ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นรัก..ขยี๊ใจ (yulsic taeny yoonseo soosun)

    ลำดับตอนที่ #5 : แค้นรัก ขยี้ใจ05

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 55


                            ผู้กองสาวนั่งมองลูกสาวคนเดียวของเธอที่ดูจะแรงดีไม่มีตก  ทั้งที่เมื่อกลางวันก็ช่วยกันจัดบ้านที่ย้ายเข้ามาอยู่กันวันนี้   เธอนะเหนื่อยจะแย่  แต่ดูแม่ลูกสาวเธอซิ  วิ่งวุ่น เล่นมุมนั้นทีมุมนี้ที  เหมือนเด็กสองสามขวบ    แต่ยุนอาคงจะเห่อ บ้านใหม่อยู่เป็นแน่ 

    “ไม่เหนื่อยหรือไงลูก  วิ่งวุ่นเลย  มานี้มะ  ดูซิ  เหงื่อซึมแล้ว”  กวักมือเรียกลูกสาวเข้ามาหา  พลางเช็ดเหงื่อที่ซึมผุดตามใบหน้าอ่อนวัยนั้น    ไล้นิ้วเช็ดตามหน้าผากมน  นิ้วเรียวสัมผัสขนคิ้วโก่ง  จมูกโด่งแสนรั้น  ริมฝีปากบาง   ผู้กองสาวไล่สายตามองหน้าลูบสาวอยู่นาน จนลูกสาวมีคำถามให้เธอต้องคิดหนักออกมา

    “ม๊า....บนหน้ายุน มีตรงไหนที่เหมือนป๊าบ้างไหม”   หนูยุนอาเอ่ยปากถามผู้เป็นแม่  ใจหนึ่งก็กลัวว่าม๊านั้นจะไม่พอใจที่ถามถึงป๊า   เวลาถามว่าป๊าไปไหนทำไมไม่มาอยู่กับเรา ป๊าทิ้งแหรอ ม๊าก็บอกว่าป๊า  ป๊ายุนไม่ได้ทิ้งเราแต่เขายังหาเราไม่เจอ  ดูซิ  แล้วม๊ากับป๊าเล่นซ่อนแอบกันอยู่หรือไง   แอบกันข้ามทวีปเกินไปหรือเปล่า  เธอกับม๊า ถึงต้องย้ายมาอยู่เกาหลีเนี๊ย

    “เหมือนซิลูก   ก็ถ้ายูนไม่เหมือนม๊าก็ต้องเหมือนป๊าอยู่แล้ว”  ผู้กองเจสสิก้าบอกกับบุตรสาว ด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ  ระบายยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 

    “ป๊าจะหาเราเจอไหมม๊า”หนูยุนอาโผเข้ากอดผู้เป็นแม่แน่น   อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้นทันที

    “แล้วถ้าหาเจอ  ป๊าจะมาอยู่กับเราได้ไหมม๊า   เราจะได้อยู่ด้วยกันไหม”  หนูยุนถามเสียงเครือๆ

    “ม๊ายังให้คำตอบหนูไม่ได้หรอกลูก....”  ผู้กองเจสสิกานิ่งเงียบไปนานแล้วจูบลงบนศีรษะ  เด็กน้อยในอ้อมกอด  

    “ม๊ารักหนูมากนะ....”

    “ก อดม๊านี่อุ้น  อุ่น..แต่ถ้าได้กอดป๊าด้วยก็คงดี”  น้ำเสียงตอนท้ายเริ่มแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน  

    “งั้นคืนนี้ก็ไปนอนกับม๊าซิค่ะ  ม๊าเหงานะ”  ตัวคุณแม่อ้อนอ้อนลูกสาวด้วยสาวตาเว้าวอน  เปลี่ยนอารมณ์เศร้าเมื่อครู่ไปทันที

    “ไม่อ่ะ  ยุนอยากนอนคนเดียวบ้าง  ยุนโตแล้วนะม๊า”

    “จ๊า...โตแต่ตัวนะซิ   เดียวถ้าเจอป๊าสงสัยม๊าจะตกกระป๋องแน่ เฮ้อ  ชีวิตเธอทำไมถึงเป็นอย่างนี้นะเจสสิก้า”  ผู้กองสาวพูดประชดชีวิตที่กำลังจะถูกลูกสาวคนเดียวของเธอทอดทิ้ง  น้ำเสียงเศร้าๆ  จนตัวลูกสาวเกิดหมั่นไส้คนเป็นแม่ขึ้นมา

    “โห..ม๊า  พูดซะยุนเป็นเด็กอกตัญญูเลยอ่ะ  งั้นมานี่มาๆ  ยุนให้หอมที่นึง  จะได้เชื่อว่าไม่ถูกยุนทิ้ง”  หนูยุนอาโวยใส่แม่เธอเล็กๆ   แล้วก็อ้อนกลับคืนในแบบที่ยังท่ามาก  ขี้เก็กเหมือนเคย

     

                       หนูน้อยยุนอานั่งมองกรอบรูปในมือ  ที่มีผู้หญิงยืนอุ้มตัวทารกน้อย ใบหน้าหญิงสาวเผยรอยอุ้มกว้างอย่างเปี่ยมสุข

    “ไม่ว่าป๊าจะแต่งงานมีครอบครัวใหม่  แล้วไม่สนใจเราสองคนแล้ว  แต่ยุนแค่อยากเห็นหน้าป๊าก็แค่นั้นเอง นะม๊า”  หนูยุนพูดกับกรอบรูปในมือหนูน้อยหลับทั้งยังกอดเจ้ากรอบสี่เหลี่ยมนั้นไว้แนบอก

                        เสียงแงมประตูเบาๆ  เจ้าของห้องตัวเล็กหลับตาพริ้ม  คราบน้ำตายังมีร่องรอยนั้นหลงเหลืออยู่ผู้เป็นแม่เห็นแล้วก็ใจหาย  มือบางไล้ลูบเช็ดคราบอย่างเบามือ   คงมีเรื่องเดียวที่เธอทำให้ลูกไม่ได้คือการตามหาคนเขาคนนั้น  ที่ยอมมาไกลขนาดนี้ก็เพราะเธอรักลูกอยากให้ลูกได้ทุกสิ่งที่ขาดหายไปแม้ว่ามันจะไม่มีหวังว่าจะได้สิ่งนั้นเลยก็ตาม   เธอหยิบกรอบรูปนั้นออกมาจากอ้อมอกลูกสาวแล้ววางไว้ที่โต๊ะหนังสือข้างเตียง   เธอรู้สึกสงสารลูกสาวตัวน้อยของเธอเหลือเกิน

    “ถ้าป๊าหาเราไม่พบ..เราก็จะไปหาป๊าเองนะลูก” เธอกระซิบบอกหนูน้อยบนเตียงก่อนจะจูบซับลงไปบนหน้าผากมน  พร้อมทั้งห่มผ้าให้เจ้าตัวน้อย

     

                      ผู้กองสาวเดินออกมานอกบ้าน  เธอเดินเล่นตรงสนามหน้าบ้านพลางคิดอะไรบ้างอย่างไปด้วย   เธอรู้สึกกังวนมากที่เห็นลูกสาวของเธอร่ำเรียกหาผู้เป็นพ่อ  เธอเข้าใจว่า ลูกทุกคนก็การความรักความดูแล  แต่เธอก็มีให้และเธอก็ทำมันได้ดี  ผิดอยู่เรื่องเดียวที่เด็กน้อยมักจะมีแววตาความมนหมองทุกครั้งที่พูดถึงตัวผู้เป็นบิดา   เธอเองก็ไม่รู้จะบอกลูกสาวว่าอย่างไร  ในเมื่อเธอก็จำอะไรในคืนนั้นไม่ได้เลย  นอกจาก  ลักษณะสูงใหญ่  ใบหน้าเรียวและที่สำคัญ เขาไว้ผมยาว 

    “ผู้ชายผมยาว!” ผู้กองสาวอุทานออกมาเบาๆเมื่อคิดได้

    “แล้วถ้าเขาตัดผมเปลี่ยนบุคลิกไปแล้วละ  หน้าตาก็เหมือนกัน  เฮ้อ..ถ้าตอนนั้นมีไฟฉันคงรู้ว่าหน้าตาคุณเป็นยังไง    ผู้กองสาวเดินบ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง 

    “น่าจะฉุดฉันไปในที่สว่างๆหน่อยก็ไม่ได้”  เอ้ยคิดอะไรอยู่เนี๊ย  ตายแล้ว

                         เสียงเครื่องยนต์จอดหยุดอยู่บ้านหลังข้างๆ   ร่างสูงสง่าสวมหมวกกันน็อก  เดินไปเปิดประตูบ้านก่อนจะยืนมองตัวบ้านที่ปิดไปไร้ความสว่างไปแล้ว  เขาจึงดับเครื่องแล้วเข็นเจ้าบิ๊กไบท์คู่กายเข้าโรงรถอย่างเงียบๆ  เขาถอดหมวกกันน็อกออก  ยืนมองตัวบ้านอยู่อย่างนั้นหลายสิบนาที

                      ผู้กองสาวสังเกตคนข้างบ้านตั้งเริ่มแรกแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าคนผมยาวนั้นเป็นใคร   แต่คงจะเป็นลูกสาวของคุณควอนละมั้ง  คิดว่ามีแต่ลูกชายคนเดียว มีลูกสาวด้วยเหรอเนี๊ย   ท่าทางดูดีซะมัด  เท่ห์เป็นบ้าเลย   เธอว่าจะเดินเข้าไปใกล้จะได้มองหน้าเห็นชัดๆว่าสวยแค่ไหน  เผื่อว่าจะเป็นพวกดูดีร้อยเมตร

    “ยูล..กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้านละลูก”คุณควอนนั้นเองที่เอ่ยเรียกตัวเขาไว้ในขณะที่กำลังหมุนตัวกลับ

    “ครับพ่อ...เห็นว่าไฟปิดแล้ว แล้วนี่ก็ดึกมาก  เลยไม่กล้ารบกวนครับ”  คนผมยาวหันกลับมาตอบกับบิดา  และสาวเท้าเข้าไปก้มตัวแสดงความเคารพ ท่าน

    “อะไรกัน ยังมาคงมาคับอีกนะเรา   ตกลงจะเอาเพศไหนกันละห๊ะ” คุณควอนแซวลูกชายในคราบหญิงสาว  แน่นอนเขารู้ดีว่าลูกของเขาเป็นอะไร   คนในครอบครัวทุกคนรับได้  แต่มันก็ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก่อนเลย    เสียเชิงชายสิ้นดี

    “ขอโทษนะค่ะ ที่ยูลเป็นแบบนี้ ขอโทษจริงๆค่ะพ่อ”  ยูริโผเข้ากอดบิดาแน่พร้อมเอ่ยคำขอโทษทั้งน้ำตา

    “หื้ม  อะไรจะผู้หญิงผู้หญิงขนาดนี้ละจ๊ะ...เข้มแข็งหน่อยๆ  ไหนยิ้มให้ดูหน่อย”  คุณควอนปลอบใจลูกในอ้อมกอด  และพูดติดตลกอย่างขำขัน  ร่างสูงสง่าผละออกพยายามฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวทั้งน้ำตา   ก่อนทั้งสองโอบไหล่เดินเคียงกันเข้าบ้าน  และก็แน่นอนว่าคุณควอนก็ต้องบังคับให้ลูกของตนนอนที่นี้ด้วย

                            ผู้กองสาวยืนงงกับเหตุการณ์นั้นอย่าง อึ่ง   ผู้หญิงคนนั้น เป็น สาวประเภทสองเหรอ  โอววว เคยได้ยินคำร่ำลือว่าพวกเธอสวยกว่าผู้หญิงจริงๆเสียอีก  ไม่เถียงหรอกนะ  แต่แค่จะบอกว่า ดูสง่างามมากเลย ลูกคุณควอนคนนี้ 

    “นี่ถ้าไม่ได้ยินคุยกันฉันก็คิดว่าคุณเป็นผู้หญิงแท้เลยนะ “  ผู้กองสาวยืนข้างพุ้มไม้ข้างรั้วบ้าน   คือไม่ได้อยากรู้เรื่องชาวบ้านหรอกนะแต่มันเป็นสัญชาตญาณของตำรวจนะ เป็นงี้กันทุกคน  ผู้กองสาวพยักหน้ากับความคิดของตัวเองก่อนจะย่องเดินกลับเข้าบ้านมาแต่ในสมองก็ยังคิดอิจฉา ลูกสาวคุณควอนอยู่ 

     

     

    “พักนี้ได้ข่าวว่าเครียดหนักเลยนี่”  คุณควอนเปิดประเด็นสนทนา  ร่างสูงพยักหน้ารับ 

    “ค่ะ  ยูล...รู้สึกผิดมากเลยค่ะ   ยูลทรมานค่ะพ่อ”  ยูริมีสีหน้าไม่ดีนักเมื่อได้พูดเรื่องนี้  แม้คนที่เป็นคู่สนทนาจะเป็นบิดาเธอก็ตาม

    “พ่อถามเราจริงๆนะ...ถ้าเจอพวกเขาลูกจะทำอย่างไร”  คำถามที่คุณควอนถามมายูริเองก็คิดอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งเธออยู่ในสภาพแบบนี้  แล้วด้วยจะมีใครยอมรับเธอได้บ้างไหม  แต่จะให้เธอคนนั้นยอมรับอะไรในเมื่อไม่เคยรักกันและไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำถ้าไม่มีเหตุการณ์คืนนั้นเธอคงไม่ต้องมานั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนกับการกระทำของเธออยู่แบบนี้หรอก

    “ยูลจะเข้าไปขอโทษพวกเขา...จะทำตามที่พวกเขาต้องการทุกอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษ  นี้คือสิ่งที่ยูลคิดจะทำ”  ยูริตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง   แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ราบรื่นนักก็ตาม แต่เธอก็หวังว่าจะต้องทำแบบนี้แน่นอน

    “แล้วรู้รึยังว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”  คุณควอนยังคงถามต่อ สายตาก็มองลูกสาวด้วยแววตาจับผิด  เขาต้องการรู้คำตอบของยูริ เพื่อเขาจะได้หมั่นใจว่าถ้าจะบอกเรื่องนั้นไป  ยูริจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง  จึงต้องถามตามตรง

     “ยูลรู้แค่ว่าเขาย้ายไปอยู่อีกประเทศหนึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น  แต่ก็จำชื่อเมืองไม่ได้พี่ฮยอกจุนเคยบอกเหมือนกัน”  ยูริหันมายิ้มใสซื่อเมื่อเธอจำชื่อเมืองนั้นไม่ได้

    “แต่ไม่แน่ใจว่าจะ...จะท้องด้วยหรือเปล่า”  ยูริพูดเสียงค่อย  เมื่อต้องบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นพ่อ  แล้วถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นท้องขึ้นมายูริเองก็ต้องเป็นพ่อคน แต่ในเมื่อเธอเป็นมันไม่ได้แล้วนี้ซิปัญหาโลกแตกเลยละ

                          สองพ่อลูกตกอยู่ในความเงียบนานอยู่สักพัก ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะพูด   ให้ร่างสูงได้รู้สึกผิดอีกครั้ง

    “ทำผู้หญิงท้องแล้วหนีมาเกาหลี  แกนี่จริงๆเลยนะ”  คุณควอนพูดขมน้ำเสียงต่ำเหมือนไม่พอใจ ใครจะชอบละที่ลูกของตัวเองไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้

    “แต่ก็ไม่แน่ใจนี่คะว่าจะท้องจริงหรือเปล่า  ถ้าท้องจริงก็ไม่แน่ว่าจะเป็นลูกของยูลด้วย  “ยูริแย้งคุณควอนกลับ  ก็ในเมื่อยังรู้เรื่องราวที่แท้จริงเลยอย่ามาปรับปรัมกันก่อนซิน่า

    คุณควอนยิ่งไม่พอใจยิ่งขึ้นเมื่อลูกของเขาพูดเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ออกมา  ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ดูแลครอบครัวให้อบอุ่นแข็งแรงอย่างเขาจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนสร้างปัญหาให้สังคมด้วยแบบนี้

    “งั้นแกก็อย่าเจอกันเลยไอ้ยูล”    เสียงพูดทิ้งท้ายก่อนที่คุณควอนจะลุกเดินขึ้นห้องนอนไป    ร่างสูงยังไม่เข้าใจนั้นพ่อเธอกำลังโมโหอยู่หรือไงกันนะ  มองเธอตาขวางเชียว  ยังไงกันละ คงต้องรอพี่ชายให้รีบมาบอกข่าวนั้นก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกที  แล้วก็เดินขึ้นห้องตัวเองไป

     

     

     

    เครื่องบินร่อนลงจอด ณ สนามบินอินชอน   ผู้โดยสารต่างทยอนเดินกันออกมา ฮยอกจุนรีบเดินจนชนกับหญิงสาวอีกคน 

    “ขอโทษครับ  ผมรีบ”เขาเอ่ยขอโทษหญิงสาวตรงหน้า  แต่เธอก็เงียบนิ่งอยู่อย่างนั้น จนเขาสงสัย  เขาก็เลยพูดเป็นภาษาอังกฤษ หญิงสาวก็เลยส่งยิ้มหวานมาให้เขาได้ตะลึ่ง  ยิ้มหวานนั้น มันแทบจะกัดเซาะไปถึงก้อนหัวใจของเขาเลย   แต่ก็ต้องรีบผละถอยหนีเมื่อเขาเองก็มีเรื่องด่วนต้องจัดการ  ถ้าเขาหันกลับมามองผู่หญิงคนนั้นอีกครั้งเขาจะได้เห็นหญิงสาวในฉายยิ้มอย่างมีหวังอยู่ในนั้น

    “เจอตัวเชื่อมโยงตัวสำคัญเร็วดีเหอะ...แล้วเจอกัน  ควอน ฮยอกจุน”  สาวปริศนาพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ เดินตามร่างชายคนนั้นไป  ด้วยรอยยิ้มกว้าง

    “รอก่อนนะผู้กองสิก้า  พี่หาของขวัญมาให้น้องได้แล้วนะ หนูยุนคงจะดีใจไม่น้อย”  เธอยังคงกล่าวถึงคนทั้งสองด้วยความดีใจที่ปิดไม่มิด

     

                 ชายหนุ่มโบกรถจากสนามบินกลับบ้านระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุข้างหน้าขวางทางจราจร 

    “เกิดอะไรขึ้นกันนะครับ” ฮยอกจุนพูดกับคนขับแท็กซี่

    “น่าจะรถคว่ำนะครับ  อู.น่าจะพวกคนรวยดูซิครับซากรถยี่ห้อดังด้วย”คนขับชี้ให้ดูซากรถที่ถูกเก็บกู้มา  แต่ฮยอกจุนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก  เพราะเขาอยากกลับไปนอนมากกว่า

     

     

     

    มือเรียวค่อยๆวาดออดหมอนข้างเข้ามาแนบอก ขายาวยกก่ายไปอีกชั้น   แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมมาก  กลิ่น! ใช่  ยูริค่อยๆซกจมูกสูดดม หล่อนรู้สึกคุ้นชินกลิ่นนี้มาก

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  อ้ายยยยยยยยยยไอ้บ้า  แกๆ  ..แก แก..เป็นใคร!!    เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง!!!  ยูริร้องโวยวายเมื่อหล่อนเห็นร่างชาย นอนที่ไหนไม่รู้มานอนเกือยกายอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธอ     ทั้งทุบทั้งตีปากบางได้รูปนั้นก็พ่นคำถามมากมาย   โดยไม่ได้มองหน้าชายที่ถูกทำร้ายแม้แต่นิด

    “ไอ้บ้า!!!  แกมองบางซิ  ฉันเจ็บจะแย่แล้วนะทุบมาได้ไงว่ะ”   ควอน ฮยอกจุน เอ่ยบอก พร้อมทั้งพยายามหลบเรียวแขน และกำปั้น ที่ระดมทุบใส่ตัว

    “อี๊....พี่เองเหรอเนี่ย    ขนลุกอ่ะ  “ยูริทำท่าขยะแขยง  เบ้หน้าว่าเธอรับไม่ได้  รับไม่ได้ที่เป็นพี่ชายตัวเอง  อ่า..ถ้าเป็นคนอื่นละไม่แน่ 

    “อ้าวทำไมละ...แหม..ทำท่ามากร้องโวยวาย   ถ้าเป็นผู้ชายล่ำๆ นี่ฉันว่าแก  คงกระดิกหางวิ่งใส่แล้วมั้ง     ฮยอกจุน  ประชดใส่ยูริ  เขาเห็นท่าทางแบบนี้ของน้องสาว? เลยอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้  ดูสิกลับมาว่าจะนอนให้หายอยาก แต่ดันมาเจอยูริ แย่งห้องไปนอนเสียอย่างนั้น  ลำพักจะไปจัดอีกห้องนอน ก็ไม่ไหวเพราะตาแทบจะปิดเลยแอบเบียด  กับอีกคนเสียเลย 

    “ก็ถ้าจะใช่แล้วจะทำไม   “ยูริตอบกลับพร้อมลุกขึ้นหลังกลับมาแลบลิ้นใส่คนพี่ที่นั่งอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้า ระอา  พร้อมส่ายหัวที่ผมยุ่งๆ  ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม






    ตอนนี้สั้นไป และเรื่องก็ยังไปเรื่อยๆ  (เอื่อยๆ ตามสไตล์คนแต่งเช่นเคย)
    มันคงไม่มีอะไรอีกเช่นเคย(ตอนนี้เริ่มคิดตอนต่อไปไม่ออกแล้ว งงกับนิสัยยูลอยู่ ฮ่าาาา)
     ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×