา 

    “ควอนเหรอค่ะ  เหมือนคุณปู่ข้างบ้านเลย..ยุนว่า...”

    “ไอศครีมที่สั่งได้แล้วค่ะ”พนักงานนำไอศครีมมาส่ง ทำให่การสนทนาของทั้งคู่หยุดลงแล้วหนูน้อยยุนอาก็เริ่มสนใจของตรงหน้ามากกว่าเพื่อนใหม่ตรงหน้าเสียอีก  

                    ก่อนหน้านั้นเธอได้พาหนูน้อยคนนี้ไปที่งานประชาสัมพันธ์ เพื่อแจ้งข่าวเด็กหลงทาง  ให้ช่วยประกาศตามหาแม่ของหนูน้อยคนนี้ด้วย  แต่ท่าทางหนูน้อยยืนหันหน้ามองไปทางร้านไอศครีม ยูริก็เลยแจ้งกับฝ่ายประชาสัมพันธ์เธอจะรออยู่ที่ร้านไอศครีมตรงข้ามให้เข้ามารับได้ที่นี่

    “ดูกินเข้า  ที่บ้านไม่มีให้กินหรือไง” คำพูดที่พยายามสร้างมิตรภาพ แต่เหมือนเป็นการดูถูกกันกลายๆ หนูน้อยยุนอาเงยหน้ามองตาเขียวปั้ด และนิ่งค้างมองยูริอยู่อย่างนั้น

    “ไม่เมื่อยเหรอ” ยูริเอามือเท้าคางกับโต๊ะจ้องหน้าถามหนูยุนอากลับ   เวลากินก็น่าเอ็นดูดีนะเด็กคนนี้  ว่าแต่คนเป็นแม่ไม่รู้ป่านนี้จะห่วงลูกสาวแสนซนคนนี้แค่ไหนนะ  แววตาที่ทอดมองหนูน้อยตรงหน้ากลับฉายความเป็นห่วง เอ็นดู   ทำไมถึงได้รู้สึกมากมายเสียจริงนะ

     ผู้กองเจสสิก้าวิ่งกระหืดกระหอบมายังฝ่ายประชาสัมพันธ์  เมื่อเธอได้ยินว่าลูกสาวของเธอมีผู้หวังดีพามาประกาศแจ้งว่าหลงทางกับผู้เป็นแม่

    “ขอโทษค่ะ  ดิฉันเป็นผู้ปกครองของ เด็กที่ชื่อ จองยุนอาค่ะ  ไม่ทราบว่าตอนนี้เธออยู่ไหนคะ  “คนเป็นแม่ถามด้วยอาการร้อนรน   เพราะตอนนี้เธอมองไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกน้อยเลย 

    “อ้อ..เธอรออยู่ในร้านไอศครีม นะค่ะ  ทางด้านนั้นคะ”พนักงานชี้ให้เธอดู ก็พบร่างหนูน้อยนั่งจ้องนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งน่าจะเป็นคนที่ช่วยลูกสาวเธอไว้ต้องขอบคุณเธอด้วยเหมือนกันที่มีน้ำใจ

     

    “หนูยุนลูก  “ ผู้กองสาวเข้าไปคุกเข่ากอดหนูน้อยอย่างดีใจ ดีใจที่ได้ตัวลูกเธอกลับมาในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง  เธอแทบจะทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่าจะไม่มีหนูน้อยคนนี้อยู่ข้างๆ  ทั้งน้ำตาก็พาลไหลอาบแก้มเนียนนั้นขึ้นมาปากก็พร่ำพูดปลอบโยน ลูกน้อยทั้งเสียงสะอื้นไห้

    ยูริมองผู้หญิงที่มาใหม่นี้ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ทุกการกระทำ น้ำเสียงที่สะอื้น  คำพูดที่พรั่งพรู ของผู้หญิงคนนี้ทำให้จิต และโสตประสาท ของควอนยูรินึกคิดไปถึง ผู้หญิงคนหนึ่ง  ผู้หญิงคนนั้น  เธอเคยได้ฟังน้ำเสียงแบบนี้ อ้อนวอน  ปรารถนา ร่างสูง รู้สึกสั่นไหวในดวงตา มือที่เริ่มชื้นเหงื่อพยายามกำไว้แน่น เธอเริ่มหายใจติดขัด เธอไม่ชอบไม่อยากได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้อีก

    “ ไม่เอา ไม่ฟัง  ฉันไม่ชอบ”  เหมือนมีเสียงกระซิบบอกความต้องการ แล้วเมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถที่จะทนอยู่ตรงนี้ได้อีก ร่างสูงลุกพรวดออกจากร้านวิ่งออกไปโดยไม่สนหนูน้อยยุนอาที่กอดอยู่ในอ้อมอกของผู้กองเจสสิก้าเลยแม้แต่น้อย

    “ม๊า อายูลรีบไปไหน  ยังไม่ทันได้คุยกับม๊าเลย”หนุยุนอาพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยและเสียดาย หนูน้อยอยากให้ม๊าได้รู้จักกับควอนยูริ

    “ม๊าลืมไปเลย  ม๊าเสียมารยาทกับเธอด้วยที่ไม่ได้ขอบคุณเธอเลยสักคำ มัวแต่ห่วงหนูอยู่  ทำไงดี” ผู้กองเจสสิก้าคิด เหมือนกับเป็นการปรึกษาลูกน้อยด้วยในตัว ทั้งคู่มองหน้ากัน

     

     

    ร่างสูงวิ่งหนีมาที่ลานจอดรถ ไม่มีแม้ผู้คนเดินผ่าน มีแต่รถที่จอดไว้ตามช่องต่างแออัดยัดเต็มช่อง   ยูริหยุดวิ่งแล้วมองไปรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวงอีกเช่นเคย  ทำไม ทำไมเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้   เขาว่าเขาพยายามลืมมันออกไปหมดแล้ว  แล้วทำไม แค่ได้เห็นได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้น  ผู้ที่เป็นผู้ปกครองของยุนอา  เธอกลับไม่ชอบ  ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด  ร่างสูงยกมือปิดหูไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนไม่อยากรับรู้อะไรรอบตัวทั้งนั้น ไม่อยาก ..ไม่อยากๆๆๆ

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”  ร่างสูงยกมือปิดหูรอบไปรอบๆด้วยแววตาหวาดกลัวไม่ปกติ  ก่อนจะระเบิดเสียงกรีดร้องดังออกมา

     

    “ม๊า เสียงใครเป็นอะไรนะม๊า” ยูนอาถามขึ้นและหยุดเดินหนูน้อยตกใจอยู่เหมือนกัน   แต่รู้สึกจะได้ยินเสียงกรี๊ดบ่อยไปไหม 

    “อาจจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น  รีบไปดูกันดีกว่า” เปลี่ยนจากโหมดคุณแม่ กลายเป็นผู้กองสาวมาดมั่น

    “ สั่งลูกเหมือนสั่งลูกน้องเลยม๊า” ยุนอายังไม่วายหยอกกลับ  เลยโดนสายตาดุๆมองกลับมาให้ต้องยิ้มแหยๆกลับไป

     

    ทั้งสองมายังต้นเสียงพบหญิงสาวคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่  จึงรีบเข้าไปพยุง  ผู้กองสาวรีบตรวจจับชีพจรผู้หญิงคนนี้ทันที

    “ม๊านี่มันอายูลนี่  อายูลเป็นอะไรไปคะม๊า อายูลเป็นอะไร”  ยุนอาเมื่อพบร่างสูงคนที่เพิ่งช่วยเหลือเธอ ก็ตกใจรีบถามผู้เป็นแม่ด้วยความร้อนรน

    “แค่เป็นลมหมดสติไปนะจ๊ะ ม๊าว่ารีบพาไปหาหมอดีกว่า”  ผู้กองสาวคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ดีเลยรู้ว่าควรจะจัดการอย่างไรก่อน

     

     ผู้กองเจสสิก้าโทรเรียกจ่าซอฮยอนให้มารับหนูยุนอากลับบ้าน   เพราะว่าร่างสูงที่เธอไปพบนั้นตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล  แต่ยังไม่ได้สติ   ไอครั้นจะกลับบ้านไปก็ดูจะแล้งน้ำใจกับผู้หวังดีคนนี้เสียเหลือเกิน   ผู้กองเจสสิก้าเลยจะขออยู่เฝ้าจนกว่าผู้หญิงร่างสูงคนนี้จะฟื้น   รายละเอียดที่ทราบประวัติตอนนี้คือ  เธอชื่อ นางสาว ควอน ยูริ อายุ 25ปี   ดูจากบัตรและเอกสารแสดงตัว  พบบัตรพนักงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง    ร่างสูงถูกย้ายเข้าห้องพิเศษ  โดยมีผู้กองเจสสิก้านั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ

    ผู้กองสาวนั่งเพ่งพินิจดวงหน้าของคนหมดสติอยู่บนเตียง  คิ้วหนา ขนตางอน  ใบหน้าเรียวคม  กับผมดำที่ยาวสลวยนั้นอีก ช่างดูเป็นอะไรที่น่าหลงใหลนัก  ยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก จริงๆ  ไหนจะสัดส่วนช่วงตัวที่ดูสมส่วนสูงสง่า  ผู้กองสาวไล่สายตาไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่อกที่กำลังกระเผื่อม ขึ้นลงตามแรงหายใจของร่างสูง   เธอเผลอจ้องอยู่นาน จนนึกคิดอะไรเลยเถิด  ดูจากสีน่าเธอตอนนี้คงคิดไปไกลเลยละ

    “บ้า   คิดไปได้ไง  มันก็ได้จะใหญ่กว่าเรานักหรอกน่า”ผู้กองสาวนึกอยากรู้ขนาดเจ้าสิ่งที่อยู่ภายใต้อาภรณ์นั้น     แต่มองดี ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคล้ายหนูยุนอาลูกสาวของเธอเลย  เมื่อคิดดังนั้นเธอเลยระบายยิ้มเต็มใบหน้า

    “มองคุณแล้วรู้สึกเหมือนกำลังมองลูกสาวฉันตอนที่เธอโตเป็นสาวเลย”  ผู้กองสาวคิดว่ายุนอาอีกสี่ห้าปีข้างหน้าจะต้องหน้าตาเหมือนผู้หญิงคนนี้แน่   มิลูกสาวสวยแม่ก็ต้องภูมิใจอย่างนี้แหละ

     














     ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่ง  ที่เขียนผิดไปหลายคำ  เดียวเราจะหาเวลามาแก้ไข   ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×